เคยได้ยินคำนี้ไหม พระอรหันต์ก็ช่วยแบบพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ก็ช่วยแบบพระโพธิสัตว์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย KomAon11, 16 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ...เคยได้ยินคำนี้หรือเปล่าครับ

    พระอรหันต์ก็ช่วยแบบพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ก็ช่วยแบบพระโพธิสัตว์


    แล้วแต่ละแบบนี่ต่างกันยังไงหละทีนี้ หึหึ
     
  2. theexcaribur

    theexcaribur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +3,907
    ตามความเข้าใจของผมนะครับ ผมเข้าใจว่า

    พระอรหันต์ ท่านเป็นผู้พ้นจากกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้ว ท่านยอมจะต้องยอมรับกฏแห่งกรรม
    หากท่านจะสงเคราะห์ก็จะเป็นเรื่องทั่วไป ที่ไม่เกินกฏแห่งกรรม แต่ก็อาจจะมี
    การช่วยเหลือบริวารของท่านบ้าง แต่จะไม่ช่วยเหลือแบบตรงๆ

    พระโพธิสัตว์รวมถึงเหล่าพุทธภูมิ มักจะมีนิสัยชอบช่วยเหลือบุคคลอื่น มีทั้งที่รู้ตัวบ้าง
    และไม่รู้ตัวบ้าง ท่านเหล่านี้มีความพอใจที่จะบำเพ็ญบารมีเพิ่ม จึงตั้งใจจะช่วยเหลือโดยไม่
    สนใจว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งบางครั้งเป็นการขวางกฏแห่งกรรมบ้าง แต่ท่านก็ยินดีที่จะรับ
    แทน เพื่อให้บุคคลอื่นมีความสุข โดยไม่สนใจในความทุกข์ตนเอง

    ที่ผมเข้าใจก็มีเพียงเท่านี้ หากท่านอื่นมีข้อเสนอแนะ ก็โปรดชี้แนะด้วยครับ
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ขอแบบแรงๆนะ ชัดดี

    โพธิสัตว์ ยังช่วยแบบมีการเลือกข้าง เลือกฝ่าย เพราะพาพ้นภัย และเป็นภัย
    เฉพาะเบื้องหน้า

    อรหันต์ ช่วยได้ช่วย และไม่เลือกฝ่าย เพราะพาพ้นทุกข์ เป็นการพาออกจาก
    ทุกข์ที่อาจแลไปข้างหน้าได้ไม่จำกัดชาติ เช่น พระพุทธองค์ช่วยสอนพระ
    เทวทัตเพราะทราบว่าอีกนานกระโน้นจักได้สำเร็จปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะนาน
    จนทำให้ปุถุชนกังขา แต่พระอรหันต์จะไม่รอช้า

    พาพ้นไปคนละอย่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  4. padpong

    padpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +160
    คัดลอกมาให้น้องอ้นอ่านดูว่าพระมหาสัตว์กับพระอรหันต์ไม่สนับสนุนคนทำชั่วให้ลอยนวลหรือไม่เทศน์สั่งสอนเลย
    วิธีการทำให้ระยะชาติของมหาสัตว์ลดลงต้องจิตผู้รู้ไม่ใช่ตัวตนเสนอไอเดียรัฐได้ที่กด1111
    --------------------------------------------------------------------------------
    จากพฤติกรรมของแก๊งโจรใจบาปไม่กลัวนรกกินกบาล ลักลอบเข้าไปขูดทองคำเปลวบริสุทธิ์หุ้มองค์พระพุทธไสยาสน์มงคลสรรเพชร พระนอนองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดบางปลาหมอ ริมแม่น้ำน้อย หมู่ 3 ต.น้ำเต้า อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยคาดว่าแก๊งโจรนรกรายนี้มีประมาณ 5-6 คน แฝงตัวลักษณะเป็นครอบครัวทำทีเข้ามากราบไหว้พระ แล้วฉวยโอกาสใช้น้ำยาเคมีราดองค์พระจนแผ่นทองคำเปลวหลุดลอกก่อนขูดออกไปขาย เชื่อว่าใช้เวลาปฏิบัติการนานหลายเดือน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเนื่องจากองค์พระมีจีวรห่มอยู่ จนองค์พระได้รับความเสียหายเกือบทั้งองค์ หากจะบูรณะใหม่ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 15 ล้านบาทนั้น ความคืบหน้าการแกะรอยตามล่าแก๊งโจรใจบาป เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ก.พ. พ.ต.ท.มนตรี คงเตี้ย
    พนักงานสอบสวน สภ.พระขาว อ.บางบาล เจ้าของคดี เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ได้เชิญผู้ควบคุมกระเช้ายนต์ข้ามฝั่งแม่น้ำน้อยหน้าวัดบางปลาหมอ มาสอบสวนหารายละเอียดว่ามีกลุ่มบุคคลแปลกหน้าเข้ามาในวัดบ้างหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเชิญพระอีก 4 รูป คนงานในวัดอีก 6-7 คน รวมทั้งชาวบ้านละแวกใกล้เคียงมาสอบถามข้อมูลเช่นกัน พร้อมทั้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการมาตรวจสอบน้ำยาที่คนร้ายใช้ลอกองค์พระว่าเป็นน้ำยาชนิดใด มีขายที่ไหนบ้าง เพื่อใช้เป็นแนวทางสืบสวนตามล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีประชาชนให้ความสนใจ

    ด้านพระมหาประเสริฐ จันทวีโร เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ เปิดเผยว่า หลังตกเป็นข่าวใหญ่โต มีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง พร้อมสาปแช่งแก๊งคนร้ายให้ตกนรกหมกไหม้ไม่ต้องผุดเกิด เพราะก่อเหตุอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวบาปกรรม นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เข้ามาตรวจสอบร่องรอยความเสียหายที่องค์พระ พร้อมทั้งตรวจสอบจุดต่างๆ ภายในวัดอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าประตูด้านหลังพระอุโบสถ ทำด้วยไม้สักลงรักปิดทองลายรดน้ำ ขนาดกว้าง 1.20 เมตร สูง 2.50 เมตร จำนวน 4 บาน ถูกคนร้ายขูดลอกทองคำเปลวหายไปในลักษณะเดียวกับพระนอน ค่าเสียหายประมาณ 3 แสนบาท สงสัยว่าจะเป็นฝีมือคนร้ายแก๊งเดียวกัน จะนำเรื่องนี้เข้าแจ้งความตำรวจเพิ่มเติมต่อไป สำหรับการบูรณะพระนอนและบานประตูโบสถ์ ทางคณะกรรมการวัดจะร่วมกันพิจารณาหาทุนมาบูรณะ คงจะค่อยๆ ทำไปเพราะต้องใช้ทุนทรัพย์สูงหลายล้านบาท

    นายเอนก สีหามาตย์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เผยว่า ได้พานักโบราณคดีไปตรวจสอบพบว่า พระนอนองค์นี้เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีอายุ 100 กว่าปี สามารถขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุได้ เนื่องจากเป็นพระที่สวยงามถูกต้องตามลักษณะมีคุณค่าทางศิลปะ แก๊งคนร้ายรายนี้ใช้กรรมวิธีประหลาด เชื่อว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจมาก เหมือนไม่ใช่คนนับถือศาสนาพุทธ มีเรื่องเล่าว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา เคยมีคนร้ายที่ก่อเหตุลักษณะนี้ ได้รับบทลงโทษอย่างหนัก
    http://www.thairath.com/offline.php?...&content=79182
    ผมว่าน่าจะเสนอนโยบายให้วัดทุกวัดปิดทอง24kจะดีกว่าไหมครับ หรือพ่นสีทองแล้วเคลือบเงา จะสวยมากซึ่งประหยัดงบ15ล้านที่โจรขโมยไปได้14.8ล้านบาท เพราะทาสีทองหรือพ่นสีทอง ต้องเบเยอร์ ชิล เพราะมีสารเทปลอน ไม่หลุดออกง่ายอยู่เป็นเวลาหลายพันปีก็ไม่ลอกครับ ดีกว่าซื้อทองจริงมา ท่านใดเสนอไอเดียให้รัฐบาลโทรฟรีสายด่วนทำเนียบบรัฐบาลกด1111 หรือ www.1111.go.th สาธุครับ
    วิธีการทำให้ระยะชาติของมหาสัตว์ลดลงต้องจิตผู้รู้ไม่ใช่ตัวตนเสนอไอเดียรัฐได้ที่กด1111
    แด่พุทธภูมิทุกท่านขอให้สร้างบารมี บารมีเเปลว่ากำลังใจ ถ้ากำลังใจถึงที่จะละกิเลส โลภ โกรธหลง อุปาทาน ยึดติดอารมณ์สุขทุกข์อุเบกขาสงบ หรือหลงติดใจอารมณ์ของตัวเองว่าละกิเลสได้อันนี้เรียกว่าวิปัสสนูปกิเลสครับต้องละ โดยจิตผู้รู้ไม่ใช่ตัวตน เรารู้ทุกอย่าง เช่นรู้ธรรมะมากกว่าคนอื่น มีบุญมากกว่า หรือรวยเท่าคนอื่นหรือผลงานเท่าคนอื่นอย่างนี้เรียกมานะ พุทธองค์ท่านตรัสว่าเป็นอารมณ์เลว เราต้องรู้แล้วปล่อยวางอารมณ์ไม่ยึดติดว่าเป็นอารมณ์ของเรา คือคิดพูดทำ ไม่หวังผลประโยชน์อะไรเป็นกริยา จิตว่าง ไม่ยึดติดครับถึงเรียกว่าโพธิสัตว์ผู้พิจารณาตนเองว่ายังมีเลวอยู่ เรายังไม่ดี ถ้าดีทุกอย่างหมดเขาเรียกว่าพระมหาโพธิสัตว์ทรงอารมณ์อรหันต์ หรือพระสาวกอรหันต์ครับสาธุ

    โพธิสัตว์ ยังช่วยแบบมีการเลือกข้าง เลือกฝ่าย เพราะพาพ้นภัย และเป็นภัย
    เฉพาะเบื้องหน้า
    อรหันต์ ช่วยได้ช่วย และไม่เลือกฝ่าย เพราะพาพ้นทุกข์ เป็นการพาออกจาก
    ทุกข์ที่อาจแลไปข้างหน้าได้ไม่จำกัดชาติ เช่น พระพุทธองค์ช่วยสอนพระ
    เทวทัตเพราะทราบว่าอีกนานกระโน้นจักได้สำเร็จปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะนาน
    จนทำให้ปุถุชนกังขา แต่พระอรหันต์จะไม่รอช้า แต่จะไม่ด่าคนขโมยทองพระนี้ ขนาดพุทธองค์ยังทรงดุว่ามนุษย์สัตว์นรกโต เดรัจฉานโน สเปโต พวกเลวชั่วโคลนใต้ตมอย่างนี้สอนไม่ได้ ถ้าสนับสนุนโดยไม่เลือกหน้าว่าคนไหนชั่ว ไปช่วยเขาก็เหมือนกับมีอคติ สนับสนุนเขา เขาเรียกว่านิกันติ ติดใจในสัญญา สัญญาคือความจำได้ระลึกได้ แต่ต้องจำหลักการทรงอรหันต์ว่าไม่มีนิกันติ ติดใจอยากช่วยไม่เลือกหน้าอย่างนี้ พุทธองค์ไม่เคยสอนให้ช่วยโคลนใต้น้ำเพราะปทปรมะคือสอนไม่ได้งั้นต้องเข้าใจนะครับ
     
  5. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    เหมือนกัน...............เปรียบเหมือนแสงแดด สาดส่องทุกหมู่เหล่า ไม่เลือก ไม่ประมาณ มด จนถึงช้างก็แสงแดดเดียวกัน
     
  6. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ผมว่าทั้งสองแบบท่านก็สอนให้คนพ้นทุกข์เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะสอนตามแต่จริตและระดับอินทรีย์ของแต่ละท่าน ขึ้นอยู่ที่ว่าผู้รับจะรับได้แค่ไหนระดับใดครับ(จะแตกต่างก็ตรงที่ผู้ปรารถนาพุทธภูมิส่วนมากมักจะมีความรอบรู้ในรายละเอียด และต้องสะสมบารมีมากกว่าน่ะครับ)
     
  7. ศรัทธาในพระองค์

    ศรัทธาในพระองค์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +40
    หากเราบำเพ็ญธรรม ทำความดี พระโพธิสัตว์หรือพระอรหันต์จะหันมาแลเราก่อนเสมอ
    ช่วยได้รึไม่ อยู่ที่บุญหนุนนำ บำเพ็ญธรรม สร้างความดีถวาย หนัก ร้าย ก้อจะเป็นเบา


    อยู่เพื่อทำความดีนี้เพื่อแม่ อยู่เพื่อแผ่อายุพระพุทธศาสนา
    อยู่เพื่อสร้างบารมีที่ทำมา อยู่เพื่อพาสรรพสัตว์ขัดจิตใจ

    ขอบุญบารมี จงมีแด่ผู้เมตตาด้วยเถิด

    อา มิ ถอ ฟอ

    黃麗珠<O:p</O:p

     
  8. power30

    power30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2007
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +104
    - เรื่องนี้ผมก็เคยถาม หลวงพี่เล็ก

    - พุทธภูมิที่ต้องช่วยคนให้พ้นทุกข์นี่ หมายความว่าต้องเนื่องด้วยโลกีย์วิสัยด้วยใช่ไหม
    ( หมายถึงต้องตามใจกิเลสชาวบ้านด้วยหรือไม่ )

    - หลวงพี่เล็ก ท่านแก้ว่า ไม่ใช่แต่ต้องเนื่องด้วยธรรมะ แต่มีบ้างที่พวกพุทธภูมิจะต้องทำ
    ผิดศีลธรรมบ้างเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้เข้าถึงธรรมะ

    - เหมือนที่พระเจ้าตาก พระนเรศวรทรงกู้ชาติ ( บันทัดนี้เป็นความเข้าใจของผมเองนะ )
     
  9. ปัญญาธรรม

    ปัญญาธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +25
    พระโพธิสัตว์ก่อนที่จะลงมาตั้งจิตอธิษฐานไว้ก่อนแล้วว่าจะลงมาสร้างบารมีอะไร
    ตัวอย่างเช่น องค์สมเด็จพระนเรศวรที่มาสร้างบารมีเพื่อกอบกู้เอกราชของชาติสยาม
    ถึงแม้จะรู้ว่าการลงมาครั้งนี้มีนรกเป็นเดิมพันก็ต้องยอม
    เพราะมีชาติ ศาสนาจึงจะอยู่ได้
    หากแม้นสิ้นชาติ ศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร
    ประกอบกับอาณาประชาราษฏร์ สมณะชีพราหมณ์ถูกกดขี่ข่มเหง
    แต่ก่อนการจะลงมานั้น จะต้องมีการประเมินกำลังของข้าศึก
    ว่าคู่ต่อสู้ที่จะต้องมาฉะด้วยนั้น บารมีตลอดจนกำลังสามารถที่จะต่อกรได้หรือไม่
    ถ้าหากแม้นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีน้อย แต่คิดจะทำการใหญ่
    จะต้องถึงแก่การพ่ายแพ้ได้...
    ดังนั้นเสียเหล่าพระโพธิสัตว์น้อยใหญ่ในชั้นดุสิตจะมีการประชุมกัน
    เพื่อที่จะส่งพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีพอที่จะฉะกับคู่ต่อสู้(ซึ่งก็คือมารจากชั้นปรนิมฯนั่นเอง)
    ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาหลายกัลป์หลายกัลป์ ทุกยุคทุกสมัย มารทำงานแข่งกับพระ(โพธิสัตว์)ตลอด
    เพราะมารเองก็มีบารมีจากสิ่งที่เขาเองเคยสร้างสมไว้
    เพียงแต่มีความหลงผิดเป็นชอบเท่านั้นเอง
    การทำงานของพระโพธิสัตว์มักจะทำงานเกื้อกูลกัน
    เพราะงานใหญ่บารมีใหญ่นั้นบางครั้งต้องอาศัยบารมีจากพระโพธิสัตว์หลายพระองค์
    ในสมัยองค์สมเด็จพระนเรศวรนั้นนอกจากพระองค์จะเป็นพระโพธิสัตว์แล้ว
    ก็ยังมีพระโพธิสัตว์อีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งในพงศาวดารหรือในประวัติศาสตร์ในสมัยนั้น
    แทบจะไม่ค่อยรู้จักท่านเท่าไหร่
    พระโพธิสัตว์พระองค์นี้อาสามาเป็นทัพหน้าให้กับพระนเรศวร
    ในตำแหน่งศูนย์หน้าทะลายฟัน...
    เพราะต้องอาศัยผู้มีบุญบารมีมาก เพราะบุคคลเยี่ยงนี้จะไม่ตายโหงในสนามรบ
    ซึ่งว่าตามศักดิ์ในฐานะของพระโพธิสัตว์แล้ว บารมีของพระองค์จะมากกว่าก็ตาม
    การเกื้อกูลของพระโพธิสัตว์ไม่มีการแบ่งว่าใครบารมีมากบารมีน้อย
    หากแต่ดูความเหมาะสมในภาระกิจที่จะต้องทำนั้นๆ
    บางครั้งพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีน้อยกว่าแต่ยังขาดการสร้างบารมีนั้นๆ
    พระโพธิสัตว์ที่บารมีมากกว่าและเคยผ่านการสร้างบารมีนั้นๆมาแล้ว
    ก็เกื้อกูลลงมาช่วย ซึ่งบางครั้งแทบไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่
    แต่ถ้าขาดในส่วนนี้ไป ภาระกิจนั้นจะไม่สามารถลุล่วงได้
    พระโพธิสัตว์ที่อาสามาช่วยเป็นศูนย์หน้าทะลายฟันของพระนเรศก็คือ...
    พระโพธิสัตว์รามเจ้า
    ซึ่งพระโพธิสัตว์ท่านนี้ ตามที่คำภีร์ที่ว่าด้วยพระพุทธเจ้า 10 พระองค์นั้น
    ท่านจะมาอุบัติหรือมาตรัสรู้หลังภัทรกัลป์นี้..นั่นคือหลัง
    องค์สมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรยมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    การช่วยแบบพระโพธิสัตว์นั้นบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ละเอียดและลึกล้ำ
    ตัวอย่างเช่น....
    การได้รับความช่วยเหลือของพระนเรศวรเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์นั้น
    พระองค์ถูกนำไปยังกรุงหงสาวดี..
    แต่นั่นกลับเป็นชะตาชีวิตที่เหมือนถูกเขียนไว้
    เพราะผู้ที่ดูและเกื้อกูลพระองค์กลับเป็นผู้ที่คล้ายจะเป็นศัตรู
    แต่ก็เป็นพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง..นั่นก็คือ
    พระเจ้าบุเรงนอง
    พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์
    พระองค์โดยอุปนิสัยหาใช่เป็นผู้เลวร้ายอะไรไม่ เพราะจิตในสันดานข้างในนั้นเป็นพุทธภูมิอยู่
    พระเจ้าบุเรงนองเป็นผู้มีบุญบารมีมาก
    เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในการทำศึก
    ไม่อย่างนั้นพระองค์จะได้รับการขนานนามว่า
    "ผู้ชนะสิบทิศ" ได้อย่างไร
    และนอกจากนี้พระองค์ยังทรงปกครองด้วยทศพิศราชธรรม
    ก็ยังมีความเมตตากรุณากับพระองค์ดำในวัยเยาว์มิใช่น้อย
    พระองค์ทรงให้ความรักและเอ็นดูพระนเรศเสมือนบุตรของพระองค์เอง
    เห็นได้จากการที่พระองค์ส่งพระนเรศไปบวช
    และศึกษาศิลปวิทยาตลอดจนศาสตร์ของการรบ
    กับพระอาจารย์ของพระองค์เอง..นั่นก็คือ พระมหาเถรคันฉ่อง
    หากแต่เพียงพระองค์พลาดท่าให้กับมาร
    ในเรื่องการแผ่ขยายอาณาจักร การยึดครองเมืองใหญ่เมืองน้อย
    อันนำมาซึ่งการเข่นฆ่าและเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
    คำว่าพลาดท่าให้กับมารมิได้หมายความว่ามารครอบหรือว่าเป็นมาร
    เพราะใครๆก็สามารถพลาดท่าให้กับมารได้ทั้งนั้น
    จากความโลภความโกรธความหลง
    การทำศึกของพระนเรศวรและพระเจ้าบุเรงนองนั้นต่างกัน
    เจตนาของอีกฝ่ายทำเพื่อขยายอิทธิพลขยายอาณาเขต
    อีกฝ่ายทำเพื่อกอบกู้ชาติเพื่อให้พระศาสนาคงอยู่ได้
    เมื่อเจตนาของพระเจ้าบุเรงนองเป็นไปเยี่ยงนั้น
    ทำให้บารมีในบางส่วนของพระองค์ต้องหมดไปมิใช่น้อย
    แต่สิ่งที่เราเห็นได้ชัดก็คือการช่วยเหลือของพระโพธิสัตว์ต่อพระโพธิสัตว์
    และการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
    ในกรณีของพระเจ้าบุเรงนองกับพระนเรศวร เป็นต้น
    มารที่มาเกิดในสมัยนั้นมิใช่พระเจ้าบุเรงนอง
    หากแต่เป็นพระมหาอุปราชา
    มิได้หมายความว่าใครเป็นศัตรูหรือคู่ต่อสู้จะต้องเป็นมารก็หาไม่
    หากแต่พระมหาอุปราชาเป็นเทวดาฝ่ายมารลงมาอุบัติ
    ซึ่งพระโพธิสัตว์อย่างพระนเรศวรมีบารมีพอที่จะฉะได้จึงลงมา
    แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องเป็นมารตลอดไปก็หาไม่
    ตัวอย่างเช่น พระยามาราธิราชที่ทรงกลับใจและปราถนาพุทธภูมิ
    แม้กระทั่งคนอย่างพวกเราเองหากแม้นสร้างบุญบารมีมากมาย
    หากแต่สิ่งที่กระทำนั้นนำพาผู้คนไปสู่ความลุ่มหลง
    หันเหออกจากแนวทางแห่งสัจธรรมแล้วไซร้
    เราก็จะมีโอกาสไปเป็นมารเช่นเดียวกัน ..ไม่ยกเว้นแต่อย่างใด

    งานของพระโพธิสัตว์นั้นบางครั้งเป็นงานที่ต้องเสี่ยงต้องแลก
    บางครั้งถึงกับมีนรกเป็นเดิมพัน
    เพราะในการศึกสงครามจะต้องมีการกระทำล่วงซึ่งชีวิตของผู้อื่น
    แต่ทำในครั้งนี้แล้วชาติศาสนาอยู่ได้....นั่นก็ถือว่าลุล่วง
    ถึงแม้ว่าตัวท่านเองเมื่อสิ้นชีพแล้ว..จะต้องไปนรก
    แต่ก็จะตกไม่นาน..
    เพราะจิตของโพธิสัตว์จะมีความสำนึกในบาปในอกุศลในสิ่งที่ตัวเองกระทำ
    เมื่อสำนึกได้มากเท่าไหร่..ก็จะพ้นจากนรกได้เร็วเท่านั้น
    ซึ่งจะต่างจากคนพาลสันดานหยาบทั่วไปที่ต้องตกนรกจากการกระทำคล้ายๆกัน
    แต่เขาเหล่านั้นจะหารู้ไม่ว่าเพราะอะไร..ตัวเองถึงต้องมารับกรรมในสภาพนี้
    เพราะเจตนาที่กระทำนั้นต่างกัน
    แต่กรรมก็คือกรรม..ไม่มีข้อยกเว้น
    ใครทำกรรมอะไร ผลก็จะได้รับสิ่งนั้น
    นี่แหล่ะ...คือหัวอกของพระโพธิสัตว์
    คือจิตใจของพระโพธิสัตว์
    ผู้ปราถนาจะช่วยเหลือเหล่าสัตว์ให้ข้ามพ้นจากบ่วงของมาร
    ผู้ปราถนาจะช่วยให้เหล่าสัตว์ข้ามพ้นจากกองทุกข์
    ถึงแม้ว่าตัวเองจะทุกข์ยากลำบากทรมานเพียงใดก็ตาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2009
  10. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  11. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257
    ขอตอบกระทู้ นะครับ

    1.คุณเอกวีร์ ผมว่า คำนิยาม ของคุณน่าจะสลับกันหรือ เปล่า ครับ
    พระโพธิสัตว์ น่าจะไม่เลือกข้างมากกว่านะครับ

    2.คุณปัญญาธรรม ครับ ที่บอกว่า บุเรงนอง เป็นฝ่ายมารหรือถูกมารครอบงำ อันนี้มองแบบ เหรียญบาท หรือ เปล่าครับ คือ ขาว กับ ดำ

    พอเขาไม่ใช่ฝ่ายเรา ก็บอกว่าเป็นมาร พอเป็นฝ่ายเรา ก็บอกว่า เป็นเทวดา หรือ เป็นคนดี

    ลองคิดดูบ้างสิครับ บุเรงนอง ออกรบ ก็เพราะปกป้องบ้านเมืองของเขาเช่นกัน เขาก็รักประชาชนของเขา เป็นกษัตริย์ที่รักชาติ มิฉะนั้นจะออกรบเสี่ยงตาย มาปกป้องประเทศทำไม

    ในขณะเดียวกัน กับที่กษัตริย์ไทย ก็ออกรบ และ ก็ฆ่าคนชาติอื่น เพื่อปกป้องประเทศ และ ขยายดินแดนเช่นเดียวกัน

    ก็ไม่ต่างอะไรกับคนพม่าหรือ ประเทศราชอื่นๆ ที่ ก็ด่ากษัตริย์เรา เหมือนกัน เพราะไปเข่นฆ่า ครอบครัวเขา ประเทศเขา จริงไหมครับ

    จะวัดตรงนี้ไม่ได้หรอกครับ

    และถ้าบุเรงนอง ไม่ทำบุญมาดีจริง คงไม่มีบารมีขนาด ได้รับขนานนามว่า เป็นผู้ชนะสิบทิศหรอกครับ เขาก็ปกครองบ้านเมืองแบบทศพิศราชธรรม พม่าในสมัยนั้นถึงเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ครับ

    ถ้าบุเรงนอง เลวจริง คงฆ่าพระนเรศวรตายไปตั้งแต่เด็กแล้วไม่ปล่อยให้มาโตเป็นกษัตริย์ กอบกู้เอกราช หรอกครับ

    สุดท้าย ฆ่ากันไป ฆ่ากันกับ ก็ไม่มีวันจบสิ้น วน กัน เป็นกงล้อ

    บอกไม่ได้หรอกครับว่าใคร ดี หรือ เลว เพราะทุกคนก็ต่างรักชาติของตัวเอง เพียงแต่ความรักชาติ แลกมาด้วย การฆ่าคนอื่น

    ปล.ถ้าเคยอ่าน การ์ตูนNaruto เหตุผลที่ pain ฆ่าล้างหมู่บ้านทั้งหมด ก็เพราะเหตุผลนี้ ก็เพราะจะได้ไม่มีใคร รบกับใคร อีก ต่างก็อ้างว่าเพื่อความสงบของหมู่บ้าน จึงต้องฆ่าคนหมู่บ้านอื่น
    ถ้าเราเป็นคนในหมู่บ้านที่ถูกฆ่า เราจะรู้สึกอย่างไรครับ ก็ต้องไม่พอใจ เจ็บแค้น
    ถ้าทุกคนได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดจากสงคราม ก็จะไม่ต้องรบ และเลือกที่จะอยู่อย่างสงบ ต่างฝ่ายต่างอยู่ ก็ไม่มีสงคราม

    แม้จะเป็นการ์ตูน แต่ให้ข้อคิดดีมากๆๆครับ
     
  12. teeo79

    teeo79 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +96
    ทุกชีวิต ที่ช่วยเหลือผู้อื่น ก็ตามวิสัยของแต่ละคน
    พระพุทธเจ้า ก็แบบหนึ่ง
    พระอรหันต์ ก็แบบหนึ่ง
    พระโพธิสัตว์ ก็แบบหนึ่ง
    ปัญญาชน ก็แบบหนึ่ง
    ปุถุชน ก็แบบหนึ่ง

    แล้วแต่ว่าคนนั้นมีระดับปัญญา และวิธีการ ที่มีขนาดไหน
     
  13. treejak

    treejak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +205
    ช่วย...ก็จบไม่ช่วยก็จบ

    ช่วย...เพื่อจบ
     
  14. ROJKAJORN

    ROJKAJORN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,350
    เคยได้ยินว่า พระโพธิสัตย์ จะช่วยเหลือแม้จะฝืนกฏแห่งกรรม หรือต้องรับกรรมผู้อื่นแทน ส่วนพระอรหันต์นั้น จะช่วยแนะธรรมเพื่อเป็นทางให้พ้นทุกข์ หากแต่ทุกข์จากโลกียกรรม ก็มิอาจยุ่งเกี่ยวได้ เพราะมิใช่วิสัยของสงฆ์
    หากข้าพเจ้ากล่าวคำใดมิถูกมิควร ขอองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นที่สุด พระปัจเจกพุทธเจ้า โดยมีพระปัจเจกองค์ปฐมเป็นที่สุด พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ มหาโพธิสัตย์ทุกพระองค์ โดยมีพระโพธิสัตย์องค์ปฐมที่แม้บารมีเต็มก็ไม่ละจิตเข้าสู่พระสัมมาสัมพุทธะด้วยเหตุแห่งความตั้งใจของโพธิสัตย์ที่จะช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ เป็นที่สุด และเทพพรหมเทวดา ทุกพระองค์ ก็ขออดโทษให้แก่ข้าพเจ้าตราบจนเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด
     
  15. มารวิกะ

    มารวิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +526
    ถึงแม้จะช่วยเหลือโดยสุดกำลังเท่าที่มี ก็ยังฝืนกฎแห่งกรรมนั้นๆไม่ได้ครับ
    อย่างดีช่วยได้แค่บรรเทากฎแห่งกรรมเท่านั้นโดยท้ายที่สุด สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามนั้นจริงๆ
     
  16. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    สุดท้ายก็ช่วยกันพาคนให้ถึงซึ่งพระนิพพานกัน แม้จะมากจะน้อย

    แต่ท่านก็ช่วยกันเต็มกำลัง ความสามารถ ที่มีอยู่
     
  17. pacadej

    pacadej Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +74
    ขอโมทนากุศลกับทุกความเห็นที่บริสุทธิ์ใจทุกๆท่าน
    จะถูกบ้าง ถูกเป็นบางส่วนบ้าง ไม่ถูกบ้าง เป็นเรื่องปรกติ
    ------------------------------------------------------------
    อย่างพระโพธิสัตว์ก็ยังมีบารมีและปัญญาไม่เสมอกัน
    วิธีการช่วย(มวลมนุษย์)จึงต่างกัน
    แต่ที่เหมือนกันของพระโพธิสัตว์ก็คือ................
    คือจิตที่คิดจะสงเคราะห์ผู้อื่น
    จะสงเคราะห์อย่างไรนั้นขึ้นกับปัญญาในแต่ละระดับของท่าน
     
  18. pacadej

    pacadej Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +74
    คำว่าฝืนกฏแห่งกรรมไม่ได้นั้น.......
    เป็นวลีที่พูดกันบ่อยเพื่อให้ยอมรับสิ่งที่ประสบอยู่
    และ เป็นวลีที่โดยมากฟังผ่านๆไป
    เหมือนกับที่ชอบกล่าวว่า ให้วางอุเบกขา ซึ่งต้องเข้าใจคำว่า อุเบกขา
    ให้ดีเสียก่อน จึงจะวางได้ถูกต้อง
    --------------------------------------------------------------------
    กฏแห่งกรรมมีอยู่จริง แต่การกระทำใดๆ นั้นยากที่จะทราบว่า..
    ที่ทำนั้นฝืนกฏหรือไม่ หรือกำลังทำไปตามกฏแห่งกรรม............
    เว้นเสียแต่ว่าเราสามารถสาวไปถึงต้นตอหรือปฐมเหตุลงมาถึง
    ความซับซ้อนที่ตามมาได้......
    --------------------------------------------------------------------
    ทราบมาว่า..นอกจากพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว....
    พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญานท่านมีความสามารถนี้
    ส่วนพระโพธิสัตว์ท่านที่ทราบก็มี ไม่ทราบก็มี
    ส่วนท่านที่มีญาณ 8 ที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์นั้น....... 1 ในญาณ 8 คือ
    ล่วงรู้ที่มาของกรรมได้
    แต่ยังไม่ละเอียดลึกซึ้งพอ

    --------------------------------------------------------------------

    กราบขอขมาพระรัตนตรัย หากที่กล่าวมานี้ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง
    ขออโหสิกับความเห็นที่อาจไม่ถูกใจท่านอื่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2009
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมว่าช่วยเหมือนกันทั้งสองแบบแต่อนิสงที่ได้รับน่าจะไม่เท่ากันตามความเข้าใจ คือว่า พระอรหันต์ หมายถึงสภาวะอันหลุดพ้นจากกิเลสกองทุกทั้งหลาย ได้ทำกิจที่ควรทำเสร็จสิ้นแล้ว เป็นเนื้อนาบุญ ของเหล่ามนุษย์และเทวดา ซึ่งผมเข้าใจว่าพระโพธิสัตว์ไม่น่าจะถึงขั้นอรหัตผล ซึ่งก็คือถ้าพระโพธิสัตว์ได้อรหัตผล โดยมากจะเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระปัจเจกพุทธเจ้า ดังนั้นเมื่อเทียบจากความละเอียดของจิต จิตพระอรหันต์ ย่อมสะอาดบริสุทธิ์ มากกว่า ความหมายที่ท่านช่วย น่าจะหมายความว่า ท่านอยู่เป็นเนื้อนาบุญให้พวกเรา ทำให้เราเข้าใกล้หรือเข้าถึง ธรรมตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตามกำลังบุญบารมีที่สั่งสมไว้ เชื่อเถอะว่าหากท่านมีวาสนาได้เจอพระอรหันต์ จักต้องรีบทำความเพียรและตักตวงผลานิสงค์ เป็นอันมากโดยเร็ว
     
  20. feiyuching

    feiyuching สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +7
    <TABLE class=tborder id=post2094004 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_2094004 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">[​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ขอโมทนากุศลกับทุกความเห็นที่บริสุทธิ์ใจทุกๆท่าน
    จะถูกบ้าง ถูกเป็นบางส่วนบ้าง ไม่ถูกบ้าง เป็นเรื่องปรกติ
    ------------------------------------------------------------
    อย่างพระโพธิสัตว์ก็ยังมีบารมีและปัญญาไม่เสมอกัน
    วิธีการช่วย(มวลมนุษย์)จึงต่างกัน
    แต่ที่เหมือนกันของพระโพธิสัตว์ก็คือ................
    คือจิตที่คิดจะสงเคราะห์ผู้อื่น
    จะสงเคราะห์อย่างไรนั้นขึ้นกับปัญญาในแต่ละระดับของท่าน<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2094004")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat>สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ pacadej ในข้อความที่เขียนด้านบน </TD></TR><TR><TD class=alt2 height=29>[​IMG] Deetom (13-05-2009)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    อนุโมทนาครับ

    ในที่สุดผมก็ทราบถึงเหตุผลของพระอรหันต์และพระโพธิ์สัตว์
    งั้นก็หมายความว่า เ ราทุกคนสามารถพึงปฏิบัติเช่นพระโพธิสัตว์ได้
    ด้วยการมีจิตสงเคราะห์ผู้อื่นดังที่คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->pacadej<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2094004", true); </SCRIPT> กล่าว

    ขอบพระคุณผู้ตั้งกระทู้ ที่ทำให้ข้าพเจ้าทราบ
    แต่ข้าพเจ้าก็ยังต้องพึ่งพระบารมีของพระโพธิ์สัตว์อยู่ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...