มุทิตาจิตงานวันคล้ายวันเกิดหลวงตาชลอฯ (ศิษยฺขององค์หลวงพ่อฯ) วัดศาลพันท้ายนรสิงห์

คณะศิษยานุศิษย์ฯ ร่วมกันจัดงาน

 

ขอกราบอาราธนาบารมีพระไตรรัตน์ อันมี สมเด็จองค์องค์ปฐม เป็นต้น สมเด็จองค์ปัจจุบัน เป็นที่สุด พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ คุณแห่งพระธรรม คุณของพระอริยสงฆ์ ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีองค์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นที่สุด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลพิภพ เทพ พรหม เทวดา ทั้งหลาย ตลอดจนถึงท่านเสด็จพ่อพันท้ายนรสิงห์ เป็นที่สุด

ขอทุกๆ พระองค์ ทุกๆ ท่าน โปรดได้อำนวยพร ปกปักรักษา และดลบันดาลให้ทุกท่านที่ร่วมเป็นเจ้าภาพ จงคลายจากทุกข์ สร่างจากโศก หายโรค หายภัย อันตรายอันพึงจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า หากมีโทษหนักหนา ก็ขอให้สลายกลายเป็นเบา โทษอันเบาก็กลายเป็นแค่ตกใจ และมีความเจริญในหน้าที่การงาน เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป มีความสุขกาย สุขใจ นับตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ด้วยเทอญ.

เรียนเชิญมาด้วยความเคารพนับถือ
คณะศิษยานุศิษย์ฯ ร่วมกันจัดงาน

 

ศาลเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์


หลักประหารเดิม.... อันเป็นที่มาของ สัจจะบารมี....

ทางไปวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ถนนเส้นที่ตัดใหม่ เสร็จแล้ว คือ....

เมื่อท่านขับรถมาตามถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสู่มหาชัย เมื่อผ่านหน้าวัดพันท้ายนรสิงห์(ไม่ใช่วัดนี้) ให้เลี้ยวซ้าย เลียบกำแพงวัดฯ แล้วขับไปในทิศทางที่ตรง ไปเรื่อยๆ มีป้ายบอกทิศทาง จนถึงทางเลี้ยวซ้ายไปศาลท่านเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์(มีหลักประหาร เดิม อยู่ที่นี่ หลวงตาท่านเล่าให้ฟังว่า “ท่านเจ้าพ่อฯ ท่านปรารถนาพุทธภูมิ ยอมเสียหัว ไม่ยอมเสียสัจจะ เป็นสัจจะบารมี)

วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ก็อยู่ติดกับบริเวณศาลเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์ นั่นเอง

 

เนื่องจากยังมี "สมเด็จองค์ปฐม 48" ของวัดศาลฯ เหลืออยู่อีกเล็กน้อย....

มีองค์ใหญ่ เพียง 3 องค์ / องค์เล็ก 12 องค์

ท่านที่ศรัทธาร่วมงานบุญ 500.- บาท ขอมอบองค์ใหญ่ ให้ 1 องค์

ท่านที่ศรัทธาร่วมงานบุญ 300.- บาท ขอมอบองค์เล็ก ให้ 1 องค์

ผมจะได้ทำการจัดส่งให้ต่อไป(ตามลำดับที่แจ้งเข้ามา ที่กระทู้นี้)....
หากว่า พระฯ หมดก่อน จะจัดส่งวัตถุมงคลอื่นๆ ทดแทนไป นะครับ....

.................................................................

โอนเงินบุญแล้ว โปรดส่งสำเนาใบโอนเงินบุญถึงกระผม ได้ที่....

มหาหิน มีเนตร์ขำ
9/214 ศูนย์การค้ารามอินทรา
แขวงอนุเสารีย์ เขตบางเขน
กทม. 10220

Fax : 02-5520979 ส่งถึง.. มหาหิน

meenetrkam@gmail.com

โทร. 06 600 2500
..................................................................

 

ภาพวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ มุมมองจากศาลเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์....
(ภาพทั้งหมด นำมาจากไฟล์เดิม เนื่องในงานกฐิน ปี 2548 ที่ผ่านมา)

 

ภาพอุโบสถของวัดฯ ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว....

ด้านล่างอุโบสถ เป็นศาลา....
เชิงชาย บันไดศาลา นำแบบพิมพ์ มาจากวัดท่าซุง(ของปราสาททองคำ)

 

ด้านหน้าของอุโบสถ มีรูปหล่อขององค์กลวงพ่อฯ ประดิษฐานอยู่....

เพราะว่า อุโบสถนี้ ชื่อว่า อุโบสถ พระราชพรหมยานอนุสรณ์

 

ด้านหลังอุโบสถ มีรูปหล่อ ท่านเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์....

 

บรรยากาศ และสถานที่สำคัญ ของวัดฯ

 

ต่อไป....

จะได้นำเอาปฏิปทา ของหลวงตาชลอฯ เมื่อบวชใหม่ ๆ
มาพบกับองค์หลวงพ่อฯ ได้อย่างไร
และมีเหตุการณ์สำคัญๆ อะไรบ้าง....

มาให้ได้ทราบกันบ้าง....
(..แต่..ขอพักยกสักครู่ นะครับ....)

 

อนุโมทนาคะพี่

พรุ่งนี้จะโอนตังค์ทำบุญร่วมด้วยคะ 300 บาท

แต่ขอจอง "สมเด็จองค์ปฐม 48" 1 องค์ ก่อนได้มั้ยคะ ^ ^

ขอบพระคุณคะ

 

หน้าสนุกๆๆๆ เมื่อกี้โทรไปหาหลวงน้าชลอมา ท่านหัวเลาะใหญ่ บอกหลวงน้าว่าเค้าเอารูปหลวงน้าลงอินเตอเนต ท่านหัวเลาะชอบใจใหญ่ ...

 

กราบโมทนากับน้องเพ็ญ นะครับ....

นี่ลูกหลาน องค์หลวงพ่อฯแท้ ๆ องค์หลวงพ่อฯ บอกว่า....
จะทำบุญ ทำความดี ปฏิบัติพระกรรมฐาน ก็ตาม ต้อง....

ตุลิตะ ตุลิตัง สีฆะ สีฆัง.. เร็ว ๆ ไว ๆ

สาธุ สาธุ สาธุ

อันดับที่ 1 องค์ปฐมองค์เล็ก จองไว้แล้วครับ จำนวน 1 องค์ ....

 

สมเด็จองค์ปฐม ที่นำมามอบให้นี้....
เป็นสิทธิ์ของผมเพียง 3 องค์ เท่านั้นเอง....

ที่เหลือ อีก 12 องค์ เป็นของ พี่นาฯ นวลจันทร์ กิจเจริญ
ศรีภริยา ของท่านอาจารย์สุรชัยฯ ที่ผมเคารพเสมอดังท่านผู้มีคุณอย่างยิ่ง....

ชุดขาวขวามือ นั่นแหละครับ พี่นาฯ
เสื้อลายขวาง ด้านซ้ายมือ คือ ท่านอาจารย์สุรชัยฯ

ภาพถ่ายนี้ เมื่องานกฐินที่วัดศาล ปีที่ผ่านมา เช่นกัน ครับ....

ขอกราบโมทนากับพี่นาฯ และท่านอาจารย์สุรชัยฯ เป็นอย่างสูง....

 

เกร็ดประวัติหลวงตาชลอฯ

ก็เล่าจากความจำ(สัญญา) หลวงตาฯท่านเล่าให้ฟังนานแล้ว หากผิดพลาดไปบ้างก็ต้องกราบขออภัย นะครับ....
(เอาไว้หากท่านมีเวลา ก็ลองให้ท่านเมตตา เล่าให้ฟัง ก็ได้ครับ)

อาชีพเดิมก่อนบวชพระ เป็นชาวประมง(ตังเก)

มีอาจารย์ที่เป็น ฆราวาส ชื่อ ปู่สาย (มีรูปหล่ออยู่ที่วัดฯ) สามารถทรงสมาบัติ เมื่อตายไปแล้ว หลวงตาฯบอกว่า ท่านก็ไม่ยอมกลับมาเกิดอีก

 

ท่านเขียนไว้ที่รูปของท่านเอง ที่เป็นฆราวาส ว่า....

วันเกิด 4 มีนาคม 2496
วันมรณะ 16 มิถุนายน 2523 (คือวันที่ตายจาก ฆราวาส เป็นภิกษุ)
นับถึงปัจจุบัน(พ.ศ. 2549) อายุ 54 ปี จำนวนพรรษา 26พรรษา

สมัยก่อนโน้น บริเวณที่เป็นวัดในปัจจุบันนี้ ไม่มีถนน การสัญจรต้องนั่งเรือตามคลองเท่านั้น วิหารก็ไม่มี มีเพียงเพิงพักแรม เหมาะแก่พระที่ธุดงค์ ที่ผ่านมาเป็นครั้งคราว

เมื่อบวชใหม่ๆ ก็บวชตามประเพณี ท่านบอกว่า ก็นอนฟังเพลงไปวันๆ
จนกระทั่ง วันหนึ่ง มีหลวงตารูปหนึ่งท่านผ่านมา ถือหนังสือโลกทิพย์ มาด้วย
ท่านก็เลยขอยืมอ่าน บังเอิญประวัติขององค์หลวงพ่อฤาษีฯ ในหนังสือ นั้น

ตามปกติท่านเอง ก็ครุ่นคิด คำนึง อยู่ตลอดเวลาว่า ท่านอยากจะเสาะแสวงหา

 

อยู่ต่อมา 2-3 วัน มีโยมมาหาที่สำนัก(สงฆ์) และถวาย ล๊อตเตอรี่ ไว้ 2 ใบ ท่านก็รับไว้ ไม่ได้คิดอะไร

จนกระทั่งอีกหลายวันต่อมา โยมคนเดิม กลับมาที่วัด บอกว่า หลวงพี่ตรวจล๊อตเตอรี่ หรือเปล่า ปรากฏว่า ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ทั้ง 2 ใบ

ท่านก็คิดถึงคำอธิษฐานที่เกี่ยวกับองค์หลวงพ่อฯ ขึ้นมาอีกว่า หรือว่าจะเป็นเหตุที่ควรจะไปหาหลวงพ่อฯ ที่วัดท่าซุง

ท่านจึงตัดสินใจเดินทางไปวัดท่าซุง ตั้งแต่เดินทางออกจากวัด นั่งเรือ นั่งรถ 4–5 ต่อ
ปรากฏว่า ไม่เคยเสียเงินเลย มีโยมจ่ายเงินให้ตลอดเส้นทาง จนถึงวัดท่าซุง
(ซึ่งก็ตรงกับคำอธิษฐาน และไม่เกี่ยวข้องกับลาภจากล๊อตเตอรี่ เลย)

 

ครั้งแรกที่กราบพบองค์หลวงพ่อฯ

เมื่อถึงเวลาลงรับแขก ขององค์หลวงพ่อฯ ท่านก็ไปนั่งชิดในที่อันสมควร
เพื่อรอกราบพบองค์หลวงพ่อฯ

ท่านเล่าให้ฟังว่า ทันทีที่องค์หลวงพ่อฯ นั่งประจำที่แล้ว....
สายตาก็กวาดจ้องมาที่ท่าน แล้วก็กล่าวลอยๆ ขึ้นมาว่า....

“ไอ้คนเรา มันก็เที่ยวตามหา ครู อาจารย์ ที่เก่ง ๆ
แล้วไอ้ตัวเองน๊ะ มันปฏิบัติ บ้างหรือเปล่า”

ท่านก็บอกว่า มัน “แปล๊บ” เข้ามาในจิต ทีเดียว
(เพราะว่าเรื่องตามหาครู อาจารย์ นี่ มันคิดอยู่ในใจเท่านั้น
และเรื่อการปฏิบัตินั้น ท่านก็ปฏิบัติฟังเพลงไปวันๆ)

 

ต่อจากนั้น ท่านก็อยู่ที่วัดท่าซุง เพื่อฝึกปฏิบัติพระกรรมฐาน วิปัสสนาธุระ และช่วยงานของวัด จนกระทั่งท่านรู้สึกว่า อยากจะจำพรรษาที่วัดท่าซุง เพื่อที่จะได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับองค์หลวงพ่อฯ ก็เลยออกปากขออนุญาตจากองค์หลวงพ่อฯ

องค์หลวงพ่อฯ ก็บอกว่าท่านไม่มีสิทธิ์อนุญาต
เพราะว่าขัดต่อระเบียบของวัดท่าซุง ที่ว่า พระที่จะจำพรรษาที่วัดฯได้ ก็ต่อเมื่อ ต้องฝึกมโนมยิทธิให้ได้เสียก่อนที่จะบวช และต้องบวชที่วัดท่าซุง ด้วย

ดังนั้น องค์หลวงพ่อฯ จึงสั่งให้ประชุมสงฆ์ และถามมติของสงฆ์ว่า
เห็นควรให้ พระชลอฯ อยู่จำพรรษา ที่วัดท่าซุง หรือไม่

ปรากฏว่า คณะสงฆ์ มีฉันทานุมัติ ลงมติอนุญาตให้ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดท่าซุง ได้

 

ท่านจึง สามารถอยู่ปฏิบัติธรรมกับองค์หลวงพ่อฯ

ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 จนถึง ปี พ.ศ. 2532

เหตุที่ออกจากวัดท่าซุง....
1. ท่านมีความผูกพันกับท่านเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์ ท่านบอกว่า ท่านมีพี่น้อง 8 คน ตายเสียเกือบหมด จนแม่ของท่านต้องพาท่านไปถวายให้เป็นลูกของท่านเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์
2. ท่านรู้สึกว่า อยากจะสร้างวัดที่บริเวณศาลฯ และพัฒนาวัดในดินแดนบ้านเกิดให้มีความเจริญรุ่งเรือง

แต่ทว่า ก่อนจะออกจากวัดท่าซุง การที่จะเอ่ยปากขออนุญาตองค์หลวงพ่อฯ ออกจากวัดท่าซุง กลับเป็นเรื่องที่ยุ่งยากใจอย่างมาก กลัวองค์หลวงพ่อฯอย่างที่สุด และคิดว่าองค์หลวงพ่อฯจะไม่อนุญาต

เพราะเกรงไปว่า ท่านอาจจะบอกว่า เอ็งเก่งแล้วหรือ ที่จะออกไปสร้างวัดฯ