เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. kcsn

    kcsn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +111
    ผลงานทุกชิ้นของคุณอ้องสวยงดงามอย่างอ่อนช้อยมากๆ จินตนาการสุดล้ำเลิศเกินคำบรรยายจริงๆค่ะ ดูแล้วทำให้นึกถึงมนเสนห์แห่งหว้งทะเลลึกที่ไม่มีใครเคยได้พบเห็นมาก่อน
    ทึ่งมากๆค่ะ
     
  2. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    ผลพลอยได้จากความฝัน

    เคยฝันว่าเดินตามทางไปเรื่อย ๆ แล้วมืดระหว่างทาง นึกอยากให้มีความสว่างส่องทางให้เดินทางต่อไป.. บ้างครั้งก็ฝันว่าระหว่างทางนั้นมีไฟฉายไปด้วยแต่ไม่ได้ใส่ถ่านไว้นึกว่าจะต้องกลับไปซื้อแล้วกลับมาอีกเสียเวลาเดินทางมาไกลแล้ว

    ชีวิตจริงจึงชอบพกพาไฟฉายพร้อมถ่านติดตัวไปด้วย (ไม่อยากเป็นอย่างที่ฝัน) ได้ใช้ประโยชน์มากเมื่อมาทำงานที่ต่างจังหวัด
    :z1 ;aa41
     
  3. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ความฝัน

    บางครั้งเคยฝันเห็นลูกแก้วดวงกลมใหญ่ๆ ภายในลูกแก้วมีแต่ดวงดาวและห้วงจักรวาลหมื่นแสนโกฎิจักรวาล...

    เมื่อปรารถนาว่าจะเห็็นทางช้างเผือกลูกแก้วนั้นจะสว่างจ้าภายในและเห็นทางช้างเผือกหมุนวนอยู่ภายใน

    ของเล่นเทวดา...

    บางครั้งการตื่นเต็มตัวเราจะเป็นส่วนหนึ่งในมิติภพนั้นแบบเต็มตัว
    และสิ่งที่เราเห็น เราจะอ้าปากตาค้างในสิ่งที่ไม่มีทางที่จะพบเห็นได้

    เราสามารถที่จะไปยืนในห้วงอวกาศแต่สิ่งที่ปรากฏคือแสงสว่างระยิบระยับของดวงดาว
    เหนือจินตนาการแต่สิ่งที่ปรากฏคือความอ้างว้าง ความสพึงกลัว ความโดดเดี่ยว
    เรียกว่าอยู่นานๆจะหนาวๆใจ...

    ในห้วงน้ำถ้าเราปรารถนาที่จะอยู่เล่นดำน้ำ
    สิ่งที่ปรากฏคือความรู้สึกเบื้องต้นคืออึดอัด เพราะความเคยชินว่าต้องสูดลม กลัวว่าการอยู่ใต้น้ำจะหายใจไม่ออก

    แต่ลืมไปว่ากายละเอียดแม้แต่ลมก็ไม่ปรากฏ ถ้าเราทำใจยอมรับสิ่งที่ปรากฏอึดอัดคับข้องจะหายไป

    แต่เบื้องต้นของเทวดาใหม่ๆจะถูกเพื่อนๆเทวดา นางฟ้า ที่อยู่มาก่อน
    สอนวิธีการต่างๆทั้งการเคลื่อน การเหาะ การอยู่ภายใต้น้ำ การรับรู้ผัสสะ
    การอธิษฐาน รัศมีแสงสีและภพภูมิ รวมทั้ง ผู้ที่มีอำนาจบุญ วาสนา ความดี
    สะสมเอาไว้มาก ที่จะมาเยือนจะมาหา สถานที่แห่งภพภูมิ

    การเอื้อเฟื้อเกื้อกูล มิตรสหาย ความร่มเย็น ปัญญา

    โลกสวรรค์เป็นโลกแห่งความเพลิดเพลินไม่รู้จบ เกิดด้วยบุญ รู้สึกในอารมณ์แห่งบุญล้วนๆเป็นเสบียงที่เราสะสมเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสสอนเพื่อจะไม่ลำบากตนทั้งภพนี้ภพหน้า
    และพระพุทธองค์ก็ตรัสสอนในเบื้องปลายว่า การเกิดมีแต่ทุกข์ล้วนๆอย่าพัก อย่าเพียรในสิ่งที่พวกเราเป็นมาตลอดแล้วไม่พ้นทุกข์ซักที

    ขออนุโมทนาครับ...
     
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    กระทู้หอย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันนี้เอาโชว์ผลงานแค่นี้พอละ ทำเอาไว้เยอะมากแปลกๆดี
    งานทุกตัวเป็นหอยแท้ๆแต่มาสร้างงานเพิ่มเติมและการให้สีลำบากเอาเรื่อง
    งานแต่ละตัวเวลาทำจะไม่มีวันซ้ำกันเลย

    ถ้าไปจัดพิมพ์ทำเป็นหนังสือ ทางนิตยสารมาขอคงสนุก เป็นไอเดียที่ยังไม่มีใครทำเลย ถ้าทางพิพิธภัณฑ์หอยมาเห็นสงสัยจะให้อ้องมาสร้างแบบงานให้แน่ๆ
    เป็นอาชีพที่ทำให้รวยได้เลย สร้างงานได้อีกเยอะ


    วันนี้เลยเอาภาพมาแสดงพอก้อมแกล้มนะครับบรรเทิงใจดี
     
  5. kcsn

    kcsn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +111
    วัดป่าจิตตวิเวก ประเทศอังกฤษ ของหลวงพ่อชา สุภัทโท

    หาทางที่จะส่งภาพอยู่นาน ในที่สุดก็สำเร็จค่ะ หากรูปใหญ่เกินต้องขออภัยด้วยนะคะ รวบรวมภาพถ่ายที่วัดป่าจิตตวิเวกเมือง Peter field มาฝากค่ะ ภาพถ่ายเมื่อครั้งที่ได้พาพระสงฆ์ 2 รูปที่เดินทางมาจากเมืองไทยไปเที่ยวชมวัดป่า เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา และภาพถ่ายเมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ได้พาครอบครัวไปทำบุญใส่บาตร และเวียนเทียนรอบพระเจดีย์ของหลวงพ่อชา สุำำำภัทโท ค่ะ
    ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันทุกๆท่านนะคะ
    ;aa54
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ทำไมเทวดาระลึกชาติได้มนุษย์ทำไม่ได้

    เทวดาและพรหมโดยมากเมื่อจุติจิตจากภพภูมิอื่นจิตได้ยึดอารมณ์ในภพใหม่
    และมาปฏิสนธิในภพภูมิเทวดาและพรหม

    กายใหม่เกิดโดยอาศัยวิบากคือบุญล้วนๆ ไม่ต้องอาศัยกรรมอันเป็นเผ่าพันธ์
    ไม่ต้องอาศัยสภาพสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องอยู่ในครรภ์ ไม่ได้หลับลึกเป็นระยะเวลานาน
    ในครรภ์มารดา ไม่ต้องถูกมหาภูตรูปครอบงำ ไม่มีสมองของมหาภูตรูปเป็นแกนกลางแห่งการจดจำได้หมายรู้

    เทวดาหรือพรหมส่วนมากเวลาผุดขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งบุญล้วนๆ
    จะมีสภาพแห่งการเกิดใหม่โดยฉับพลัน เหมือนฝันดีและมาอยู่ใรสถานที่ๆแปลกตาออกไป

    เวลาที่อ้องตื่นในฝัน...
    อ้องจับเอาความรู้สึกนึกคิดในภพโลกได้นั้น เพราะกายหยาบอ้องยังผูกพันธ์กับโลกด้วยสายใยแห่งตัณหาอยู่

    แต่เทวดาและพรหมนั้นเมื่อผุดขึ้นมาจะจับสภาพของความหลังของการเป็นมนุษย์หรือภพเก่าไม่ได้เลย

    สิ่งนี้จะเป็นอยู่ชั่วขณะเพราะการเกิดใหม่นั้นก็ไม่ต่างจากคนที่กำลังพบสิ่งใหม่จนลืมสิ่งเก่าหมดสิ้นไป

    ไม่ต่างจากเด็กในโลกมนุษย์ที่จดจำอดีตภพเดิมไม่ได้

    แต่ความเป็นเทวดาหรือพรหมนั้น บางท่านจะลืมเลือนอดีตภพเดิมแบบไม่ใยดีอีกต่อไปมีเยอะมากทั้งๆที่อยู่ในสภาพที่สามารถระลึกภพเดิมได้ สิ่งนี้เรียกว่าการติดในภพใหม่เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่จนลืมพ่อแม่ตนเอง

    เอาแต่เรื่องเฉพาะหน้าที่กำลังเกิดขึ้น จนบางครั้งเราจะได้ยินคำว่า เทวดา พรหม ขี้ลืม คือลืมสิ่งที่อยู่ข้างหลังจนสนิทใจผ่านกาลเวลาไปเป็นหลายร้อยปีสวรรค์ก็มี เพราะมีแต่เรื่องเพลินใจ จนมาระลึกได้ ญาติมิตรที่อยู่ที่โลกก็มลายหายไปกับกาลเวลาเสียแล้ว

    และเช่นกัน เทวดาและพรหมก็มีความฝังใจ เช่นรักที่ฝังใจ อธิษฐานที่ฝังแน่น
    การตั้งสัจจะ การมุ่งหวังในบางสิ่งที่ฝังเอาไว้เป็สิ่งเตือนความจำ

    เทวดาและพรหมพวกนี้จะตื่นขึ้นมากับความจริงโดยไม่เพลิดเพลินยินดีในความละเอียด สุข ปีติ นี่เทวดา พรหม พวกนี้เป็นพวกวางอุเบกขาในใจตนเอง
    ฝึกอบรมมาดีพอสมควร เมื่อมีสิ่งใดเกิดความชักจูงใจให้จดจำ ให้ระลึกได้

    เทวดาและพรหมพวกนี้จะเห็นอดีตสัญญาที่สะสมเอาไว้โดยไม่ถูกสมองหรือมหาภูตรูป๔มาปิดบังซ่อนเล้น เพราะมีสภาพของกายละเอียด...

    การถูกเทวดาผู้ใหญ่กล่าวเตือนสติเพราะมีวิบากที่ดีสะสม
    การถูกกระตุ้นจิตสำนึกเพราะอธิษฐาน ความฝังใจ

    อย่าว่าแต่เทวดา...
    แม้แต่มนุษย์ เด็กที่ระลึกชาติ ล้วนถูกกระตุ้นจิตสำนึกภายในว่า เหมือนเราเคยเป็นอะไร เหมือนเราเคยทำอะไร และสิ่งต่างๆที่ฝังใจจะไหลวาบเข้ามาในห้วงแห่งความทรงจำ

    เทวดา พรหมที่ระลึกชาติได้ เด็กมนุษย์ที่ระลึกชาติได้ ต่างก็มีสาระแก่นสารที่คล้ายคลึงกัน คือการถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เพียงแต่สิ่งหนึ่งทำได้ง่ายแต่มนุษย์ทำได้ยาก...
     
  7. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    การใส่บาตร การทำทานแบบมีปัญญา

    ถ้าเราใส่บาตรพระ เราทำทานอันใดก็ดี แล้วเราหวังผลในทานก็ย่อมได้ในผลแห่งทานนั้นๆ กรรมก็คือการกระทำ มีวิบากเป็นผลเป็นปัจจัย

    ถ้าเราทำทาน ใส่บาตร บริจาคทรัพย์แล้วเราทำไปเพื่อเกื้อกูล เพื่อประโยชน์แห่งพุทธศาสนา ไม่เจาะจงบุคคลใด สละออกในสิ่งที่ใจไปยึดคือวัตถุทาน ไม่หวังผลตอบแทน ให้เปล่าๆ ให้ด้วยใจอนุเคราะห์ ให้ด้วยความเคารพ ให้ด้วยเมตตากรุณา
    ให้ด้วยการเสียสละอารมณ์ ให้ด้วยความกตัญญู ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

    ไม่เลือกที่รักไม่มักที่ชัง ให้ด้วยไม่มาเปรียบเทียบ ให้ด้วยไม่เสียดาย ให้ด้วยความเต็มใจ สิ่งต่างๆเหล่านี้คือคุณธรรมในจิตที่จะเจริญสืบต่อมีผลเป็นอันมาก

    อย่าใส่บาตรทำทานโดยมีกิเลสนำพา

    อ้องขอเปรียบเทียบให้เห็นคำว่าอานิสงส์ที่ทำทานแบบมีกิเลสและไม่ปรารถนาสิ่งใดให้แบบเปล่าๆ เผื่อเพื่อนๆจะได้เห็นว่า

    ทำไมเราจึงต้องสร้างจริตนิสัยของตนเองเสียใหม่ที่คลายออกไปจากกิเลส

    ทานที่หวังผลกับทานที่ไม่หวังอะไรต่างกันเช่นไร....

    ทุกๆครั้งที่เราบริจาคทรัพย์ ใส่บาตร สิ่งหนึ่งคือกรรมอันคือการกระทำได้ปรากฏเกิดขึ้นมีผลแน่นอนอันเป็นวิบากที่ดีที่ต้องรับ

    เมื่อคำว่าชาติภพยังมีอยู่เราจึงสะสมเสบียงเลี้ยงตัว แต่คำว่าเสบียงต้องมีสิ่งหนึ่งอยู่ร่วมด้วยคือปัญญา คุณธรรมที่งอกงาม

    คนทำททานมีกิเลสนำภพหน้าภพนี้ ย่อมปรากฏการอนุเคราะห์เกื้อกูล การประกอบอาชีพที่สดใส ก้าวหน้า ประสพผลสำเร็จ

    ถ้าเราเคยเห็นคนรวยแต่ใจดำ คนรวยแต่ไม่สร้างเพิ่ม คนรวยที่คับแคบเห็นแก่ตัว
    นั่นก็คือบุคคลที่เคยทำทานมาก่อนทั้งสิ้นแต่ไร้คุณธรรมภายใน ใจไม่งอกงาม

    เป็นผู้ประมาท...เป็นผู้ใช้เสบียงเดิมจนหดหายไปในที่สุด นี่คือพวกที่ทำทานแล้วชอบหวังผลในทาน

    ถ้าเราเห็นคนรวยอีกชนิดหนึ่ง ยิ่งมีมากยิ่งสละออก ยิ่งไม่ยึดติด ยิ่งช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยิ่งไขว่คว้าหนทางสัจจะธรรมแห่งชีวิต คนรวยพวกนี้เป็นพวกที่ทำทานด้วยการเสียสละและไม่ยึดติดในทานทั้งสิ้น

    อานิสงส์ก้าวหน้าไม่มีวันหยุด
    ส่วนอีกอันอานิสงส์มีโอกาสสะดุดหยุดลงเพราะไม่ได้สร้างคุณธรรมเอาไว้
    ทำทานเพื่อหวังผล ทำทานด้วยกิเลส แม้เป็นการสละออกแต่ก็ยังปรารถนาในสิ่งที่ให้ เป็นนักการค้า นักเก็งกำไร ท้ายสุดใจที่ไม่ได้สร้างคุณธรรมภายในเอาไว้

    ก็จะใช้เสบียงจนหดหายไปในที่สุดและกลับมาเป็นคนจนติดดินแถมพ่วงด้วยกรรมที่สร้างเวลาร่ำรวยมักลืมตนและไปสร้างความเดือดร้อนเบียดเบียนผู้อื่นอีกเป็นอันมาก

    เพื่อนๆคงเห็นแล้วนะครับว่า การให้ทานทั้งสองชนิดอานิสงส์เหมือนกันแต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากคือภายในใจที่มีคุณธรรมต่างกันอย่างลิบลับ

    ครูอาจารย์จึงสอนให้ทำทานคือการสละอารมณ์โดยไม่ยึดในวัตถุทาน
    เพื่อประโยชน์ในความก้าวหน้าทางสมาธิเพราะสมาธิต้องสละอารมณ์
    มีนิวรณ์๕กีดกั้นความดี

    พระพุทธองค์วางรากฐานนัยยะแห่งทานในเบื้องต้นแก่พุทธบริษัทก็เพื่อฝึกอบรม
    ในการเสียสละ การให้ การคลายออกจากอุปทาน

    ถ้าเพื่อนๆปรารถนาในนิพพานสมบัติ์ก็จงทำทานด้วยปัญญาเถิดทั้งสมาธิและวิปัสสนาก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้อำนาจของทานเพื่อสละออก คลายออกทั้งสิ้น
    เราจึงต้องสร้างใจ พัฒนาใจ อบรมใจ ให้รู้จักละ ปล่อยวาง...

    ขออนุโมทนาครับ
     
  8. กองกอย

    กองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +219
    สาธุสำหรับหอยสวย ๆ ครับ ทำได้งามขนาดนี้ เป็นอาชีพได้เลยนะครับคุณอ้อง
     
  9. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ปรามาสคุณแห่งพระอริยเจ้าแก้ไขเช่นใด

    เราแก้ไขด้วยการตั้งจิตในคุณแห่งพระอริยเจ้าเพื่อลบล้างใจที่กล่าวให้ร้ายท่านด้วย
    การขอขมา ทั้งที่เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี

    เราไม่ทราบได้ว่าเราพลั้งเผลอหรือไปกระทำเอาไว้ในอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ

    ขอเพื่อนๆจงหลับตาและนึกในคุณความดีแห่งพระอริยเจ้าขอขมาต่อท่าน
    "ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ที่ข้าพเจ้าประมาทพลาดพลั้ง ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจตนาก็ดี สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินพระอริยเจ้าทั้งหลายทางกาย วาจา ใจ

    ขอให้คุณแห่งพระอริยเจ้าทั้งหลายจงงดเว้นโทษในกรรมอันน่าติเตียนเช่นนี้
    เพื่อความสำรวม ระวังในกาลต่อไป"

    การที่ใจเราประทับรอยคือเชื้อแห่งกรรมเอาไว้เราก็ต้องแก้ที่ใจและขอขมาลาโทษเพื่อสำรวมระวัง

    ถ้าหากท่านจะไปขอขมาในขณะที่ท่านยังดำรงค์ขันธ์อยู่ก็จะประเสริฐยิ่งนัก
    เพื่อให้ท่านอโหสิกรรมอันน่าติเตียนเช่นนี้

    แต่ถ้าท่านสิ้นไปแล้วก็ต้องใช้ใจเราส่งกระแสแห่งความสำนึกผิดไปให้ท่านทั้งหลาย

    ขึ้นชื่อว่าใจปรามาสยังไม่เท่าไหร่
    ใจที่ปรามาสเป็นแค่เพียงมโนกรรมแต่จะกลายเป็นอุปนิสัย
    ถ้าทำบ่อยๆและจะประกอบไปด้วยความพร้อมของเจตนาทางกายวาจาใจในภายภาคหน้า
    กลายเป็นพฤติกรรมและกลายมาเป็นสันดานฝังลึก

    แต่มีอีกกรณีคือบังคับใจไม่ได้คือจิตที่ไม่มีเจตนา
    แต่ห้ามไม่ได้ กรรมในส่วนนี้เป็นอุปนิสัยของการติดดี การระวัง
    แต่ไปกดข่มใจตนเองจนกลายเป็นยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

    ใจชนิดนี้ที่ปรามาสออกไปปราศจากเจตนาเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาไม่ได้จงใจปรามาสท่าน
    แต่เป็นเหมือนเขื่อนในใจที่เราสะกัดยับยั้งเพื่อไม่ให้ล่วงเกิน
    แต่มันหลุดออกมาเองด้วยไม่เจตนาบังคับไม่ได้
    จนกลายเป็นฟุ้งและทำให้ท้อแท้ใจ เหนื่อยหน่าย หดหู่ เศร้าหมอง
    เพราะว่าสิ่งที่ตนเองรักและศรัทธา กตัญญู รู้ในคุณท่าน

    แต่ใจมันเหมือนว่าไม่ยอมเชื่อฟัง นี่ก็เพราะกดข่ม ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ เป็นนิวรณ์ชนิดหนึ่ง

    การปรามาสด้วยใจที่บังคับไม่ได้ ไม่มีเจตนานี้เป็นสิ่งที่ทำให้จิตเศร้าหมองเพียงนั้น
    ไม่ปรากฏถึงกรรมทำให้ตกนรก ห้ามคุณธรรมชนิดอื่นๆ

    เพียงแต่ว่าอย่าไปเอาสมาธิกดข่มแต่ตั้งหน้าสู้ความจริงด้วยสติเรียนรู้ในสิ่งชั่วย่อมเข้าใจในสิ่งชั่ว
    ถ้าหนีสิ่งชั่วเราจะไม่รู้ความจริง
    ชั่วจึงเป็นธรรมชนิดหนึ่งมีรูปลักษณะชนิดหนึ่ง ถ้าใจไม่ยึดชั่วมันจะทุกข์เช่นไร

    แต่เพราะไปยึดเอารูปลักษณะความชั่วมาทำให้ใจเศร้าหมองต่างหากจึงทำร้ายตนเองเพราะความไม่รู้นั่นเอง

    จิตนั้นบังคับบัญชาไม่ได้ คิิดดี คิดชั่วได้ตลอดเวลา

    แต่ถ้าหากออกมาทางกาย วาจาด้วยเจตนาของใจซะแล้ว
    ขอให้เพื่อนๆจงตั้งจิตสำนึกและส่งกระแสด้วยใจสำนึกเพื่อสำรวมระวังในกาลต่อไป

    กรรมแก้ไขไม่ได้...เป็นเชื้อ เป็นสิ่งประทับ เป็นรอยฝากเอาไว้ มีสันตติส่งงต่อสืบเนื่่อง
    เราไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เราได้กระทำเอาไว้ในอดีต

    แต่เราสามารถแก้ไขสิ่งทุกสิ่งได้ในปัจจุบันคือทำดีให้ถึงพร้อม ทำใจให้ผ่องใส
    งดทำชั่วทั้งปวง

    การขอขมาทำให้เกิดกระแสแห่งการอโหสิตอบรับ
    ยังจิตที่มืดบอดเพราะปรามาสสิ้นไป

    แต่กรรมนั้นๆรอส่งผลในอนาคตหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นปัจจัยเพียงแต่ไม่ทำให้กีดขวางคุณธรรมในการเข้าถึงพระรัตตรัยก็เพียงนั้น

    สร้างปััจจัยอันเป็นเหตุอันใดย่อมมีผลเป็นวิบาก เป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ

    อนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2009
  10. กองกอย

    กองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +219
    ช่วงนี้คุณอ้อง หายไป หรือกำลังเตรียมการเรื่องภัยพิบัติอยู่เหรอครับ เห็นไปโพสบ่อย ๆ อิอิอิ
     
  11. roxetta

    roxetta สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +4
    อนุโมทนากับคุณอ้องด้วยนะคะ
    นั่งอ่าน สองวันแระ ยังอ่านได้แค่ถึงหน้า 6 เองอ่ะ อ่านจนตาแฉะไปหมดแระ อิอิ
     
  12. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    อนุโมทนาครับ

    คุณกองกอยช่วงนี้เจ้าเมย์ดึงอ้องเข้าร่วมกู้โลกแหะๆ...

    ความตายสำหรับคนอบรมสติ ภาวนานะ มีความไม่กลัวที่จะต้องตายเพราะดูเหมือนเบื้องหลังแห่งความตายเราวางเอาไว้ในภพภูมิที่ดีเรียกว่าตายมีโอกาสไปที่ดีเพราะจิตจะไปยึดอารมณ์ที่สะสมเอาไว้

    แต่ก็อย่างว่าละครับ...
    เราไม่รู้ว่าเราพลาดพลั้งหรือเผลอไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้บ้างหรือไม่
    ถ้าจะไปนรกก็ยินดีแบบยืดอกรับความจริงแต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเรามีสิ่งสะสมพอที่จะต่อสู้และมีสิ่งที่ไม่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจเช่นกัน

    คุณroxetta

    ค่อยๆอ่านนะครับ อ้องนะเขียนมาเกือบ2ปี บางคนเล่นอ่านข้ามวัน
    บางคนอ้องทำหนังสือออกมาเล่นอ่านกันเช้าจบตี3 แหะๆ...

    อ่านแบบไม่เกรงใจคนเขียน พออ่านจบก็ถามต่อว่า เขียนเพิ่มอีกตรงไหน
    ค่อยๆอ่านนะครับ ไม่ต้องรีบ แหะๆ...

    ช่วงนี้อ้องอบรมสติ เพียรมากขึ้นเลยไม่ค่อยจะเจออะไรในทางสมาธิมากนัก
    มีแต่สภาวะธรรมจำนวนมากมันไหลถ่ายเทเข้ามา แล้วก็ตามรู้อายตนะที่เกิดเหตุ
    มันทำให้มีแต่เรื่องแปลกๆของการร้ว่า กายและจิตนั้น ไม่ใช่เราเพราะการเกิดดับเร็วมากถ้าจิตเราตั้งมั่น ไปทางตา หู ผัสสะทางกาย และทางใจนี่เยอะสุด

    มันเหมือนเราดูสิ่งที่มีจุด มีตำแหน่ง วิ่งเพล่นพล่านวุ่นวายไปทั่วตามเหตุและปัจจัย ธรรมะของพระพุทธองค์ทำให้ใจไม่เกาะเกี่ยวในขันธ์เพราะเห็นว่ากายและจิต

    ไม่ใช่เรา แต่อ้องบอกตรงๆว่า เราเชื่อแต่จิตไม่ยอมฟัง คือเราเชื่อว่าสังขารขันธ์ไม่เที่ยง แต่จิตมันดื้อ มันไม่ยอมเชื่อ ต้องให้มันเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจิตมันจะยอมรับ

    ธรรมะพระพุทธองค์ถ้าเดินเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ยากแต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็แค่นั้น
    ขอให้ตัดสิ่งที่ตั้งใจอยากจะพ้นทุกข์ อยากบรรลุธรรมทิ้งเสีย เพราะใจลึกๆมันจะทำให้ฟุ้งในธรรมได้ง่ายเพราะไปเกาะเกี่ยวอนาคตเป็นสัญญาอารมณ์ลึกๆ

    ทำให้ตัณหาแห่งความละเอียดจะกลายเป็นการพิจารณาในสิ่งที่ละเอียดทั้งๆที่ สติและสมาธิ ยังไม่มีกำลังพอ

    อบรมสติพื้นฐานกันให้แน่น วันหนึ่ง ใจมันตื่นต่อเนื่องเหมือนสายน้ำไหลก็เนื่องมาจากพื้นฐานที่แน่นนี่เองครับ มันรู้เอง...
     
  13. สัพเพ ธัมมา อะนัตตา

    สัพเพ ธัมมา อะนัตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +104
    ต้องขออนุโมทนาสาธุในบูญที่ทำมาแล้วด้วยนะครับ

    และขอขอบคุณสำหรับเรื่องเราดีๆที่เราสู่กันฟัง ให้เป็นสติคอยเตื่อนให้ทำในความดีครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. กองกอย

    กองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +219
    สวัสดีครับทุก ๆ ผมเองก็ไปติดอยู่กระทู้ของน้องเมย์เขาเหมือนกัน 5 5 5 5 ตอนนี้ก็กำลังวางแผนจะไปอยู่กับแฟนที่เพชรบูรณ์ครับ ว่าจะไปอยู่เขาค้อกับคุณอ้องสักหน่อย อิอิอิ ไปเกาะใบบุญคุณอ้อง ไปไหนไปด้วย แต่ลงอบายภูมิไม่ไปด้วยนะครับ กลัว.................

    "ไม่ใช่เรา แต่อ้องบอกตรงๆว่า เราเชื่อแต่จิตไม่ยอมฟัง คือเราเชื่อว่าสังขารขันธ์ไม่เที่ยง แต่จิตมันดื้อ มันไม่ยอมเชื่อ ต้องให้มันเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจิตมันจะยอมรับ

    ธรรมะพระพุทธองค์ถ้าเดินเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ยากแต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็แค่นั้น
    ขอให้ตัดสิ่งที่ตั้งใจอยากจะพ้นทุกข์ อยากบรรลุธรรมทิ้งเสีย เพราะใจลึกๆมันจะทำให้ฟุ้งในธรรมได้ง่ายเพราะไปเกาะเกี่ยวอนาคตเป็นสัญญาอารมณ์ลึก ๆ "

    กำลังอยากรู้พอดีเลยครับ ทุกวันนี้ก็ไม่กลัวความตายนะครับ แต่จิตมันก็ยังกลัว สังเกตุได้จากเวลาขับรถแล้วเกิดเสียว ๆ จิตจะปรุงแต่งความกลัวขึ้นมา ถึงแม้ผมจะบอกจะรู้ว่าไม่กลัวตายแต่แท้ที่จริงแล้วก็ยังกลัวความตายอยู่นั่นเอง

    เมื่อคืนนี้จิตเกิดกลัวความสุขครับ รู้สึกว่าความสุขนี่มันน่ากลัวกว่า ความทุกข์ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ ติดสุข เมื่อเวลามีความสุขแล้วจิตจะเสพความสุขนี้อย่างนาน ทิ้งสติไม่มีเยื้อใยทีเดียว ถึงกลับเสพสุขมา 3 วันแล้วครับ ทั้งที่ผมเองบอกตัวเองเสมอว่า สุขหรือทุกข์ มันเป็นของไม่เที่ยง เกิด ตั้งอยู่ และดับไป แต่จิตมันก็ยังคงชอบและระลึกถึงอยู่เสมอ

    มันเลยทำให้ผมคิดว่า นอกจากตัวทุกข์แล้วสุขนี่แหละตัวปัญหาใหญ่ที่จะขวางเราไปสู่นิพพาน ตัวจริงแท้จริงเลย ถ้าจะตัดภพตัดชาติไม่ได้ก็ ตัวสุขนี่แหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  15. nina kk

    nina kk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +9
    ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อน คุยกับเพื่อนร่วมงานอาวุโส เห็นเธอเซ็งๆซึมๆ
    เพราะเนื่องด้วยความเจ็บป่วยรุมเร้า อาการเจ็บปวดเรื้อรังของกายที่ทำให้
    นอนหลับไม่เป็นสุข ประกอบกับยารักษาโรคต่างๆ ( เบาหวาน ความดันฯลฯ)
    เกิดผลข้างเคียงทำให้รับประทานอาหารไม่อร่อย เธอเลยเบื่อๆกับชีวิตช่วงนี้
    พอดีคุยกันเรื่องปฏิบัติธรรม เธอเล่าว่าเคยทำได้ผลดีมาก่อน แต่หลังๆนี้ไม่ได้
    ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ เธอมีสุนัขที่เลี้ยงไว้และให้นอนด้วย ตัวใหม่มันกวนมาก
    คอยมาเรียกขณะกำลังกราบพระสวดมนตร์ บางวันจึงไม่ได้้สวดมนตร์ด้วยซ้ำำ

    พอดียังมีหนังสือของคุณอ้องเหลืออยู่ จึงนำมาให้เธออ่าน เธอเปิดอ่านแล้วบอก
    วางไม่ลงเลย วันถัดมาถามอีกค่ะว่ามีวางขายที่ไหน คงอยากสั่งไปให้ต่อค่ะ
    เลยบอกไปว่าสั่งไม่ได้แล้วค่ะ ไว้รอภาคต่อไปแล้วกันนะคะ

    น้องอีกคนเห็นปกหนังสือ เกี่ยวกับคาถาชินบัญชร เลยเล่าว่าเค้าสวดชินบัญชรกับ
    ลูกชายคนเล็กทุกคืน เค้าต้องเปิดหนังสือสวด แต่ลูกจำได้ขึ้นใจ ป้าคนนี้ได้ยินเข้า
    ก็ปลื้มแทนคุณแม่ เลยเอาอีกเล่มไปฝากให้หลานอ่าน คุณแม่ก็เอาไปอ่านก่อน

    วันรุ่งขึ้นคุณแม่คนนี้มารายงานค่ะ อะไรทราบไหมคะ คุณอ้อง

    เธอบอกว่า เอ๊ นามสกุล"เพ่งวรรธนะ"นี้คุ้นๆนะ พออ่านๆไป อู๋ย คนพิษณุโลกด้วย
    ดูๆที่อยู่ที่บรรยายไว้และลักษณะครอบครัว อ๋อ จำได้แล้ว เป็นเพื่อนบ้านเก่าเค้าสมัย
    เด็กๆน่ะเอง ( หมายถึงครอบครัว ไม่ได้หมายถึงตัวคุณอ้อง )

    โลกมันกลม

    จบรายงานข่าว!
     
  16. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    อนุโมทนาพี่นีน่าร่วมบุญกันเสมอ

    เมื่อคืนก็ตื่นในฝันได้อีกครับหลังจากเว้นมาเกือบ15วัน...

    พอรู้สึกตัวว่ากำลังฝันก็ทำให้ฝันนั้นมันชัดเจน สว่างขึ้นมาพอแสงสว่างจ้าปรากฏ
    และจิตไปสร้างรูปสมมุติได้แบบชั่วรัดนิ้วมือ

    กายละเอียดก็ผุดขึ้นมาได้ด้วยกำลังของสมาธิและเช่นเคย

    อ้องจะตบมือดีใจเพื่อเตือนตนเองว่า "อ้องตื่นในฝันได้อีกละ"
    ถ้าจะไปไหนตอนนี้ก็ทำได้ครับเพาะกายที่ละเอียดมันสามารถจะแหวกภพด้วยกำลังโดยทำจิตให้เสมอภพต่างๆได้แต่จิตแห่งวิเวกชาภูมิภพแห่งอบาย เวลาไปแล้ว

    ใจมันจะเศร้าหมองหลายวันและจะได้ยินเสียงกรี๊ด....ฝังใจติดหูเป็นเดือน
    เสียงของคนหมู่มากที่ถูกทารุณด้วยความคิดของตนเองล้วนๆ

    เที่ยวนี้พออ้องตื่นในฝัน...
    อ้องเลยสำรวจภพของตนเองที่ใจไปสร้างขึ้นมาล้วนๆ

    เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่ลำบากมากถ้าจะอธิบายในรายละเอียดว่าอะไรจะปานนั้น
    ทำไมภพต่างๆที่เป็นความว่างเปล่ามาแต่เดิม จึงมีสภาพของท้องฟ้า
    พื้นดิน พื้นหญ้า ภูเขา สายลม ท้องทะเล บ้าน และคน(เทวดา นางฟ้า)

    อ้องต้องสำรวจเพื่อว่าทำไม จิตคนเรามันสะสมอารมณ์อันใดเอาไว้
    ยึดอารมณ์อันใดเอาไว้ ทำไมมันจึงต้องไปวิ่งรับอารมณ์ชนิดนั้นที่เรียกว่า
    เป็นไปตาม กิเลส กรรม วิบาก และเมื่อจับยึดอารมณ์ชนิดนั้นหมดลง
    จิตก็จะแสวงหาอารมณ์ชนิดใหม่ที่หลงเหลือ ที่สะสมเชื้อเอาไว้

    เที่ยวไปทั่วทุกภพภูมิเป็นดินแดน...

    อ้องแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่ไร้แสงดาวและเมฆหมอก อ้องเหลี่ยวหน้า เหลียวหลัง มองไปรอบตัว เพราะการตื่นในฝัน ถ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ แสดงว่าไม่มีสติ และไม่สามารถย้อนดูอารมณ์ตนเองได้ ว่านอนหลับฝันหรือตื่นจริงๆ

    สิ่งที่ปรากฏคือ ความจริงทุกอย่างตรงหน้าคือความจริงของโลกใบหนึ่ง
    ที่อ้องไปสร้างมันขึ้นมาด้วยกำลังของบุญและสมาธิล้วนๆ

    นี่เป็นมิติของอ้องเอง...
    อ้องไม่ได้อยู่สภาพที่มีน้ำหนัก ตัวเบาล่องลอยไปได้ตามสายลม
    จิตภายในเต็มไปด้วยปิติและสุขอันเป็นคุณของสมาธิ คุณของคุณธรรม
    คุณของศีล จิตภายในเต็มเปี่ยมไปด้วยกำลัง สติ และการตื่นตัวรับรู้ผัสสะทางกายและจิตแบบ สมบูรณ์ยิ่งกว่าเป็นกายมนุษย์หลายร้อยหลายพันเท่า

    ยามที่อยู่ในกายมนุษย์ตามที่อ้องบอกเสมอคือ ปิติ และสุข ความสดชืื่น ความแจ่มใส เหมือนตื่นในยามเช้าที่สดใส ทั้งอากาศและใจที่เบิกบาน

    กายมนุษย์จะมีเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งและหายไปเมื่อหมดเหตุหมดปัจจัย

    แต่กายบุญสภาพแห่งภายในจะมีแต่ความชุ่มฉ่ำใจ เบิกบาน จนยิ้มแบบสดชื่นแจ่มใสอย่างตลอดเวลา ไม่มีวันเหือดแห้ง ไม่มีวันสลายหายไป มีแต่ความต่อเนื่องและต่อเนื่องเพราะ นี่คือกายบุญ กายแห่งสมาธิ กายแห่งศีล กายของจิตที่ปกติปราศจากนิวรณ์ ปราศจากมหาภูตรูป๔ เกาะกุมใจและปลวนแปร...

    ทะเลสีฟ้าบนโลกที่ว่าสวย ทะเลสีมรกตที่ว่าสวย คงจะเทียบทะเลที่เต็มไปด้วย
    เพชรพลอย แก้วแหวนเงินทอง เม็ดหินสีสวยที่ส่องแสงประกาย
    แสงสีมีสภาพที่เฉดสีนุ่มนวล ซ๊อฟ อ่อนโยนตามตาแห่งกายละเอียดที่เห็นไปทุกอณู ทะเลสีชมพู ฟ้าอ่อนโยน เขียวมรกต ใส สว่าง สะอาด และมีทั้งตื้นเขินเต็มไปด้วยหาดทรายเม็ดสีขาวส่องประกายระยิบระยับ

    ความสวยงามบนโลกแห่งเทพนิยาย บนโลกแห่งมิติภพภูมิ ทำไมจะบรรยายได้ยากมากขนาดนั้น เพราะทุกสิ่ง มีความละเอียดในตััวของเค้าเองทั้งสิ้น

    อ้องเดินเล่นริมทะเลที่ใสสะอาด ผัสสะของน้ำที่กระทบไม่ต่างจากโลกมนุษย์แต่มีสิ่งที่แตกต่างคือน้ำหนักการกระทบ เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ไม่มีคำว่าแรง หรือสากของดินหรือทรายที่เราปรุงแต่งสัญญาให้ปรากฏเกิดขึ้น

    ธาตุต่างๆดิน หิน ทราย น้ำ ถ้าบอกเหมือนบนโลกก็ผิดกัน...
    มันเป็นสิ่งที่ใจปรุงแต่ง เหมือนเราสร้างภาพต่างๆมาจากใจ และใจก็ยึดภาพนั้นๆ
    มีปิติ และสุข ในภาพนั้นๆ แต่...

    ภาพนั้นๆบนโลกมนุษย์เป็นได้แค่คิดและจินตนาการ
    แต่ภาพที่เกิดบนมิติภพนั้น ใจสร้าง ใจรับรู้และมีผลของความรู้สึกที่ละเอียดเสียอีกด้วย

    ใจสร้าง ใจรับ ใจยึด ใจปรุง ใจเกิดความรู้สึกในผัสสะด้วยเพราะมีปัจจัยของบุญนั่นเอง

    อ้องเดินบนหาดทรายที่นุ่ม ถ้าถามอ้องว่าอ้องเดิน อ้องว่าเหมือนตัวเราลอยบนผิวน้ำ และน้ำที่ัสัมผัสมันต่างจากน้ำบนโลกเพราะที่นี่ไม่มีความเย็น ความร้อน
    แต่จะรับรู้เพียงความอ่อนโยนของสายน้ำ ผัสสะที่แผ่วเบาจนบางครั้ง

    อ้องรับรู้สึกว่า นี่เรากำลังเดินบนน้ำ ในน้ำ กันแน่

    อ้องหยิบจับเอาแหวนสวยงามบนน้ำควานไปก็ติดมาเป็นกำมือ แหวนทองผสมเพชรพลอย สิ่งต่างๆเหล่านี้ อ้องไปสร้างมันขึ้นมาเอง ด้วยผลบุญแต่ใช้ไม่เป็น
    และไม่ได้ยึดติดในทรัพย์ทั้งสิ้นแต่แปลกๆ เพราะมีหินที่เป็นหินใสเหมือนแก้วเท่าฝ่ามือก็มี ภายในก้อนหินกลับมีแสงหมุนสีม่วงผสมสีทอง

    จนอ้องคิดว่าจะเอามาฝากเพื่อนๆ ลองดูซักกะทีจะทำได้ไม๊

    มือซ้ายก็กำเอาแหวนเป็นกำมือ มือขวาก็ถือหินใสประกายแสงส่องจนตื่นตา

    อ้องบอกตัวเองว่า"จะเอากลับไปที่โลกอย่างไรละเนี่ย"
    อ้องเดินบนหาดทรายพร้อมกับเดินเพ่งกายทำำจงกรมต่อในฝันเพื่อสร้างกำลังและดึงเอาสิ่งที่จะนำมาฝากเพื่อนๆด้วย

    เมื่อทำจงกรมกายจะเกิดกำลังต่อเนื่องและถ้าอ้องไม่ทำตัวเกร็งและตื่นเต้น
    ปล่อยกายและใจให้สบายๆ สมาธิจะปรากฏต่อเนื่อง อิริยาบทจึงมีสมาธิ จิตที่รู้สึกตัวต่อเนื่องในสภาวะก็มีสมาธิ

    การที่เราจะไปที่ไหนก็ตาม ถ้าเรารักษากำลังได้ จะไปนานเท่าไหร่ก็ทำได้...

    อ้องปล่อยกายและใจสบายๆและให้จิตมันไหลกลับมาที่กายหยาบโดยถอยออกมาจากสมาธิแบบช้าๆ เมื่อจิตที่เริ่มหยาบปรากฏ กายละเอียดจะหายไปเพราะสายใยแห่งตัณหาจะดึงกลับเข้ามาที่กายเดิมที่ยังมีคุณขององค์รักษาภพรักษาอยู่(ภวังค์จิต)

    อ้องถอยกลับมาที่ความรู้สึกภายในและรู้ตัวว่าสมาธิยังคงอยู่และเจ้าสิ่งของ
    ที่เอากลับมาด้วยก็สว่างจ้าอยู่ภายในห้อง
    จนอ้องอดอมยิ้มไม่ได้ ว่าสงสัยงานนี้จะได้ของเอามาฝากเพื่อนๆเป็นแน่

    อ้องค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆพร้อมหับรับรู้ว่าสิ่งละเอียดพลันหายไปก่อนลืมตา

    เฮ้อ... อดเอามาฝากพี่นีน่ากับเพื่อนๆเลย นาทีสุดท้ายคือ
    สิ่งใดก็ตามที่ใจไปปรุงแต่งให้เกิดขึ้นมา ใจจึงรับรู้ แต่เมื่อมาที่กายหยาบ
    ของที่ใจสร้างก็มลายหายสูญสิ้น

    อ้องพิจารณาธรรมจึงเห็นว่า...
    สรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีเค้าเรา มีแต่เงามายา มีแต่สมมุติที่ใจไปสร้างและใจก็ไปรับ

    สิ่งที่ออกมาจากใจก็คือจิต องค์กระกอบของจิตอาการของจิตก็คือเจตสิก
    มีวัตถุรูปและอดีตอารมณ์ที่ไปสะสมเชื้อเอาไว้

    ความจริงทั้งหลายล้วนเป็นอุปทานทั้งสิ้น

    นี่ก็เป็นตื่นในฝันที่หายไปนานอยู่หลายวัน แปลกๆดี
    นิยายแห่งความฝันอันแสนสนุกอีกตอนครับพี่นีน่า

    คนพิดโลกมักจะรู้จักบ้านอ้องครับ ถ้าเป็นคนค้าขายเก่าๆจะสนิทกันนะพี่นีน่า
    กรรมมันจัดสรรดีครับและอนุโมทนาเพื่อนพี่นีน่าด้วยนะครับ..
     
  17. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ถึงน้องสัพเพ ธัมมา อะนัตตา

    พรหมวิหารธรรมเป็นกรรมฐานกองหนึ่งที่จับยึดอารมณ์ทั้ง4
    ค่อยๆจับยึดและรวมเข้าไปทีละขั้นตอน พี่อ้องเรียกว่าการถ่ายเทอารมณ์ในสิ่งหนึ่ง
    เหมือนแก้วน้ำ4ใบ พี่อ้องรินน้ำจนเต็มและเทไปอีกแก้วหนึ่ง

    เมื่อแก้วใบที่หนึ่งเต็ม ใบที่สองเต็ม พี่อ้องก็รดน้ำใส่ต้นไม้
    ต้นไม้ก็จะฟูผ่องด้วยเพราะได้รับความชุ่มชื่นจากจิตของเราที่เราถ่ายเทอารมณ์แห่ง
    เมตตา กรุณา การตอบรับก็คือ เราจะเห็นใบไม้ที่เหี่ยวใกล้เฉาจะพลันปรากฏ

    ใบไม้ที่ตื่นตัวกลับมามีชีวิตชีวา เราจะรับรู้ด้วยใจแห่งการตอบรับด้วยมุทิตา

    เมตตากรุณาจึงเป็นการเข้าไปปลุก ไปเตือน ไปผ่อนคลาย ไปทำให้เค้าพ้นจากสภาพแห่งทุกข์กายทุกข์ใจและจับยึดอารมณ์ใหม่

    เหมือนเค้านึกถึงกุศลไม่ได้เพราะมีสภาพแห่งกายทุกข์ที่บีบคั้น
    คนป่วยหนัก จะสนใจแต่ความจริงตรงหน้า เราจะปลุกจะเตือนเค้าก็ไม่ฟัง

    เราจึงต้องถ่ายเทใจบริสุทธิ์แท้เข้าไประงับความป่วยทางใจเค้าให้สิ้นลงเสียก่อน

    เมตตากรุณาจึงเป็นสิ่งที่อธิบายลำบาก เราจะใช้คิด หรือใช้การท่องจำแล้วแผ่ออกไปจะมีผลน้อย ทำได้ใกล้ๆตัว

    กรรมฐานจึงต้องอาศัยสมาธิที่มีกำลังจึงจะมีผลมาก

    และนำเอาฐานอุเบกขาเป็นแก่นกลาง ถ่ายเทและส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง

    ถ้าถามว่ายากไม๊ ก็พอดูชม...

    ถ้าพื้นฐานมีจิตที่ร่มเย็น อบอุ่น มีคุณธรรม ไม่มักโกรธ ให้อภัยคนเก่ง
    การฝึกอบรมจะจับยึดอารมณ์ชนิดนี้ได้ง่ายครับ

    เราเรียกว่าจริตนิสัย...

    สิ่งที่พี่อ้องเขียนคือจุดหลักสำคัญของพรหมวิหารในกรรมฐานทั้งสิ้น
    หาอ่านยาก อธิบายยาก ทำได้ยากตรงให้จิตจับยึดอารมณ์จนมันฟูผ่องจนเต็มนี่ละครับ การถ่ายเท การแผ่ออก การรักษาแก่นอุเบกขาเป็นแกนกลาง

    ลองทำดูนะครับ ...ยากแต่ถ้าทำได้ก็ช่วยเพื่อนๆได้มากพอชมทีเดียวครับ

    ที่สำคัญพี่อ้อง ก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะติดโลก กามคุณ๕สัญจรบ้าง
    ร่างกายไม่พร้อมบ้าง ไม่ได้ทำได้เสมอๆหรือบ่อยๆ ได้นานๆครั้งเมื่อจิตมันมีคุณภาพก็แค่นั้นครับ

    อนุโมทนานะครับ...คิดดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2009
  18. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    Super Lucid dreaming(เมื่อผมตื่นขึ้นในฝันแบบเต็มตัว)

    Super Lucid dreaming[FONT=&quot](เมื่อผมตื่นขึ้นในฝันแบบเต็มตัว)<o:p></o:p>[/FONT]
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]โลกแห่งความฝัน[/FONT][FONT=&quot]ทำให้มันเป็นจริงซิ[/FONT]...<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot] คุณเคยไม๊ที่ ตื่นขึ้นมาในฝันอย่างเต็มตัว[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]ความฝันเป็นสภาวะชนิดหนึ่งที่คนทุกๆคนจะถูกภวังค์จิตดึงดูดเข้าไปเมื่อกายอยู่ที่ต้องพักฟื้น อ่อนล้า หมดแรง จิตจะถูกอำนาจขององค์รักษาภพดึงดูดเข้าไปจมแช่อยู่ภายใน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]โดยจิตจะทิ้งกายอย่างสิ้นเชิงและไปสร้างรูปนามสมมุติปรุงแต่งอยู่ภายใน[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]เพื่อให้กายปรับสภาวะแห่งมหาภูตรูป๔ที่แปรปรวนมาระหว่างวัน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เพื่อกลับเข้ามาในจุดแห่งความสมดุลเช่นเดิม คนที่เล่นไพ่ติดลมอย่างพลเอก เสนาะ จินดารัตน์ ถึงกับเจอความตายในครั้งแรกเพราะเล่นไพ่ติดต่อกันถึง6-7วัน [/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]นิยามแห่งความฝันมีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เช่นการพบเห็นคนที่ตายมาเยือน ความฝันที่บอกเหตุการณ์ในอนาคต การพยากรณ์ฝัน[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot] ใครจะไปคาดคิดว่า[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]ความ ฝันที่ดูเพียงแค่เรื่องธรรมดาของการนอนหลับจะมีอิทธิพลต่อเราในชีวิตและมี ความน่าสนุกสนานท้าทายต่อการเผชิญหน้ากับความท้าทายกับการปลุกตัวตนให้ตื่น ในความฝันได้อย่างเต็มตัว[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ใช่ซิ[/FONT][FONT=&quot] การตื่นได้ในฝันมันช่างท้าทายพวกเรายิ่งนัก ทั้งๆที่เราต้องนอนทุกวัน<o:p></o:p>[/FONT]
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]นิยามความฝันของชาวฝรั่งที่ค้นคว้าหาความรู้เบื้องหลังแห่งการนอนหลับและการตื่นขึ้นในโลกแห่งจิตนาการฝรั่งเรียกมันว่า[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    Lucid dreaming [FONT=&quot]คือ สภาวะที่คนเรา สามารถที่จะรู้สึกตัว[/FONT][FONT=&quot]และตระหนักได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในความฝัน ในขณะที่ตัวเองฝันอยู่[/FONT][FONT=&quot]ทำให้สามารถควบคุมความฝันของตนเองได้ [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot](ฝันในฝัน[/FONT]?)

    เดี๋ยวเรามาว่ากันต่ออีกยาวว่าทำอย่างไรเราจะปลุกตัวตนให้ตื่นในฝันเพื่อฝึกตายก่อนตาย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  19. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    Lucid dreaming

    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJ3998%7E1.SUT%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]คุณเคยทราบหรือไม่ว่า ความฝันกับความตายมันเหมือนเส้นใยบางๆชนิดหนึ่งที่มีสภาพที่คล้ายคลึงกันคือ ถูกดูดกลืนเข้าไปและคนที่ไม่ฝึกอบรมสติ หรือไม่ได้ฝึกสมาธิหรือไม่ได้ฝึกการตื่นในฝัน จะเห็นความฝันที่เราบังคับบัญชาไม่ได้[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]มีสภาพที่อึมครึม ไม่สว่าง ไม่ชัดเจน ไม่รู้สึกตัวและไม่ต่างจากคนตาย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]คนตายคนหลับคล้ายกันตรงที่ทิ้งกายและเกิดคตินิมิตนั่นก็คือฝันเพียงแต่แตกต่างระหว่างคนตายและคนที่นอนหลับตรงที่ว่า[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]คนตายจะถูกอารมณ์ชนิดหนึ่งที่สะสมมาระหว่างภพชาติ[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่จะเกิด อารมณ์ชนิดใดชนิดหนึ่งที่มีกำลังมากจะมาปรากฏเป็นคตินิมิตและเนื่องมาจากจิตที่มีกำลังอ่อนล้าลงไป เพราะสภาวะกายที่แปรปรวนแปลถึงที่สุด สติที่มีกำลังน้อยจะถูกอารมณ์ที่สะสมมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจน[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]ทางธรรมเรียกว่าคตินิมิตเป็นมั่นหมายเช่นใดปรากฏ จิตที่ไปยึดอารมณ์ชนิดนั้นเมื่อหมดจากสภาวะกายเดิม สันตติจะส่งต่อไปภพใหม่ทันทีตรงที่จิตไปยึดอารมณ์ชนิดนั้นๆเป็นภพสืบเนื่องต่อไป[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]และคนตายที่เกิดใหม่แล้วก็จะถูกองค์รักษาภพ(ภวังค์จิต)จะทำหน้าที่รักษาไปจนหมดวาระแห่งกำลังที่ยึดอารมณ์ของชาตินั้นๆ[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]ส่วนคนที่นอนหลับนั้น ยังไม่สิ้นไปด้วยกรรมที่กระทำมา องค์รักษาภพก็จะทำหน้าที่รักษาไปตลอดจนตื่นขึ้นรวมทั้งระหว่างวันอีกด้วย...[/FONT]<o:p></o:p>
     
  20. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    lucid dreaming

    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJ3998%7E1.SUT%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" name="PersonName"></o:smarttagtype><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]คุณเคยคิดไม๊ว่า[/FONT]…<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]ถ้าคุณ<st1:personname productid="บังคับฝันของตน เลือกที่จะฝันดี" w:st="on">บังคับฝันของตน เลือกที่จะฝันดี</st1:personname> ปัดในสิ่งที่ฝันร้าย ถ้าคุณเลือกได้ คุณก็ไม่ต้องห่วงภพหน้าเพราะยามที่คุณพบกับคำว่าจุติจิตก่อนที่จะเกิดสมมุติมรณะแห่งกาย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]อารมณ์ชนิดใดๆที่ปรากฏ คุณสามารถที่จะเลือกได้เพราะฝึกอบรมสติ ฝึกภาวนาด้วยกำลังของสมาธิ ฝึกปล่อยวางตัวตนและฝึกในการรู้สึกตัวในฝันมาก่อน[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]คุณจะมีจุดหมายปลายทางในภพหน้าด้วยความปลอดภัย[/FONT]…<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]ทำไมเราไม่ฝึกหัดตายก่อนตายเสียละ[/FONT]…<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ทั้งๆที่ทุกวันเราตายในระหว่างวัน ทุกขณะเพราะปรากฏภวังค์คั่นอยู่เสมอและช่วงเวลาที่เรานอนหลับนั่นก็คือคนตายดีๆแท้ๆ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ฝรั่งไม่เข้าใจในเรื่องของจิต ในเรื่องของภพ แต่ฝรั่งก็สนใจคำว่ามิติซ่อนเร้น วิญญาณและความฝัน แต่ฝรั่งไม่รู้จะใช้คำพูดเช่นไรเพราะไม่ได้ศึกษามา[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]พระพุทธองค์ทรงใช้คำว่าภพภูมิฝรั่งเรียกว่ามิติที่๔ โดยฝรั่งเชื่อว่าจะต้องมีมิติซ่อนเร้นเป็นจำนวนมากแต่เรียกไม่ถูกและไม่เข้าใจว่ามีกี่มิติแต่เรารู้ว่ามี31มิติ 31ภพและมีแยกย่อยแยกลำดับในแต่ละภพตามความหยาบและละเอียดของจิต[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]เราเรียกว่าวงของจิตหยาบและละเอียดเหมือนวงคลื่นของน้ำ[/FONT]

    [FONT=&quot]ที่เราเห็นเป็นวงคือช่องว่างระหว่างมิติจึงเห็นเป็นวง เราเรียกว่าช่องว่างระหว่างภพ[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    [FONT=&quot]มิติภพไม่ได้เป็นชั้นๆแต่เป็นการเหลื่อมซ้อนๆกัน[/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...