ทำบุญเป็นนิสัยนั้นง่าย จิตใจก็เบิกบาน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 27 พฤษภาคม 2009.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    [​IMG]

    ทำบุญเป็นนิสัยนั้นง่าย จิตใจก็เบิกบาน

    การที่คนมีจิตใจกุศล จิตใจที่จะแสวงหาความดี ทำบุญทำทานนั้นเป็นขั้นที่สำคัญมากในการหาความสุข แต่จะบรรลุผลเร็วหรือช้าก็แล้วแต่จะปฏิบัติอย่างไรต่อไป

    การทำบุญนั้น ได้ผลตั้งแต่แรกที่ทำบุญ ตั้งแต่วาระแรกที่ทำ มีความเบิกบานใจ เมื่อเห็นความเบิกบานใจในผู้อื่น เราก็มีความเบิกบานใจเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อเราทำบุญเป็นนิสัยแล้ว ก็สบายมากในการทำ เพราะว่าทำดีเป็นนิสัยนั้น ทำได้ง่าย แล้วจิตใจก็ยิ่งเบิกบานมากขึ้นทุกที

    ...การที่ทำอะไรที่เป็นมงคลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เกิดกำลังใจ เพราะว่าคนเราถ้าร่วมจิตใจกันก็เกิดเป็นพลังอย่างสูง...

    บุญที่ทำนี้มีหลายอย่าง และได้ยกตัวอย่างในการตั้งใจที่จะจัด เช่น ดอกไม้ หรืออย่างที่จัดเทียนพรรษานี้ให้สวยงามก็เป็นสิ่งที่ทำให้เบิกบาน ได้รับผลบุญในทันทีที่ทำแล้ว เห็นว่าดี เห็นว่าน่าดู แล้วก็เมื่อไปวางไว้สวยงามก็เกิดความปีติขึ้นมา คนที่กล่าวพูดถึงความปีติ หรือความสุขนั้น ภายนอกก็ปีติการที่คนมาเห็นแล้วบอกว่าจัดสวยดี เราก็ปีติ เพราะเราเป็นคนจัด สำคัญที่สุดเพราะว่าเราจัดด้วยความตั้งใจ ความตั้งใจนั้นตั้งใจที่จะทำให้สวยงาม ให้น่าดูแล้วก็คนเขาก็เห็นว่าน่าดู ก็หมายความว่าเขาได้ผล ผลที่ไม่เห็นก็มี แต่ตัวเองเห็นเพราะว่าเราจัดดอกไม้ให้สวย เราไม่รีบจัด จิตใจเราเห็น เพราะว่าเราอิ่มเอิบมีความสุข อันนี้เป็นเรื่องของการทำบุญอย่างที่ง่าย ๆ ...

    ...ถ้าเราอยากทำบุญเพิ่มขึ้นไปอีก เราก็ปฏิบัติในสิ่งที่เรียกว่าดีงาม ทำบุญโดยใช้กำลังกายของเรา กำลังความคิดของเรา สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าจะทำบุญกับวัด ก็สร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถาวรวัตถุต่าง ๆ หรืออุปถัมภ์พระสงฆ์ นี่ก็เป็นการทำบุญ เพราะเหตุว่าเราตั้งใจดี ให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้เกิดความสวยงาม ให้เกิดความดีงาม เป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่ง ก็เช่นเดียวกัน คนอื่นอาจไม่เห็น คนอื่นอาจบอกว่าสร้างวัดมากมายทำไม ทำไมเลี้ยงพระที่ดูก็เหมือนว่าไม่ได้ทำอะไร ถ้าเขาว่าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา เพราะเรื่องของเราเรารู้ดีว่าที่ทำนั้น เป็นการทำบุญ เพราะเราอิ่มเอิบใจโดยบริสุทธิ์ใจ...

    ...ถ้าจะทำบุญเพิ่มเติมยิ่งขึ้นไป เราก็เป็นสิ่งที่สูงขึ้นไปอีก เราทำอะไรทุกอย่างในการพูดจา ในการกระทำ ในการคิด เราทำในสิ่งที่เรียกว่าสุจริต หมายความว่าทำในสิ่งที่ไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่น ตรงข้าม บรรเทาความเดือดร้อนต่อผู้อื่น อันนี้ก็เป็นการทำบุญอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งสูงยิ่งขึ้นไปอีก...

    ...ทุกคนต้องการความสุข ทุกคนต้องการแสวงหาความสุข ที่ว่านี้ความสุขที่มีอยู่ก็เป็นความรู้สึกมีความสุข แต่ว่าบางทีก็มีความรู้สึกมีความทุกข์ เราก็อยากขจัดความทุกข์ การที่ทำบุญนี้เป็นการเตรียมตัว ที่จะขจัดความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นมาได้ เพราะว่าถ้าเราสร้างสภาพจิต อันนี้ก็พูดอย่างสมัยใหม่ สภาพจิตของเราให้มีความสุข เราก็จะมีความสุข ถ้าพูดแบบที่จะเข้าใจหลักธรรมะ คือเราไม่สร้าง เราก็ไม่ยอมให้เหตุของทุกข์เกิดขึ้น เมื่อไม่ยอมให้เหตุของทุกข์เกิดขึ้น เราก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ แล้วก็ทุกข์อยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ที่ความทุกข์ที่อดอยากเท่านั้นเอง...

    ...ทุกข์ของคนที่มีเงินมาก ร่ำรวยก็มีความทุกข์มากเหมือนกัน บางคนนะร่ำรวยมากก็มีความทุกข์มากกว่าคนที่ไม่มีเงิน ต้นเหตุของความทุกข์ อยู่ที่ใจ อยู่ที่ใจเราสามารถที่จะสร้างความทุกข์ขึ้นมาได้ ให้มันเกิดเหมือนว่าเราเท่ากับสามารถที่จะเลือกว่าจะเอาทุกข์หรือเอาสุข ฉะนั้น การทำบุญเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่ต้น อย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ คนอื่นไม่ทราบไม่เป็นไร ตัวเราทราบ และผู้ที่ฉลาดก็จะเห็นว่าเราสร้างทุกข์ของเราเอง เพื่อที่จะไม่ให้มีทุกข์ เราก็ต้องไม่สร้าง ข้อสำคัญอยู่ตรงนี้ ให้เข้าใจให้ดีคนโดยมากมีความทุกข์แล้วจะทำลายความทุกข์ คือขจัดความทุกข์ มันทำไม่ได้ ทุกข์มันมีแล้ว แต่ว่าทุกข์ที่ยังไม่มีอย่าให้เกิด ถ้าเราไม่ยอมให้เกิดขึ้น หมายความว่าทำจิตใจให้ผ่องใสตลอดเวลา ทำอะไรที่สุจริตตลอดเวลา ความทุกข์เกิดยาก เมื่อเกิดยากแล้ว ทุกข์เก่าที่มีอยู่มันก็ค่อย ๆ หายไป...

    ...พระพุทธเจ้าท่านได้สอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด ถึงเรียกว่าเป็นอริยสัจ 4 อย่าง ที่เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราทำบุญด้วยประการทั้งปวง คือทำดีด้วยความตั้งใจดี แล้วก็มีปีติขึ้นมา ได้รับผลของบุญแล้ว เราทำสูงขึ้นไป ทำต่อไปคิดให้ดี ๆ จะเกิดที่เรียกว่าปัญญาหรือความรู้ ปัญญานี้ไม่ได้หมายความว่าใครไปเรียนกลับมาได้ ดอคต้งดอคเตอร์ ไม่ใช่ นั้นก็เป็นปัญญาอย่างหนึ่งเป็นความรู้ ความรู้ที่ทางโลกเขาใช้ แต่ปัญญาจริง ๆ เห็นอะไรจริง ๆ ที่ใจจริง ๆ ถ้าเราทำบุญไปก็จะค่อย ๆ เห็นความจริง เป็นปัญญา เราจะสามารถที่จะควบคุมการเกิดของทุกข์ที่ใจ...

    ...ที่ว่าทำบุญนั้นนะ ก็อยู่ในข้อที่เรียกว่าทำทาน แล้วก็ที่ถูกทำบุญแล้วก็พยายามทำอะไรที่ดีที่ถูกต้อง ที่สวยงามที่สุจริต ที่ไม่ทำให้เดือดร้อนก็เป็นศีล แล้วก็เมื่อมีศีลแล้ว เราก็สามารถที่จะทำพิจารณาอะไร ก็เป็นการภาวนา การภาวนาทำไปทำมาก็เป็นสมาธิ เมื่อมีสมาธิแล้วก็ภาวนาอยู่ตลอดทุกวันติดต่อไป มันก็เกิดปัญญา พระท่านสรุปเสนอว่า ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ก็คือ การสรุปของมรรครวมกัน เราก็ได้อริยสัจที่ 4 เมื่อเราได้อริยสัจที่ 4 แล้ว เราก็จะได้อริยสัจที่ 3 เพราะว่าถ้ามีปัญญาแล้วก็หลุดพ้น หมายความว่าเข้าใจอันนี้แล้วก็ไปเข้าใจถึงขั้นสูง คืออริยสัจ 4 ก็ไม่ใช่เล่น...



    พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ​

    หนังสือคำพ่อสอน ในโครงการตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วยความรัก และความดี ​

    60 ปี 60 ล้านความดีถวายในหลวง น้อมเกล้าถวายในหลวง​


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ ผมชอบกระทู้นี้ครับ เดี๋ยวทำกระทู้แนะนำให้ครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคนครับ
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    เรารักในหลวง.jpg


    ขอบคุณครับสาระดีดีมีมงคล คุณเจง
     
  4. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    ไม่ได้ขัดคอ หรือ กระแทกกระทั้น จงใจแขวะใคร ๆ นะครับ
    บางคนมาทำบุญก็จริง แต่ในใจพวกเขา(บางคน แต่มันก็เยอะอยู่เหมือนกัน)
    จิตใจพวกเขายังจะ "ขี้อิจฉา ริษยา" กันอยู่เลย
    ประมาณว่า "มึงทำมากกว่ากู กูต้องทำมากกว่ามึง" (ขออภัยด้วยถ้าใช้คำพูดไม่สุภาพ)
    แล้วคุณว่าที่ผมพูดให้ฟังนี้เนี่ย "มันจริงใช่ไหม"
     
  5. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530

    ก็คงจะมีอย่างที่คุณว่าแหละค่ะ..แต่กลุ่มเพื่อน ๆ ของเรา เท่าที่เจอมาจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่านะ ส่วนมากพอทำบุญแล้ว ก็จะเอาบุญที่ได้ทำแล้วมาบอกต่อ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ร่วมอนุโมทนา หรือแนะนำ link บุญให้เพื่อให้ได้กระจายข่าวกันต่อ ๆ ไป ไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝงอยู่เลยค่ะ..

    ส่วนประเภทที่คุณโชเตว่านั้น..ก็คงมีเป็นปกติ เพราะคำว่า "คน" ก็วกวนอย่างงี้แหละค่ะ เพียงแต่ว่าเราจะทำใจให้ได้เป็นปกติ และไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งที่เข้ามากระทบได้แค่ไหนเท่านั้นเอง..

    [​IMG] โชคดีนะคะ.. [​IMG]
     
  6. ต้นน้ำธรรม

    ต้นน้ำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +437
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
    ...การที่ทำอะไรที่เป็นมงคลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เกิดกำลังใจ เพราะว่าคนเราถ้าร่วมจิตใจกันก็เกิดเป็นพลังอย่างสูง. เห็นด้วยครับ
     
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน<label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>

    โมทนากับท่าน จขกท. กับธรรมทานดี ๆ เช่นนี้ึค่ะ
     
  8. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    คน แปลว่า ปนกันไป ตราบใดโลกใบนี้ยังเป็นโลกของคนก็ยังปะปนกันไปทั้ง กุศลและอกุศล ทั้งความดีและความชั่ว จนกว่าจะได้ยกจิตเป็น มนุษย์ fly_pig

    ;aa51ถ้าโลกนี้มีแต่ผู้ให้ มันจะน่ารัก น่าปลื้มใจ เป็นสุขแค่ไหนหนอ แค่คิดก็ปลื้ม-Happy Smile_มมมมมม

    (sing)เมตตา ไมตรี กรุณา มุทิตา อุเบกขา บารมี....
     

แชร์หน้านี้

Loading...