แจกแผ่นยันต์หนุนดวงชะตาฟรี

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย เด็กไร้เดียงสา, 5 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. utra_

    utra_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +123
    สาธุ ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญที่ทำครับ
     
  2. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านอาจารย์
    แค่ลองท่อง "นะโมพุทธายะ" ก็รับรู้ว่าไม่ธรรมดา ครับ
    ขอบคุณ ที่แนะนำให้ปฏิบัติธรรมมากๆ ครับ
     
  3. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    สาธุครับผม
     
  4. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    ขอบพระคุณครับ เป็นคำแนะนำที่ได้ทั้งบุญและอิ่มเอิบใจด้วยครับ
     
  5. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    ถูกใจผมมากๆครับ การที่เราหวังสิ่งใดแล้วมักไม่ได้ แต่ถ้าเราทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมักจะมาโดยเราไม่ต้องร้องขอครับ อันนี้ Comfirm...
     
  6. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    เล่าเรื่อง หลงสาวเนื้อหอม
    เรื่องนี้ก้เกิดขึ้นกับตัวผมเองครับในพรรษาเดียวกันของพรรษาที่สองของการบวชครับหลังจากโดนอุปาทานผ่านพ้นไปได้ยังไม่ทันหายเหนื่อยก้โดนวัวเขาอ่อนมาลองแล้ว
    เรื่องของเรื่อง ผมบวชตอนอายุ21 ปีครับ พอเข้าพรรษาที่สองก้อายุ 22 ยังหนุ่มหล่อแบบไม่บันยะบันยัง ตอนที่บวชสงสัยจะขึ้นดูมีสง่าราศีมากครับผิวพรรณผ่องใสเป้นยองใย(ว่าเข้าไปนั้น) อยู่พรรษาแรกก้ไม่ค่อยมีใครเขามาหาหรอกครับแต่พอพรรษาที่สองเริ่มมีคนเข้ามาหามาปรึกษามาคุยกันไปต่างๆนานาๆ ตัวเราก้ไม่ค่อยรู้อะไรมากนักหรอกก้แปลกใจอยู่หลวงพ่อหลวงน้าหลวงตารูปอื่นท่านก็มี แต่ทำไมถึงมีคนเข้ามาคุยแต่กับเราตัวเราก้ไม่เห้นจะมีดีอะไรตรงไหน แต่ก็ยังมีคนมาหามาสู่ มาคุย เขามาเราก็คุยไปตามเรื่องคนนี้มาคนนั้นไปก็ไม่เห็นจะทำอะไรให้เขามีแต่คุยอย่างเดียว เขาก็ยังมากันอยู่มิหนำซ้ำยังมากันมากกว่าเดิมอีก ตอนนั้นผมทำอะไรไม่เป็นแต่ก็พยายามทำบ้างแล้วกลัวว่าชาวบ้านเขาจะบ่นเอา ว่ากินข้าวเขาแล้วทำอะไรให้เขาได้บ้าง ทำไปทำมาตอนแรกก้มีแต่คนรุ่นแม่ป้าน้าอา พอต่อมาเริ่มมีรุ่นน้องรุ่นหลานรุ่นเดียวกับเรา
    ทีนี้ทำไปทำมาเรื่องมันมีอยู่ว่าในทุกวันจะมีคนเอาอาหารมาถวายเป็นสังฆทานกับผมวันนึงหลายปิ่นโตเลยมีทั้งขาประจำขาจรมากันสารพัด คนที่เอามาถวายเราเราก้ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดอะไรหรอก
    แต่อยู่มาวันนึงมีหญิงสาวผมยาวสวยผิวพรรณงามอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวผมมาถวายตอนแรกๆก้ไม่มีอาการอะไรหรอกพอต่อมาเขามาถวายทุกวันเขาเริ่มแสดงอาการเขินเหนียมอาย ตัวเราก็ชักใจคอร้อนรนเริ่มมองเห็นว่าเขาน่ารักเขาสวยดีนะและก้กิเลสมันเริ่มทำงานของมันแล้วอยู่ดีๆผมคิดว่านี่เราจะมาบวชอยู่ทำไมอายุก้ยังหนุ่มๆอยู่ดูเพื่อนรุ่นเดียวกับเราซิเขาอยากไปเที่ยวไปกินไปมีแฟนที่ไหนก็มีได้ทำได้แล้วเรามาบวชอยู่ทำไม(เอาแล้วมารมันเริ่มแล้วมันเล่นงานจิตผมตกแล้ว) ทำไปทำมาวันไหนที่สาวเขาไม่มาเราก้เฝ้ามองรอคอยวันๆนั่งอยู่ก้เห็นแต่ใบหน้าของเขาสมาธิอะไรก้นั่งไม่ไหวแล้วมีอาการผ้าเหลืองเริ่มร้อนรุมๆแล้ว คิดว่าเอ เราสึกดีไหมหนอ จะได้ไปจีบสาวคนนั้นเป็นเรื่องเป้นราวดูไปเขาก็น่าจะแอบชอบเราเหมือนกันนะ (นั่นไงมารมันทำงานแล้ว)
    จนมาวันหนึ่ง สาวคนนั้นมาใจที่เคยไม่หวั่นพอเห็นเขาใจเรามันเต้นอย่างกับเครื่องยนต์ กิเลสมันเกิดขนาดอยากเข้าไปจับมือถือแขน ดีนะที่มันไม่มีโอกาสถ้ามันมีโอกาสสงสัยงานเข้าซะแล้ว
    ทำไปทำมาอาการดังกล่าวมันเล่นงานจิตใจผมมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับเห็นแต่ใบหน้าสาว ทรมานมาก นั่งสมาธิก้ไม่ได้ตั้งสติก้เกือบจะเอาไม่อยู่ ไม่กล้าบอกใครไม่กล้าถามใคร มันเป้นแบบนี้อยู่หลายอาทิตย์ ด้วยความอดรนทนไม่ได้ เลยคิดว่าจะทำอย่างไรจะสึกหรือจะอยู่ต่อไป ในใจตอนนั้นมันไม่อยากอยู่แล้วอยากสึกแล้วใจจะขาด ถ้าไม่ติดว่าญาติโยมเขานิมนต์ไปอยู่เพื่อช่วยสร้างวัดนะคงสึกแน่ในวันนั้น ไม่กล้าบอกใคร
    ทีนี้นั่งคิดไปคิดมา มันมีความคิดแปลกๆเราลองเข้าไปนอนในโลงศพดูไหมมันอาจจะทำให้ลดอาการทางใจที่ว้าวุ่นได้มั่ง คิดได้ดังนั้นไม่รอช้าตรงดิ่งไปที่โลงศพที่วางอยู่เลยเป้นโลงใหม่ๆตัดสินใจเป็นไงเป้นกัน เข้าไปนอนในนั้นซะหน่อยเป็นไร
    พอเข้าไปนอนมันแปลกมากใจมันที่วุ่นวายกลับลดลงมา อยู่ๆมันก้มีความคิดว่าเอนอนในนี้มันก็สบายดีนะ บางคนอยากมีบ้านอยู่หลังใหญ่โต เรามานอนอยู่ในนี้มันก็สบายดีทั้งที่โลงมันก็เล็ก คิดไปคิดมา แล้วคนเรามันจะไปวิ่งหาทำไมต้องการอะไรมากมายนักผลสุดท้ายมันก็ต้องมานอนในโลงนี้ตอนวาระสุดท้ายของชีวิต เคยมีบ้านอยู่หลังใหญ่แต่เวลาตอนตายก็ไม่เห้นได้อยู่ในบ้านหลังนั้นมีแต่เขาเอามานอนในโลงแบบนี้กันทั้งนั้น
    อารมณ์ความคิดมันคิดแบบนั้น ทำให้มีสติคิดได้ว่าซักวันเราก็ต้องตาย แล้วตอนนี้เรากำลังเป้นอะไร เรากำลังแอบรักสาวคนนึงอยู่ รักเขาทำไม มันคิดไปเรื่อยๆ
    ทำไปทำมานึกขึ้นได้ว่าเราถูกกามราคะเล่นงานเข้าแล้ว ในหนังสือตำราพระพุทธองค์ท่านสอนว่าให้เพ่งอสุภะ พอคิดได้ดังนั้นก้เพ่งอสุภะเลยแต่เพ่งยังไงยังไงมันก้ไม่ยอมมองเห็นความเน่าเหม็นของร่างกาย ขนาดผ่าตัวสาวคนนั้นคิดว่ามีเลือดหนองแล้วมันก้ยังคงมองเห้นแต่ตอนที่ยังไม่ได้ผ่าตัวเขาอยู่ดีเห็นแต่รอยยิ้ม
    นั่งเพ่งอสุภะอย่างนี้อยู่หลายวันก้เพ่งไม่ได้ตัดอารมณ์ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำไง
    ทีนี้ทำมาทำไปอยู่วันนึง เอ ถ้าสาวคนนี้เขาไม่อาบน้ำแปรงฟันซักวันสองวันเรายังชอบอยู่ไหม คิดขนาดนั้นใจมันก็ยังชอบอยู่อีกดูเอาเองแล้วกันมารมันเก่งขนาดไหน
    คิดมาคิดไปเออะไรที่เราไม่ชอบมากที่สุด นึกไปนึกมา ก้ได้คำตอบก้ อุจจาระไง
    พอนึกได้อย่างนี้ภาพอุจจาระมันขึ้นมาลอยเต็มหน้าเลย
    นึกเห้นทีไรมันน่ารังเกียจขยะแขยง ทีนี้มันเกิดความคิดว่าเอ ถ้าเราเพ่งมองผ่าท้องผ่าไส้สาวคนนั้นแล้วมันก้ยังมองไม่เห็นความสกปรกมันยังมองว่าสวยอยู่จิตมันจะไม่ยอมมองภาพตอนที่เราสมมุติว่าผ่าท้องผ่าไส้ มันจะมองแต่ตอนที่ยังไม่ผ่า
    ก้เลยมีความคิดว่าเมื่อเราสามารถเห็นอุจจาระได้ดีแล้วเมื่อเราเห็นเรารู้สึกรังเกียจไม่ชอบรู้ว่ามันสกปรก
    ดังนั้นถ้าเราเกิดนึกถึงสาวคนนั้นอีกหรือสาวคนนั้นมาหาเราเอาอาหารมาถวายเราแล้วเราคิดรักเขาอีก เราจะเอาอุจจาระนี้ไปวางไว้ที่หน้าเขาทุกครั้งที่เราคิด
    พอคิดได้อย่างนี้เวลาที่ใจมันนึกถูกกิเลสมันครอบงำผมจะใช้อุจจาระก้อนนี้วางแทนใบหน้าอันหวานๆของเขาทันที จนคิดว่าหน้าเขาเต็มไปด้วยอุจจาระ ถ้าหน้าเขามีแตอุจจาระแบบนี้เรายังรักเขาได้ไหม คำตอบจิตมันบอกว่ากูไม่เอากูไม่เอา
    ผลสุดท้ายผมก้สามารถผ่านสาวเนื้อหอมนางนี้มาผจญไปได้ เพราะอุจจาระนี้เอง
    ทุกวันนี้อุจจาระก้อนนี้ก็ยังมีบุญคุณต่อตัวผมอยู่ถึงขนาดนี้ ถ้าจิตผมคิดหรือวิตกเรื่องแบบนี้ผมจะนำเอาอุจจาระก้อนนี้มาใช้ทันทีแล้วก้แปลกดีผมเอามาใช้มันก็หายว้าวุ่นได้เร็วจริงๆ
    หรือจะเปลี่ยนเรื่องนี้จาก หลงสาวเนื้อหอม เป็นเรื่องได้ดีเพราะอุจจาระดี 55
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2009
  7. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    จริงครับผมเห้นด้วยเช่นนั้นครับ ทำโดยไม่หวังจะได้ในสิ่งที่เราหวังครับโดยมิต้องร้องขอครับ
     
  8. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    สาธุครับ
     
  9. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    วันนี้นอนไม่หลับครับช่วงเวลานี้ปกติผมจะนั่งสมาธิแต่วันนี้ยังมานั่งเฝ้าอยู่หน้าคอมถามตัวเองว่าเรามานั่งทำอะไรมันก้ไม่มีคำตอบแต่เกิดอาการปิติทางใจบางอย่างเกิดขึ้นมาคล้ายๆอิ่มบุญอะไรประมาณนี้
    ที่นั่งพิมพ์ข้อความอยู่นี่ก้กำหนดสติไปด้วยในตัวหาสาเหตุของอาการที่เป็นอยู่ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแหงนหน้ามองรูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ แล้วท่านคล้ายบอกว่าทำไม่สอนเรื่องจิต
    เอาละผมขอตั้งจิตอาราธนาครูอาจารย์หลวงปู่หลวงพ่อโปรดเมตตาสอนธรรมะด้วยเทอญ
    จิตนั้นอย่าไปค้นหาอะไรให้มันมากนักว่ามันมีกี่ดวงมีกี่อย่างมีกี่ชวนจิต อย่าไปคิดฟุ้งซ่านเอาแต่หลักการทางข้อเขียน อย่ามัวแต่เป้นเหมือนขรัวใบลาน หรือทำตนเหมือนทัพพีที่ไม่รู้รสแกง อย่าไปอยากได้นั่นได้นี้ทุกอย่างบนโลกใบนี้มันเป็นสิ่งสมุมติเท่านั้น ไม่เที่ยง
    ตั้งอยู่ได้ประเดี๋ยวประด๋าวมันก็เสื่อมพังลงไป อย่าไปอยากได้อะไรมากเกินไป เรามาปฏิบัติธรรมนั่งกรรมฐานเพื่อละ ไม่ได้มาปฏิบัติธรรมเพื่อพอกพูนกิเลสกัน ที่เห้นอยู่กันทุกวันนี้ส่วนมากมักไม่ค่อยปฏิบัติเพื่อละ มีแต่จะปฏิบัติเพื่อยึดถือ
    จำคำสอนขององค์พระศาสดาได้ไหม ท่านสอนอยู่สามสิ่ง
    ละชั่ว ทำดี รักษาจิตให้ผ่องใส แต่ทำไมเราทั้งหลายถึงไปเพิ่มความยึดมั่นในจิตกันมากนัก
    ปฏิบัติเพื่ออยากเห้นนั่นอยากเห็นนี่ อยากได้อย่างนั้น อยากได้อย่างนี้ มันเกิดอะไรดีขึ้นมาบ้าง มีแต่พอกกิเลสความอยากให้กับจิตตัวเองมากขึ้นก้เท่านั้น ทำใจให้มันใสเหมือนดั่งดวงแก้ว อยู่ในศูนย์กลางกาย ทำจิตให้มันสว่างเลิกมืดบอดจากความไม่รู้ ความโมหะ ความหลงต่างๆให้มันได้ ไม่ใช่ไปปฏิบัติกันเพื่อหวังได้อย่างนั้นได้อย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง
    สิ่งที่ควรทำคือเราปฏิบัติเพื่อขัดกิเลสชำระล้างกิเลสความสกปรกของจิตใจ ความว้าวุ่นที่มีอยู่ ตัณหาต่างๆ ให้มันหมดจดลงไปได้ ก้เท่านั้น ถ้าไม่รักษาจิต ไม่ควบคุมสติเอาไว้
    โดยที่เราไม่รู้ว่าเวลานี้จิตของเราตอนนี้มีราคะ มีโทสะ มีโมหะ อยู่มากน้อยขนาดไหน มันก็ถือว่าใช้กันยังไม่ได้
    จิตสะอาดแล้วเป็นดีที่สุด
    (นี่คือสิ่งที่ผมพิมพ์ตามความรู้สึกโดยมิได้คิดมาก่อนล่วงหน้า)
    ธรรมะนี้เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านได้สงเคราะห์สอน ขอให้ทุกท่านนำเอาไปพิจจารณากันดูเอาเองนะครับ อนุโมทนาสาธุการขอนอบน้อมบูชาคุณพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2009
  10. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,697
    อนุโมทนาสาธุ..ครับอาจารย์
     
  11. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    วันนี้ไม่อยู่หนึ่งวันนะครับจะไปกราบพระอาจารย์พรสิทธิ์ครับ คราวนี้ไปแน่ๆครับโชคดีมีเทพบุตรมารับครับไม่ต้องรอลูกศิษย์ผมเหมือนก่อน ตอนเย็นๆจะเข้ามาในกระทู้นะครับ
     
  12. ชัยพร เถาว์อั้น

    ชัยพร เถาว์อั้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +253
    อ่านเรื่องราวที่อาจารย์ได้เขียนเล่าชอบทุกเรื่องครับ โดยเฉพาะสอนธรรมะเรื่องของจิต ซึ่งใกล้วันมาฆบูชาในวันพรุ่งนี้แล้ว ขอให้พวกเราตั้งจิตอธิษฐานน้อมนำพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์มาปฏิบัติเพื่อขัดเกลาชำระกิเลสในจิตให้ผ่องใสต่อไป
     
  13. เอกไชย12345

    เอกไชย12345 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +1,269
    เรียน ท่านอาจารย์
    ผมได้ส่งซองขอรับแผ่นยันต์ปลดหนี้ไปให้ อาจารย์ใหม่แล้วครับเมื่อ29/01/52ไม่ทราบอาจารย์ได้รับหรือยังครับ(ส่งไปครั้งก่อนอาจารย์บอกไม่เห็นรายชื่อครับ)เอกไชย ภู่รัตน์

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ
     
  15. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    สาธุครับ
     
  16. โบราณคดี

    โบราณคดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +174
    อนุโมธนาบุญกับอาจารย์ครับ
     
  17. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    เมื่อวานผมได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์พรสิทธิ์และได้ทำพิธีฝังเข็มกับท่านแล้วตอนเย็นได้มีโอกาสได้รับความเมตตาจากท่านได้เปิดโอกาสชี้แนะข้อสงสัยและปัญหาบางอย่างให้กับตัวผมและแลกเปลี่ยนวิชาตามที่ได้ร่ำเรียนมาโดยมี หนาน ท่านนึงที่มีวิชาดีๆมีการปฏิบัติที่เข้มข้น ได้ร่วมสนทนาประสาทะกับผมและพระอาจารย์กันอยู่ถึงเวลาเย็น
    ใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปกราบพระอาจารย์ขอให้ท่านหาโอกาสซักครั้งนึงนะครับ
    พระอาจารย์ท่านมีเมตตาและเป็นผู้ที่เรียนรู้ศาสตร์วิชาต่างๆได้อย่างแตกฉานมากและเป้นท่านที่รอบรู้มากๆเท่าที่ผมได้เคยพบมา
    ความเมตตาของท่านนั้นมีสูงสงเคราะห์ลูกศิษย์ลูกหาทุกท่านที่ไปขอความเมตตาจากท่านด้วยจิตที่บริสุทธิ์มีพลังอันเปี่ยมล้น
    เมื่อวานนี้ได้ความสงเคราะห์จากคุณอุตรา คุณอัสดงและเพื่อนพี่น้องๆที่ไปกราบพระอาจารย์ท่านเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพี่เจ้าของบ้านได้เมตตาเปิดโอกาสให้เราท่านทั้งหลายที่มีความศรัทธาในตัวพระอาจารย์ท่านได้เปิดบ้านให้เข้าไปกราบรับความเมตตาได้อย่างดีที่สุด ขอนุโมทนาบุญกับพี่เจ้าของบ้านเป็นอย่างสูงด้วยนะที่นี้ครับ
    เมื่อวานนี้ได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้กันกับผู้ที่มีวิชาดีๆหลายท่านและก้ได้รู้จักน้องโดเร่ ที่มีความสนใจในศาสตร์วิชาต่างๆหวังว่าคงได้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำจากผมไปบ้างไม่มากก็น้อยนะครับที่ผมให้เพราะดูว่าไม่แน่ต่อไปน้องโดเร่อาจจะมีโอกาสได้สงเคราะห์คนที่เดือดร้อนได้ในวันข้างหน้า ขออนุโมทนาบุญด้วย
    และที่ต้องขอบคุณมากๆคือความมีน้ำใจของคุณอุตราที่ได้มารับมาส่งผมในการไปกราบพระอาจารย์ในครั้งนี้ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2009
  18. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,697
    อนุโมทนาครับอาจารย์

    ครั้งนี้วาสนาผมไม่มี เลยไม่ได้ไปกราบพระอาจารย์พรสิทธิ์เลย

    เสียดายครับ............แม้งานมาฆาบูชาก็ต้องทำงาน

    ไม่ได้ไปเวียนเทียน.......คงได้แต่กราบหลวงพ่อที่ห้องแน่เลย

    ส่วนสมาธิที่จะเริ่มปฏิบัติที่ได้แจ้งกับอาจารย์....ล้มเหลวครับ

    กิเลสเยอะ....ไปหมด

    คงต้องเริ่มอีกครั้ง....ท้อนะครับทำเลยผลไม่ชัดเจน

    ได้แต่ทำใจ....มีแรงใจและสติมาก็สู้อีกครั้ง...เป็นอย่างงี้เรื่อยๆๆๆเลยครับ

    อาจารย์มีอะไรแนะนำบ้างไหมครับ
     
  19. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    อนุโมทนาบุญ ทั้งหลายทั้งปวงด้วย ที่ได้เผยแพร่พระอาจารย์ช้างเผือกรูปนี้ครับ
    ถ้ามีโอกาสผมจะไปหกราบพระอาจารย์แน่นอนครับ
     
  20. โดเร่

    โดเร่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    704
    ค่าพลัง:
    +871
    วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๓ หรือประมาณราวเดือนกุมภาพันธ์ แต่หากเป็นปีอธิกมาส (ปีที่มีเดือน ๘ สองหน) วันมาฆบูชาจะเลื่อนไปเป็น วันขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๔ หรือประมาณเดือนมีนาคม
    วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน ๓ ถือเป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ ๔ ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ
    ๑. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
    ๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ และได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
    ๓. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย
    ๔. วันที่มาประชุม ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน ๓) เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกข์

    โอวาทปาติโมกข์ คือ ข้อธรรมย่ออันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ๓ ประการ ได้แก่
    ๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง
    ได้แก่การงดเว้น การลด ละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็นความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ ความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติ ผิดในกาม ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูก พยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม

    ๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม
    ได้แก่ การทำความดีทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจ ทำความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียน ผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้มาเป็นของตนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติ ิผิดในกาม ทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวานพูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะ ทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละการไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและปราถนาดีและมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    ๓. การทำจิตให้ผ่องใส
    ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนิวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึง ความสงบ มี ๕ ประการ ได้แก่
    ๑. ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
    ๒. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
    ๓. ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
    ๔. ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ)
    ๕. ความลังเลสงสัย (วิจิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดีความชั่วว่ามีผลจริงหรือไม่
    วิธีการทำจิตให้ผ่องใส ที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการละบาปทั้งปวง ด้วยการถือศีลและบำเพ็ญกุศล ให้ถึงพร้อมด้วยการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา จนได้บรรลุอรหัตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริง
    การปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวคำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี​
    พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฎหลักฐาน ว่ามีมา ในสมัยใด อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีหลักฐานในพระราชพิธีสิบสองเดือน พระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว กล่าวไว้ว่า "ในอดีต มาฆบูชานี้แต่เดิมไม่เคยทำกัน เพิ่งเกิดขึ้นในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว " รัชกาลที่ 4 ทรงเห็น ความสำคัญ ของวันมาฆะ จึงโปรดให้ให้มีพระราชพิธีประกอบการ ขึ้นใน วัดพระศรีรัตรนศาสดาราม ในปี พ.ศ. 2394 และ กระทำสืบไปตลอดกาล ต่อๆมา พิธีในวันนี้ ก็ได้แพร่หลาย และ ประกอบพิธีกัน ทั่วราชอาณาจักร วันนี้ประกาศ ให้เป็นวันหยุด ทางราชกาลด้วย เพื่อให้ประชาชน จากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศล และ ประกอบกิจกรรมทางศาสนา ในตอนเช้า และเข้าร่วมพิธีเวียนเทียน ในตอนค่ำอีกด้วย
    ในขณะเดียวกัน เนื่องในโอกาส อันเป็นมงคลนี้ พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ก็จะ ทรงเสด็จไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และ ต่อมา ก็จะทรงนำ เหล่าพสกนิกรประกอบพิธีเวียบเทียน จัดขึ้นภายในวัด พระแก้วนี้ด้วย
    ความจริงแล้ว พิธีเวียนเทียน นี้จะประกอบในเวลาใดก็ได้ แล้วแต่ ความสะดวกของประชาชน อาจจะเป็น ตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ได้ อย่างไรก็ตามในกรุงเทพมหานคร โดยปกตินิยมจัด ให้มีขึ้น ในตอนเย็น เวลาประมาณ 22.00 น. และ ขบวนเวียนเทียนนี้ ก็จะมีพระสงฆ์เป็นผู้นำ
    โดยทั่วไปแล้ว ชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ความสำคัญของวันนี้ ดังนั้น จำนวนประชาชนที่เข้าร่วมในพิธีจึงมีน้อยกว่าวันอื่นๆ เช่น วันวิสาขบูชา หรือ อาสาฬหบูชา แม้กระนั้นวันมาฆบูชาก็ยังมีความสำคัญต่อชาวพุทธทั้งหมดอยู่ดีนันเอง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...