รบกวนหน่อยนะคะคืออยากนั่งสมาธิฝึกกรรมฐานน่ะคะ แต่นั่งเองที่บ้านไม่เป็นค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขอบคุณมาก, 19 เมษายน 2009.

  1. ขอบคุณมาก

    ขอบคุณมาก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +2
    สวัสดีค่ะ อยากขอความช่วยเหลือน่ะค่ะ
    คืออยากนั่งสมาธิฝึกกรรมฐานน่ะคะ แต่นั่งเองที่บ้านไม่เป็นค่ะ วอกแวกมาก ตั้งจิตไม่เป็นค่ะ
    เหตุผลที่อยากนั่ง เพราะอยากเห็นกรรมในอดีตชาติ อยากขออโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย หรือถ้านั่งแล้วไม่เห็นก็อยากแผ่เมตตาจากการนั่งสมาธิให้เจ้ากรรมนายเวร ให้เค้าให้อภัยซึ่งกันและกัน

    มีที่ไหนที่จะไปผึกนั่งสมาธิได้ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ มั้ยค่ะ ใครทราบช่วยกรุณาบอกด้วยเถิดนะค่ะ

    ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  2. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936
    การฝึกภาวนา เป็นเรื่องที่ดี แต่มุมมองต่อการภาวนาอยากให้เปลี่ยนใหม่นะครับ

    เพราะการอยากเห็นกรรมในอดีตของตน เพื่อจะได้ทำกรรมดีเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม ผมว่าจะไมได้ประโยชน์จากการภาวนาเท่าที่ควร

    อ่านพระไตรปิฏก ไม่เคยเจอเหมือนกันที่พระพุทธเจ้าสอนให้ภาวนาเพื่อให้เห็นกรรมในอดีตชาติ เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม ท่านมีแต่สอนให้ภาวนาจนเกิดปัญญา เพื่อเห็นความจริง พ้นทุกข์ได้ตามลำดับไป

    ถ้าเราศรัทธาศาสนาพุทธจริงๆ ให้วางความคิดความเห็นของตนเองลงไว้ก่อน เพราะมันเป็นมิจฉาทิฐฐิ ( ทุกคนที่ยังเป็นปุถุชน ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐฐิ ) พระพุทธเจ้าท่านสอน หรือแนะนำอย่างไร ก็ควรประพฤติ ปฏิบัติตามด้วยความไม่งมงาย
     
  3. ขอบคุณมาก

    ขอบคุณมาก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณนะคะ

    ขอรบกวน เรื่องสถานที่ฝึกสมาธิด้วยนะคะ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    การระลึกชาตินั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการระลึกภาพออกมาเหมือนฉายหนัง

    หากเราอยากรู้เมื่อก่อนเราทำกรรมอะไรมา ก็ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล ผลิกมือ
    ขึ้นมาดูรูป ความยาว สีสรรร ความสกปรก ความสะอาด การเติมสี อะไรก็ได้
    ดูลงไปที่มือ ก็สามารถระลึกชาติ หรือ บุพกรรมได้ เช่น

    มือดำๆ กระดำกระด่าง แบบนี้ ทำทานมาน้อย รักษาศีลมาน้อย หรือ ไม่ก็เคย
    ฆ่าหมู่สัตว์มามาก

    รูปมือไม่ยาวแต่เป็นใบพาย ก็แปลว่า เคยไปเบียดเบียนสัตว์ที่มีคุณทั้งหลาย
    ไว้มาก

    ฯลฯ สามารถอ่าน กรรมพยากรณ์ของดังตฤณ แต่ให้นึกย้อนไปในอดีตของเรา
    แทน แทนการมองไปในเชิงเสบียงในอนาคต

    ก็จะเห็นว่า ระลึกชาติ ดูกรรมนั้นง่ายๆ การภาวนาเวลาระลึกชาติได้ ถ้าเป็น
    สาวกที่ไม่มีบารมีจะสอนใคร แค่เอาตัวรอด ก็จะเห็นอาการ32 ลงในกายใน
    ใจเราแบบนี้แหละ ไม่ได้เห็นเป็นภาพ หากเห็นเป็นภาพได้แปลว่าจะต้องมี
    วาสนาได้เกี่ยวข้องกับการสอน หรือ ปลดปล่อยเขา แต่นี่ลำพังตัวเราเอง
    ยังเอาตัวไม่ค่อยรอด การที่จะบารมีไปปลดปล่อยเขาได้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่จำ
    เป็นต้องถึงขนาดนั้น

    ดูอย่างพระพุทธองค์เป็นตัวอย่างก็ได้

    พระพุทธองค์เคยหวังดี กำลังเห็นโคแม่ลูกอ่อนมีท้องกำลังจะไปดื่มน้ำสกปรก
    กลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และจะกระทบต่อลูกวัวในท้อง ปรากฏว่า แม่
    วัวแค้นใจมากที่ไม่ให้เขาได้กินน้ำ คงจะสาปแช่งนายโคบาลหนุ่มในพระชาตินั้น
    ไว้ ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ สำเร็จพุทธคุณสูงสุดอันไม่มีใครเสมอเสมือนได้
    เรื่องที่พระพุทธองค์ จะสวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนาย
    เวรที่เป็นวัวตัวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากแก้กรรมได้จริง หากแก้กรรมได้จริงพระพุทธ
    องค์คงสวดเชิญพุทธองค์ปฐมลากยาวมาแต่ต้นกัปต้นกัลป์มาให้ช่วยเป็นกำลัง คง
    อัญเชิญสาวกของท่านปิดซ้าย ปิดขวา ปิดหน้า ปิดหลังเพื่อที่จะอุทิศกุศลให้แม่วัว
    ตัวนั้นย่อมสามารถ แต่ทว่า ท้ายที่สุด พระพุทธองค์ก็ยังแก้กรรมอะไรไม่ได้ ต้อง
    รับรู้ไปตามเหตุ เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการจะฉันน้ำ จะต้องมีเหตุให้ได้รับน้ำมาฉัน
    โดยยาก จะต้องได้รับความทนทุกช์โดยการหิวกระหายเสียก่อนจึงจะได้รับน้ำ
    มาฉัน นี่จะเห็นว่า แค่จะกินน้ำแล้วต้องกระหาย นี่ก็คือการระลึกชาติแล้ว

    วิธีแก้กรรมที่พระพุทธองค์ใช้ก็คือ การรู้สึก รับรู้สภาวะธรรมไปตามนั้น ไม่มีทาง
    ที่จะไปสวดมนต์เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำโดยง่าย เมื่อถึงที่สุดก็ยังทำได้แค่ให้น้ำที่
    สกปรกที่ได้รับมานั้นสะอาดเสียก่อน คือ ยังไงก็มีเวลาประวิงก่อนที่จะได้ฉันน้ำ

    กรรมทีทำไปแล้ว แก้ไม่ได้หรอกครับ มีแต่ต้องชดใช้ไปไม่จบสิ้น ตราบใดที่
    ยังต้องเวียว่ายตายเกิด

    หนทางที่เรียกว่า สิ้นภพ สิ้นชาติ สิ้นการเวียนว่ายตายเกิดนั้น พระพุทธองค์
    ประกาศหนทางไว้แล้ว........คุณจะพร้อมเดินทางนั้นตรงๆ หรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  5. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +158
    ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า คนทุกคนทำผิด ส่วนมากไม่อยากรับผิด หรือชลอการรับผิดออกไปให้ช้าลง การตัดเวรตัดกรรมจะบอกว่าไม่มีก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ทุกคนมีเกลือ(กรรม)ไม่เท่ากัน และการเติมน้ำ(กุศลกรรม) ก็ไม่เท่ากัน ใครจะเจือจางได้เร็วใช้เวลากี่ภพ หรือเผลอใส่เกลือเข้าไปอีก นะ แล้วแต่ว่าใครจะรีบฉวยนาทีทองในการมาเกิดในภพคนได้มากแค่ใหน

    สาเหตุที่คุณนั่งกรรมฐานไม่ได้ เพราะคุณเป็นจำพวกในประเภทโทสะจริตค่ะ นั่งเองไม่ได้หรอกเพราะไม่มีแรงจูงใจ ขาดศรัทธาที่ตั้งมั่น จะนั่งเพราะอุปทานของคุณบอกว่าฉันจะนั่งนะ ประมาณนี้ คุณลองเอาสติมาอยู่กับกริยาปัจจุบันแม้แค่การกระพริบตาก็รู้ ดูลมหายใจไปยังไม่ต้องไปกำหนดภาวนาอะไร ให้ใจคุณสงบก่อน ลืมปัญหาที่คุณเจอตอนนี้แม้มันจะหนักปล่อยมันไปก่อนนะคะใจเย็นจ้า ...เดี๋ยวจะดีขึ้นเอง ถ้ากำลังใจเข้มแข็ง กรรมจะต้องชดใช้จ้า ไม่ชดใช้ก็ต้องพระอรหันต์ จะมีแค่กิริยา เท่านั้นขาดภพรองรับ ขออนุโมทนาบุญที่คิดสร้างกุศล ...Good Luck For You
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    ตามนี้เลยครับ.....

    หรือถ้าชอบแบบดูกรรมอะไรก็ไปที่ วัดพิชยญาติการาม คลองสาน กทม.....ไปหา..หลวงแม่ทศพร..นะครับ....การปฏิบัติที่นี่จะเป็นแบบ สติปัฏฐาน 4....
     
  7. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ....อยู่ที่เรียนรู้..

    ....อยู่ที่ยอมรับมัน..

    ....ความความคิดสติ..เราให้ทัน..

    ....:z8
     
  8. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    เห็นด้วยกับทุกความเห็นค่ะ การตัดเวรกรรมนั้นคงทำได้ไม่เท่ากันทุกคน แต่ละคนได้สร้างเวรสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน การทำให้กิเลสเจือจางลงสำคัญกว่านะคะ การจะปฏิบัติธรรมให้ได้ผลนั้น ต้องมีศีลก่อนค่ะ รักษาศีลให้ได้ เพราะศีลทำให้กิเลสน้อยลงค่ะ ที่สำคัญถ้าการปฏิบัติธรรมของคุณมีการสวดมนต์ไหว้พระอยู่ด้วยแล้ว จะทำให้คุณเกิดสมาธิได้ไม่ยาก เพราะในขณะที่คุณสวดมนต์ถ้าจิตใจของคุณตั้งมั่น ก็จะเกิดปัญญาขึ้นด้วยนะคะ

    ทั้งนี้ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็คือ จุดเริ่มต้นของการปฏิบัติกรรมฐานในทุก ๆ ประเภท ซึ่งนั่นก็เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ค่ะ ขอให้ตั้งใจปฏิบัตินะคะ อย่าคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติจะดีกว่าค่ะ ถ้าใน กทม. ก็จะมีที่สำนักพลังจิตตานุภาพน่ะค่ะ ลองหาดูนะคะ

    โมทนาสาธุค่ะ
     
  9. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    หากเพียงอยากใช้กรรมก็ปฏิบัติสมาธิไป

    แต่หากอยาก นอกเหนือกรรม ให้ลองฟัง

    พระธรรมเทศนา โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต ชุด

    ยุติกรรม-1
    ยุติกรรม-2
    นอกเหนือกรรม
    นอกเหนือกรรม 3
    นอกเหนือกรรม 2
    ความเป็นจริงที่นอกเหนือกรรม


    ที่มา http://www.rombodhidharma.com/Pg-04-Dharma.htm
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    อยากนั่งสมาธิ ก็จะสอนนั่ง

    1 อาบน้ำชำระตัวให้สะอาด ใส่เสื้อผ้าสบาย
    2 นั่งสมาธิ ในจุดที่ไม่น่ากลัว จะได้ไม่กังวลเวลานั่ง ว่าจะมีผีมาหลอก
    3 น้อมใจลงมาที่ตัวก่อน เรื่องราวต่างๆ ร้อยแปดสลัดทิ้ง น้อมใจมาที่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บาลีว่า นโมตัสสะ ภควโต
    4 อาราธนาศีล
    5สร้างกำลังใจว่า นี่เรามีฉันทะ คือความพึงพอใจ สบายใจในการนั่ง
    6 เอามือขวาทับมือซ้าย ตัวตรง หน้าตั้ง เอาความรู้สึกดำรงไว้ที่หน้า

    7 บริกรรมพุทโธ ไปเรื่อยๆ จะต้องกำหนดลมหายใจหรือไม่ ไม่สำคัญ ให้ใจติดไปกับคำว่าพุทโธ ใจจะคิดไปเรื่องอื่นให้มีสติแล้วดึงกับมาที่พุทโธเท่านั้น ระหว่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้น รู้สึกอะไร ทิ้งให้หมด ให้นึกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นให้เรารู้สึก ไม่สำคัญเท่ากับคำว่า พุทโธ

    8 สิ่งที่จะต้องเป็นเป้าหมายสำหรับ การนั่งสมาธิ ก็คือ ความสงบ และ การควบคุมจิตใจ

    การระลึกชาติ ตาทิพย์หูทิพย์ ไม่ใช่ได้ขณะนั่งสมาธิ แต่ต้องนั่งสมาธิจนชำนาญแล้วจึงจะสามารถคุมจิต อธิษฐานจิตด้วยกำลังสมาธินั้น ให้ทำได้ดังใจ
    ดังนั้น ถ้าเรานั่งสมาธิแล้วใจจะคิดไปเห็น ก็เท่ากับว่า เราทำผิด

    เหมือนกับ คนฝึกกำลังแขนด้วยการยกน้ำหนัก เพื่อที่จะไปตีเทนนิสให้แรง

    ทีนี้ คนไม่เข้าใจ ก็ไปฝึกยกน้ำหนัก แต่ไม่ได้ฝึกตีเทนนิส แล้วก็บอกว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย เพราะว่าเขาไม่เข้าใจ

    สมาธินี้ก็เหมือนกัน ต้องฝึกให้จิตสงบ และเราควบคุมจิตใจ แล้วจึงค่อยเอาใจที่ฝึกดีแล้วนั้นไปฝึก หรือ น้อมไปเพื่อให้เกิด อภิญญา

    ก็หวังว่าจะเข้าใจภาพรวมนะครับ
     
  11. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ท่าทำสมาทิที่บ้านแล้วไม่สดวก อาจเนื่องจากเสียงรึคนรอบข้างรบกวน จะไปทำที่วัดก้ดีครับมีคนนำด้วย พร้อมทั้งสถานที่ด้วย ลองไปตามวัดรึสถานปติบัติธรรมดังๆก้ได้คับ
    แต่ท่าอยากดูกรรมเก่า อยากดูอดีตชาติ ก้ต้องฝึกกรรมฐานที่มีผลต่อการมองเห็นพวก
    กสิน แสง สีขาว ไฟ กรรมฐาน 3 กองนี้ช่วยให้เห็นได้ การเห็นไม่ใช่เรื่องยาก
    อยากขออโหสิกรรม กับกรรมเก่าๆๆที่ทำไว้แล้วก้ไม่ต้องรอไปเห็นก่อนหรอกคับทำตอนนี้เลยสิ่งที่เราทำไปแล้วย่อมเปลี่ยนไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันเพื่อเปลี่ยนอนาคตได้
    จะเปลี่ยนใจคนอื่นนั้นยากแต่เปลี่ยนใจเราเองง่ายกว่า การเห็นนั้นจะทำให้เรารู้ว่าได้เคยทำอะไรเคยประสบกับอะไรมาบ้างแล้ว อยากไห้มองและรู้ว่า กรรมใดที่เป็นอกุศลทำแล้วให้ผู้อื่นเดือดร้อน ก้อย่าทำกรรมนั้นอีกเท่านี้ก้ไม่ต้องไปขออโหสิกรรมกับใครต่ออีกอนาคตเบื้องหน้าก้ไม่ต้องรับผลของกรรมชั่วด้วยไม่มีใครมาขัดขวางไม่มีใครมาเบียดเบียนไหทุกร้อนใจ
    เมื่อละกรรมชั่วแล้ว กรรมใดที่เห็นว่าทำแล้วส่งผลไห้เราได้รับความสุขความสบายก้ไห้เร่งทำ เผื่อจะได้รับผลที่ดีจะได้รับผลอยากได้สิ่งใดให้ทำสิ่งนั้น ทำบุญก่อนเผื่อจะได้รับผลของบุญ หากยังไม่ทำแต่จะรอรับผลดีคงเป็นไปไม่ได้ อยากเห็นกรรมในอดีตต้องทำให้ถูกทาง ทำเหตุแห่งการเห็นก่อน แล้วจะได้รับผลของการได้เห็นแน่นอนคับ

    ไม่ทำบาปแล้วทำดีแล้ว แค่นี้ก้สุขกายสบายใจ ก้อย่าเพลินในสุข ต้องทำจิตใจเราให้ผ่องใสด้วย เริ่มจากการที่เราเห็นกรรมต่างๆๆแล้วต้องมองให้เห็นว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นและต้องเปลี่ยนแปลงไปเป็น ธรรมดาไม่มีสิ่งใดที่คงทน การเกิดตาย ๆๆๆๆ ทำสิ่งไม่ดีได้ผลไม่ดีทำสิ่งดีรับผลดี เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไป อย่าไปจับอยุ่กับมัน เอาใจออกจากสิ่งเหล่านี้เสียเพราะมันไม่ใช่เรามันเป็นของที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงไปเละดับไปเป็นธรรมดา

    ท่ามีความตั้งใจจริง ทำกรรมฐาน ไม่นานคงได้เห็นแน่ๆๆ อยู่ที่ทำจริงรึเปล่า จริตแต่ละบุคคลไม่เหมือนกันบางคนต้องเห็นก่อนจึงเข้าใจ บางคนอาจไม่ต้องเห็น แต่การเริ่มทำสิ่งที่ดีย่อมได้รับผลที่ดีตามมาแน่ อนุโมทนาในการตั้งใจทำความดีนี้ด้วยครับ
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    หากหาที่สงบใด้ในบ้าน ในระยะเริ่มต้นสมาทิยังไม่แน่วแน่ก้หาที่สงบๆไปก่อน ตั้งใจว่าจะทำสมาทิไม่ต้องกังวลกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดไม่ต้องสงสัยด้วยว่าทำสมาทิแล้วจะเห็นอะไรไหมรึมันเป็นยังไง ทำใจไห้สบายๆๆอยุ่ในที่ปลอดโปล่งจะได้ไม่รู้สึดอึดอัด อยู่กับตัวเองอยู่กับลมหายใจ ลองสำรวจตัวเองก่อนว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ เรากำลังจะทำสมาทินะ แล้วก้รู้ตัวให้ทั่วพร้อมว่าเราตั้งจิตทำสมาทิ เรารู้สึกสบายหากรู้สึกไม่สบายกายก้ขยับไห้มันสบายหากรู้สึกไม่สบายใจเรื่องอะไรก้ไปทำซะก่อน เมื่อไม่มีอะไรไห้กังวนแล้วก้นั่งสบายๆๆหลับตาไม่มองสิ่งอื่นให้ใจไปจดจ่อ มีความรู้ตัวพร้มมองดูลมหายใจตัวเองว่าตอนนี้เราหายใจเข้า รึหายใจออกมองดูรู้เอาไว้แล้ว กำกับคำถาวนาพร้อมลมหายใจช่วยไห้ไม่ไปคิดสิ่งอื่น จะภาวนาว่าอะไรก้ได้ที่ชอบใจ ที่ถนัดจะอะไรก้ได้จะนับก้ได้ จะพุท โธ จะสัมมาอรหัง จะ 1 2 3... จะ อาโลกสินนัง ก้ได้ เอาตามเราชอบจะได้ไม่ขัดเคืองใจเวลาท่อง
    นั่งสบายๆๆแล้วทำตามกระแสใจเราไปก่อนดูลมหายใจกำหนดคำภาวนา ตรงนี้ทำให้สบายๆๆอย่าฝืนมันท่าทำอะไรที่ไม่สบายใจมันจะเกิดความขุ่นมัวจิตจะฟุ้ง ทำตามสบายๆๆ
    ไม่ต้องข่มอะไรท่ามีความคิดเกิดขึ้นมาก้กลับมาอยู่ที่ลมหายใจอยู่ที่คำภาวนา ตรงนี้อารมต่างๆๆจะไม่ฟุ้งเลยท่าเราปรับตัวเราไห้สบายๆๆแลพอใจที่จะทำสมาทิ และเรารุ้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรความรู้ตัวพร้อมจะไม่ทำให้ง่วงรึคิดเรื่องอื่นเลยนอกจาลมหายใจ

    ตรงนี้สำหรับบางคนที่ยังไม่พอใจในอารมการดูลมหายใจเพียงอย่างเดียว เพราะบางทีมันไม่เห็นมันไม่เข้าใจมันจับอารมไม่ได้ไม่รู้เรื่องว่าเป็นอย่างไรก้กำหนดภาพขึ้น

    จะกำหนดภาพหำหนดสีรึอะไรก้ได้ที่ตนถนัด ที่เกี่ยวเนื่องกับการมองเห็นก้ มีสีขาว แสง แล้วก้ไฟ แต่จะกำหนดภาพอย่างไรก้เอาตามใจ เพราะท่าไปเอาตามคนอื่นใจเราไม่ชอบมันก้อยยุ่กับภาพไม่ได้มันไม่ชอบใจ ณ ตรงนี้เราต้องตามใจไปก่อน กำหนดภาพแล้ว เราก้มองภาพไปเรื่อยๆๆพร้อมคำภาวนาพร้อมลมหายใจ พร้อมความสบายๆๆ

    ท่าอย่างนี้ไปเรื่อยๆๆไม่จำเป็นต้องนาน เพียงทำไห้ได้ครบแบบนี้ บ่อยๆๆ เด่วมันชินเอง ทีนี้ จะสงบรึไม่สงบก้กำหนดได้ จะมีคนมากคนน้อยเสียงดังไม่ดังก้ทำได้

    ดูลมหายใจท่องคำภาวนาดูภาพที่กำหนด ทำบ่อยๆๆจนชินแล้ว มีอารมสบายๆๆแล้ว สิ่งที่เป็นเดล็ดลับก้คือต้องรู้ตัวพร้อมด้วยอาการอย่างอื่นจะไม่แทรกมาก จะทำไห้มากขึ้นก้ทำไห้นานขึ้น ท่าเรารู้ตัวมากอยู่กับสิ่งที่เราทำมากมันก้เกิดสมาทิมาก ภาพเละคำภาวนาก้ทำไปเรื่อยๆๆมันจะเปลี่ยนแปลงไปเองก้อย่าไปสนใจเรากำหนดอยู่อย่างเดิมเราจะรู้ได้ว่าสิ่งนี้มันแปลกปลอมสิ่งนี้เราไม่ต้องการ ทำสมาทิได้ระดับนี้ก้ถือว่าเริ่มได้ สมาทิขั้นนึงแล้ว
    ต่อไปก้ ทำแบบเดิมมองไปเรื่อยๆๆความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเอง การเห็นสิ่งที่อยากเห็นก้จะไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่เรื่องพวกนี้เป็นเพียงสิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ธรมที่ดีกว่ายังมีอย่าหลงไปติดใจซะล่ะ

    สิ่งที่ทำนั้นเป็นเพียงการทำจิตใจไห้มีสมาทิให้รู้ตัวเองให้มีความสงบ ทำแล้วก้อย่าอยุด เมื่อมีสติมีสมาทิแล้วก้ลองมองไห้เห็นความจริงของสภาวะต่างๆๆ เริ่มจากรู้ใจตัวเองก่อน
    ...... etc ค่อยๆทำไป
     
  13. cap5123

    cap5123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +85
    ศรัทธาบังเกิดปัญญา
     
  14. เซ้น

    เซ้น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +5
    อนุโมทนากับทุกๆความเห็นครับ ผมเองก็ยังไม่รู้อะไรมากเพราะปัญญายังน้อยแต่อยากแนะนำว่าทำใจตัวเองให้นิ่งก่อนนะครับและก็อย่าหวังอยากในทุกๆสิ่งที่จะได้จากการทำสมาธิหรืออะไรก็แล้วทุกอย่างที่จะได้มาคิดว่าเป็นแค่ของแถมนะครับ คุณเริ่มเห็นป้ายทางเข้าแล้วหละถ้านั่งเองไม่ได้จริงๆก็ลองไปตามลิงค์ที่คุณphanudetก็ได้ครับผมก็ได้ความรู้จากท่านนี้พอสมควรสุดท้ายขอบคุณทุกๆท่านที่แบ่งปันและแชร์คำแนะนำดีๆต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันครับถ้าตัวผมเองเกิดปัญญาบ้างแล้วมีโอกาสก็จะพยายามมาแนะนครับ
     
  15. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,280
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    อย่าไปอยากรู้อยากเห็นอะไรเลยครับ เเต่ถ้าเ้อาจริงๆ ถ้าเราหมั่นทํา หมั่นปฏิบัติทุกวัน เมื่อถึงเวลาเเล้ว เขาจะมาให้เห็นเอง เเต่อย่าไปยึดติดเป็นอันขาดครับ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นกิเลสไป ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเเก่ตัวเราในการบรรลุธรรม วิธี basic ที่ทําทั่วๆไปกันก็ นั่งขัดสมาธิ หลับตา หายใจเข้า พุท ออกโธครับ อ้อ ให้มือขวาทับมือซ้ายด้วยครับ อนุโมทนาครับ ในขณะที่ทํา ถ้าใจคิดอะไรช่างมันครับ อย่าไปสน ครั้งเเรกๆอาจคิดอยู่ เเต่ถ้าเราทําไปได้ทุกวันอย่างสมํ่าเ้สมอ อีกหน่อยเราจะสงบลงเองครับ ขออย่ายอมเเพ้เป็นพอ ขอให้โชคดี เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ จขกท เอาใจช่วยครับ
     
  16. ขอบคุณมาก

    ขอบคุณมาก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาชี้แนะทางสว่างให้นะคะ
    ขออนุโมทนาให้ทุกๆ ท่านค่ะ
    แล้วจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดนะคะ

    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
     
  17. ธาตุ 4

    ธาตุ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +110
    ถ้าคุณยังไม่ตัดกังวล 10 อย่าง อย่าพึงทำกรรมฐานนะ เพราะอาจเป็นบ้าได้ อีกอย่างถ้าศีลไม่ครบหรือรักษาไม่ได้ก็มีผลร้ายกับตัวเองได้
    แต่คุณก็สามารถเรียนก่อนได้ ขั้นตอนนี้ไม่ต้องตัดกังวลทั้งหมดก็ได้
    ขั้นต้นเรียนการท่องธาตุกัมมัฏฐาน 4 ก่อน ท่องให้ได้ก่อน
    จากนั้นก็พิจารณาว่าร่างกายเราเป็นเพียงดิน น้ำ ไฟ ลม ประชุมกัน ไม่ใช่ตัวเรา แยกร่างกายออกให้ได้นะ แยกตรงนี้ได้ก็ถือว่าดีแล้ว
     
  18. ขอบคุณมาก

    ขอบคุณมาก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    รักษาศีลคืออะไรคะ พอดีไม่ใช่พุทธศาสนิกชน โดยสายเลือด แต่ส่วนตัวแล้ว เข้าไหว้ทุกวัดของทุกศาสนาค่ะ ที่พอทราบการรักษาศีลของพุทธคือศีล๕ ใช่มั้ยค่ะ มีอะไรมากกว่านั้นมั้ยคะ เพราะถ้าของคนอินเดียแล้วเนี่ยการรักษาศีล คือการถือศีลอด หรือ การงดพูด ด้วยนะค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ศีล5 นั่นแหละครับ สำหรับคนธรรมดา

    แต่ศีลในพุทธศาสนานั้น มีหลายระดับ ทั้งระดับฐานะความเป็นอยู่
    และระดับ วุฒิปัญญาการฝึกฝน ซึ่งเป็นอย่างไรนั้นคงยากเหมือนกัน
    ที่จะอยู่ดีๆ ไปทำความเข้าใจ

    เอาแบบนี้ ผมมีวิธีง่ายๆ ให้คุณระลึกรู้

    ศีล นั้น เป้าหมายก็คือ การคุ้มครองจิตให้สดใส่ ผ่องแผ่ว ควรแก่การงาน

    และที่สำคัญ เป็นหัวใจเลยนะครับคือ การรู้สึกตัว ไม่ลืมตัว

    เราก็มาเอาตรงหัวใจ "การรู้สึกตัว ไม่ลืมตัว" นี่แหละมาดู

    คุณเป็นคนประเสริฐ เข้าได้ทุกวัด แลทุกศาสนา เข้าไปแล้วแน่นอนย่อมได้ความสุข
    แต่มันก็ไม่ทุกครั้งเสมอไป บางที่เข้าไปเห็นอะไรแปลกๆ รับไม่ได้ ก็เกิดความขุ่นมัว

    ขุ่นมัวยังไม่เท่าไหร แต่เมื่อไหร่ ลืมเนื้อลืมตัว โพล่งอะไรออกไป สกิดใครให้ดูอะไร
    แล้วแสดงความไม่เข้าใจออกไป แบบนั้นจะทั้ง ลืมตัว และ ขุ่นมัว หายสองเด้ง

    แต่บางครั้งเราไปเห็นพิธีกรรมอะไรดีๆ จะเห็นเลยว่า จิตใจเราจะศรัทธา พอศรัทธา
    ปุ๊ปสังเกตดีๆว่า เราลืมตัวตนเราไปหรือเปล่า ศรัทธามากๆ สังเกตุดีๆ ว่าตอนนั้น
    ลืมกายลืมใจตนที่เป็นไปแล้ว จิตมันไปอินกับพิธีกรรมนั้น จิตไปเกาะที่คนที่แสดง
    พิธีกรรมนั้น เลื่อมใสคนๆนั้น ลืมตัวเองไปเลย

    การลืมตัวเองแบบนี้ ใจลอยออกไปจากตัวเราแบบนี้ จะไม่เกิดขึ้นในศาสนาพุทธ
    หากผู้สอน หรือ ผู้แสดงพิธีกรรมเล็งเห็นว่าคุณส่งจิตไปอยู่กับเขา เขาจะเตือน ยก
    เว้นพวกแอบแฝงพุทธเขาจะไม่ห้ามปราม พอเขาหวังผลพลอยได้จากการที่จิตคุณ
    พุ่งออกไปเกาะตัวเขา ซึ่งมักจะตามมาด้วยการเรี่ยรายเหมือนกันหมด

    ก็จะเห็นว่า เราสามารถรักษาศีล ความปรกติของใจได้ง่ายๆ โดยการยึดหลักการว่า
    ต้องไม่ "ลืมกาย ลืมใจเรา" จิตพุ่งออกไปเกาะเกี่ยวอะไร ไหลออกไป ลืมกายลืม
    ใจตนเมื่อไหร่ให้รู้เลยว่า กำลังผิดศีล ไม่รักษาจิต ไม่รักษาใจ

    เมื่อระลึกให้ จิตระลึกรู้อยู่ที่กาย ที่ใจตนไว้เนืองๆ จะเห็นเลยว่า จิตเราบังคับบัญชา
    ไม่ได้ หากมีเหตุกระทบก็มักออกไปเกาะเกี่ยวอะไรข้างนอกแล้ว เกาะได้ทั้งดี และ
    ไม่ดี และกลางๆ แต่ไม่ว่าเกาะอะไร ก็ล้วนทำให้ลืมกาย ลืมใจทั้งสิ้น

    เราก็ดูไปแบบนั้นแหละ มันออกไปก็รู้ มันจมอยู่แต่ในกายในใจก็รู้ ก็ดูมันทำงาน
    ของมันไป จนยอมรับความเป็นจริงว่า จิตนั้น เขาเป็นอนัตตาบังคับไม่ได้ เป็นทุกขัง
    อยากให้เกาะเรื่องนี้นานๆก็ไม่ได้ เป็นอนิจจังมันจะเกาะอะไรก็ห้ามไม่ได้เลย พอประจักษ์
    แบบนี้ก็จะเข้าใจจิต พอเข้าใจธรรมชาติของจิต รู้ทุกขสัจจของจิต มันน่าแปลก
    ที่ว่า เราจะวางจิตวางใจไม่ฉวยจิตฉวยใจมาอุปทาน แต่ก็ไม่ทิ้ง หรือปฏิเสธในการมีมัน

    เมื่อนั้นจะเข้าใจว่า ศาสนาพุทธสอนศีลอย่างไร
     
  20. thipwanh

    thipwanh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2008
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +870
    ขอโมทนา สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...