กรรมเหนือหมอดู

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย deedeeman, 27 เมษายน 2009.

  1. deedeeman

    deedeeman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +258
    กรรมเหนือหมอดู
    คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ
    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

    [​IMG]

    ผมเป็นศิษย์โหร แต่มิได้เป็นโหร หลวงพ่อเจ้าคุณพระภัทรมุนี หรือมหาอิ๋น เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ ธนบุรี (สมัยนั้น) เป็นโหราจารย์ชั้นยอด สมัยนั้นมีโหราจารย์ที่ดังอยู่เพียงสองท่านเท่านั้น คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อยู่ ญาโณทยมหาเถระ) ซึ่งต่อมาเป็นสมเด็จพระสังฆราช อีกรูปหนึ่งคือพระภัทรมุนี
    แต่โหรสมัยก่อนเขามิได้ทายส่งเดช อย่างหลวงพ่อเจ้าคุณพระภัทรมุนี ท่านเป็นที่ปรึกษาทางจิตใจให้แก่ศิษย์มากกว่าเป็นหมอดู เรื่องประเภทไหนควรทาย ไม่ควรทายท่านมี "จรรยาบรรณ"
    บางทีกว่าจะทายได้สักราย ท่านคำนวณแล้วคำนวณอีกถึงสองสามวันก็มี ไม่แน่ใจท่านก็ไม่ทาย
    มีเรื่องเล่าว่า หนุ่มสาวคู่หนึ่งจูงมือมาให้หลวงพ่อกำหนดวันแต่งงานให้ ท่านดูๆแล้ว บอกว่าท่านไม่สามารถให้ฤกษ์ได้ ขอให้ไปหาสมเด็จฯวัดสระเกศ สองคนก็ไปหาสมเด็จฯ และก็ได้ฤกษ์ไป มีผู้ถามสมเด็จฯภายหลังว่า ทำไมเจ้าคุณอิ๋นไม่ให้ฤกษ์ สมเด็จฯบอกว่า "เจ้าคุณท่านดูแล้วสองคนนี้จะอยู่ด้วยกันไม่ตลอด
    แต่อาตมาถือว่า เขาเป็นคู่กันต้องได้แต่งงานกัน ส่วนต่อไปนั้นจะเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงให้ฤกษ์แต่งไป"
    ถูกทั้งสองรูป รูปหนึ่งมองว่าถ้าจะแต่งงานกันก็ควรไปได้ตลอด อีกรูปหนึ่งมองว่า ดวงมันเป็นคู่กันก็ต้องได้แต่งงานกัน ส่วนจากนั้นไป จะอยู่ด้วยกันยืดหรือไม่ เป็นเรื่องของทั้งสองคน แล้วแต่จะมอง
    เมื่อผมสอบเปรียญเก้าประโยคได้แล้ว หลวงพ่อพยายามชักจูงให้ผมเรียนโหราศาสตร์ ผมก็ยืนยันว่า ไม่อยากเป็น "หมอดู" หลวงพ่อบอกว่า โหร มิใช่หมอดู เราศึกษาโหราศาสตร์ให้เชี่ยวชาญ เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาชีวิต ไม่จำเป็นต้องพยากรณ์ใคร คล้ายจะบอกว่า โหราศาสตร์ กับพยากรณ์ศาสตร์แยกกันได้
    แต่ผมก็เห็นโหรส่วนมากท่านก็พยากรณ์ทั้งนั้น
    ผมแย้งว่าพระพุทธเจ้าท่านตำหนิเป็น "ติรัจฉานวิชชา" มิใช่หรือ ท่านตอบว่า ถ้าเอาคำจำกัดความว่า ติรัจฉานวิชชาคือ วิชชาที่ขวางต่อการบรรลุมรรคผลนิพพาน เณรเรียนนักธรรมบาลี ก็เข้าเกณฑ์นี้ทั้งนั้น
    ผมจำนนท่าน แต่ผมก็ไม่ยอมเรียนอยู่ดี ไม่งั้นป่านนี้เป็นหมอดูแม่นๆ ไปแล้ว
    หลวงพ่อเล่าว่า ปราชญ์โบราณท่านเรียนโหราศาสตร์ทั้งนั้น สมเด็จพระจอมเกล้าฯรัชการที่สี่ สมเด็จมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นต้น ก็ทรงเชี่ยวชาญโหราศาสตร์ทั้งนั้น แต่ก็ไม่เห็นท่านใช้โหราศาสตร์พยากรณ์ใครเป็นอาชีพ แล้วท่านก็เล่าเรื่องที่ต่างๆ ให้ผมฟังแล้วก็ตื่นเต้นด้วยความดีใจที่ได้รับรู้เรื่องราวเก่าๆ ชนิดจะไปหาอ่านที่ไหนไม่ได้
    ก่อนทรงศึกษาโหราศาสตร์นั้น พระวิชรญาณ (สมเด็จพระจอมเกล้าฯรัชการที่สี่) ทรงได้รับพยากรณ์จากหลวงตาเฒ่ารูปหนึ่งดูเหมือนชื่อ ทอง แห่งวัดตะเคียนว่า จะได้ราชสมบัติแน่นอน รับสั่งว่าให้เป็นจริงเถอะ จะสมนาคุณอย่างงามเลย แล้วในที่สุดก็ทรงได้ขึ้นครองราชย์จริงๆ ทรงรำลึกถึงหลวงตาเฒ่าวัดตะเคียนขึ้นมา ตั้งพระทัยจะไปนมัสการ ก็ทรงทราบว่า หลวงตาเฒ่ามรณภาพไปนานแล้ว จึงทรงปฏิสังขรณ์เป็นการบูชาคุณหลวงตาเฒ่าแล้วพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดมหาพฤฒาราม (แปลว่า วัดที่สร้างถวายพระผู้เฒ่า)
    เมื่อทรงเชี่ยวชาญในโหราศาสตร์แล้ว ก็มิได้ทรงใช้วิชาโหราศาสตร์ทำนายทายทักอะไร นอกจากทรงวิพากษ์วิจารณ์ดวงพระชาตาของพระราชโอรสบางองค์ ดังทรงวิจารณ์ดวงพระชาตากรมหมื่นพิชิตปรีชากร ที่โหรทั้งหลายว่าเป็นดวงแตก เอาดีไม่ได้ ว่าถ้าถอดดวงให้ละเอียดแล้ว กลับเป็นดวงดีอย่างยิ่งเป็นต้น
    และทรงสามารถใช้โหราศาสตร์แก่เคล็ดได้อีกด้วย ดังทรงเห็นว่าดวงพระชาตาพระอนุชาธิราชแข็งมาก จะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เมื่อถูกอัญเชิญลาสิกขาเพื่อไปครองราชย์ พระองค์จึงทรงสถาปนาพระอนุชาธิราชให้เป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งพระนามว่า พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่ากันว่าทรงแก้เคล็ดทางโหราศาสตร์
    สองสามวันมานี้มีข่าวโหร หรือหมอดูแม่นชื่อ หมอดูอีที (ขอประทานโทษถ้าฟังมาผิด) เป็นชาวพม่า ทำนายดวงนักการเมืองดังๆ มามาก หลายท่านก็ว่าทำนายได้แม่นยำ
    อย่างป๋าเหนาะท่านว่า ท่านเองก็เคยให้หมอดูอีทีทำนาย แม่นมาก "ขนาดเงินกระเป๋าผม ยังทายได้เลยว่า มีใบพัน ใบห้าร้อย ใบร้อยกี่ใบๆ และแต่ละใบเลขอะไร" แล้วท่านเล่าต่อ หมอเขาก็เตือนว่า
    ระวังจะถูกหลักหลัง ดวงทำบุญคนไม่ขึ้น หมอยังบอกว่าใครควรคบไม่ควรคบ ถึงตรงนี้เสียงนักข่าวแทรกขึ้นว่า "แล้วหมอบอกหรือเปล่าว่าคนหน้าเหลี่ยมไม่ให้คบ" ป๋าท่านก็บอกว่าไม่เอาแล้วๆ อย่าถามมาก อะไรประมาณนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2009
  2. deedeeman

    deedeeman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +258
    หมอดูที่ทายแม่นยังกับตาเห็น มีมาทุกยุคทุกสมัย แต่ส่วนมากทายอดีตและปัจจุบันค่อนข้างแม่น แต่ทายอนาคตไม่ค่อยแม่น นานๆ จะทายอดีตค่อนแม่นยำ ดังกรณีซินแส มองหน้าพระหนุ่มสองรูปกำลังเดินบิณฑบาตอยู่ แล้วก็หัวเราะชอบใจ พระหนุ่มสองรูปถามว่า หัวเราะอะไร ซินแสตอบว่า
    "ลื้อสองคงนี้จะได้เป็นพระเจ้าแผ่งลิง (แผ่นดิน)" แล้วก็หัวเราะเห็นฟันเหลือง
    คราวนี้ พระคุณเจ้าทั้งสองรูปหัวเราะบ้าง ดังกว่าเสียงของซินแส ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้อย่างไร สองคนเป็นพระเจ้าแผ่นดินพร้อมกัน!
    ถ้าซินแสแกมีอายุยืนยาวจนได้เห็นว่าอดีตพระหนุ่มสองรูปนั้นได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินจริง คือ พระสินได้เป็นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระทองด้วงได้เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
    แกก็คงหัวร่อชอบใจที่แกพยากรณ์แม่นจริงๆ
    ทำไมการพยากรณ์อดีตจึงแม่น พยากรณ์อนาคตไม่แม่น
    ตอบง่ายนิดเดียว เพราะชีวิตคนมิได้ขึ้นอยู่กับโหราศาสตร์เป็นเงื่อนไขอย่างเดียว มันย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขปัจจัยอีกมากมาย อดีตนั้น "นิ่ง" แล้ว ไม่มีเงื่อนไขอะไรมาผลักดันให้เป็นอื่นได้ เพราะฉะนั้น การทำนายทายทักจึงมักจะตรง แต่ปัจจุบันและอนาคต มันยังเคลื่อนไหวเพราะเหตุปัจจัยอีกหลายอย่าง ยังไม่นิ่ง
    เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดคือ "กรรม" (การกระทำ) ของคนๆ นั้นอง เขาทำทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีคละกันไป สิ่งเหล่านี้แหละมีแนวโน้มจะให้ผลในอนาคต ไม่ว่าดี หรือไม่ดี
    พูดอีกนัยหนึ่ง เราเป็นผู้กำหนดอนาคตเราเอง ถ้าต้องการให้ชีวิตเป็นไปอย่างใด ก็ต้องสร้างเงื่อนไขที่ดีๆ ไว้ให้มาก แล้วอนาคตจะไปดีเอง ตรงข้ามถ้าสร้างแต่เงื่อนไขไม่ดี อนาคตก็เป็นไปตามนั้น
    ลองฟังนิทานชาดกนี้ดู พระราชาสองเมืองทำสงครามกัน ผัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ถึงฤดูฝนก็หยุดพักสิ้นฤดูฝนก็รบใหม่ เป็นอย่างนี้มานาน จนมีคนไปถามฤๅษีว่า พระราชาองค์ไหนจะชนะ ฤๅษีก็ไปถามพระอินทร์อีกต่อ พระอินทร์บอกว่าพระราชาเมือง ก.จะชนะ เมือง ข.จะพ่ายแพ้ ข่าวนี้ก็ไปเข้าพระกรรณของพระราชาทั้งสององค์ที่ได้รับคำทำนายว่าจะชนะ ก็ดีใจ ประมาท เลี้ยงฉลองกันมโหฬารตั้งแต่ยังไม่รบ ไม่ฝึกปรือกองทัพให้พร้อม สบายใจว่าจะชนะแน่ ส่วนพระราชาที่หมอทำนายว่าจะแพ้ ก็ไม่ยอมถอดใจ ตั้งหน้าตั้งตาฝึกปรือกองทัพอย่างเข้มงวด วางแผนรุกแผนรับไว้อย่างพร้อมสรรพ
    เมื่อถึงคราวรบจริง เรื่องก็กลับตาลปัตร ฝ่ายที่ว่าจะชนะ ก็ถูกตีกระจุย ฝ่ายที่ว่าจะแพ้ ก็กำชัยชนะไว้ได้ พระราชาองค์ที่ฤๅษีว่าจะชนะ จึงไปต่อว่าฤๅษีหาว่าทำนายส่งเดช ฤๅษีก็หน้าแตกไปตามระเบียบ จึงไปต่อว่าพระอินทร์หาว่าทายซี้ซั้ว ทำให้แกผู้นำคำทำนายไปเผยแพร่เสียหน้า พระอินทร์กล่าวว่า
    "ไม่ผิดดอก ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน พระราชา ก.จะชนะแน่นอน แต่บังเอิญว่ามีเงื่อนไขใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ ความพากเพียรพยายามฝึกฝนฝึกปรือกองทัพของพระราชาเมือง ข. การณ์จึงกลายเป็นตรงกันข้าม"
    แล้วพระอินทร์จึงกล่าวปรัชญาว่า
    "คนที่พยายามจนถึงที่สุดแล้ว แม้เทวดาก็กีดกันไม่ได้"
    อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของเหลียวฝาน ที่มิสโจ แปลไว้ในหนังสือ โอวาทสี่ของเหลี่ยวฝาน ที่พิมพ์เผยแพร่มาหลายครั้งแล้ว
    เหลี่ยวฝานเดิมชื่อเสวียห่าย ได้พบผู้เฒ่าข่ง ผู้เฒ่าทำนายว่าจะได้เป็นขุนนาง ปีไหนจะเป็นอย่างไรบอกไว้หมด และว่าท่านเหลี่ยวฝานจะไม่มีบุตร และจะตายเมื่ออายุได้ 53 ปี
    คำพยากรณ์ของท่านผู้เฒ่า แม่นยำมาตลอด จนท่านคิดว่าชะตาชีวิตคนเราถูกฟ้าดินกำหนดมาแล้ว ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เลยไม่คิดที่จะขวนขวายพยายามต่อไป ปล่อยให้เป็นไปตามฟ้าลิขิต ต่อมาท่านได้พบพระเถระนาม ฮวิ๋นกุ ท่านได้สอนว่า ชะตาชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน อนาคตเราต้องสร้างเอง คนทำดีชะตาก็ดี ทำชั่วชะตาก็ชั่ว เมื่อต้องการอนาคตดี ต้องทำดี ถ้าประกอบแต่ความไม่ดี แม้ชีวิตดีมาแล้วก็กลายเป็นร้ายได้
    เหลี่ยวฝานได้เล่าคำทำนายของท่านผู้เฒ่าให้พระเถระฟัง ว่าที่ท่านทำนายไว้ถูกต้องแม่นยำมาตลอด ยังเหลือแต่สองข้อสุดท้าย คือจะไม่มีบุตร และสิ้นชีวิตเมื่ออายุ 50
    พระเถระกล่าวว่า ให้ตั้งปณิธานว่าจะทำดีให้มาก สั่งสมบารมีให้มาก ไม่ยอมตนอยู่ในอิทธิพลของคำพยากรณ์ต่อไป บุญกุศลใดที่ทำด้วยความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ แม้กระทำครั้งเดียว ก็เท่ากับกระทำหมื่นครั้งทีเดียว
    ท่านก็เชื่อพระเถระ ตั้งหน้าทำแต่ความดีงาม สำรวจความดีความชั่วของตนเองว่า วันหนึ่งๆทำความชั่วอะไรบ้าง ความดีอะไรบ้าง แล้วพยายามลบความชั่วด้วยความดีเรื่อยๆ จนมีความดีเพิ่มมากขึ้น แล้วท่านก็ชนะชะตาชีวิต คือได้บุตรชายคนหนึ่ง เมื่อถึงอายุ 50 ปี ก็มิได้ตายดังคำทำนายของผู้เฒ่าข่ง อยู่มาถึงอายุ 69 ปี
    ท่านจึงแน่ใจว่า คนเราถ้าไม่ขวนขวายพยายาม ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฟ้าดิน แต่กรรมเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริง นั่นคือเราต้องสร้างอนาคตของเราเอง คนที่พยายามพึ่งตัวเองด้วยการกระทำแต่ความดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมอยู่เหนือโชคชะตา
    ถ้าใครคิดว่าชีวิตถูกลิขิตมาอย่างใดก็ย่อมเป็นอย่างนั้น แก้ไขไม่ได้เลย ผู้นั้นถึงจะเป็นคนคงแก่เรียนเพียงใด ก็นับว่าโง่อยู่นั้นเอง
    :z17

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">บางท่านโจมตีศาสนาพุทธว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของทาส คือสอนให้ชนชั้นล่างยอมรับในการถูกกดขี่ โดยใช้ทฤษฏีกรรมเก่า เหมือนกับศาสนาฮินดู ที่เชื่อในเรื่อง พรหมลิขิต คือ กรรมในอดีตชาติได้ผลในชาติปัจุบัน-อนาคตของเรา พระเจ้ากำหนดแผนที่ชีวิตของเราไว้แล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

    แต่โดยแท้จริงแล้ว ศาสนาพุทธของเราลึกซึ้งกว่านั้นมาก พระพุทธองค์ทรงสอนว่า เราสามารถทำกรรมใหม่ ไปเปลี่ยนแปลงกรรมเก่าได้ ผลของกรรมใหม่ มันจะไปเปลี่ยนแปลงแผนที่เดิมของกรรมเก่าหรือพรหมลิขิตได้ เพียงแต่ผลของการเปลี่ยนแปลงนั้น มันจะเร็วหรือช้าเท่านั้น ไม่ใช่เราทำอะไร แก้กรรม(พรหมลิขิต)อะไรไม่ได้เลย ต้องยอมรับพรหมลิขิตหรือวิบากกรรมเก่าสถานเดียว

    เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ กรรมเก่าหรือพรหมลิขิตก็คือ ไอ้ที่เรากำลังเป็นอยู่และเคยเป็นมาแล้ว ส่วนกรรมใหม่ก็คือ ไอ้ที่กำลังจะทำและกำลังทำอยู่ หรือทำไปแล้วในชาตินี้แต่ยังไม่ส่งผลให้ตอนนี้

    ขบวนการของกรรมเก่าที่ได้ให้ผลหรือกำลังให้ผล ที่เรียกว่า พรหมลิขิต + กรรมใหม่ที่กำลังจะทำ ที่กำลังทำอยู่ และที่ทำไปแล้วในชาตินี้ แต่ยังไม่ส่งผลให้ตอนนี้ รวมทั้งหมดพระพุทธองค์เรียกว่า กฎแห่งกรรม

    พูดอีกแง่หนึ่ง พรหมลิขิต คือ กฎแห่งกรรมในอดีตที่มีผลต่อปัจจุบันและอนาคต มันเป็น แผนที่ชีวิตที่วางไว้แล้ว แต่ปัจจุบันและอนาคตของเราก็หาได้เป็นไปตามพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตเช่นนั้นเสมอไปไม่ เพราะเราเป็นผู้ตัดสินใจในการทำกรรมใหม่ที่เปลี่ยนแปลงพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตของเราด้วย

    เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า การเด็ดดอกไม้เพียงดอกเดียว สะเทือนไปถึงดวงดาว มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราตัดสินใจทำกรรมดีกรรมชั่วในตอนนี้ มันสะเทือนไปถึงปัจจุบันและอนาคตของเราด้วย ด้วยเหตุนี้ หมอดูดังๆจำนวนมากมักทำนายเหตุการณ์ต่างๆผิดพลาด เพราะเขารู้แต่พรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิม พรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่เขาไม่รู้ แม้แต่พระอริยะเจ้า ท่านยังทำนายพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ไม่ได้เลย ท่านรู้เฉพาะพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมเท่านั้น

    ผมจะขอยกตัวอย่างพระอริยะเจ้าที่ทำนายผิดพลาด 2 ท่าน มาเป็นตัวอย่างนะครับ


    1. หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม


    หลวงพ่อจรัญทำนายว่า.....อาตมาจะมรณภาพวันที่ 14 ตุลาคม 2521 เวลาเที่ยง 12.45 น.ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำคอหักตาย

    นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมของท่าน

    เมื่อถึงเวลานั้น หลวงพ่อจรัญท่านก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ คอหักจริงๆ แต่ท่านไม่ตาย ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อจรัญได้สำนึกบาปที่ฆ่าหักคอไก่จำนวนมาก และแผ่เมตตาให้ไก่เหล่านั้น ไก่เหล่านั้นเลยให้อภัย ท่านจึงแค่คอหัก แต่ไม่ตาย

    นี่คือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ของท่าน

    วิเคราะห์

    - หลวงพ่อจรัญมองเห็นกรรมเก่าที่จะให้ผล(ตามพรหมลิขิต/กฎแห่งกรรม)

    - หลวงพ่อจรัญมองไม่เห็นกรรมใหม่ที่จะให้ผล ท่านทำกรรมใหม่ คือ สำนึกบาปที่ฆ่าหักคอไก่จำนวนมาก และแผ่เมตตาให้ไก่เหล่านั้น

    - กรรมใหม่ส่งผลเปลี่ยนพรหมลิขิต กฎแห่งกรรมในอดีต จึงให้ผลไม่ได้เต็มกำลัง เพราะโดนวิบากกรรมดีในชาตินี้ช่วยไว้


    2. พระสารีบุตร


    ในครั้งพุทธกาล พระสารีบุตร และภิกษุอื่นๆ ต่างไม่ได้ให้พรเณรบวชใหม่คนหนึ่ง ให้มีอายุยืน เพราะวิบากกรรมของเขาต้องตาย ถึงฆาตแน่ พระสารีบุตรได้เล็งเห็นว่า เณรผู้นี้จะมรณะในอีก 7 วัน

    ท่านจึงอนุญาตให้เณรกลับไปเยี่ยมบ้าน เพื่อโปรดบิดามารดา และญาติโยมทางบ้านเป็นครั้งสุดท้าย

    นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมของเณรบวชใหม่

    เมื่อเพลาผ่านไปเจ็ดวัน เณรได้กลับมายังอารามเหมือนเดิม พระสารีบุตรเองแปลกใจว่า เพราะเหตุใดเณรคนนั้นไม่ตาย ท่านจึงได้สอบถามเณรว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทางไปและกลับ เณรได้แถลงไขว่า ระหว่างทางที่ไปนั้น ได้พบปลาจำนวนหนึ่งตกคลักในหนองน้ำที่ใกล้แห้ง จึงได้เอาจีวรช้อนขึ้นมาไปปล่อยในแหล่งน้ำที่ใกล้ๆ

    ด้วยญาณแห่งพระสารีบุตร ท่านก็ทราบได้ว่า ปลาเหล่านั้น คืออดีตเจ้ากรรมนายเวรของเณรผู้นั้นเอง และเมื่อเณรได้นำปลาไปปล่อยในแหล่งน้ำ เท่ากับว่าได้ทำบุญต่ออายุให้กับตัวเอง และเจ้ากรรมนายเวรนั้น จึงได้อโหสิกรรมให้เณร

    นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ของเณรบวชใหม่

    วิเคราะห์

    - พระสารีบุตรมองเห็นกรรมเก่า(พรหมลิขิต/แผนที่ชีวิต)ที่จะให้ผลให้เณรคนหนึ่งตาย

    - พระสารีบุตรมองไม่เห็นกรรมใหม่ ที่จะให้ผลให้เณรคนนั้นไม่ตาย ซึ่งเป็นตอนที่เณรคนนั้นเดินทางกลับบ้าน เณรไปปล่อยปลา ซึ่งเป็นการทำกรรมใหม่ ทำให้กรรมเก่าของเณรไม่ส่งผล

    มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สามารถเห็นอนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง


    สรุป


    กฎแห่งกรรมก็คือพรหมลิขิตนั่นเอง แต่กฎแห่งกรรมบอกวิธีการแก้พรหมลิขิต หรือ แก้แผนที่กฎแห่งกรรมในอดีตที่ส่งผลถึงปัจจุบันและอนาคตเอาไว้ด้วย ถ้าเราทำตามพรหมลิขิต โดยไม่แก้ไขอะไรให้ดีขึ้น ก็เท่ากับเราไม่เข้าใจกฏแห่งกรรมอย่างแท้จริง
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>:z17</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2009
  3. d.ling

    d.ling สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +23
    sa tu !sa tu !
     
  4. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    เราต้องสร้างอนาคตของเราเอง คนที่พยายามพึ่งตัวเองด้วยการกระทำแต่ความดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมอยู่เหนือโชคชะตา
    ถ้าใครคิดว่าชีวิตถูกลิขิตมาอย่างใดก็ย่อมเป็นอย่างนั้น แก้ไขไม่ได้เลย ผู้นั้นถึงจะเป็นคนคงแก่เรียนเพียงใด ก็นับว่าโง่อยู่นั้นเอง





    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ไม่มีชัยชนะใด ยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตนเอง อัตตาหิ อัตโน นาโถ

    ขออนุโมทนา
     
  5. Famza

    Famza สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +7
    ไม่มีอะไร ยั่งยืน สิ่งต่างล้วนเป็น อนิจจัง
     
  6. Famza

    Famza สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอเชิญเที่ยวงานสรงน้ำพระบรมธาตุเจ้าหริภุญชัยและทำบุญใหญ่ ในวันวิสาขบูชา

    พระบรมธาตุหริภุญชัย เป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งของจังหวัดลำพูนเป็นจอมเจดีย์องค์หนึ่งในจำนวน แปดแห่งของประเทศไทย เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สร้างในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช พระบรมธาตุหริภุญชัยเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป ประเพณีสรงน้ำพระธาตุเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่สนใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดลำพูน และจังหวัดใกล้เคียง ประเพณีนี้ ยึดถือและปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ
    ๑. เพื่อเป็นการสักการะพระบรมธาตุฯ ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่ของวัดพระธาตุหริภุญชัยวรวิหาร และนับเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ของชาวลำพูน และชาวพุทธทั่วไป ​
    ๒. เพื่อสักการะพระบรมธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ​
    ๓. เพื่อเป็นการบูชาเสาหลักเมือง ทั้งนี้เพราะประชาชนชาวจังหวัดลำพูนถือว่าเจดีย์พระบรมธาตุหริภุญชัยเป็นเสา หลักเมือง เมื่อทำพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย จึงเท่ากับได้ทำบุญเสาหลักเมืองลำพูนด้วย ​
    ประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย กำหนดจัดขึ้น ณ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรวิหาร อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ หรือที่ชาวเหนือ เรียกว่าวันแปดเป็ง (ราวเดือนพฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ของภาคกลาง) หรือวันวิสาขบูชา งานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุฯ มักจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น ๙ ค่ำ เป็นต้นไป ผู้คนจะหลั่งไหลมาร่วมงานสรงน้ำพระธาตุฯ ผู้ที่อยู่ห่างไกลก็จะเดินทางมาอาศัยพักบ้านญาติมิตร มีหลายพวกหลายเผ่า ทั้งคนพื้นบ้าน พื้นเมือง ชาวเขาและต่างถิ่น มีการแต่งกายกันตามประเพณีท้องถิ่นทั้งชุดพื้นเมือง ชุดชาวเขา มีการเตรียมข้าวของเรียกว่า ดาครัว ซึ่งญาติพี่น้อง จากต่างบ้าน ต่างถิ่น จะมาช่วยกันแต่งดา เป็นการรวมญาติพี่น้องให้ได้มาเยี่ยมเยียนมาพบกัน สำหรับในส่วนของทางวัด จะมีการเตรียมงาน และกิจกรรมที่จัดขึ้นถึง ๗ วัน ๗ คืน ได้แก่ การแข่งขันตีกลองหลวง การแข่งขันกลองบูชา การประกวดฟ้อนพื้นเมือง การประกวดจัดโต๊ะหมู่บูชา โคมวิสาขะ นอกจากนี้ ยังมีพิธีราษฎร์และพิธีหลวง​
     
  7. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    อนุโมทนาครับ เห็นด้วยครับ เรามีชะตาชีวิตของเราที่ถูกกําหนดไว้เเล้ว เเต่ยังไงก็ตาม เราสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ถ้าเริ่มต้นเปลี่ยนเเปลงตัวเอง ทําเเต่ความดีในวัันนี้ ชีวิตย่อมเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้เเน่นอน
     
  8. joeycoles

    joeycoles เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +457
    สาธุครับ
    กรรมเก่า คือ การกระทำที่ไม่เปลี่ยนแปลงได้เพราะแก้ไม่ได้แล้ว แต่สามารถนำกรรมเก่ามาพิจรณาแล้วแก้ไขในการทำกรรมใหม่
    กรรมใหม่ คือ กรรมที่ยังไม่ได้กระทำแล้วจะกระทำ ฉะนั้นจึงต้องมีบทเรียนจากกรรมเก่ามาเป็นบทเรียน ความผิดพลาดในอดีตไม่สามารถแก้ไขได้แต่ไม่ได้หมายความเราจะทำซ้ำในสิ่งที่เป็นกรรมไม่ดี ส่วนที่เป็นกรรมดีเราก็กระทำให้ดียิ่งขึ้นไปครับ
     
  9. mariluksana

    mariluksana สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    ผ่านมาเห็นวันแรกที่มาเว็บนี้เลย ขอสาธุกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ
    มารี ชอบดูดวงมากๆค่ะ ที่ไหนดัง ไปลองมาหมดแล้ว หมอดูแม่นๆ มีเยอะค่ะ
    ที่แม่นมากๆ ก็มี ดิฉันเจอมามาก แต่ในบรรดาอาจารย์ หมอดูที่แม่นๆ นั้น เรื่องจรรยาบรรณ
    "สอบตก" กันหมด

    พอเห็นดิฉันขับเบนซ์ไปหาเท่าันั้น หลังๆ ออกลายกันทั้งนั้น เดี๋ยวโทรมาหา พูดเรื่องดวงเรากำลังแย่บ้าง มีเคราะห์บ้าง ต้องแก้นั่นแก้นี้ ใช้เงินทั้งนั้น ที่ว่าแม่น ก็แม่นจริงๆ ยอมรับในเรื่องความสามารถของพวกเขา แต่เรื่องจรรยาบรรณนี่ ผิดหวังมามาก

    จะมีเก่งๆ และสอบผ่านในใจของดิฉันก็มี อ.มงกุฎ ดวงขุมทรัพย์ อ.คนนี้ หยิ่งในวิชามาก และเคารพกฏวิชาของตัวเองมาก เค้าไม่ยอมทำนายเรื่องความรักของดิฉันเลย ไม่ว่าจะเค้นจะหลอกถามยังไง เพราะเป็นข้อห้ามของเค้า อ.มงกุฎ เน้นทำนายอย่างเดียวเรื่องการงาน เรื่องธุรกิจ เพราะวิชาของอาจารย์เค้าเป็นด้านนี้โดยเฉพาะ ที่ทำนายผ่านมา ยังไม่มีผิดเลยสักครั้งเดียว เรื่องธุรกิจดิฉันก็ดีขึ้นมาก ลงทุนอะไรไม่พลาด อ.เค้าไม่เคยขอเงินไปแก้กรรมบ้าๆบอๆ ไรเลย ไม่เคยเอาองค์พระที่ไหนมาขายให้ เรียกหาทำนัดพบก็ไม่เล่นตัว พูดจานอบน้อมเสมอต้นเสมอปลาย ตลอด 5 ปีมานี้ เป็นที่ปรึกษาที่ดีมากๆ อีกท่านหนึ่ง ก็พระอาจารย์สอง เป็นพระสงฆ์ ท่านนี้ ไม่ได้รับดูเป็นอาชีพ และไม่รับช่วยใครแล้ว ได้ไปกราบท่านสองครั้ง ท่านนี้ก็หยิ่งในวิชามาก ไม่เคยเอ่ยปากขออะไรดิฉัน ปฏิบัติวัตรได้ดี งดงาม ปฏิบัติกรรมฐานเป็นประจำ น่าเสียดายที่หลวงพ่อท่านอายุมากแล้ว งดรับแขกเยี่ยม ถ้ามาดูดวงท่านจะตวาดกลับเพราะถือว่าพูดไม่รู้เรื่อง


    เห็นด้วยค่ะ ที่เจ้าของกระทู้ เอาเรื่องนี้มาเผยแพร่ จะได้เป็นเครื่องประดับความรู้ของผู้อ่านหลายๆ ท่าน ขอให้เจ้าของกระทู้ มีความสุขมากๆ นะคะ
     
  10. ฟิล์มจ้า

    ฟิล์มจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +116
    สวัสดีค่า คุณพี่ Deedeeman,

    ตามมาอ่านค่ะ อิอิหนูเห็นด้วยค่ะกับที่คุณพี่พูดมา หนูยังจำสิ่งที่คุณพี่เมตตาสละเวลาตรวจดวงให้ครั้งก่อน ถูกค่ะหนูไม่เคยดูที่ไหนที่ดูอนาคตได้ตรงค่ะ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรมที่เราทำปัจจุบัน ที่คุณพี่พูดมาหนูนับถือค่ะ ไม่ค่อยมีหมอดูคนไหนมาบอกแบบนี้ มีแต่ไม่มากนัก นับถือคุณพี่เลยค่ะที่มีเมตตาจิตที่ดีเป็นกุศล หนูขออนุโมทนาค่า
     
  11. หลวงจีน

    หลวงจีน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    861
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ที่สุดทุกสิ่งก็ขึ้นอยู่กับกรรมดี กรรมชั่วที่สร้าง แน่นอนที่สุด ตามหลักพระพุทธศาสนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. blue pooh

    blue pooh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +271
    ประทับใจค่ะ ร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ
    ทำดี ได้ดี ทำดียิ่งๆๆขึ้นไป อนาคตย่อมดีแน่นอน
     
  13. oriental_beauty

    oriental_beauty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +117
    เข้ามาอ่านแล้วอยาก สาธุ ดังๆเลยค่ะ
    เพิ่งไปดูหมอดูมาเหมือนกัน ผลออกมาในแง่ไม่ดี
    แต่ดิฉันจะต้องทำตัวให้เหนือดวงให้ได้
    ทำดี ย่อมได้ดี จริงไหมคะ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...