จริงหรือที่ ในอนาคต USA สร้างเครื่องย้อนเวลาสำเร็จแล้ว จากกระทู้ของ พี่ pongsiri

<TABLE class=tborder id=post189835 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>pongsiri<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_189835", true); </SCRIPT>
โก้ สุดหล่อ

อัลบั้มรูปส่วนตัว
วันที่สมัคร: Jan 2005
สถานที่: พฤษา 3 นนทบุรี
อายุ: 36
ข้อความ: 882 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา: 4
ได้รับอนุโมทนา 4 ครั้ง ใน 3 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 101


</TD><TD class=alt1 id=td_post_189835><!-- icon and title -->มีเรื่องแปลก ๆ มาให้อ่านกันครับ
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ลองดูนะครับว่า สัญญลักษณ์ที่ปรากฏมันคล้าย ๆ กันหรือไม่
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>
<!-- / attachments --></TD></TR><TR><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 align=right><!-- controls --><!-- Start Post Thank You Hack --> <!-- End Post Thank You Hack --> </TD></TR></TBODY></TABLE>
ดานิเก้นได้ใช้เวลาส่วนหนึ่ง ไปสำรวจดินแดนในทวีปอเมริกาใต้ และที่นั่น เขาได้พบกับขุมทรัพย์มหาศาลที่เรียกกันว่า "ขุมทองของพระเจ้า" เข้าเต็มเปาเลยครับ
ที่สาธารณรัฐเอควาดอร์ เขาพบนักวิชาการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ค้นพบอุโมงค์ใต้ดิน ขุดเจาะอย่างดีเยี่ยมเป็นทางลึกทอดลงไปใต้ภูเขา นำไปสู่สมบัติมีค่า ซึ่งชาวพื้นเมืองโบราณซุกซ่อนเอาไว้ สมบัตินั้นล้วนเต็มไปด้วยทอง ซึ่งกองอยู่ก้นลึกสุดของอุโมงค์ รอคอยให้นักโบราณคดี และนักวิชาการผู้มีความสามารถ ไปขุดเอามาจากใต้ภูเขา ทว่า สิ่งที่ดานิเก้นแปลกใจอย่างยิ่ง หาใช่สมบัติโบราณของพระเจ้าที่กองจมอยู่ หากแต่เป็นฝีมือการขุดเจาะอุโมงค์ของคนโบราณต่างหากครับ
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]อุโมงค์ลึกลับนี้อยู่ในจังหวัดโมโรน่า-ซานติดา-โก ของเอควาดอร์ เป็นที่อยู่ของชาวอินเดียนแดงดุร้ายสอง - สามเผ่า ซึ่งอาสัยอยู่บริเวณที่เป็นปากทางเข้า ตัวอุโมงค์อยู่ลึกจากพื้นดินถึง 250 ฟุต ต้องใต่เชือกลงไปอย่างทุลักทุเล เมื่อถึงพื้นอุโมงค์ สิ่งที่อยู่รอบด้านทำให้ดานิเก้นถึงกับอ้าปากเลยครับ ดานิเก้นเล่าประสบการณ์เรื่องนี้ ไว้ในหนังสือชื่อ "ทองของพระเจ้า" ว่า กำแพงทุกด้านเรียบเกลี้ยง แถมยังถูกขัดเกลาไว้อย่างดีด้วยกรรมวิธีทางวิศวกรรม ที่ปัจจุบันเราใช้ในการสร้างทางรถใต้ดินตามเมืองใหญ่ๆของโลก เพดานถ้ำก็เรียบสนิท บางแห่งเป็นมันเลื่อมเหมือนถูกเคลือบไว้อย่างดี นึกแล้วก็ตลก ที่จะได้เห็นนักโบราณคดีอ้อมแอ้มบอกว่า ลักษณะการขุดอุโมงค์โบราณนี้ คนโบราณขุดได้โดยใช้เครื่องมือเพียงขวานแบบโบราณเท่านั้น เพราะจากที่เห็น น่าจะเป็นอุโมงค์ที่วิศวกรในศตวรรษที่ 20 ใช้เทคนิคทางวิศวกรรมขุดขึ้นมาด้วยความยากลำบากมากกว่า แต่ความจริงนั้น อุโมงค์นี้ เกิดขึ้นมากี่พันปีแล้วก็ยากจะบอกได้ [/FONT]


<CENTER>[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] [/FONT]</CENTER>


<CENTER>[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ภาพพระเจ้าของชาวมายาขับยานอวกาศครับ [/FONT]</CENTER>
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เป็นที่น่าเสียดายว่า เพราะปัญหาทางการเมือง ทำให้รัฐบาลเอควาดอร์ ไม่ได้สนใจอุโมงค์นี้อย่างจริงจัง จึงทำให้อุโมงค์มหัศจรรย์นี้ถูกทอดทิ้งอยู่อย่างนั้น โดยปราศจากความเหลียวแลจากนักโบราณคดี และนักประวัติศาสตร์อย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครตอบได้ว่า มนุษย์โบราณในดินแดนอเมริกาใต้แถบนี้ขุดอุโมงค์ขึ้นมาทำไม และที่สำคัญ พวกเขาใช้เครื่องไม้เครื่องมืออะไรขุดเจาะ ถึงได้อุโมงค์ลักษณะทันสมัยขนาดนั้น ยังไม่เท่านั้นสิครับ สิ่งที่ดานิเก้นและเพื่อนชาวอเมริกาใต้ได้พบจากอุโมงค์นี้ ยังมีมหัศจรรย์หนักขึ้นไปอีก แถมยังยืนยันทฤษฎีที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนด้วย [/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ผู้ค้นพบอุโมงค์เป็นคนแรก ได้พบเครื่องรางหินสลักเล็กๆชิ้นหนึ่ง ดูจากอายุหินพบว่า หินนี้มีอายุเก่าแก่รุ่นราวคราวเดียวกับตัวอุโมงค์ คืออยู่ในยุคเลโอธิลิคตอนกลาง ก็ 9,000 - 4,000 BC น่ะแหละครับ บนเครื่องรางสลักเป็นรูปมนุษย์อย่างหยาบๆ ในมือหนึ่งถือพระอาทิตย์ และอีกมือหนึ่งถือพระจันทร์ ซึ่งพอจะเดาความหมายได้ว่า มนุษย์นั้นคงเป็นพระเจ้าแห่งจักรวาล อะไรก็น่าประหลาดใจเท่ามนุษย์นั้นยืนอยู่บนลูกโลกครับ อ๋อ

 

ธงที่อยู่ในภาพนี้ ดูยังไงๆ มันก็เป็นของเครื่องยุคเรานา .... ลองสังเกตดูดีๆ

###อ่อน### เห็นภาพมีเครื่องรุ่นใหม่มีจำนวน 2 เครื่อง และเครื่องโบราณรุ่นเก๋ากึ่กอีก 1 เครื่อง

...

 

วันนั้นนั้งดูtvเค้าพบสากมอมมี่ อันนี้ไม่เท่าไหลแต่ที่แปลกคือ เค้างงว่า สมั้ยนั้นมีหัวใจเทียมกับปอดเทียมใช้ได้ไงเพราะว่า สมัยนี้ยังไม่มีเลย หัวใจเทียมกับปอดเยมนี้พบในสากมอมมี้ที่ขุดพบ แต่จำลายละเอียดไม่ได้แล้วครับ

 

น่าเหลือเชื่อเลยครับเรื่องปวดเทียมกับหัวใจเทียม อืมมมม


เรื่องรูปเครื่องบินนั้น เขาคงวาดขึ้นมาใหม่ครับ เห็นเขาพูดกันนะ แต่ไม่เห็นของจริง ๆ ที่ยังไม่มีรูปเรื่องบินที่มีธงที่ปีก แต่ทำไมเขาถึงเอาเครื่องบินรุ่นใหม่มาแปะที่กระดาษเก่า ๆ ก็ไม่รู้นะ

 

ที่อิยิปก็มีเหมือนกัน อิฐที่อยู่ด้านบนคานของวิหาร ABYDIOS มีรูป เฮลิคอปเตอร์ เรือดำน้ำ เครื่องบิน แปลกมากที่เดียว มนุษย์สมัยนั้นอาจจะมีความเจริญก้าวหน้ามากๆ ก่อนที่จะล่มสลายไป เคยอ่านเจอใน Lacerter Fife ของคุณ zipper มนุษย์ต่างดาวที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานบอกว่า มนุษย์ถูกสร้างจากมุนษย์ต่างดาวอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง มาเป็นยุคๆ แล้วก็ถูกทำลายลงไป มนุษย์ในปัจจุบันเป็นยุคที่ 7 (มั้งนะ จำไม่ค่อยได้นะ) ส่วนยุคก่อนหน้าก็เป็นพวกยุคอียิปนะ ก่อนถูกต่างดาวผู้สร้างทำลายลงไป แล้วก็ทำลายพวกหลักฐานสำคัญๆหลายๆอย่าง ก่อนสร้างมนุษย์ในยุคต่อมาก็คือยุคปัจจุบัน ซึ่งก็กำลังจะถูกทำลายเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่




http://www.nccn.net/~wwithin/abydosphoto.htm

 

หยังกับอ่านต่วยตูนแนะ
เรื่องเหล่านี้รู้ไว้ก็ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม
แต่ยังไปถึงนิพพานไม่ได้

 

เหรอ งั้นพระเจ้าของเราคือมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์อนาคต ซิ ถ้าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นจริง งั้นจริงหรือไม่เรื่องมนุษย์ สวรรค์นรก ตก ไป หรือมนุษย์ต่างดาวก็สร้างนรก สวรรค์ด้วย

 

เรื่องของคุณอาpongsiri<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_189835", true); </SCRIPT> นี่ผมติดตามมาเยอะนะครับน่าสนใจทุกเรื่องเลย

ที่ผมคิดไว้นะครับน้าๆอาๆ

คือว่านวัตรกรรมเหล่านั้น น่าจะมาจากโลกคู่ขนานนะครับ อาจจะเป็นพวกคนหรือเครื่องบินที่หลายไปใน 3เหลี่ยมเมอร์บิวด้าก็เป็นไปได้

แต่อย่าใส่ใจเลยครับ ผมว่าที่ผมคิดมันไร้สาระยังไงไม่รู้

 

อ่านแล้ว ก็รู้สึกว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้เยอะเลยค่ะ

โชคดีที่เกิดมาในยุค IT

 

การย้อนเวลาต้องทำความเร็ว186000ไมล์ต่อวินาที วัตถุจะหดขนาดลงครึ่งหนึ่งแล้วไปสู่อดีตได้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังทำไม่ได้แต่ศาสนาพุทธทำโดยญาญหยั่งรู้ไปสู่อดีตได้นานกว่า2500ปีมาแล้ว
ปรากฏการณ์UFO ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่มีทฤษฎีSUPERSTRING THEORY คำนวนพบมิติ11-26 มิติ มีอยู่จริง รูหนอนอวกาศมีอยู่จริง หลุมดำมีจริง
การเปลี่ยนมิติ เวลา อวกาศ สสาร ไอน์สไตน์คิดทฤษฎีสัมพัทธภาพได้ว่าทำได้จริง
แต่นักวิทยาศาสตร์ยังสร้างเครื่องมือไม่ได้ ต้องรอต่อไป