อยากทราบว่าผู้ที่บรรลุโสดาบันจะทราบหรือไม่ว่าตนเองบรรลุแล้ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nongkungRx, 5 พฤษภาคม 2009.

  1. nongkungRx

    nongkungRx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +152
    อยากเรียนถามครูบาอาจารย์ ผู้รู้ทุกท่านอยากทราบว่าผู้ที่บรรลุโสดาบันจะทราบหรือไม่ว่าตนเองบรรลุโสดาบัน ได้ตาแห่งธรรมแล้ว รบกวนตอบด้วยครับ....เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  2. มิตรตัวน้อย

    มิตรตัวน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +896
    รู้ครับ..

    "สันทิฏฐิโก" ผู้ประพฤติปฏิบัติ รู้เห็นได้เอง
    "ปัจจัตตัง" รู้ได้เฉพาะตน

    เหมือนกินข้าว "อิ่ม" ก็รู้ไม่ต้องถามใคร
    หากยังถามใครต่อใครอยู่ เรียกว่า "ยังไม่ถึงไหน"

    เจริญธรรม
     
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    มันก็ต้องได้โสดาบันผลน่ะครับมิใช่นึกเอา สนใจทุกข์ ใส่ใจเหตุแห่งทุกข์เถิดครับ ไวที่สุด ^-^
     
  4. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,280
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    รู้ครับ ถ้ามองด้วยสติ ปัญญาที่เเท้จริง
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    คนที่บรรลุธรรม แล้ว จะต้องสัมผัสผลที่ตนได้แน่นอน ว่านี่เราสัมผัสอาการแบบนี้ๆ เรามีภูมิปัญญาแบบนี้ๆ แต่ว่าถึงแม้ว่าสัมผัสธรรมได้ แต่ธรรมนั้นยังไม่แจ้งเพราะว่า ปัญญายังไม่มากพอ อวิชชายังมีมันก็ปิดได้ พระพุทธองค์จึงสอนให้เจริญ ธรรมนุปัสนามหาสติปัฎฐานไว้เพื่อจะได้สังเกตุธรรมที่เกิดขึ้นในใจตน และรู้ผลนั้นเพื่อที่จะทำให้มันแจ้งให้ได้ การบรรลุธรรมจึงเปรียบเหมือน มันเหมือนกับ การที่เรานั่งรถผ่านสถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่มันใหญ่โตสวยงาม
    แว็บแรกมันก็ตรึงตราตรึงใจ แต่ว่า ถ้าเราไม่รุ้มาก่อนว่า นี่เขาเรียกว่าอะไร เราก็ต้องสงสัยเพราะว่า ธรรมชาติของคนมันสงสัย มันก็ยังไม่แน่ใจว่า นี่เขาเรียกว่า บรรลุหรือเปล่าหนอ
    บรรลุมันจะมีอะไรที่ยิ่งกว่านี้หรือไม่ แล้วถ้ามันมียิ่งกว่านี้เขาจะเรียกว่าบรรลุหรือไม่

    ทีนี้ แทนที่จะต้องไปวิ่งหาคำตอบจากคนอื่น ไม่มีใครเขามารู้กับเราหรอกครับนอกจากพระศาสดาและตัวเราเอง วิธีการที่จะทำให้เราได้คำตอบคือ กำจัดกิเลส แล้วทำสิ่งที่เราเคยพบเจอนั้นให้แจ้งยิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อเราถึงจุดที่มันยิ่งกว่าเดิม หรือจุดที่แจ้งกว่าเดิม
    เราจะเห็นเองว่า ตรงจุดที่เราผ่านมานั้น คืออะไร ต้องพยายามละกิเลส และกำจัดตัว วิจิกิจฉาออกไป ด้วยปัญญา

    ทีนี้บางคนก็วิ่งไปถาม พระท่านนั้นท่านนี้ให้ท่านรับรองให้ ผมบอกตามตรงครับว่าไร้สาระ
    ธรรมทั้งหลายต้องเป็นปัจจัตตัง จะพูดเทียบเคียงไม่ได้ ดังนั้น ไม่มีใครทำนายได้แม่นยำในเรื่องของ มรรคญาณ ผลญาณ ของบุคคลอื่นหรอกครับ

    แต่พระอริยะท่านจะรับรองในเรื่อง การเดินทางที่ถูกต้องของบุคคลได้ เนื่องจากท่านผ่านมาแล้ว ให้ถามท่านตรงนั้น ในประสบการณ์ที่เราผ่านมาว่าดำเนินถูกปฏิปทาหรือไม่

    ก็จะบอกว่า สุดท้ายแล้ว เมื่อละสังโยชน์ 3 ได้เมื่อไร นั่นแหละ พระโสดาบันจึงจะรู้ตนเองว่า นี่เราแจ้งแล้ว สังโยชน์ 3 นั้นไม่กำเริบแล้ว ธรรมอยู่ที่ใจเราแล้ว

    นั่นแหละครับ จึงจะรู้ตัว

    สำคัญคือ ธรรมานุปัสนามหาสติปัฎฐาน นี้ต้องเจริญให้มาก ต้องศึกษาให้มาก ให้รู้ผลของธรรม ว่ามีธรรมอะไรเกิดบ้าง
     
  6. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936
    พระพุทธองค์ได้ให้หลักเกณฑ์ในการตรวจสอบ ในการพยากรณ์ตัวเองเป็นพระโสดาบันเรียกว่า"โสตาปัตติยังคะสี่" ( ถ้าสะกดผิด ขออภัยด้วย ) ถ้าใครมีครบ ๔ ข้อ พึงพยากรณ์ตนเองว่าได้เป็นโสดาบัน

    ๑. ไม่มีภัยเวร ๕ ประการอันเกิดมาจากการล่วงละเมิดศีล ๕ นั้นได้ละขาดแล้ว
    ๒. มีความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหว ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ๓. เป็นผู้ประกอบด้วยศีลอันบริสุทธิ์ อันเป็นที่พอใจของพระอริยเจ้า ( อริยกันตศีล )
    ๔. เห็นอริยญายธรรม เป็นผู้มีความรู้แตกฉานทั่วถึงและมองเห็นไม่ผิดเพี้ยนในปฏิจจสมุปบาท ( หมายถึงเห็นการเกิด-ดับของขันธ์ ๕ จนใจยอมรับ )

    อยากแนะนำให้ไปโหลด ไฟล์ pdf คุณสมบัติพระโสดาบัน ของวัดนาป่าพง( วัดสาขาของหนองป่าพง )มาศึกษาดู เป็นไฟล์ที่รวบรวมพุทธพจน์เกี่ยวกับ คุณธรรมความเป็นโสดาบัน ในแง่มุมต่างๆ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ จะทำให้เราแตกฉาน แม่นยำในคำสอนและหลักเกณฑ์ต่างๆที่พระพุทธเจ้าท่านได้วางเอาไว้

    http://www.watnapahpong.org/BuddhaQuoteItem.aspx?item_code=2acc0419-6af1-4dc0-bfd4-8164cfade598&type=book
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009
  7. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    นอกจากที่ท่านทั้งหลายที่ได้กล่าวชอบแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งคือ ญาณอย่างรู้พิเศษเกิดขึ้น เมื่อผู้ปฏิบัติเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบันคือ หากกระทำสิ่งใดที่เป็นข้อละเมิดศีล (ตรงนี้จิต จะรักษาศีลโดยอัตโนมัติ) เมื่อทำสมาธิจะเกิดภาพเหตุการณ์ในขณะที่เผลอสติ สมมุติ เผลอสติ กระทำซึ่งการฆ่าสัตว์ (ยุงหรือมด)ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หากในคืนนั้นท่านทำสมาธิ จะเกิดภาพนั้นให้ปรากฏ ท่านก็จะมีความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะได้พ้นจากอบายภูมิ เมื่อทำบ่อยๆขึ้น ช่วงการเผลอสติก็ลดน้อยลง เหมือนกับสติไม่เกิดดับ แต่ที่จริงนั้นเกิดดับ อุปมาดังหลอดไฟฟ้าภายในบ้านซึ้งเป็นกระแสไฟฟ้า Ac (ไฟฟ้ากระแสสลับ) ความถี่ 50/60 เฮิตร์ จะเห็นว่าโดยปกติแล้วจะสว่างคงที่ หากวันใดไฟตกก็จะรู้ทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009
  8. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    รู้ได้ด้วยตนเองแน่นอนคับ...
    ..แต่ต้องระวัง วิปัสสนูกิเลส10 และอย่างที่คุณบัวใต้น้ำยกมานั้นแหละคับ..ไว้ตรวจสอบตัวเอง...อีกอย่างก็อย่างที่หลวงตามหาบัวเล่าถึงตอนบรรลุธรรม...เป็นเช่นนั้นจริงๆๆคับ..มีอาการเช่นนั้นจริงๆ
    ...สำหรับแง่คิดของผมเองถ้าไม่แน่ใจ ก็พิจารณาสังโยชน์ 3 ข้อแรกลงไปเลยคับ ว่าเราละได้หมดแล้วหรือยัง...และก็จะเห็นกิเลสที่ยังนอนเนื่องในสันดานที่ยังต้องละต้องวางอีกมาก ทั้งรัก..โลภ..โกรธ..หลง มีครบเลย
    ...สรุป พระโสดาบัน เมื่อได้จะมีศีลเป็นอารมณ์..ไม่ต้องมานั้งระวังรักษาศีลเป็นข้อๆ แต่เมื่อทำอะไรที่จะผิดศีลจะรู้ตัวทันที
    ...จะรู้ขอบเขตของกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว เข้าใจแจ้งในกรรมแห่งกรรม
    ...จะมีหิริโอตปะ เป็นอารมณ์
    หรือจะดูง่ายๆ อีกอย่างก็ได้ว่า...
    1.เราจะรู้สึกว่าเข้าใจอะไรต่างๆมากขึ้น อุปนิสัยเราจะเปลี่ยนไปในทางที่เย็นลง
    2.คนรอบข้างก็จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเรานั้นได้
    3.และเราก็อยู่ในสังคมด้วยความรู้สึกที่เบาขึ้น ไม่ได้แปลกประหลาดกว่าคนอื่น(ไม่เป็นตัวประหลาดของสังคม)อีกทั้งไม่ได้รู้สึกว่า เรามีดีมีเด่นกว่าทั่วไปสักเท่าไหร่ กลับยิ่งเห็นกิเลส เห็นทุกข์ ชัดเจนขึ้น รู้ชัดในจิตว่า ทางเดินเรายังต้องเดินต่ออีกไกล แต่มั่นใจว่าถึงเป้าหมายแน ไม่ผิดทางแน่...

    สาธุ...
     
  9. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ต้องทราบ อยากแรก
    รู้แน่นอน ละได้ ๓ อย่าง

    ๑. สักกายทิฏฐิ - มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา
    ๒. วิจิกิจฉา - สงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
    ๓. สีลัพพตปรามาส - ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น

    เมื่อละสังโยชน์ ๓ ได้เด็ดขาดจิตก็เป็นพระอริยะศีลก็เป็นศีลของพระอริยะรู้ตรงนี้
    กับเอาจิตที่เบาบางจากกิเลส ไปเทียบกับอารมณ์พระโสดาบันในหนังสือพระไตรปิฏกที่มีผู้รู้ในพุทธกาลรับรองผล
    แล้วเท่ากันกับผลกุศลในปัจจุบัน<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +158
    พระโสดาบัน
    จะเคารพพระรัตนไตร ไม่กล่าวว่าให้เสียหาย แม้่แต่พระหรือเณร ที่บวชได้เพียงวันเดียว
    มีใจเคารพบูชาอย่างยิ่งยวด สิ่งบูชาอย่างอื่นไม่มี แม้แต่เครื่องรางของขลัง หรือลัทธิอื่นที่บูชาเทพ เจ้า พระโสดาบันจะละเสีย เอาแป้งไปทาเพื่อหาหวยนี่พระโสดาบันไม่ทำแน่ ๆ
    กราบไหว้ต้นไม้ ยิ่งไม่ทำเด็ดขาด

    ในการถือศีล ทุกคนเข้าใจว่ามีศีล 5 ถ้าแปลออกมาเป็นภาษาไทย
    แต่สำหรับพระโสดาับัน ท่านรู้ว่าอะไร ควร ไม่ควร เช่นไม่ทำบาปเพราะกลัวถูกลงโทษแต่ซึ่งมันไม่ใช่ความคิดของพระโสดาบัน แต่ท่านพระโสดาบัน จะรู้โดยอัตโนมัติเห็นว่ามันไม่สมควรทำ พึงละ

    หรือทำบุญเพื่อต้องการไปสวรรณ์ซึ่งไม่ใช่ความคิดของพระโสดาบัน อันนี้พระโสดาบันทำเพราะเห็นว่าสมควรทำ จะไม่มานับศีลแล้ว ศีลท่านอยู่ที่ใจแล้ว ละ กับไม่ละ
    เพราะเจตนาเป็นฝ่ายกุศลแล้ว

    พระโสดาบันนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ เพื่อไม่ให้ยึดติด ละวางอัตตา เบาบาง
    จากกิเลิศ แต่กิเลิศก็ยังมีนะ
    โกธรได้ แต่ไม่พยาบาท
    อยากรวยได้ แต่ไม่โลภ ไม่เอาของผู้อื่น รวยได้สัมมาชีวะ


    ที่สำคัญ เอาเงิน 100 ล้านมาให้เปลี่ยนศาสนา พระโสดาบันขอตายดีกว่า
    Remark เราก็ไม่ได้บรรลุนะ อ่านมาอีกที ยังมีความพยาบาทอยู่เลย


    อ้างอิง จาก The Tripitaka
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009
  11. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    มีทั้งรู้ และ ไม่รู้
    รู้ เพราะศึกษา รู้จักมาก่อน
    ไม่รู้ เพราะฟังทีเดียวแทงตลอด เนื่องจากบารมีเต็มแล้ว ไม่ต้องบัญญัติว่าเป็นอะไร
    แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ สภาวะจิตใจที่ได้เห็นแล้วซึ่งอริยสัจ...
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    รู้ครับ....รู้ได้ด้วยตนเอง.....แต่ไม่ได้สนใจนะ.......ไม่ใช่มารอนึกว่าฉันเป็นพระโสดา.........ไอ่พวกนั่งนึกมันเป็นพะโสเดา......

    กระทู้นี้มีท่าทีว่าจะยาว.........พะโสเดา.....ค่อนข้างเยอะ....
     
  13. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง คือองค์ 5 ของดวงตาเห็นธรรม ต้นทางของอริยมรรค
    ดวงตาเห็นธรรม คือเห็นจริงๆ ไม่ใช่อุปมาอุปไมย พระพุทธองค์บัญญัติศัพท์ไว้ดีแล้ว ตรงตามอักขระทุกประการ แม้แต่คำอื่นๆก็ตรงตามอักขระ สติปัฏฐาน 4 ก็มี กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ หรือวิปัสสนา ที่แปลว่า การเห็นอันวิเศษ ก็เห็นจริงๆไม่ใช่นึกเอา
    พระโสดาบันท่านก็เห็นแจ้งในตัวเองว่าเป็นพระโสดาบัน ไม่ต้องให้ใครบอก
     
  14. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    รู้และชัดเจน รวมทั้งอาการต่างๆๆที่ทุกๆท่านกล่าวมา
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ขอเสริม เรื่องระวังการหลง

    เพราะว่า คนส่วนมากมักจะหลง ก็เห็นมามากแล้วครับ
    และคนหลงนี้มีเปอร์เซ็นต์มากเสียด้วย

    ตรงนี้แหละ ที่ว่าจำเป็นจะต้อง เข้าหาพระอริยะเพื่อที่จะได้ให้ท่านสอน ว่าปฏิปทาเรายังตรงดีหรือไม่

    ไม่ต้องใครหรอกครับ หลวงตามหาบัวตอนที่ท่านติดในสมาธิ ท่านก็เถียงพระอาจารย์มั่นว่า สัมมาสมาธิ นี่แหละ เป็นมรรค พระอาจารย์มั่นท่านก็ว่า นั่นมันสุขแบบเนื้อติดฟัน

    บางท่านก็ เจอ ญาณเพียงบางตัวแล้วตื่นใจ ก็คิดว่านั่นคือบรรลุธรรม

    ในสมัยพุทธกาล คนที่ฟังแล้วบรรลุธรรม เพราะว่า ท่านเหล่านั้นบารมีและกำลังใจในการตัด โลกีย์นั้นเต็มเปี่ยมแล้ว เมื่อมาฟัง ธรรม อันเป็นอนัตตา ถอนอัตตานุทิฎฐิปั๊บ ก็เข้าถึงธรรม
    ทันที
    นั่นพระพุทธองค์รับรอง


    แต่มาถึงเดี๋ยวนี้ต้องทำอย่างไร ผมจะเสนอหนทางเอาไว้ว่า

    1 เรายังไขว้เขวในการปฏิบัติหรือไม่
    2 เรายังมีที่พึ่งอื่นนอกจาก พระรัตนไตรหรือไม่
    3 เรายังมีทิฎฐิที่ เฉไปมาหรือไม่

    และสำคัญที่สุด คือ เราเห็นสรรพสิ่งเป็นธรรมดา ทำใจได้กับความตายของเราเอง นี่สำคัญ
    เพราะว่า พระโสดาบัน จะไม่เห็นโลกนี้เป็นที่พึ่ง ดังนั้นที่เคยหลงว่า ชีวิตต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ พอผิดหวังแล้ว เศร้าโศก จะเป็นจะตาย
    หรือว่า เรายังหลงกับ วัตถุ กับ โลกธรรมทั้งหลาย นี่ จะเป็นตัววัดที่ดี

    ใครที่คิดว่า บรรลุแล้ว อย่าไปโง่คิดแบบนั้นเพราะว่า มันจะทำให้เราติด หากว่าเราไม่ได้ธรรมจริง เพราะมันจะประมาท พระโสดาบันท่านไม่ประมาทหรอก

    อีกประการที่ จะเป็นตัววัดคือ อะไรที่ผ่านเข้ามาทุกวัน พระโสดาบันจะพิจารณาเป็นธรรมหมดเพราะท่านถึงกระแสแล้ว ย่อมมีมรรค ที่พิจารณาธรรมเพื่อออกจากกิเลสทั้งสิ้น
     
  16. j-adirek

    j-adirek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +204
    อนุโมทนา สาธุครับ ธรรมย่อมรักษาผู้ปฎิบัติธรรม ฉันใดก็ฉันนั้น ธรรมย่อมปรากฎแก่ผู้ปฎิบัติธรรมเมื่อเข้าถึงธรรม ครับ
     
  17. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    ผู้ที่บรรลุโสดาบันมีทั้งทราบและไม่ทราบว่าตนเองบรรลุแล้ว....
    เพราะ การบรรลุธรรม เปรียบเสมือนเราได้พบธรรมอันละเอียดลึกซึ้ง เกิดขึ้นเป็นที่อัศจรรย์ในจิต
    เกิดอัศจรรย์ใจกับธรรมที่เกิดขึ้น จิตใจรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรม จึงเกิดเป็น สันทิฏิโก ...
    พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมนี้ ประกาศธรรมอันประเสริฐ์ พระสงฆ์สาวกฏิบัติตาม
    คำสอนได้ผลจากการปฏิบัติจริง.. จึงไม่สงสัยในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์..

    แต่ว่า... ถ้าเราไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนว่า นี่เขาเรียกว่าอะไร เราก็ต้องสงสัยเพราะว่า..
    ยังไม่แน่ใจว่า นี่เขาเรียกว่า บรรลุหรือเปล่าหนอ...
     
  18. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +742
    ทราบครับ ท่านที่สำเร็จท่านจะไม่บอกว่าท่านสำเร็จแล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะเดาว่าท่านนั้น ท่าน นี้ ถึงขั้นไหน นอกจากว่าจะถึงขั้นเดี่ยวกันครับ โสดาบันกับโสดาบันคุยกันรู้เรื่อง สกิทาคา อนาคามี อรหันต์ก็เหมือนกันครับ ถึงขั้นไหน ขั้นเหมือนกันคุยกันรู้เรื่อง เราไม่ใช่พระโสดาบันคุยกับท่านไม่รู้เรื่องเช่นกันครับ อนุโมทนา ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009
  19. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    พระโสดาบันนั้น ท่านบรรลุธรรม อันเกิดจากการเจริญสติ (สติปัฏฐาน) จนเข้าใจเรื่อง รูป-นาม และเหตุปัจจัยแห่งรูปนาม ตลอดจนกฏไตรลักษณ์แห่งรูป-นาม จนแตกฉาน
    ท่านเข้าใจจนแจ่มแจ้งจนได้เข้าถึง วิปัสสนาญาณ 16 ท่านบรรลุจากการเจิญสติอย่างต่อเนื่องยาวนาน
    แน่นอนว่าการบรรลุเป็นพระโสดาบันนั้น ไม่ใช่มานั่งท่อง สังโยชน์ ๓ หรือไม่ใช่มานึกๆคิดๆเอา แล้วสำคัญตนเองผิด คิดว่าตนเองบรรลุอ่ะค่ะ ....อนุโมทนา


    [​IMG]

    .
    .
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009
  20. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    เรื่องวิปัสสนูกิเลส10 เป็นสิ่งที่ผู้ที่กำลังจะเจริญมรรคญานจะต้องประสบเจอ
    เป็นนิวรณ์ขั้นละเอียด ทำให้ผู้เจริญมรรคญานเข้าใจผิดไปได้...
    นิวรณ์ขั้นละเอียด หรือวิปัสสนูกิเลสนี้..พ่อแม่ครูจารย์สายหลวงปู่มั่นหลายท่านเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้นเกือบทุกองค์
    เมื่อผ่านขั้นตอนของวิปัสสนูกิเลส ซึ่งเป็นการปรับอริยมรรคเป็นมัชฌิมาปฏิปทาแห่งสัมมาปฏิบัติ
    จึงจะเข้าสู่องค์อริยผล...

    สาธุ...สาธุ...สาธุ
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...