กรรมทำร้ายจิตใจบิดามารดา

เมื่อไม่นานมานี้ ช่วงเดือนพฤศจิกายน อาจารย์ได้มีโอกาสตรงชะตาของสามีภรรยาคู่หนึ่ง หลังจาก
ตรวจชะตา ก็พบว่า กระแสวิบากกรรมกดชะตาไว้ ไม่เจริญเติบโต ไม่ก้าวหน้า ทำอยู่ตัวระดับฝืดเคือง
พอดีๆ โดยทั้งคู่ได้วิ่งหาที่ไหนเขาว่าดีก็ไป แต่ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นนัก อย่างแรกที่เห็น ก็เห็นว่ามีกระแส
ของเทพจีนดูแลอยู่ชัดเจน ทั้งคู่ก็บอกว่า ได้ไปขอความช่วยเหลือ จากเจ้าจีน ให้รับดูแล ตรงนี้ก็ข้ามไป
เพราะเป็นเพียงการย้ำให้เขาว่าที่เขาบูชาเขาช่วยอยู่เท่านั้นครับ

อย่างไรก็ดีกระแสของปัญหา อาจารย์เห็นแล้ว ว่า การทำงานค้าขาย มีปัญหาทุกข์ร้อนใจ เจอลูกค้าทำ
ให้ยุ่งยากลำบาก ต้องดิ้นรนวิ่งเต้นกันเหนื่อยยากทั้งสามีภรรยา อาจารย์ก็พบสาเหตุว่ามีกรรมทำไว้ต่อ
บิดามารดา อาจารย์จึงขอเขา บอกว่า ขอได้มั๊ย ไปกราบขอขมาพ่อแม่ เขาก็ยอมรับว่า ไม่ถูกกับที่บ้าน
ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่คุยกันไม่รู้เรื่องมาตั้งนานแล้ว



ภาพประกอบเพิ่มจากทางอินเตอร์เน็ต


อย่างไรก็ดี อาจารย์ขอโอกาสบอกเลยว่า ในฐานะที่เราเป็นลูก พ่อแม่เป็นผู้เลี้ยงดู เป็นผู้มีพระคุณที่สุด
เป็นพระในบ้าน ถึงแม้ท่านจะไม่มีเหตุผล อาจบ่น ว่ากล่าว อย่างน้อยทางที่ดีที่สุดของผู้เป็นลูกก็ควร
อดทน ทำอะไรได้ก็ทำครับ แต่ไม่ควรกระทำการกล่าววาจาแสลงหู ทำร้ายจิตใจ หรือแสดงกิริยา
ไม่พอใจทำให้พ่อแม้ทุกข์ตรมในอก อาจารย์บอกคู่สามีภรรยานี้ว่า คุณทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจอย่างไร
เวลาคุณดำเนินชีวิตเองคุณก็ทุกข์แบบนั้น นอกจากนี้ กรรมตรงนี้ยังส่งผลให้ ผู้ใหญ่ขาดความเมตตา
ทำอะไรไม่เจริญ และไม่มีใครหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ครับ

บางคนอาจคิดว่า เราพูดด้วยเหตุผลต่อพ่อแม่ ใช่ครับ จริงอยู่ เรามีเหตุผล และการแสดงออกไปเราอาจ
คิดว่าเล็กน้อย แต่สำหรับพ่อแม่นั้น มันเหมือนมีดทิ่มแทงไปที่กายใจของท่านเลยนะครับ สมมุติง่ายๆ
นะครับ ท่านที่อ่านลองนึกตามอาจารย์ไปก็ได้ครับว่า ตอนทุกคนหนุ่มสาว เราไปจีบแฟน ได้คบกันรักกัน
ได้จูงมือถือแขน บอกคำหวานต่อกัน แล้วพอวันหนึ่ง แฟนของเรา เกิดไม่พอใจหรือรำคาญเรา แสดง
ท่าทางสะบัดมือไม่อยากจับมือเรา หรือพูดจาไม่สนใจเรา อาจารย์ถามว่า เธอเจ็บไหม เจ็บนะ เจ็บมากๆ
แต่เธอก็ทนกันได้ ทนยอม ทนง้อ นี่ขนาดคนรักคบกันไม่นาน เรายังเจ็บขนาดนี้ ลองนึกถึงพ่อแม่ที่รัก
เราสิ ท่านทั้งห่วง ทั้งดูแลสารพัด ลูกเคยเดินจูงมือ เคยพูดจาน่ารัก โตมาลืมไป กลับไม่สนใจ อายที่จะ
เดินจูงมือ อายที่จะแสดงว่ารัก อายที่จะอดทนดูแล แต่กลับไปทำให้คนอื่นได้ทั้งที่ดีกับเราเพียง
ชั่วเวลาเดียว

ดังนั้นจากนี้ไป เวลาที่เหลืออยู่ ใครที่กระทำดีเป็นเด็กดีต่อพ่อแม่อยู่แล้ว อาจารย์ก็ดีใจและขอชื่นชมใน
ความดีของเธอทั้งหลาย หากใครที่ยังพบว่าตนยังทำได้ไม่ดีนัก ก็ให้พยายามนะครับ

สำหรับวิธีแก้ไข ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกปี อย่างน้อย วันเกิดของเรา เราควรซื้อพวงมาลัย เข้าไปเอ่ยกราบ
ขอขมาต่อท่านทั้งสอง หากลูกเคยดื้อ ทำให้พ่อแม่หนักใจ ทั้งเจตนาหรือไม่เจตนาก็ดี ขอให้พ่อกับแม่
อโหสิกรรม ให้ด้วย จากนั้นให้ท่านอวยพร เมื่อเสร็จแล้วเราก็บอกรักท่านกอดท่าน อวยพรให้ท่านนะครับ
คอยซื้อของที่ท่านชอบมีเงินก็ให้ท่านไว้ ทำไปบุญตรงนี้จะเชิดชูให้เราเจริญรุ่งเรืองแน่นอน แม้แต่
พระพุทธองค์ก็ทรงให้ความสำคัญต่อเรื่องกตัญญูและสรรเสริญบุคคลที่ปรนนิบัติต่อบิดามารดาว่าเป็น
คนดีและเป็นสิ่งสำคัญที่ บุคคลจำเป็นต้องปฏิบัติครับ




เกมส์ คลิป ดูดวง เกม ผลบอล ทำนายฝัน รถมือสอง ทำนายฝัน เกมส์แต่งตัว กลอน :เอ็มไทยดอทคอม

 

มีผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกที่รักเราเสมอแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปเท่าไหร่ นั่นคือแม่ บุคคลที่เรามีได้เพียงหนึ่งเดียวในโลก เคยตัดสินใจผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่เลือกผู้หญิงอีกคน ซึ่งเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถเทียบเทียมได้กับแม่เลยสักกะผีกริ้น ทุกวันนี้มีผู้หญิงคนเดียวในชีวิต คือ แม่ ลูกรักแม่ครับ

 

อรหันต์ของลูก คือ พ่อ แม่

 

ขอยืนยันค่ะ หลังจากที่ได้กราบเท้าขอขมาต่อพ่อแม่เมื่อปลายปีที่แล้ว

ก็เริ่มมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตจริง ๆ

ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ

 

อนุโมทนาคะ

 

พระพุทธองค์ก็ทรงให้ความสำคัญต่อเรื่องกตัญญู
และสรรเสริญบุคคลที่ปรนนิบัติต่อบิดามารดาว่าเป็น
คนดีและเป็นสิ่งสำคัญที่ บุคคลจำเป็นต้องปฏิบัติครับ

อนุโมทนาในบุญด้วยครับ

 

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ถ้าลูกเคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน คุณบิดามารดา ทั้งตั้งใจก็ดี มิได้ตั้งใจก็ดี ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ลูกขออโหสิกรรม ครับ

 

อนุโมทนบุญด้วยนะครับ

ใครหนอ รักเราเท่าชีวี
ใครหนอปราณีไม่มีเสื่อมคลาย
ใครหนอรักเราใช่เพียงรูปกาย
รักเขาไม่หน่าย มิคิดทำลาย ใครหนา

ใครหนอ เห็นเราเศร้าทรวงใน
ใครหนอ เอาใจปลอบเราเรื่อยมา
ใครหนอ รักเราดังดวงแก้วตา
รักเขากว้างกว่าพื้นพสุธานภากาศ

* จะเอาโลกมาทำปากกา
แล้วเอานภามาแทนกระดาษ
เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด
ประกาศพระคุณไม่พอ

** ใครหนอ รักเราเท่าชีวัน (เท่าชีวัน)
ใครหนอ ใครกันให้เราขี่คอ (คุณพ่อ คุณแม่)
ใครหนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ
รู้แล้วละก็อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ

ใครหนอ รักเราเท่าชีวัน (เท่าชีวัน)
ใครหนอ ใครกันให้เราขี่คอ(คุณพ่อ คุณแม่)
ใครหนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ
รู้แล้วละก็ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ

 

ขออนุโทนาบุญ ที่ท่านได้นำเรื่องนี้มาลง นะครับ เป็นประโยชน์ต่อเราๆ ท่านๆมาก ขอบคุณครับ =^_^=

 

อนุโมทนาค่ะ
อ่านแล้วจะร้องไห้ตามเลย แฮะๆ

ขอบคุณมากๆเลย ที่นำมาให้อ่านค่ะ

 

พระคุณของแม่พ่อ ยิ่งใหญ่จริงๆ....

คนอื่นเราพูดเพราะๆได้
คนอื่นเราไหว้บ่อยๆ...ได้


แต่ลองคิดอีกทีเรากับืกับคนอื่นมากกว่าทำกับพ่อแม่...อันนี้น่าคิดนะครับ


โอกาสว่างๆล้างเท้าด้วยน้ำอุ่นขอขมาท่านสิครับ.....แรกจะเขินๆ

ตอนพูดขอขมาพูดภาษาของเราแบบของเรานี่แหละครับ

ทำแล้วมันจะจุกที่ลำคอเหมือนจะร้องไห้เลยทีเดียว

ไม่ต้องขอพรท่านจะให้เอง....ไม่รู้พรท่านจะให้ผลประมาณเท่าใด

แต่อย่างหนึ่งที่ได้คือกำลังใจในการดำเนินชีวิตครับ

ลองดูสักทีนะครับ...ขอเชิญชวน....


อนุโมทนากับทุกข้อความด้านบนนี้นะครับ..สาธุ...สาธุ...
สาธุ...

 

ขอบคุณที่นำบทความดีๆมาให้เป็นขอเตือนใจครับ

ผมได้อ่านแล้วทำให้รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าทุกครั้งที่เราทำกิริยาไม่ดีกับพ่อแม่นั้นทำให้ท่านลำบากใจมาก ต่อไปจะพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นแล้วครับ.

 

ขอโมทนาบุญด้วยครับ และขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้นำลิงค์หนังสือที่รวมเรื่องราวที่นำมาลงนี้ ฉบับเต็มสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

http://www.vitayatorn.com/books/01.pdf

ขอให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมครับ

 

ได้ตอบแทนคุณแม่เพียงน้อยนิด
ยังไม่เท่าชีวิตที่แม่ให้


ขออนุโมทนาค่ะ

 

ขอบคุณครับ

 

แม่ ท่านให้เรามามาก ให้ทั้งกาย ใจ ทุ่มเทเหนื่อยยากเพียงไรไม่เคยบ่นให้ลูกได้ยินกลัวว่าลูกจะสะเทือนใจ จะหาคำบรรยายเท่าไรก็ไม่หมดหรอกความรักที่ท่านมีและให้เรา จึงอยากจะบอกว่า จะทำอะไร(ที่ไม่ดี)คิดถึงแม่ว่ากลัวแม่จะเสียใจ หากทำความดีก็แบ่งบุญให้ท่าน ก็ท้งแม่และพ่อนั่นแหละ มีบุญคุญกับเราอย่างใหญ่หลวงทีเดียว

 

รักแม่ให้มากๆนะ บุญจะรักษา ถนอมน้ำใจท่าน คูแลท่านอย่าให้ลำบาก

 

"ตอนทุกคนหนุ่มสาว เราไปจีบแฟน ได้คบกันรักกัน ได้จูงมือถือแขน บอกคำหวานต่อกัน แล้วพอวันหนึ่ง แฟนของเรา เกิดไม่พอใจหรือรำคาญเรา แสดงท่าทางสะบัดมือ ไม่อยากจับมือเรา หรือพูดจาไม่สนใจเรา อาจารย์ถามว่า เธอเจ็บไหม เจ็บนะ เจ็บมากๆ
แต่เธอก็ทนกันได้ ทนยอม ทนง้อ นี่ขนาดคนรักคบกันไม่นาน เรายังเจ็บขนาดนี้

ลองนึกถึงพ่อแม่ที่รักเราสิ ท่านทั้งห่วง ทั้งดูแลสารพัด ลูกเคยเดินจูงมือ เคยพูดจาน่ารัก โตมาลืมไป กลับไม่สนใจ อายที่จะเดินจูงมือ อายที่จะแสดงว่ารัก อายที่จะอดทนดูแล แต่กลับไปทำให้คนอื่นได้ทั้งที่ดีกับเราเพียงชั่วเวลาเดียว"

เห็นด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

 

ผมขอแนะนำอะไรบางอย่าง "ที่ดีกว่านั้น และเห็นผลได้เร็วที่สุด"
นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมา เผื่อว่า พี่ๆ น้องๆ และทุกๆ คนจะได้นำวิธีนี้ไปใช้
ให้ได้เกิดประโยชน์กับตนเองมากที่สุด
(ไม่ได้บังคับนะครับ เพียงแต่ผมได้รับ"คำบอกนี้มาจากหลวงปู่ ครูบาอาจารย์"

ก่อนที่จะขอพรจากพ่อแม่ หรือ จะได้พรจากพ่อและแม่นั้น

เราก็เริ่มจากนำท่านทั้งสอง มานั่งคู่กัน ในระดับเดียวกันที่เหมาะสม
จากนั้นจึงค่อยกราบพนมมือ แทบเท้าท่านทั้งสองก่อนครั้งหนึ่ง
เพื่อขอขมาท่านก่อน 1 ครั้ง เสร็จแล้วจึงนำภาชนะที่บรรจุน้ำสะอาด
(จะเป็นกะละมัง หรือ อ่างใบใหญ่หน่อยก็ได้)

กวักน้ำสะอาดในภาชนะที่เตรียมไว้ "ล้างเท้า เช็ดเท้า" ท่านทั้งสอง
ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา โดยเริ่มจาก "พ่อ" ก่อน แล้วจึงตามด้วย "แม่" ตามลำดับ
ในขณะที่เรากำลังล้างเท้า พ่อและแม่นี้ ก็ให้เราพูดออกไปด้วยว่า

"พ่อครับ แม่ครับ กระผม(ดิฉัน) ขออโหสิกรรม ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ได้ทำไม่ดี
กับพ่อและแม่ ทั้งกาย วาจา และใจ นะครับ(นะคะ) นับจากบัดนี้ต่อไป
กระผม(ดิฉัน) จะไม่ทำสิ่งใดๆ ที่ล่วงเกินกับพ่อและแม่ ทั้งกาย วาจา และใจ
จากนี้อีกต่อไปแล้ว กระผม(ดิฉัน)ขออโหสิกรรมกับพ่อและแม่ นับจากวันนี้
เป็นต้นไป จนกว่ากระผม(ดิฉัน)จะตายจากพ่อและแม่ในชาตินี้ไป
และด้วยกุศลผลบุญที่ได้ทำ "ความดี" ทั้งหมดในชาตินี้ แม้กระทั่งในตอนนี้
ตอนที่กระผม(ดิฉัน) ได้ทำการขออโหสิกรรมพ่อและแม่ ณ เวลาปัจจุบันนี้
ด้วยกุศลผลบุญที่ได้ทำ"ความดี"ในครั้งนี้ ขอจงลดหย่อนผ่อนโทษ จากโทษหนัก
ขอให้เป็นโทษเบา ขอลดโทษลงมาให้เหลือ "กึ่งหนึ่ง" ครึ่งหนึ่ง ลงมา
ให้โทษน้อยที่สุด เท่าที่จะน้อยได้ หากแต่จะต้องได้รับโทษทัณฑ์อันนี้ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็ขอรับโทษทัณฑ์อันนี้เพียงแค่ "เศษกรรม" ให้น้อยที่สุด เท่าที่จะได้รับโทษมาทั้งหมดนี้ บาปกรรมเวรกรรมใด ๆ ทั้งหมดที่ได้เคยทำไม่ดีต่อ
"พ่อและแม่"ในชาตินี้ ทั้งกาย วาจา และใจ ขอจงเลิกแล้วต่อกัน อโหสิกรรมต่อกัน
ไม่จองเวรต่อกันต่อไปอีก นับจากชาตินี้เป็นต้นไป เทอญ..."

เมื่อเราพูดเสร็จตามประโยคดังกล่าวนี้ จากนั้น ให้นำผ้าสะอาดที่สุด
"เช็ดเท้า พ่อ ให้สะอาด พร้อม ๆ กับก้มลงกราบแทบเท้าท่าน
และเช็ดเท้าแม่ ให้สะอาด พร้อม ๆ กับก้มลงกราบแทบเท้าท่านตามลำดับ"

จากนั้น นั่งพนมมือคุกเข่าอยู่ตรงหน้าท่านทั้งสอง แล้วกราบท่านลงไปอีก
พร้อม ๆ กันทั้งสองคน อีกครั้งหนึ่ง
"แล้วพูดออกมาอีกว่า ลูกขออโหสิกรรมทั้งหมดที่เคยทำไม่ดี ทั้งกาย วาจา ใจ
หรือคิดไม่ดี ทำไม่ดีกับพ่อและแม่มาก่อนทั้งหมดทุกประการ ลูกขออนุญาติ
พ่อกับแม่ ทั้งสองในวันนี้ ขอจงยกโทษ และอโหสิกรรมกับลูก(ตัวเราเอง)
นับจากบัดนี้ด้วยเทอญ..."

แล้วก็ก้มลงกราบแทบเท้าทั้งสองข้างท่านอีกทีหนึ่ง

"ความดีที่ใครก็ตามแต่ที่ได้ทำในครั้งนี้
เสมือนกับโซ่ตรวนที่มัดเท้าเราอยู่ ก็จะ "หลุดออก" ดุจดั่งกับ
"ไขกุญแจโซ่ นั้นๆ ออก" แต่ทว่า "ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลุดออกไปเลยทีเดียว"

จริงอยู่ว่า"ความเป็นพ่อเป็นแม่คนนั้น ท่านทั้งสองจะไม่ถือโทษกับเรา(ลูก ๆ )
แต่ไม่ได้หมายความว่า
"เทพประจำตัวของพ่อแม่เขายังไม่ได้อโหสิกรรมกับตัวเรา"
ซึ่งนั้นก็ต้องทำ "บ่อยๆ เป็นประจำ ขออโหสิ กับท่านทั้งสองบ่อยๆ"
ประมาณว่า "วันเกิดของท่านทั้งสองบ้าง วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์
ยิ่งถ้าเป็นวันพระได้ก็จะยิ่งดีมาก ๆ"

รีบ ๆ หาโอกาสทำเข้าซะนะครับ เพราะเราไม่สามารล่วงรู้อนาคตได้ว่า
"พ่อและแม่ เราจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ไม่ใครบอกได้"
มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง รอวันนั้น วันนี้ เดือนนี้ ปีโน้น
แล้วจะมา"ร้องไห้ เสียใจ เศร้าโศรก" มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะครับ

รีบๆ ทำเข้านะครับ "วันและเวลามันไม่เคยคอยใคร"
ของทุก ๆ อย่างสามารถพิสูรจกันได้ครับ ถ้าไม่เชื่อลองดู ดีกับตัวคุณเองมาก ๆ

 

ภัทรกราบเท้าแม่ปีละ 3 ครั้งค่ะ วันสงการณต์ วันเกิดตัวเองเดือนมิถุนา วันแม่เดือนสิงหา ภัทรมีแต่แม่ไม่มีพ่อก็เลยกราบเท้าแม่คนเดียว เมื่อวันสงการณต์ที่ผ่านมาก็เตรียมภาชนะล้างมือ ล้างเท้าแม่ขัดเท้าให้ท่าน เสร็จแล้วก็เอาน้ำนั้นไปอาบรดตั้งแต่หัวเลย อาบๆจนน้ำหมด ตอนอาบตัวสั่นไปหมดเลย เหมือนผีโดนน้ำมนต์ นี่ก็น้ำมนต์เหมือนกัน น้ำมนต์แม่ศักดิ์สิทธิ์สุดๆตั้งแต่ทำมาก็เห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลายอย่าง ส่วนวันเกิดของคุณแม่เองภัทรก็ทำทุกอย่างให้ท่านมีความสุข หาอาหารการกิน ของขวัญที่ถูกใจ ส่วนวันเกิดของภัทรเองก็ไม่เคยถือว่าเป็นวันของเรา ถือว่าเป็นวันของแม่ก็จะทำกับแม่แบบเดียวกับที่ทำให้วันเกิดท่าน แม่ภัทรอยากได้อะไรภัทรไม่เคยขัดต้องหามาให้ตลอด แต่ยอมรับว่าการอยู่กับแม่สองคน โอกาสเสี่ยงบาปมีมาก เพราะแม่ภัทรก็ไม่เหมือนแม่คนอื่นก็เลยเถียงกันบ่อยมากๆ แต่ภัทรก็เข้าใจแกว่าแกไม่ค่อยปกติทางอารมณ์ตั้งแต่ครอบครัวเราล้มละลายแล้ว ก็เลยทนแต่บางวันก็มีบ้างที่สติแตกเพราะทุกอย่างเราทำเองหมด ทั้งงานนอกงานใน ถ้าไม่มีภัทรแม่ก็อยู่ไม่ได้ ภัทรเคยบอกแม่ว่าแม่ต้องพยายามอยู่ให้ได้หากว่าหนูต้องเป็นอะไรไป แม่แกบอกว่า "แกตายไม่ได้" เหอะๆๆ ก็เลยต้องนะแหละ ตายไม่ได้จริงๆงานนี้