หลวงพ่อฤาษี เคยเกิดเป็นนายพรานต่อมาได้เป็นกษัตริย์ ในสมัยสมเด็จพระพุทธทีปังกร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 11 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]

    ในสมัยสมเด็จพระพุทธทีปังกร พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    ท่านเกิดเป็นดาบส ส่วนหลวงพ่อฤาษีท่านเกิดเป็นนายพราน
    มีบริวารมาก ท่านอาศัยอยู่ในแดนเดียวกัน ได้พบกันอยู่เสมอ
    ต่อมาสมเด็จพระพุทธทีปังกรทรงแต่งตั้งจากนายพราน
    ให้เป็นกษัตริย์ ทรงตั้งพระนามให้ว่า ปัญจสีลาบรมราชาฯ
    (สรุป มีเรื่องที่น่าสนใจมากจากพระดำรัสของสมเด็จพระพุทธทีปังกร
    เรื่อง เวร และกรรม การฆ่ากันด้วยการจองเวรไม่เป็นเหตุให้ลงนรก
    แต่ก็ต้องชดใช้เวรที่ทำด้วยการถูกฆ่า หมุนเวียนกันไปมาถึง ๕๐๐ ชาติ)

    วันนี้นอนๆ ก็ภาวนาไปเรื่อยๆ (พักอยู่ที่เมืองโอ๊คแลนด์ เดือนมีนาคม ๒๕๒๙)
    ถ้าอยู่คนเดียวไม่ได้ละ ภาวนาไม่ขาด พอจิตสบายก็ขึ้นไปหาสมเด็จองค์ปัจจุบัน ที่พระจุฬามณี
    ท่านคุยประเดี๋ยวก็บอกไปนิพพานเถอะ พอไปถึงนิพพาน
    ท่านก็คุย ท่านถามว่า "นึกออกไหม เธอเคยเกิดสมัยสมเด็จพระพุทธทีปังกรนะ"
    ก็บอกว่า "นึกไม่ออก ไม่เคยคิด พระพุทธเจ้าข้า"
    ท่านบอกว่า "ดินแดนนี้ สมัยนั้นเธอเคยเกิดเป็นนายพรานอยู่"
    สมเด็จพระพุทธทีปังกรองค์นี้ท่านบอกว่า ถอยหลังจาก สมเด็จพระปุทุมมุตตระไป ๓ สมัย
    หลายอสงไขยกัป ไม่ใช่เล่นๆ นะ ท่านบอกว่าสถานที่นี้มีภูเขาไฟเยอะ ท่านเปรียบเหมือนตะเกียง
    แต่ขอบเขตของแผ่นดินมันไม่ได้อยู่แค่นี้มันยาวไปอีกหน่อย อีตอนนั้นก็เป็นป่าบ้าง ไม่ใช่ป่าบ้าง

    ถามท่านเรื่องพาหนะ ท่านบอกว่าสมัยนั้นมีธนูยนต์ ธนูยนต์ คือเครื่องบิน หรือจรวด
    ตอนนั้นพรานก็ไม่ใช่แต่งตัวนุ่งผ้าเตียว แต่งตัวสวยมีบริวารเป็นแสนเป็นหัวหน้าคน
    มีคนเคารพนับถือมาก แต่ไม่ใช่เป็นพรานอย่างเดียวนะ ก็ทำการเกษตร มีการทำนาด้วย
    แต่ว่าการฆ่าสัตว์ก็เลือกเฉพาะสัตว์แก่ คือหมายความว่าสัตว์ยังหนุ่มสาวไม่ฆ่า
    ถ้าสัตว์แก่แล้วมันใช้งานไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์จึงฆ่า

    ต่อมาเขาประกาศว่า เวลานี้พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลก
    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันท่านเป็นดาบส เป็นนักบวช ก็พบกับท่านอยู่เสมอ อยู่แดนเดียวกัน
    และท่านก็สอนแต่ว่าเรื่องการฆ่าสัตว์ท่านไม่สอน เพราะอะไรรู้ไหม ขัดคอกัน
    ท่านก็บอกว่า "นายพรานใหญ่ วันนี้พระพุทธเจ้าเสด็จแล้ว"
    ถามว่า "พระพุทธเจ้าเป็นใคร..?"
    ท่านก็คุยบอกว่า "พระพุทธเจ้ามีความวิเศษมาก เหาะเหินเดินอากาศได้
    นึกยังไง เป็นยังงั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ พูดจาไพเราะ" ก็ตกลงไปกับท่าน
    เมื่อไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พอกราบท่าน ๓ ครั้งพอเงยหน้าขึ้นมา
    ท่านถามว่า "สัตว์แก่ไม่มีประโยชน์รึ ?"
    ตกใจเลย ก็กราบทูลว่า "ที่ฆ่าสัตว์แก่เพราะสงสารมัน เห็นว่ากินไม่ทันเขา
    สัตว์แก่ใช้งานไม่ได้แล้ว อยู่ก็ลำบาก ถูกสัตว์หนุ่มสัตว์สาวรังแก แย่งที่ทำมา
    หากิน"
    ท่านก็ถามว่า "สัตว์แก่นี่พอใจในชีวิตไหม และสัตว์แก่ตัวไหนต้องการตายบ้าง
    หันไปถามคนข้างๆ ซิ ถามญาติผู้ใหญ่ของเธอว่าอยากตายหรือยัง"
    ก็หันไปถามลุง เห็นหน้าชัดๆ ท่านแก่มาก เวลานั้นอายุตั้งแสนปีนะ เป็นเด็ก
    เท่าไร ๒ หมื่น ๕ พันปี ถามผู้ใหญ่ท่านก็บอกว่า ท่านไม่อยากตาย เมื่อแก่แล้ว
    ท่านก็มีชีวิตอยู่กับลูกหลาน
    พระพุทธเจ้าหันมาบอก "ไม่มีใครเขาอยากตายหรอก การที่เธอทำแบบนี้
    ถึงว่าเธอทำตามความจำเป็นก็แล้วแต่ แต่ว่าเขายังไม่พอใจในการตาย"

    พูดตามภาษาเราก็ทำไม่ถูก แต่ท่านไม่หักโหม พระพุทธเจ้าไม่หักโหม
    ยังพูดแนะนำต่างๆ ว่าการประกอบอาชีพ ไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าสัตว์
    ผักหญ้าเราหากินเองได้ แล้วท่านก็ถามว่า "เธอนึกออกไหม เธอเคยปรารถนา
    พุทธภูมิมาก่อนนะ" มาแล้ว หมัดหนักเข้ามาแล้ว ทีนี้ต่อยหนัก
    ท่านบอกว่า "ยังอยู่แค่อสงไขยเศษ บารมีเธอก็จะเต็ม พุทธภูมิเขาไม่ฆ่าสัตว์กันนะ"
    ก็กราบทูลท่านว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบ"
    แล้วท่านก็ตรัสว่า "ถ้าไม่ทราบก็จงทราบเสีย เวลานี้พระพุทธเจ้าบอกเธอนะ
    เธอเคยเป็นลูกตถาคตมาก่อน เธอเป็นลูกตั้งแต่สมัยเป็นช้าง แล้วตอนเป็นคน
    ก็หลายสมัย ลูกพระพุทธเจ้าเขาไม่ฆ่าสัตว์กันนะ"


    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2009
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    หลวงพ่อฤาษี เคยเกิดเป็นนายพรานต่อมาได้เป็นกษัตริย์ในสมัยพระพุทธทีปังกร ตอน ๒

    [​IMG]

    ในสมัยสมเด็จพระพุทธทีปังกร พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    ท่านเกิดเป็นดาบส ส่วนหลวงพ่อฤาษีท่านเกิดเป็นนายพราน
    มีบริวารมาก ท่านอาศัยอยู่ในแดนเดียวกัน ได้พบกันอยู่เสมอ
    ต่อมาสมเด็จพระพุทธทีปังกรทรงแต่งตั้งจากนายพราน
    ให้เป็นกษัตริย์ ทรงตั้งพระนามให้ว่า ปัญจสีลาบรมราชาฯ


    โดนอย่างหนักเชียวนะ ท่านว่าตามตำรับนะ ลูกพระพุทธเจ้าไม่ฆ่าสัตว์
    แล้วท่านก็ตรัสต่อว่า "พระโพธิสัตว์ย่อมไม่ทำบาป ถ้าหากว่าจะทำบาป
    ก็เพื่อความอยู่เป็นสุขของคนส่วนมาก คนส่วนน้อยรังแกอย่างนี้อาจจะทำ
    เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ ทีนี้พระโพธิสัตว์ฆ่าสัตว์แก่ที่ไม่อยากตาย สัตว์แก่
    ตายไป ๑ ตัว สัตว์หนุ่มสัตว์สาวที่เป็นลูกหลานมันก็จะเสียใจมาก กำลังใจจะเสีย"
    แล้วท่านก็ตรัสต่อว่า "วาสนาบารมีเธอมีมาก ที่ฆ่ามาแล้วเป็นสัตว์ที่เนื่องถึงกัน
    สัตว์ที่เธอเคยฆ่าเขา เขาเคยฆ่าเธอ แลกกันไปแลกกันมาเวลานี้
    สัตว์ประเภทนั้นมันหมดแล้ว ถ้าทำต่อไปมันไม่ใช่เวร แต่เป็นกรรม
    เวรนั้นไม่ลงนรก เกิดมาเพื่อฆ่ากัน ชาตินี้เราฆ่าเขา ชาติหน้าเขาฆ่าเรา
    เปลี่ยนกันแบบนั้น ต่อไปนี้มันเป็นกฏของกรรมไม่ใช่เวร มันต้องลงนรก"
    ท่านอธิบายเรื่องนรกเสียละเอียดละออเลย ขณะท่านพูดไป ท่านพูดช้าๆ
    เสียงเพราะมาก ท่านยิ้มตลอด สมเด็จพระสมณโคดม ท่านบอกว่า ท่านยิ้ม
    กับเธอเท่านั้นนะ กับฉันไม่ค่อยยิ้มหรอก (สมัยเป็นดาบส) ท่านบอกว่า
    "ที่ท่านยิ้มมากๆ ก็เพื่อจะเอาชนะพรานแก่ เพราะนิสัยของเธอชอบคนยิ้ม"
    ท่านรู้นิสัย พอท่านพูดจบก็กราบ สั่งลูกน้องเอาธนู หอก ดาบ แร้ว เอามา
    ถวายพระพุทธเจ้าหมด แล้วท่านก็รับประเคน ท่านรับประเคนแล้วถามว่า
    "เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือฆ่าสัตว์ใช่ไหม" ก็บอกว่าใช่ "เธอถวายตถาคตหรือ"
    ก็บอกว่าใช่ ท่านบอก "ตถาคตเป็นพระพุทธเจ้านะ แต่ตถาคตจะรับ"
    แล้วท่านก็สั่งเผาเดี่ยวนั้น
    ท่านตรัสต่อไปว่า "วาสนาบารมีของเธอก็ดีเวลานี้ในเขตนี้ไม่มีกษัตริย์
    แต่ว่าเธอก็สามารถคุมคนได้เป็นแสน ควรจะประกาศตนเป็นกษัตริย์เสีย"
    ทุกคนที่นั่งป๋ออยู่นี่ พูดเก่งยกมือถามพระพุทธเจ้าว่า
    "กษัตริย์ต้องเป็นยังไง พระพุทธเจ้าข้า"
    เวลาพูดท่านยิ้มตลอดเวลา ท่านก็อธิบายถึงเรื่องการเป็นกษัตริย์ว่า
    ต้องปกครองคนโดยธรรม แนะนำลีลาของการเป็นกษัตริย์
    และแนะนำว่ากษัตริย์ต้องทรงศีล ๕ มีทศพิธราชธรรม
    มีทาน มีศีล เป็นองค์ประกอบ ไม่มีการโกรธละทีนี้
    ที่ท่านพูดแบบนั้นนะ ที่แรกก็ไม่เข้าใจ องค์ปัจจุบันท่านอธิบายเมื่อตอนบ่าย
    ค่อยเข้าใจ ท่านบอกว่าให้ช่วยประกาศพระศาสนา ลูกน้องของเราทั้งหมดก็อยู่
    ในเขต ต้องช่วยกัน
    ถามว่าเครื่องแต่งกษัตริย์มีอะไรบ้าง ท่านบอกไม่มีความสำคัญ
    เวลานี้ไม่จำเป็น ไม่มีก็ไม่เป็นไร และท่านก็บอกว่าลีลาของการเป็นกษัตริย์
    ต้องมีอะไรบ้าง กษัตริย์ถือว่าเป็นหัวหน้าคน และการเป็นหัวหน้าคนต้อง
    ป้องกันมิให้คนเบียดเบียนกัน ให้ตั้งอุดมการณ์ให้ดี
    ต่อมาก็ยอมรับเป็นกษัตริย์ ท่านตั้งชื่อให้ยาวเลย ปัญจสีลาบรมราชา
    ก็ว่าเรื่อย ทศพิธราชธรรม และลงท้ายว่าธรรมราชา แปลว่าพระราชา
    ผู้ทรงธรรมอย่างยิ่ง เสร็จเลย ท่านมุ่งห้ามฆ่าสัตว์กันต่อจากนั้นก็ให้พระอรหันต์
    ๕ องค์ แต่มีหัวหน้า ๑ องค์อยู่แนะนำกษัตริย์ในการปกครอง มีอะไรก็ถาม
    พระอรหันต์องค์นั้น เป็นอัครสาวก

    เมื่อเป็นกษัตริย์ขึ้นมาแล้วก็ต้องสร้างบ้านสร้างเมืองก็ถามท่านว่าการสร้างบ้าน
    สร้างเมืองทำอย่างไร ที่ไหนจึงจะดี ท่านก็บอกหิมวันตประเทศ น่ะดีที่สุด
    ให้ตั้งพระราชฐานที่นั่น หิมวันตประเทศอย่านึกว่าเป็นป่าซะหมด มันเป็นป่า
    เขียวชะอุ่มมีต้นไม้มากเป็นป่าที่มีหมอก มีที่ทำมาหากิน
    หิมวันตประเทศตอนนั้น อยู่ห่างจากที่นี่ให้ล่องใต้ไป ๓๐ กม.
    (มีต่อตอนที่ ๓ ครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2009
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    หลวงพ่อฤาษี เคยเกิดเป็นนายพรานต่อมาได้เป็นกษัตริย์ในสมัยสมเด็จพระพุทธทีปังกร ตอนที่ ๓

    [​IMG]

    ในสมัยสมเด็จพระพุทธทีปังกร พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    ท่านเกิดเป็นดาบส ส่วนหลวงพ่อฤาษีท่านเกิดเป็นนายพราน
    มีบริวารมาก ท่านอาศัยอยู่ในแดนเดียวกัน ได้พบกันอยู่เสมอ
    ต่อมาสมเด็จพระพุทธทีปังกรทรงแต่งตั้งจากนายพราน
    ให้เป็นกษัตริย์ ทรงตั้งพระนามให้ว่า ปัญจสีลาบรมราชาฯ

    ทีนี้มาว่ากันถึงคน ผิวพรรณของคนเป็นคนขาวเหลืองหมด และทรวดทรงดี
    จากนั้นก็ครองราชสมบัติอยู่ ๕ หมื่นปี สมเด็จองค์ปัจจุบันท่าบอกจริงๆ ตั้ง ๕ หมื่น ๕ พันปี
    การปกครองก็มีความเป็นสุข เพราะกษัตริย์ไม่ใช่นายคน มี อปจายนกรรม คือการอ่อนน้อม
    เมื่อเจอคนที่มีอายุแก่กว่า ต้องยกมือไหว้ ท่านบอกว่าการแก่กว่าต้องยกมือไหว้
    ท่านบอกว่าการเป็นกษัตริย์ต้องทำแบบนั้น จึงจะชนะคนทุกชั้น ทุกประเภท เราชนะด้วยความดี
    พูดถึงอาชีพเวลานั้น ก็ต้องเลิกการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่ท่านก็สั่งไว้ว่า ถ้าต้องการกินเนื้อสัตว์
    ก็ให้ไปซื้อจากเขา เราจะไม่บาป เพราะเราไม่ได้สั่งให้เขาฆ่า ไม่ได้ผลัดกันสั่ง
    และท่านก็บอกว่า การเป็นกษัตริย์สมัยนั้น ดินแดนกว้างขวางมาก มีคนเคารพนบนอบมาก
    การรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันไม่มี รวมความว่ากษัตริย์ในสมัยนั้นไม่รู้จักคำว่า "รบ"
    รู้จักอย่างเดียวว่า ที่ไหนมีความทุกข์ ทำอย่างไรจะมีความสุข ต่างคนต่างช่วยกัน

    ถามท่านว่าคนจนมีใหม ท่านตอบว่าคนจนไม่มี นอกจากจะมีความเป็นอยู่เป็นสุข
    ไอ้สิ่งที่เราต้องการ แก้วและทองมีก็มาก ท่านบอกว่า แก้วก็คือเพชรและพลอย
    เราก็นำไปแลกเป็นสิ่งของกับชาติอื่น จากเมืองอื่น เมืองอื่นเขามีความสมบูรณ์
    แต่ว่าขาดบางอย่าง เขาขาดของที่เรามี ก็เอาไปแลกกับเขา ของที่เราขาดเขามี
    ก็เอามาแลกกันไปแลกกันมา
    ฉะนั้น คนจนไม่มี มีแต่คนสวย คนสวยนี่ไม่สวยแต่รูปร่าง เห็นหน้ากันมีแต่คนยิ้ม
    เห็นหน้าก็ยิ้มกันแต่ไกล ยังไม่ทันเห็นยิ้มแล้ว ยังไม่ทันเห็นหน้ายิ้มไว้ก่อน หน้าบึ้งไม่มี

    (แล้วหลวงพ่อก็สรุปว่า)

    จำได้ไหม ว่าถอยหลังจากนี้ไป ๑ อสงไขยกับแสนกัปเศษๆ พวกเราเคยเกิด ณ ที่นี้
    (เมืองโอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์) สมัยสมเด็จพระพุทธทีปังกร ท่านบอกว่าต้องการให้ทราบเรื่องนี้
    ต้องการให้ทุกคนทราบว่า เกิดมาแล้วกี่เที่ยว เกิดมาแล้วเท่าไร จงอย่าลืมว่าเกิดมาแล้วมีตาย
    ทรัพย์สมบัติที่เราสร้างไว้นี่ เมื่อตายแล้วเราก็หมดสิทธิ์ เกิดมาใหม่ทรัพย์สมบัติมันก็ยังอยู่
    แต่เราไม่มีสิทธิ์จะเข้าไป มีหลายแห่งโผล่ไม่ได้ โผล่ถูกผลักใช่ใหม

    ลงท้ายท่านก็สรุปอริยสัจจ์ แบบง่ายๆ การเกิดจะมีฐานะเป็นยังไงก็ตาม
    ก็ต้องมีทุกข์ หิวข้าวก็ทุกข์ การประกอบอาชีพก็ทุกข์ ถึงแม้จะมีเครื่องบินขี่ก็ทุกข์
    จะมีรถนั่งก็เป็นทุกข์ มันอยู่ที่ไหน ทุกข์อยู่ในร่างกายของเราเอง คือความหิว
    ความต้องการของจิตใจ ถ้าไม่ได้สมความปรารถนาก็เป็นทุกข์ และเวลาที่ทุกคนจะตาย
    เมื่อตายแล้วทุกคนก็กลับไปสวรรค์และพรหมกันหมด ไม่ไปนรก

    ท่านบอกว่าที่ไม่ไปนรกเพราะการฆ่าสัตว์ มีเหตุ ๒ ประการ
    ๑. สัตว์ประเภทนั้นเป็นศัตรูกันมาก่อน และก็จองล้างจองผลาญกันมาก่อน
    เธอฆ่าฉันได้ ชาติต่อไปถ้ามี ฉันจะฆ่าเธอบ้าง อย่างนี้ต้องแลกกัน
    ๕๐๐ ชาติ จึงจะหมดเวรนะ และคราวนั้นไม่ถึง ๕๐๐ ชาติ แค่เพียง ๓๐ ชาติเศษๆ
    เพราะเดิมที่พบพระอรหันต์ก็ดี พระพุทธเจ้าก็ดี ก็ระงับได้
    ถ้าไม่พบพระอรหันต์หรือไม่พบพระพุทธเจ้าระงับ ก็ไม่มีทางระงับได้
    อย่างเวร ต้องระงับด้วยการไม่จองเวร แต่ท่านบอกสัตว์ที่จะพึงฆ่าประเภทนั้น
    มันหมดไปแล้ว และก็หมดตัวจริงๆ ต่อไปถ้าเราไม่ทำเวรไม่ทำกรรม
    กรรมที่เป็นอกุศลต่างคนต่างระงับ
    ๒. ช่วงหลังทำบุญอย่างเดียว อันนี้เป็นฌาน ในเมื่อเป็นฌาน
    เวลาตาย ก็นึกถึงบุญอย่างเดียว ก็ไปสวรรค์บ้าง ไปพรหมบ้าง สวัสดี.

    แล้วหลวงพ่อกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า " แล้วชาตินี้พวกเราจะไปไหนกันละ....? "

    จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒๒


    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2009
  4. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาบุญกับพี่ชนะ (ผู้ดูแลห้องหลวงพ่อฤาษีลิงดำคนใหม่) ด้วยนะครับ

    ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เพื่อนๆว่า พี่ชนะได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อให้เป็นผู้ดูแลศูนย์พุทธศรัทธา ที่ตำบลบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่หลวงพ่อดำริให้สร้างครับ

    ก็ขอขอบคุณพี่ชนะที่สละเวลามาช่วยเว็บในการดูแลห้องนี้ด้วยครับ

    โมทนาครับ

    ปล.ก็ขออนุญาตพี่ชนะในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเพื่อนสมาชิกด้วยครับ ผู้ใดสนใจร่วมบุญกับศูนย์พุทธศรัทธาก็เชิญที่ห้องประชาสัมพันธ์ได้เลยครับ
     
  5. mahaasia

    mahaasia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,130
    ค่าพลัง:
    +4,971
    เพิ่งเคยอ่านขอบพระคุณครับ
     
  6. tippavan

    tippavan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +1,583
    อนุโมทนา สาธุค่ะ อยากทราบสถานที่ปฏิบัติธรรมของสายหลวงพ่อ ใกล้ๆกับ อ.หมวกเหล็ก จ.สระบุรี ถ้ามีช่วยแนะนำด้วยค่ะ
     
  7. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    อนุโมทนาสาธุกับพี่ชนะด้วยค่ะที่ได้นำเรื่องดีๆ มาให้อ่านกัน (^_^)
     
  8. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,711
    ค่าพลัง:
    +5,720
    อนุโมทนากับ ธรรมทานของ คุณชนะ สิริไพโรจน์ ด้วยครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  9. ก้านบัว

    ก้านบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +1,597
    อนุโมทนาในการให้ธรรมทานนี้ด้วยค่ะ






    .
     
  10. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
    <!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...