ผมเพิ่งอายุ15ครับ ...อยากฝึกทำสมาธิมั่ง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สายน้ำตะวันออก, 20 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. สายน้ำตะวันออก

    สายน้ำตะวันออก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +80
    คือต้องเริ่มจากยังไงมั่งครับ วันละกี่นาที อยากได้ถึงระดับ อุปจารสมาธิ น่ะครับ เพราะผมเป็นคนที่ชอบพุทธคุณของพระเครื่องมาก

    ผมอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นจับพลังพระเครื่องได้นะครับ อีกอย่างทำให้ผมมีสมาธิและสงบจิตสงบใจได้ด้วยน่ะครับ

    ขอบคุณ น้าๆ อาๆครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    ดูสิ เมื่อเราเอาก้อนหินมาสวดคาถา เราตรึกตราเอาว่าก้อนหินนั้นวิเศษ
    เราบูชาก้อนหินเพราะเราตรึกตราว่าก้อนหินนั้นวิเศษ
    เราเคารพนำก้อนหินไว้ที่สูงนั้นเพราะเราตรึกตราว่าก้อนหินนั้นวิเศษ

    ดูสิทุกวันนี้เราทุกข์เพราะมีตัวเราของเรา เช่นเดียวกับก้อนหินนั้นแล ความศักดิ์สิทธิ์ของก้อนหินนั้นก็เกิดจากใจเราเช่นเดียวกัน หากเราไม่ตรึกตราว่าสิ่งนั้นวิเศษ ก้อนหินก้อนนั้นย่อมเป็นสิ่งธรรมดาหาค่ามิได้ ไร้ค่าซึ่งควรกอดรัด

    ดูสิเงินทองมีค่าเพราะเราสามารถนำไปแลกเปลี่ยนสิ่งของที่เราต้องการได้
    เราจึงตรึกตราว่าเงินทองเป็นสิ่งมีค่า ดังนั้นความมีค่าของเงินเกิดขึ้นจากจิตใจเราเอง เงินทองกับก้อนหิน นั้นไม่ต่างกันเลย

    ดูสิ ความสุขและสิ่งวิเศษจากสมาธินั้นแล เราตรึกตราเอาว่าเป็นสิ่งวิเศษ เป็นสิ่งที่เที่ยงสมบูรณ์ แต่ความวิเศษและเที่ยงสมบูรณ์นั้นเกิดจากใจเรานั้นเอง ความสุขคืออารมณ์ธรรมดา ความวิเศษคือตรึกตราเอานั่นเอง ความสุขแลสิ่งวิเศษเปรียบเหมือนความศักดิ์สิทธิ์ของก้อนหินนั้นแล ไร้คาซึ่งควรกอดรัดและยึดถือ

    อยากหาทางหาไม่เจอ เหนื่อยนัก นั่งพักไม่หาทางหายเหนื่อย
     
  3. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    เอ้า เริ่มฝึกเลย

    พุท-โธ (อานาปานสติ) ซะหน่อยๆๆๆ
     
  4. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ทุกคนเกิดมาบนโลก ถึงจะมีของเก่าติดมาบ้าง ก็ต้องนับหนึ่งใหม่หมดทุกคน

    บุคคลมีหลายประเภท (ดั่งพระพุทธพจน์ว่าบัว 4 เหล่า:ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

    คนที่นับถือพระที่ใจก็ดีได้
    คนที่นับถือพระที่เครื่องรางก็ดีได้
    คนที่นับถือธรรมคำสั่งสอนก็ดีได้
    คนที่นับถือการปฏิบัติสมาธิก็ดีได้
    สำคัญที่....
    คนที่นับถือพระที่ใจ ก็อย่าลืมทำใจให้เป็นพระ
    คนที่นับถือพระเครื่องราง ก็อย่าลืมนึกถึงพระเครื่อง(อาราธนา)อยู่เสมอ
    คนที่นับถือธรรมคำสั่งสอน ก็อย่าลืมปฎิบัติตามธรรมคำสั่งสอน
    คนที่นับถือการปฏิบัติสมาธิ ก็อย่าลืมปฏิบัติสมาธิเองด้วย

    ธรรมะ เป็นของมีอยู่คู่โลกธาตุ ในโลกนี้หากพิจารณาตามความจริง ล้วนเป็นธรรมคำสั่งสอนอันเลิศทั้งสิ้น

    หินก้อนเดียว อาจทำให้บุคคลถึงธรรมอันอุดมได้

    ลองเข้าไปอ่านเว็บพี่ดูนะ เวลาฝึกกรรมฐานกองแรกก็อานาปานุสตินี่แหละดี
     
  5. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    แนะนำเพิ่มเติม จากท่านอื่นๆ...

    ถ้าต้องการ กรรมฐาน อย่างจริงจัง ต้องทำ พื้นฐาน ของพระกรรมฐานด้วยนะครับ...

    พื้นฐานที่สำคัญยิ่ง ของ พระกรรมฐาน คือ

    1. ศีล (ศีล 5 หรือ 8 ก็ได้ตามสะดวกเถิด)
    2. ทาน (ถ้ายังไม่มีเงินมาก ก็ ทำบุญหยอดกระปุกที่บ้าน วันละ 1 บาท รวบรวมได้พอสมควร แล้วนำไปถวายเป็นสังฆทาน หรือซื้อข้าวใส่บาตรก็ได้ครับ)
     
  6. พุทธธรรมจักร

    พุทธธรรมจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +159
    ก่อนอื่นขอโมทนาสาธุ....ด้วย..อายุยังน้อยอยู่(แต่ผู้เขียนอายุ..ไม่ค่อยน้อยอยู่มีแต่มากไป....เรื่อยๆ)ก็สนใจใฝ่รู้และปฏิบัติธรรมเรื่องขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว...เรื่องการฝึกพระกรรมฐานนั้นก็มีอยู่ 2 อย่างคือสมถกรรมฐาน(เกี่ยวกับการฝึกสมาธิ)กับวิปัสสนากรรมฐาน(การพิจารณาโดยใช้ปัญญาให้รู้เท่าทันกับสภาพความเป็นจริง.รู้แจ้งเห็นจริง...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)....ก็อยากจะแนะนำให้ฝึกทั้งสองอย่างควบคู่กันไป..สมถะไม่หลุดพ้น(จากการเวียนว่ายตายเกิด)ก็จริงแต่ก็เป็นพละ..กำลังให้วิปัสสานา(การไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก)..มีเรี่ยวมีแรงไว้ต่อสู้กับกิเลสทั้งหลาย(มาร...ตัวขวางไม่ให้ไปไหน..เหมือนกรงขัง..หรือฉุดรั้งให้ห่างจากความดี)..ถึงไม่สามารถตัดขาดกันไปได้...ก็พอสงบระงับให้..ทุเลา..เบาบางลงไป...ก่อนอื่นก็ทำใจให้สบาย..คลายวิตก...กังวล..ในเรื่องต่างๆ...ไม่ว่าเรื่องของเรา...เรื่องของคนอื่น..เรื่องของการเล่า..การเรียนเป็นต้น..ให้รู้สึกสบาย..สงบระงับ.เยือกเย็น...เย็นอก..เย็นใจดีแล้ว...(สำคัญมาก.....ต้องสบายๆๆ..รู้สึกดี..จึงจะปฏิบัติสมาธิได้ดี...อย่าอยากรู้หรืออยากเห็นอะไร..ใดๆทั้งสิ้นวางใจเป็นกลาง....ให้นิ่ง..ให้เฉย...อยู่อย่างนั้น..หยุดทุกอย่าง...หยุดในหยุด)แล้วลองพิจารณาดูว่า...ศีลห้า..มีอะไรบ้าง...(ก็ท่องนับไปเรื่อยๆทั้งห้าข้อ)...เราเว้น..สังวร...ตัดขาดกับมัน..ในช่วงที่จะฝึกทำสมาธินี้พอไหวไหม...(เริ่มจากตอนเริ่มฝึกก่อน...แล้วค่อยพัฒนาไปสู่ขณะ..เวลาอื่นต่อไป)จากนั้นก็ไหว้พระสวดมนต์(จะสวด..หรือสวดเอาไว้ในใจก็ได้...เพราะเราฝึกเวลาไหน..และที่ไหนก็ได้..ทั้งเช้า..สาย...บ่าย....เย็น)เริ่มจากนะโม..ก่อน..นะโม..ฯ สามจบ..จบแรกให้น้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้าในอดีต มีองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมต้นเป็นประธาน...จบที่สองให้น้อมนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน..ผู้ซึ่งเรากำลังปฏิบัติตามคำสั่งสอนท่านในปัจจุบันหรือในขณะนี้...จบที่สามน้อมระลึกถึงองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าในอนาคตการที่จะมาถึง....โดยตั้งแต่สมเด็จพระอริยะเมตไตยเป็นต้นไป...ที่ทรงจะตรัสรู้โปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายในอนาคตเบื้องหน้า...จากนั้นก็สวดมนต์บทต่างๆตามชอบใจ.......แล้วก็อธิษฐาน....ขอพระองค์ทรงมาโปรด...จงมาช่วยคุ้มครอง..และแผ่บุญบารมี...พุทธรังสี...กำลังฤทธิ...กำลังเดช...สิทธิ...อำนาจเฉียบขาด...กำลังสติปัญญา...(ก็ตามแต่ผู้ฝึกจะอธิฐาน........เอาเองเทอญ)เมื่อรู้สึกสงบระงับ...ใจนิ่ง..ใจหยุด...ไม่สอดส่าย..แส่...ดิ้น...หรือคิดนึกไปต่างๆนานา...รู้สึกสบายๆ...ก็นั่ง(หรือนั่งอยู่แล้ว)ก็หลับตาลงเบาๆ..คล้ายคนกำลังจะหลับ(ตอนเราจะหลับจะนอนแล้ว)..ปะเปลือกตาเบาๆ...ค่อยๆคลายจากอารมณ์ความรู้สึกต่างๆๆที่ไม่สบายออกไปอีก....จากนั้น(ห้ามหลับ)...ก็กำหนดคำภาวนา......ตามแต่ถนัดหรือชอบใจก็ได้ไม่ว่าจะพุทโธ...สัมมาอรหัง...นะมะพะทะ...เป็นต้น..เอาอย่างเดียวพอ(เท่านั้น)...ให้กำหนดพร้อมกันกับลมหายใจเข้าออก...หายใจเข้าว่า นะมะ....หายใจออกว่า พะทะ....(ผู้เขียนใช้คำภาวนาอย่างนี้)ว่าอย่างนี้.......ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ.....พอสงบ..ระงับก็เป็นอันพอใช้ได้แล้ว(บุญมหาศาล)...ถ้าพิจารณาดูแล้ว...ฝึกจิต..แลสมาธิ...รู้สึกสงบระงับดีขึ้น(อย่าอยากรู้อยากเห็น..ให้วางใจเป็นกลาง..วางเฉยเข้าไว้...เฉยในเฉย..หยุดในหยุด...นิ่งในนิ่ง)ก็สามารถพลิกภูมิรู้...ภูมิธรรม...ตามแต่สติ...ปัญญา...บุญ...วาสนา..ของตัวเราได้..ไปต่างๆนานา..ตามหนทางที่เราเลือกเดินหรือตามที่ครูบา...อาจารย์ที่เราไปฝึก....ไปกราบตัวขอเป็นลูกศิษย์ของท่าน(เนื่องจากผู้เขียนฝึกมาก...ที่มากคือหลายสำนัก..หลายวิชชา..หลายตำรับ..ตำรา...หลายครูบา..อาจารย์...ค่อนข้างล่อมาซะหมด..เนื่องจากเป็นพุทธภูมิเก่า....ก็ขอแนะนำให้ฝึกเสียอย่างหนึ่งอย่างใดให้ชำนิ..ชำนาญก่อนก็จะเป็นการดี...จะได้ไม่สับสนและบรรลุธรรมได้เร็ว..แลพัฒนาไปสู่วิถีสมาธิที่เป็นเอกคตารมณ์...คือหนึ่งเดียวได้โดยง่าย)..คือถ้าจะเอากำไร...และของแถม...ของการนั่งสมาธิ(ฝึกครั้งเดียวได้หลายอย่าง)ก็ลองเพ่ง(ไม่ต้องลองปฏิบัติเลยก็จะดีมาก)พระพุทธรูป...เอาองค์ที่เราชอบหรือเคารพ..นับถือ...องค์ไหนก็ได้..เพ่งจนติดตา....พร้อมภาวนาไปด้วยเช่นนะมะพะทะ....แล้วเอาองค์พระที่เราเพ่งจนติดตา....ไม่ว่าลืมตา...หรือหลับตานั้น(ถ้ายังไม่ติดตา....ก็พยายามดู..เพ่ง..อยู่อย่างนั้นอย่าย่อท้อ..คงติดตาติดใจเข้าสักวัน..คนอื่นทำได้..เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน....มีตัวมีตน..10 นิ้วสองมือเหมือนกัน)เอาองค์พระประดิษฐานไว้ในตัวเรา...ไว้ในอก...บนหัวก็ได้...อย่างใดอย่างหนึ่งหรือศูนย์กลางกายก็ได้..คือกลางตัวเรา....หน้า..หลัง...ซ้าย..ขวา..กลางอย่างนั้น...สะดือ(ซึ่งอยู่จากตรงกลางที่ว่าแล้ว)ยกเหนือขึ้นไปสองนิ้วก็จะเป็นศูนย์กลางกายของเรา....(ผู้เขียนใช้อยู่...ที่ศูนย์กลางกาย....ให้ผลดีมากและสามารถต่อวิชชาและภูมิรู้ภูมิธรรมต่างๆนานา....)เพ่งจนองค์พระใส...ใสเป็นแก้วประกายพรึก......การฝึกนั้นควรที่จะฝึกทุกวัน..เวลา..และจำนวนนั้น..เท่าไรก็ได้...แต่ควรฝึกต่อเนื่องอย่าให้ทิ้งช่วง..เหมือนน้ำที่ออกจากก๊อก..ฝึกมากน้ำก็ไหลจากก๊อกมาก(ได้มาก)เต็มตุ่มเต็มถังเร็ว..ฝึกน้อยสมาธิที่ได้ก็ไม่ค่อยจะเต็มตุ่มเต็มถัง....ฝึกกระปิด...กระปอย..เหมือนน้ำออกจากก๊อกบางไม่ออกบ้าง...ไม่ฝึกก็ไม่ได้อะไรเลย...ส่วนต่อไปที่เหลือ....ฝึกได้ระดับขั้นนี้แล้ว..ภูมิธรรมองค์ความรู้คงเกิดขึ้นเองและสามารถพัฒนาต่อไปเองได้แล้ว...ก็จะไม่ขอกล่าวถึงต่อไป...(ส่วนการจับพลังพุทธคุณพระเครื่องฝึกให้ได้ระดับนี้...ก็น่าจะเป็นการ....ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว..จับพระไว้ในมือทำใจให้สงบระงับนิ่งเฉยไว้..เอาจิตไปกำหนดวางไว้ที่มือ...ผลก็น่าจะปรากฏเอง.....ก็ไม่ขออธิบายเพิ่มเติม..เรื่องฤทธิเรื่องเดช..บางทีก็เป็นเหมือนดาบสองคมเหมือนกัน...ถ้าพลิกภูมิปัญญาไม่พอ)ก็ขอจบไว้เพียงแค่นี้...มีความปลื้มปิติ..โมทนากับความตั้งใจดีของผู้ตั้งกระทู้ถามด้วย...กับการปฏิบัติธรรม..(อายุเท่าลูกผู้เขียน)......เลยเขียน...เลยเล่ามาเสียยืดยาว....(ไม่รู้หลับไประหว่างอ่านแล้วหรือยัง)...ก็ขออภัยในส่วนที่ตกหล่น....พลาดพลั้ง.....ไปบ้างก็แล้วกัน...............ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่สาธุชน....ทุกท่าน.....ทุกคน........เทอญ..................สาธุ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  7. sornchai-k

    sornchai-k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +672
    โมทนาครับ
     
  8. seberton

    seberton เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2006
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +655
    ว้าว ขอบคุณครับ ท่านพุทธธรรมจักร ผมอายุ 17 ปี ก็เข้ามาเวบนี้โดยบังเอิญ แล้วก็ชอบก็ดูทุกครั้งที่เล่นเน็ตเลยครับ
    ผมจะพยายามฝึก ปล่อยวางจิตใจ ให้โล่งไม่มีสิ่งใดเลยใช่เปล่า แล้วละลึกคุณพระพุทธ

    แต่ผมชินกับการ หายใจเข้า พุธ ออก โธ คับ ก็จะฝึกจะพยายาม

    กว่าจะอ่านจบ เกือบตายลา (ตาลาย ครับ) ถ้าฟังๆ ก็โอเคนะคับ เหอะๆ

    พอฝึกตามท่านแล้ว จะส่งผลยังไงบ้างคับ
     
  9. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ยังไงก็รีบหาครูบาอาจารย์ที่ท่านถือสมณะให้ท่านช่วยสอนน๊ะครับ เป็นกำลังใจให้ครับน้องชาย
     
  10. สายน้ำตะวันออก

    สายน้ำตะวันออก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +80
    ขอบพระคุณคุณน้าคุณอานะครับ

    ผมมีญาติครองสมณอยู่ด้วยอ่ะครับ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดในสมุทรปราการ ผมว่าท่านไม่ใช่พระสายวิปัสนาน่ะครับเพราะเป็นวัดที่อยู่ในตัวเมือง ตอนนี้ท่านให้ผมลองไปเรียนบาลีจากหนังสือดู

    ไว้ประมาณอาทิตย์หน้าผมจะลองเลยไปถามท่านดูที่มหาชัยน่ะครับ

    ขอบพระคุณอีกครั้งครับ
     
  11. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
  12. วิปจิตัญญู

    วิปจิตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +850
    ก่อนอื่นต้องอนุโมทนาด้วยครับ และเป็นเรื่องน่ายินดีอยางยิ่งที่อายุยังน้อยแต่ใฝ่ทางธรรม เป็นผู้มีบุญนะครับ

    ส่วนเรื่องของกรรมฐานถ้าจะให้ตรงจริต ขอให้ไปฝึกกับครูบาอาจารย์ครับ แนะนำที่วัดท่าซุงครับ

    ถ้าฝึกด้วยตัวเอง ขออย่าได้เร่งลัด อยากได้โน่นนี่ ขอให้จิตสงบเป็นพอครับ ถ้ารู้สึกว่านั่งสมาธิ เท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ นั่นแหละ คุณน้อง ได้อุปจารฌาณแล้วครับ ( เกิดปีตินั่นเอง ) แต่อย่าไปติดสุขครับ ถ้าจิตสงบอย่างนี้แล้วให้ใช้อารมณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ โดย วิปัสสนา ดูกายของเรา ดูเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นยังไง แล้ว เบื่อมั้ย ไปนิพพานดีกว่า เป็นต้นครับ ถ้าจิตสงบเป็นอุปจารสมาธิแล้ว นั่งต่อไปๆ ก็จะเข้าสู่ ฌาณ 1 - 4 ครับ ตามความสงบที่เราจะได้ตามลำดับครับ

    ขอโมทนาบุญจากกการทำจิตสงบ ที่น้องทำนะครับ [b-wai]
     
  13. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,268
    แนะนำ

    เอาแบบง่ายๆ แต่ได้ผลดีเยี่ยม

    ----------------------------------------------------------

    ต่อไปนี้ เป็นแนวปฏิบัติสมาธิของ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล
    (ท่านเป็นศิษย์เอกองค์หนึ่งและผู้รับใช้ใกล้ชิด ของหลวงปู่มั่น)

    1.ตั้งวัตถุประสงค์การทำสมาธิ ไว้ที่อย่างเดียว คือ "เพิ่มพลังจิต"

    เพราะ....
    ความสงบของจิต-ฌาน-ญาณ และ เรื่องอิทธิฤทธิ์ความสามารถพิเศษอื่นๆ
    ล้วนแต่เป็นผลพลอยได้ ที่เกิดจากการเพิ่มของพลังจิต
    และ เป็นการนำพลังจิตไปใช้งาน

    * ดังนั้น นั่งแล้วสงบหรือไม่ กับ จะได้ความสามารถพิเศษหรือไม่
    จึงไม่ใช่สาระสำคัญที่สุดของสมาธิ *

    ขอให้ขยันเพิ่มพลังจิตเข้าไว้ สักวันก็ย่อมถึงได้เองแน่นอน
    (เพราะ แก่นแท้ จึงคือ พลังจิต เท่านั้น)

    -----------------------------------------------------------------

    2.การทำสมาธิ มีดังนี้

    1)ให้เอาความรู้สึกวางไว้ที่จุดหนึ่งจุดใดก็ได้เพียงจุดเดียว ตลอดเวลาที่ทำสมาธิ
    (เช่น หน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, ปลายจมูก, กลางหน้าอก, สะดือ เป็นต้น
    โดยเลือกจุดที่รู้สึกสบายที่สุด)

    2)พร้อมกันนั้น ให้นึกคำว่า "พุทโธ" ในใจ ไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่ทำสมาธิ

    วิธีนี้หลวงพ่อบอกว่า "เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และตรงจุดที่สุด ใครๆก็ทำได้"
    (วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องนึกถึงลมหายใจ)

    -------------------------------------------------------------------

    3.วิทิสาสมาธิ
    คือ การทำสมาธิทีละน้อย อย่างต่อเนื่อง แต่ได้ผลมากมหาศาล
    (เหมือนหยดน้ำฝน แม้หยดเล็ก แต่ถ้าหยดต่อเนื่อง ก็กลายเป็นมหาสมุทรได้)

    มีวิธีง่ายๆ คือ
    1) นั่งสมาธิ ครั้งละ 5 นาที
    2) ทำวันละ 3 ครั้ง คือ ตื่นนอน-กลางวัน-ก่อนนอน
    3) ต้องทำ ทุกวัน (ห้ามขาด)

    หลวงพ่อบอกว่า วิธีนี้ทำแค่ 1 เดือนก็อาจเห็นผลแล้ว

    --------------------------------------------------------------------

    ทำง่ายๆ ตามแบบที่แนะนำมานี้ ก็น่าจะพอถึงอุปจาระสมาธิได้แล้วครับ

    ส่วนการทำความสามารถพิเศษต่างๆ
    ช่วงแรกๆนี้ อย่าทำให้บ่อยนัก
    เพราะเป็นนำพลังจิตไปใช้งาน จะทำให้พลังจิตลดลง

    ขอให้ขยันสะสมพลังจิต ให้มีเยอะเหลือเฟือก่อน
    ถ้าถึงตอนนั้น แล้วนึกอยากจะเล่นอะไร ก็ทำได้ทั้งนั้นครับ

    -----------------------------------------------------------------

    ขออนุโมทนาในกุศลจิตครับ

    (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  14. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    ถ้ามีความตั้งใจจริง และมีความเพียร
    อุปจารสมาธิ 1 อาทิตย์ไม่เกินเอื้อมหรอกครับ

    สู้ ๆ นะครับ (^o^)/
     
  15. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ขออนุโมทนาในความตั้งใจปฏิบัติครับ...

    ธรรมะช่วยขัดเกลาจิตใจของเราให้มีความสงบ...
    เยือกเย็น...มีสติ-สัมปชัญญะ...มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม...
    อยู่เสมอ...หมั่นปฏิบัติภาวนาไปเถอะครับ...
    อย่าเพิ่งคิดไปว่าเราต้องได้ถึงขั้นนั้นขั้นนี้...
    อย่าไปมองคนอื่นนะครับ...ให้หันมามองดูที่ตัวของเราเองดีที่สุด...
    ทำตามครูบาอาจารย์...ผู้ที่แนะนำให้ความรู้แก่เรา...
    แล้วปฏิบัติภาวนาให้สม่ำเสมอครับ...ขอเป็นกำลังใจให้...
    ขออนุโมทนาครับ.....[b-wai]
     
  16. tat_gun

    tat_gun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +324
    ผมว่า น่าจะฝึกไปเรื่อยๆวันละเล้กละน้อย ไม่ต้องฝืน
    - กินข้าว อาบน้ำ ให้เสร็จ เข้าห้องน้ำทำธุระให้เสร็จ
    เมื่อตน สบาย แล้วก็เข้าไปไหว้พระ
    สวดมนตร์ซัก บท สองบท เอาพอสบายๆ สวดสั้นๆ
    แล้วก้เริ่มนั้งสมาธิเลย จะท่องว่า
    'พุท โธ'
    หรืออะไรก้ได้แล้วแต่คุณ ขอให้ถูกจริตก้พอ
    จำไว้เริ่มๆ ให้นั้งซัก 5 - 10 นาทีก่อนก้พอ
    ไม่ต้องนานมากไม่ต้องฝืน ง่วงไปนอนซะ
    เมื่อนั้งเสร็จคลายจากสมาธิให้ไปอุทิศกุศล แผ่เมตตาซะ
    แค่นี้ละครับ พุทธศาสนา ไม่ได้เป็นของยาก
    " อย่าทำให้อะไรง่ายๆกลายเป็นของยากนะ "
     
  17. samson3

    samson3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2005
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +135
    อ่าห้า อายุเท่ากันเลย แนะนำกันได้คับป๋ม งิงิ เล่นเกมส์ไปทำสมาธิไปด้วยเอาป่าว
     
  18. tobsung

    tobsung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +15
    กิเลส

    " อยากได้ถึงระดับ อุปจารสมาธิ " เอาคำว่าอยากได้ออกไปนะครับน้อง พยายามนั่งเพื่อให้จิตสงบนิ่ง ไม่ฟุ้งซ่านมีสมาธิก็พอ แล้วเราจะเข้าถึงได้เอง ถ้าน้องมัวแต่คิด เอาคำว่าอยากมาใส่ มันก็คือกิเลสเล้ว จะทำให้เราเข้าถึงความสงบนิ่งได้ยากนะครับ ตัดตัวอยาก นี้ออกไป แล้วกำหนดลมหายใจเข้าออก ให้มีสมาธิที่นิ่ง ใช้อิทธิบาท 4 ด้วยความพยายามเข้านะครับ
     
  19. Sunthron Ui

    Sunthron Ui Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +79
    อาจารย์สอนฝึกสมาธิมีมากครับ หาไม่ยาก

    ลองเอาแปลก ๆ ดูบ้างไหมครับ

    ผมเหมาเอาว่าคุณเรียนวิชาฟิสิกส์เก่งแล้ว

    จักรวาลไม่มีตัวตน ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ - งงไหม -

    จริงคือเท็จ เท็จคือจริง มีคือไม่มี ไม่มีคือมี - งงอีกหรือเปล่า -

    ถ้าไม่งง ผมยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเป็นจริง "สากลจักรวาล"
    ดินแดนแห่งความยุ่งยากสับสน ยากต่อการเรียนรู้ เพราะมีค่าตั้งแต่
    ศูนย์จนถึงค่าอนันต์

    เริ่มต้นด้วยสูตร E = mcc (c ยกกำลัง 2) อันโด่งดัง

    E คือ พลังงาน(energy) เทียบกับพลังบาปบุญคุณโทษ ที่ได้รับจากการฝึก

    m คือ มวลสาร (mass) เทียบกับจิตที่คุณจะต้องจับเพื่อใช้งาน

    c คือ ความเร็วแสงอาทิตย์มีค่าเกือบ 300000 ก.ม.ต่อวินาที

    แต่ c ที่เราอ้างอิงในการฝึกสมาธิ คือ ความเร็วของจิตที่จับมาใช้ ซึ่งมี
    ความเร็วขึ้นต่ำมากกว่า 3 เท่าของความเร็วเฉลี่ยของแสงอาทิตย์

    เพราะฉนั้นได้สูตรใหม่ ในการฝึกสมาธิ
    ขั้นต้นคุณจะได้สูตร E > 9 mcc

    นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราเข้าสมาธิเองในช่วงเวลาเดี๋ยวเดียวจึงได้บุญ
    มากกว่าการทำบุญด้วยวิธีอื่นมากนัก แต่ต้องเข้าให้ได้จริง ๆ ไม่ใช่นั่งหลับ

    ใครก็ตามที่ก่อนจุติ (ตาย) ก่อนมาเกิด เคยเดินทางอยู่ในสากลจักรวาล
    อยู่แล้ว เวลาเข้าสมาธิ ก็เดินทางตามที่เคยคุ้นเคย จึงได้
    อภิญญามาง่าย ๆ บางคนไม่ได้ฝึกสมาธิก็เกิดอภิญญาเองได้ บางคนขี้เกียจ
    ก่อนเกิดไม่เคยเดินทางในสากลจักรวาลเลย เกิดมาแล้วอยากได้อภิญญา
    บวช ฝึกสมาธิทุกวัน วันละหลาย ๆ ชั่วโมง แทบไม่ได้ อภิญญาเลย
    เพราะจับจิตไม่ได้

    กลัวงงมากขึ้น สรุปประเด็นสำคัญในการฝึกเริ่มต้น

    1. หาอาจารย์ควบคุมการฝึก ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ไม่ควรฝึกเอง
    อาจารย์ไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์ เพราะฉนั้นถ้าไม่ว่างไม่ต้องไป
    หาอาจารย์ที่เป็นมนุษย์ก็ได้ แต่คุณต้องเป็นคนสื่อฝ่ายเดียว
    จนกว่าคุณจะได้ตาทิพย์ หูทิพย์ถึงจะคุยได้คร้บ

    2. กำหนดเป้าหมายในการฝึกให้แน่ชัดแล้วตั้งอธิษฐานจิต
    ตั้งไว้สูงอาจจะไปไม่ถึง ตั้งไว้ต่ำ ถึงแล้วเปลี่ยนเป้าหมายยากกว่า
    อยากได้อย่างอื่นก็จะได้ยาก อย่างเดียวบางทีฝึกตลอดชีวิตยังไม่ได้

    3. การฝึกสมาธิอย่าขึ้สงสัย เส้นทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
    ปฏิบัติเลยครับ มีปัญหาค่อยมาปรึกษาหารือผู้รู้

    4. เมื่อสัมผัสพบอะไรที่น่ากลัว ให้ตั้งสติใช้วิธีแผ่เมตตาก่อนครับ
    ไม่ได้ผล ให้อธิษฐานจิตเชิญอาจารย์ที่ควบคุมช่วย อันนี้สำคัญ
    ไม่งั้นกายเนื้ออาจมีจิตวิปลาสได้

    5. ยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้าไว้ให้ดี อย่างน้อยศีล 5 จะช่วย
    เป็นเกราะป้องกันตัวเอง ถ้าโลภ หยิบของ ของเขาเข้า เป็นเรื่อง
    ครับ

    6. เมื่อได้อภิญญา อย่าโอ้อวด เพราะอภิญญาไม่ใช่ของเรา เขา
    มาช่วยเราเท่านั้น เวลาเขาไปเราก็ไม่มีอะไรเหลือ เราจะกลาย
    เป็นคนโกหกหลอกลวง

    7. ฤทธิ์เดชในสากลจักรวาล ไม่ใช่ฤทธิ์เดชในโลกมนุษย์ ต้อง
    แบ่งสถานะให้เป็น ไม่เช่นนั้น ได้พบจิตแพทย์เหมือนกัน

    8. เวลาออกจากสมาธิ ค่อย ๆ ผ่อนคลาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการ
    เกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติต่อกายเนื้อ เช่น ใจสั่น
    เหงื่อแตก วิงเวียน ท้องไส้แปรปรวน ถ้าจิตที่จับแรงและเร็วมาก
    จะมีอาการมาก ไม่ต้องตกใจ ให้ตั้งสติหายใจยาว ๆ นับหนึ่ง
    ถึงร้อย ถึงพันก็ได้ หายใจตั้งสติกับมาพิจารณาตัวเองว่าอยู่
    ถูกที่ถูกทางหรือเปล่า เพราะบางทียังไม่ได้กลับมาโลกมนุษย์
    แต่คล้ายกัน อย่าหลงติดกลับโลกไม่ทัน มาถึงจริง ๆ ถูกเผา
    ร่างเสียแล้ว ถ้าผิดที่เรียกหาอาจารย์ให้ช่วยเลยครับ

    นี่คือความรู้ในการฝึกจิตของผม ผมคิดว่าไม่มีเขียนไว้ในตำราที่ไหน จริงเท็จ
    เช่นไร พิจารณาเอาเอง หากมีผู้ใดต้องการให้เขียนความรู้ ประสบการณ์
    แปลก ๆ ของผม หรือมีคำถามอยากให้อธิบายแนวทางแปลก ๆ ไม่ซ้ำซาก
    ก็ช่วยตั้งกระทู้ มาคุยกันครับ

    เน้น ! ไม่ได้ให้เชื่อ แต่จริงคือเท็จ เท็จคือจริง แล้วแต่ที่ตั้งของ
    แต่ละท่าน
     
  20. BeerNP

    BeerNP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +338
    อนุโมทนาด้วยครับที่สนใจทางนี้ เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยสนใจธรรมมะกันเลย เพื่อนๆผมก้อไม่ค่อยจาสนใจกัน (ผมอายุ 17) ผมเหมือนเปนตัวตลกเลย ดีใจครับที่มีผู้ปฏิบัติธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...