อานิสงส์ของบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม ปิดทอง หน้าตัก 4 ศอก พร้อมวิหารแก้ว

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 19 มีนาคม 2006.

  1. Ayuraveda

    Ayuraveda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +475
    โมทนาบุญครับ
    ผมได้โอนร่วมบุญเข้าบัญชี วันนี้ 510 บาท
    กรุณาตรวจสอบดูนะครับ
     
  2. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    โมทนา ทุกๆท่านครับ
     
  3. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    เช้านี้ผมร่วมทำบุญแล้วนะครับ 22/03/49 สลิป no.560B180 จำนวน 500 บาท เข้า บ/ช 3472313648 เวลา 07:54 น.
     
  4. MadMouth

    MadMouth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +522
    พี่มหาหิน เห็นรูปแรก สมเด็จองค์ปฐม งามมากๆ ขอเอามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจนะคะ และขอนำไปให้ท่านอื่นชมด้วยนะคะ
    สำหรับงานบุญนี้ไม่พลาดแน่นอนค่ะ แต่คงเป็นต้นเดือนหน้า เพราะงบทำบุญ(ขอกับสามีไว้)เดือนนี้หมดแล้วค่ะ
     
  5. pchaisai1

    pchaisai1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +1,069
    วันนี้ผมได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ผ่าน ATM เพื่อร่วมทำบุญใน
    บัญชี เลขที่ 347 - 2 - 31364 – 8
    จำนวน 500 บาทเรียบร้อยแล้วครับ
    เลขที่สลิป LOCAT. 7629 SEQ. 9558 เวลา 19.13 น.โปรดตรวจสอบด้วยครับ

    พจน์ ใจใส
    44/56 หมู่4 ซอย พหลโยธิน52 ถนน พหลโยธิน
    แขวง คลองถนน เขต สายไหม กรุงเทพฯ 10220
     
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    กราบโมทนาในความตั้งใจอันดีเยี่ยม ครับ....

    ราคานี้ เป็นราคาหน้าโรงงาน ครับ ....
    (ย่อมไม่รวมค่าขนส่ง และการติดตั้ง ฐานราก แท่นประทับ และส่วนที่ต้องตกแต่ง)

    การติดตั้งทำได้ไม่ยุ่งยากครับ ประกอบง่าย....
    ระหว่างรอยต่อ จะให้แข็งแรง ทนทาน อยู่ได้นาน ก็ใช้เหล็กเส้นเสริมเข้าไปได้อีก....

    เรื่องการประดับ หรืองานการตกแต่ง ด้วยเพชร ก็ขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์....
    หากทุนน้อย ก็ประดับ ด้วยกระจกเงา ก็จะสวยงาม ได้เช่นกันครับ....

    ส่วนที่องค์พระพุทธรูป....
    ขอแนะนำว่า.... ต้อง ปิดทอง ครับ....

    ผมเองก็ไม่มีความรู้ เรื่องงานปูน.. แต่งานนี้ ผมก็เป็น โฟร์แมน ไปในตัว ครับ....
    (ให้ผมไปเป็น โฟร์แมน ก็ได้ครับ.. ไม่คิดค่าจ้าง ไม่คิดค่าแรงครับ....)

    โมทนายิ่ง....
     
  7. mc

    mc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +5,633
    อนุโมทนากับคุณมหาหหินอย่างมากครับ ที่อาสามาช่วยเป็นโฟร์แมนให้ครับ
    ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจ ส่วนเรื่องการสร้างสมเด็จองค์ปฐมนั้นจะนำไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาส หากท่านเห็นดีงามประการใด ขอเรียนปรึกษาคุณมหาหินอีกทีนะครับ
     
  8. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    นำคำสอน ขององค์หลวงพ่อฯ มาให้พิจารณา ไว้แล้วครับ....
    ตาม Link ที่อ้างอิงข้างบนนี้....
     
  9. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ยอดเงินบุญ รวม 3 บัญชีบุญ....

    1. บุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม 4 ศอก ปิดทอง พร้อมวิหารแก้ว
    2. บุญรวม 30 ประการ เนื่องในวันค้ายวันเกิด หลวงปู่วงศ์ฯ
    3. บุญสร้างพระพุทธรูปบรรจุเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง(สองพญาบูชาพระไตรรัตน์)

    ได้โพส และรายงานไว้ที่ โพสที่ 2 แล้วครับ....
     
  10. MadMouth

    MadMouth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +522
    มาตามสัญญาใจค่ะ

    มาแล้วค่ะ พี่มหาหิน ผู้เป็นแบบอย่างบุญของดิฉัน เงินเดือนออกแล้ว และก็ไปโอนเมื่อเที่ยงวันนี้เองค่ะ [เลขสวยจริงๆ 12:19 29/03/06] จาก ATM bank กรุงเทพฯ เข้าบัญชี 3472313648 ธ.กสิกร จำนวน 500 บาทค่ะ
    ร่วมบุญทุกอย่างทั้ง 30 บุญเลยนะคะ



    รายละเอียดส่วนตัว ไว้หลังไมค์ เอ้ย... เดี๋ยวหนูส่ง msg ให้ค๊า [b-wai] และก็โมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1.JPG
      A1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      24.7 KB
      เปิดดู:
      64
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มีนาคม 2006
  11. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    กราบโมทนาในบุญมหากุศล อันใหญ่ยิ่ง ในครั้งนี้....
    โอกาสที่ได้ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม นับว่าเป็นบุญสุดยอดเยี่ยมในพระพุทธศาสนา....

    แถมการสร้างครั้งนี้ พร้อมไปด้วยวิหารแก้ว อีกด้วย....
    อานิสงส์ ย่อมไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ

    แต่ทุกอย่างของคนที่เกิดมา ก็ย่อมเป็นไปตามกรรม....
    ตามแต่บุญของใคร ของมัน ที่จะมองเห็นได้ ใช่ไหมครับ....

    ท่านที่ศรัทธาปสาทะ ต่อบุญอันเนื่องด้วยสมเด็จองค์ปฐม....
    ได้ร่วมสละทรัพย์ สร้างเป็นยอดอริยทรัพย์กันไว้แล้ว....
    สามารถเข้าไปดู รายการละเอียดในหน้าแรก.. โพส ที่ 2 นะครับ....

    ขาดตกบกพร่อง ไม่ถูกต้อง ด้วยประการใด โปรดแจ้งให้ทราบ ด้วยครับ....


    หากท่านที่โอนเงินบุญเข้า แต่ไม่แจ้งประสงค์ ไม่เจาะจงประเภทงานบุญ....
    เงินบุญ นั้น จะถูกนำไปรวมเป็น การทำบุญอานิสงส์ 30 ประการ....
    (ซึ่ง 1 ใน จำนวน 30 ประการ มีบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม พร้อมวิหารแก้ว แล้ว)

    กราบโมทนาอย่างที่สุด เลยครับ....
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2006
  12. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ที่จะลืมกล่าวโมทนาไม่ได้ .. ก็คือ....

    กราบขอบพระคุณ และโมทนากับ คุณณรงค์ เพ็งลาภ ....
    ที่ได้มอบ กล้องดิจิตอล เพื่อให้ไว้ใช้ในงานถ่ายภาพงานบุญ....
    จะได้สะดวกที่จะได้นำภาพมาให้ทุกท่านได้โมทนาบุญกัน....

    ดังนั้น ภาพที่จะปรากฏทุก ๆ ครั้ง ก็นับได้ว่า เกิดจากคุณ ความดี....
    ของคุณณรงค์ฯ ที่ยอมเสียสละทรัพย์ เพื่องานส่วนรวม ....

    จึงขอเป็นตัวแทนทุกท่าน ที่ได้มีร่วมโมทนาสาธุการจากบุญต่าง
    อันเนื่องมาจากการบันทึกภาพ มา ณ ที่นี้ เป็นอย่างสูง....

    สาธุ สาธุ สาธุ . . . .

    (สาเหตุ ที่คุณณรงค์ฯให้กล้องถ่ายภาพมาใช้....
    ก็เพราะว่าคุณณรงค์ฯ ทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น....
    จึงไม่สามารถดำเนินงานนี้ ได้ด้วยตนเอง....

    หวังเพียงเพื่อบุญ....จึงยอมสละทรัพย์สินอันเป็นที่รัก ที่หวง ลงได้....
    นับว่าตรงกับคำสอนของ องค์หลวงพ่อฯ ที่ว่า....
    เป็นการทำทานสละของรัก ของหวง เพื่อตัดกิเลส ความโลภของเรา....
    ส่วนตัวผมเอง ก็ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สื่อสาร สื่อผ่าน งานบุญ เท่านั้น....
    ขอกราบโมทนาในน้ำจิต น้ำใจ อันยอดเยี่ยม อีกสาระหนึ่ง....

    สาธุ ดียิ่งแล้ว....

    (กล้องตัวนี้ ผมได้เรียนให้คุณณรงค์ ว่า จะสามารถนำกลับไปใช้ในส่วนไหน ๆ ก็ได้
    เพราะผมเอง ก็ไม่ได้ยึดถือว่า เป็นสมบัติของผม แต่เป็นเรื่องของบุญส่วนรวม ครับ)
     
  13. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    สวัสดีครับขอกราบโมทนาสาธุกับทุกท่านที่ได้ร่วมทำบุญสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ทานบารมีที่เราท่านทำไว้นี้ เพื่อพระศาสนาให้เจริญยั่งยืนยิ่งขึ้นสืบไปจนครบ ห้าพันปี ตราบที่เรายังมีลมหายใจอยู่เราควรสร้างคุณงามความดีตลอดไป ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านสอนไว้ว่า ทำแต่ความดีจนถึงลมหายใจสุดท้าย อย่าได้ท้อถอย คุณขอพระพุทธ คุณของพระธรรม คุณของพระอริยะสงฆ์ หาที่สุดประมาณมิได้ พระศาสนาจะอยู่ได้ก็เพราะพวกเราช่วยกันทำนุบำรุงนี่ละครับ

    สำหรับสถานที่แห่งนีมีเกร็ดความรู้ ที่ผมเก็บไว้ได้มาจากคุณมหาหินที่เคยลงไว้ ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนผู้สนใจทั้งหลาย ผมใคร่ขออนุญาติคุณ มหาหินด้วยนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ขออนุญาตินำข้อความต่ไปนี้มาลงครับ
     
  14. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ความเป็นมา และความสำคัญ ของการสร้างบุญบารมี ในครั้งนี้
    เนื่องด้วย ตามพุทธประวัติตำนานพระเจ้าเลียบโลก ที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จมาประทานเส้นพระเกศา ประทับรอยพระพุทธบาท และสั่งพระอรหันต์สาวกไว้ว่า หลังจากพระองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ให้นำ
    พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่สำคัญ ๆ ไปบรรจุตามพระธาตุเจดีย์ต่าง ๆ ในบริเวณที่จะสามารถดำรงพระศาสนาให้อยู่สืบเนื่องได้ครบ 5,000 ปี โดยส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย และบริเวณเหนือขึ้นไปของประเทศไทย คือ ดินแดนสิบสองปันนา
    (ตรงนี้ ขอแทรกเกร็ดที่ควรรู้ที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ เมื่อสมัยที่องค์หลวงพ่อฯ ท่านไปที่เชียงแสน ท่านไปยืนพิจารณาป้ายบอกเขตแดนที่มีข้อความว่า “เหนือสุดยอดในสยาม” สักครู่หนึ่ง ท่านก็บอกว่า.... ความรู้สึกว่า ไม่ใช่เช่นนั้น รู้สึกว่าป้ายนี้....จะถูกเลื่อนขึ้นไปทางเหนืออีกไกล....” ก็น่าจะเดาได้ว่า อาณาเขตประเทศไทย คงต้องมีการขยับขยาย ขึ้นไปทางสิบสองปันนาอีกมาก แต่ทว่า พวกเราจะทันสมัยนั้น กันหรือ....)

    และในส่วนของการพยากรณ์ที่เกี่ยวกับวัด ว่า จะมีอยู่ 3 วัด ที่จะสามารถดำรงพระพุทธศาสนา จนครบ 5,000 วัสสา คือ วัดท่าซุง(จันทราราม) อุทัยธานี วัดพระพุทธบาทห้วย(ข้าว)ต้ม ลำพูน และวัดบุปผาราม (วัดสวนดอก) เชียงใหม่ การทำบุญใน 3 วัด นี้ ตามความศรัทธา เพื่อให้บุญสืบเนื่องครบถึง 5,000 ปี นั่นเอง
    (ภาพรอยพระบาท พระบรมสารีริกธาตุ Relic of the Buddha)

    ขณะนี้ ศาสนสถานของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ในสมัยของหลวงปู่ครูบาวัยยะวงศา ได้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ท่านได้เป็นผู้นำการก่อสร้างศาสนสถาน อบรมศีล และธรรม ทั้งนอกวัด และภายในวัดอย่างมากมาย แต่ในส่วนของบุคคลที่มีความสำคัญที่เกี่ยวเนื่องด้วยกับความเป็นมาของวัดพระพุทธบาห้วยต้ม เช่น พญาเถิน พญาแก้วมาเมือง และฤาษีส่างทุมมา เป็นต้น ในสมัยของท่านฯ ยังไม่ได้ดำเนินการมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่า มันเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ฯ โดยตรง ท่านจึงอาจไม่คิดสร้าง เพราะจะเป็นการยกย่องตัวของท่านเอง จนเกินไป

    ดังนั้น หน้าที่เหล่านี้ จึงควรพึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทั้งหลาย ที่ต้องช่วยเหลือกัน ในการดำเนินการ ก่อสร้าง และพัฒนา เพื่อประโยชน์ ดังนี้....
    1. เป็นการแสดงความกตัญญูเวทิตา
    2. ถวายเป็นพุทธบูชา ไว้ในพระพุทธศาสนา จนครบ 5,000 ปี
    3. เป็นสถานที่พักผ่อน สร้างความร่มเย็นแก่ชุมชน สาธุชน และประชาชน โดยทั่วไป
    (ภาพหลวงพ่อวงศ์ฯ LP-Wong06-India)
     
  15. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ประวัติพญาเถิน พญาแก้วมาเมือง และ ปู่ฤาษีส่างทุมมา
    ครั้งในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธองค์ ทรงทราบในข่ายพระพุทธญาณของพระองค์ จึงได้ทรงเสด็จมา ณ บริเวณวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบัน

    ในห้วงเวลานั้น มีพญาเถิน ชื่อว่า “ขุนหลวงมิลังก๊ะ” อยู่ที่ดอยสุเทพ เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพวกลั๊วะ(ละว้า) และ พญาแก้วมาเมือง เป็นสหายกัน พร้อมด้วยพรานเนื้อ 8 คน ได้มากราบพบพระพุทธเจ้า เกิดความศรัทธาอย่างมาก พรานเนื้อได้นำเนื้อมาถวาย พระพุทธองค์ไม่ทรงรับ พวกเขาทั้งหลายเห็นว่าพระองค์ไม่รับ จึงไปต้มข้าวต้มมาถวาย พระพุทธองค์ทรงรับ (ต่อมาบริเวณนี้ จึงได้ชื่อว่า ห้วยข้าวต้ม และห้วยต้ม ในที่สุด)

    พญาเถิน และพญาแก้วมาเมือง กราบทูลขอพระเกศา แต่พระองค์เห็นว่าไม่เหมาะสมจึงไม่ทรงประทานให้ พวกเขาทั้งหลาย จึงได้ขอรอยพระบาทแทน แต่บริเวณนั้นไม่มีก้อนหินที่เหมาะสมแก่การประทับรอย พรานทั้งหลาย จึงอาสาไปนำก้อนหินมา เมื่อนำก้อนหินมาได้ก็ไม่มีน้ำล้าง เพราะว่าเป็นบริเวณยอดดอย พระพุทธองค์จึงทรงใช้ไม้ทิ่มลงบนพื้นดิน ปรากฏว่า มีน้ำไหลออกมา ใช้ล้างรอยก้อนหิน(ปัจจุบัน ถือว่าเป็นน้ำบ่อทิพย์ ยังคงไหลอยู่ตลอดเวลา สามารถนำน้ำทิพย์ไปเป็นสิ่งสิริมงคล และอธิษฐานเป็นยารักษาโรคที่ไม่เกินวิสัย) พระองค์ จึงทรงประทับรอยพระบาททั้งสองรอย(ซ้าย-ขวา) และตรัสให้พวกเขา รวมถึงท่านฤาษีส่างทุมมา อยู่บำรุง บูชา รักษารอยพระบาท เสมือนกับปฏิบัติเสมอด้วยปฏิบัติต่อพระองค์....
    อีกทั้ง พระองค์ทรงพยากรณ์ว่า ในสมัยกึ่งพุทธกาล ณ ที่นี้ จะมีพระน้อยเมืองตื๋นมาพัฒนารอยพระพุทธบาทให้เกิดความรุ่งเรือง เป็นที่สักการะ กราบไหว้บูชา ของลูก ๆ หลาน ๆ และคนที่ศรัทธา ตลอดจนเทพยดา ทั้งหลาย สืบเนื่องไปจนสิ้นอายุพระพุทธศาสนา 5,000 ปี ....

    หลังจากที่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า กาลต่อมา พญาแก้วมาเมืองได้บรรลุถึงซึ่งพระโสดาบัน ซึ่งหลังจากตายไป ก็ได้เกิดเป็นเทวดาอยู่ปฏิบัติ รักษา รอยพระพุทธบาท สืบเนื่องไปจนกว่าจะครบ 5,000 ปี แล้วท่านจะได้ทันเกิด และเข้าสู่พระนิพพานในห้วงสมัยพระศรีอาริยะเมตไตรย ....
    ท่านฤาษีส่างทุมมา ก็ยังคงเป็นเทวดารักษารอยพระพุทธบาท อยู่เช่นกัน....
    ส่วนพญาเถิน นั้น ตั้งความปรารถนาเพื่อพระโพธิญาณ และได้เกิดมาเป็น หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ....

    คำพยากรณ์ที่ว่า พระน้อยเมืองตื๋น นั้น ในกาลสมัยที่หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาบรรพชาเป็นสามเณร(พระน้อย) ณ วัดพระธาตุแก่งสร้อย ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2468 อยู่จำพรรษาในเขตของแม่ตื่น บวชเป็นพระเมื่อปี พ.ศ. 2475และต่อมาก็เข้ามาเริ่มสร้างวิหารครอบรอยพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ในปี พ.ศ. 2489 พร้อมกับสามเณรคัมภีระ และเด็กชายพรรณ(ครูบา เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน) เป็นขโยม ซึ่งแต่ก่อนมีเพียงเพิงไม้มุงคลุมรอยพระพุทธบาท นั้น บันดาลให้เป็นวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบัน ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นวัดฯ ที่มีศาสนสถานมากมาย นอกจากจะพัฒนาวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม แล้ว หลวงปู่ฯท่านยังสร้าง และพัฒนาวัดในจังหวัดลำพูนอีก 18 วัด ในจังหวัดเชียงใหม่ 16 วัด ในจังหวัดตาก 3 วัด ในจังหวัดลำปาง 4 วัด เชียงราย 3 วัด กำแพงเพชร 3 วัด และสุโขทัย 1 วัด รวม 48 วัด อุปถัมภ์โรงเรียน 36 แห่ง อีกทั้ง ยังได้สร้างโรงพยาบาล ซ่อม สร้าง บูรณะ วิหาร พระธาตุ อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย(ชเวดากองจำลอง) ที่ยอดเยี่ยม ลื่อเลื่องว่าสวยงาม และเป็นเจดีย์ที่สร้างจากศิลาแลง ที่ใหญ่ที่สุด
    (ภาพเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง Puh-Kaew 00 Puh Gaewmameung)

    ส่วนเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง กำลังดำเนินการสร้าง โดยลูกศิษย์ของท่านที่อยู่กับท่านตั้งแต่วัยเด็ก และได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ปฏิบัติดูแลหลวงปู่ฯจนท่านละสังขารไป และหลวงปู่ท่านได้สั่งไว้ก่อนละสังขารว่า ให้บวชเป็นพระภิกษุ ก็ต่อเมื่อให้อายุครบ 22 ปี เสียก่อน ต่อมา ในปี 2545 ท่านได้บวชเป็นพระภิกษุ และเป็นรุ่นแรกของการฉลองอุโบสถของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม พอดี ท่านนี้ ก็คือ ตุ๊เจ้า ตุดี โฆสิตธัมโม
     
  16. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    มูลเหตุ การสร้างเจดีย์ ปู่แก้วมาเมือง
    นับตั้งแต่อดีต พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ หรือหลวงปู่ครูบาชัยยัวงศาพัฒนาเจ้า ได้เข้ามาสร้างวัด และ
    พัฒนาศาสนสถาน เช่น โบสถ์ วิหาร พระธาตุเจดีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจดีย์ศรีเวียงชัย โรงพยาบาล โรงเรียน ถนน อีกทั้ง สิ่งก่อสร้างสาธารณะประโยชน์ อย่างมากมาย ทั้งในเขตจังหวัดลำพูนและจังหวัดใกล้เคียง ก่อให้เกิดความเจริญแก่ชุมชน และสร้างศรัทธาปสาทะให้แก่พุทธบริษัท ชาวเมือง ชาวเขา และชาวกะเหรี่ยง อย่างมากมาย จวบจนท่านได้ละสังขารไปในปี 2543 ทำให้วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธมามกะ และเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันโดยหมู่มาก ในทางอ้อมก็ยังส่งผล ที่เป็นเหตุทำให้ผู้คนนิยมที่จะมาเยี่ยมเยียนวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ในอำเภอลี้ ส่งผลให้จังหวัดลำพูนเป็นที่รู้จักและได้รับการกล่าวขานในทางที่ดี จากประชาชนโดยทั่วไป

    ปัจจุบันนี้ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ได้ทำการขยายเขตงานการก่อสร้างศาสนสถานออกไปทางด้านหลังของพื้นที่วัดฯ ทำการก่อสร้างเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง ขึ้นมาจำนวน 1 องค์ และมีแผนในวันข้างหน้า จะทำการก่อสร้างวิหาร ถนน วงเวียน เพื่อสร้างให้เป็นสถานที่แห่งการระลึกบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ อันมีคุณแก่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม นับตั้งแต่พุทธกาล คือ ปู่แก้วมาเมือง โดยการก่อสร้างเจดีย์ดังกล่าว จะเน้นการปลูกต้นไม้ สลับกับวิหาร เจดีย์ วงเวียน และริมถนน อันจะทำให้ผู้ที่เข้ามาในบริเวณ เกิดความรู้สึกไปในทางความสุข สงบ ร่มเย็น สามารถเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ไปในตัว

    ในอนาคต เมื่อผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมเยียน มีอารมณ์เป็นสุข จิตใจย่อมเบิกบาน ย่อมน้อมไปในทางกุศล ก็จะสามารถทำให้พวกเขาเหล่านั้น เกิดความศรัทธาในสถานที่ คือศาสนสถาน และก็จะปีติ ยินดี แล้วต่างบำเพ็ญบุญ บำเพ็ญกุศล ด้วยความชุ่มชื่นใจ อันจะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งในอนาคต ที่จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต และโน้มน้าวจิตใจของผู้คนมาสู่บุญ จึงนับได้ว่าเป็นอุบายธรรมด้วยการปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น เพื่อสร้างจิตใจของคนให้ชื่นบาน
    (ภาพหลวงพี่ตุดี สมัยยังเป็นสามเณร กับหลวงพ่อวงศ์ฯ PhraTudee07 & LP-Wong)

    จุดเริ่มต้นของการก่อสร้างเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง
    เจดีย์ปู่แก้วมาเมือง เริ่มงานก่อสร้าง ณ บริเวณด้านหลังศาลเพียงตา 2 หลัง ที่หลวงปู่วัยยะวงศาฯ ได้สร้างไว้....
    การริเริ่มงานก่อสร้าง ตุ๊เจ้า ตุดีฯ ท่านนิมิตเห็นหลวงปู่วงศ์ฯ สั่งให้ท่านมาสร้างศาล และเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง....

    ตุ๊เจ้า ตุดีฯ ท่านจึงมาเริ่มสร้างศาลเป็นอาคาร 3 ห้อง ณ บริเวณหลังศาลเพียงตา โดยไม่ได้รื้อศาลเพียงตาเก่าทิ้งไป เพราะว่าต้องการอนุรักษ์ศาลเก่าของหลวงปู่ฯไว้ อาคารห้องกลางเป็นห้องพระ ห้องขวา เป็นห้องปู่แก้วมาเมืองพร้อมท่านย่าฯ ห้องซ้ายมือของพระพุทธรูป เป็นห้องของพระธิดา

    และที่ด้านหลังของศาลดังกล่าว จะเป็นเนินดิน ตรงบริเวณนี้เองที่หลวงพี่ตุดี เห็นตรงกับในนิมิต ดังนั้นท่านจึงเจรจาของซื้อที่จากเจ้าของที่ดิน โดยมีศรัทธาบางท่านร่วมกันบริจาคเพื่องานก่อสร้างเจดีย์ในครั้งนี้ พร้อมกับมีศรัทธาสร้างสะพานเหล็กข้ามลำธาร ซื้อที่ดินเพิ่มเติม สร้างกำแพงศิลาแลง สร้างห้องน้ำ เป็นบางส่วนแล้ว

    ต่อมา เริ่มมีคณะศรัทธา ลูกหลาน ของหลวงปู่วงศ์ฯ ความสนใจที่จะเข้ามาช่วยกันสร้างสานให้สำเร็จลุล่วงลงไป แต่อย่างไรก็ดี เพื่อให้ศาสนสถานนี้ มีความสมบูรณ์ พร้อมสำหรับพระภิกษุ สงฆ์ ประกอบกิจทางพระศาสนา ญาติโยม พุทธมามกะ ได้เข้าไปปฏิบัติธรรม จึงมีแผนในการดำเนินงานการก่อสร้างต่าง ๆ เกิดขึ้น อีกหลายประการ ซึ่งในขณะนี้ ยังขาดปัจจัย วัสดุก่อสร้าง และอื่น ๆ อยู่อีกมาก

    เพื่อเป็นการเชิดชู บูชา คุณความดีของบรรพบุรุษ ที่ก่อร่างสร้างฐานความเจริญแห่งพระพุทธศาสนา จวบจนถึงในสมัยของพวกเราทั้งหลาย และจะเป็นการบำเพ็ญบุญเป็นทานบารมีอันยิ่งใหญ่ให้พระพุทธศาสนามีความสืบเนื่องไป ตราบเท่า 5,000 วัสสา ตามที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไว้ ย่อมจะเกิดอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ตามติด
    พวกเราไป ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกชาติ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน แล

    จึงขอเรียนเชิญทุกท่านที่มีจิตศรัทธา มีความมุ่งมั่น ต่อพระรัตนตรัย ด้วยความเคารพอย่างแนบแน่น แท้จริง ได้มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญบุญ ทานบารมี ในครั้งนี้ โดยทั่วกัน
    (ภาพเจดีย์ปู่แก้วฯ ภาพศาลฯ Puh-kaew-57-2548-0411 Garden2 of Shrine3-Walkway)

    อานิสงส์ ในการบำเพ็ญทาน ย่อมมีผลที่จะสร้างความสุขใจ ชุ่มชื่นจิต เป็นนิจทั้งในปัจจุบัน และในอนาคตกาล เมื่อละลาจากโลกนี้ไป หากยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดก็ตาม เมื่อเราได้เสวยสุขบนสวรรค์ หรือพรหม เราก็จะสามารถโมทนาในบุญของผู้อื่น ที่เข้ามาใช้ มาเกี่ยวข้องกับทานต่าง ๆ ที่เราได้ริเริ่ม และสร้างไว้ ....
    และหากต้องกลับมาเกิดอีก ก็จะพบแต่พระพุทธศาสนา มีแต่ความร่ำรวย ความสุขใจ ด้วยเดช ด้วยอำนาจบารมี อันสืบเนื่องด้วย ผลแห่งทานบารมี ที่พวกเราได้บำเพ็ญไว้ ในครั้งนี้ เปรียบดังเป็นสะพานบุญ ....
     
  17. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ทำไมต้องสร้างทานบารมี....
    ความรู้เรื่องทานบารมีในงานก่อสร้าง ศีลบารมี และปัญญาบารมี....
    เคยมีคนติงผ่านเข้ามาในเวปบอร์ด ว่า “เรามัวไปทำงานสร้างวัด สร้างวิหาร สร้างงานทานบารมี กันอยู่ทำไม ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ไปไหน ไม่เห็นว่าจะไปพระนิพพานได้ สู้ทำสมาธิอย่างเดียวก็ไม่ได้ มีอานิสงส์สูงกว่ามาก ทำให้เกิดปัญญา ไปนิพพานก็ได้ แถมก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอีกด้วย....”

    ในเวลานั้น รู้สึกว่า กระทู้นี้จะโดนลบทิ้งไปแล้ว ตอนนั้นผมเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมเองโดยตรงเหมือนกัน เพราะว่าผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่ประสานงานบุญ และชักนำให้ทำบุญทำทานกัน และผมเองก็ไม่ได้
    ชี้แจงโดยละเอียดแก่ท่านผู้นั้น ผมก็พยายามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ที่องค์หลวงพ่อได้สอนไว้ จนกระทั่งผมได้พบเนื้อหาที่ลักษณะคล้ายกันกับที่ท่านผู้นั้นมีความเข้าใจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปบ้าง ก็ตั้งใจว่าจะตอบให้ท่านผู้นั้น ได้พิจารณา แต่ก็บังเอิญที่เวปบอร์ดกำลังปรับปรุง หรืออย่างไร ก็ไม่ทราบ เรื่องที่จะชี้แจงผมเองก็ลืมไปแล้ว จนกระทั่งมีเรื่องงานบุญ มาเกี่ยวข้อง ทำให้นึกขึ้นมาได้ ก็เลยอยากจะชี้แจงท่านผู้นั้น ก็เลยขอนำมา Post ไว้ โดยไม่ทราบว่าท่านผู้นั้น จะกลับมาอ่านอีก หรือไม่ ....

    แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็อาจจะมีประโยชน์แก่หลาย ๆ ท่าน ที่อาจจะถูกถามในลักษณะเช่นนี้ บ้างก็ได้ นะครับ....

    บางท่านอาจถามว่า เรื่องอย่างนี้ ทำไม ไม่ไป Post ใน บอร์ด สนทนาธรรม....

    ก็เป็นเพราะมีเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับงานประสานงานบุญบารมี ที่กระผม และคณะฯ กำลังถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้ทราบงานบุญ อยู่พอดี....

    กระผมฯ จึงขอกราบขอโทษ และขออนุญาตจากเจ้าของ และผู้ดูแล เวปบอร์ด มา ณ ที่นี้ ....
    และก็ไม่ขัดข้องด้วยประการใด ๆ ที่ท่านอาจจะดำเนินการโยกย้าย หรือ อื่น ๆ ด้วยความเคารพยิ่ง....
    (ภาพงานสาธารณะประโยชน์ Public Benefit 08 Huaynumyen Maeramard)

    ขอมาเข้าเรื่องที่ว่า ว่า “เรามัวไปทำงานสร้างวัด สร้างวิหาร สร้างงานทานบารมี กันอยู่ทำไม ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ไปไหน ไม่เห็นว่าจะไปพระนิพพานได้ สู้ทำสมาธิอย่างเดียวก็ไม่ได้ มีอานิสงส์สูงกว่ามาก ทำให้เกิดปัญญา ไปนิพพานก็ได้ แถมก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอีกด้วย....”

    ในเรื่องการทำสมาธิ แล้วมีอานิสงส์สูงอย่างยิ่ง นั้น....
    ข้อนี้ ผมเองก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เฉพาะในเรื่องอานิสงส์ของการทำสมาธิปฏิบัติบูชา เพราะว่า....
    การให้ทาน เป็นการเพียรละความโลภ มีอานิสงส์ มาก น้อย แตกต่างกันไป ตั้งแต่ให้ทานกับสัตว์เดรัจฉาน คนที่ไม่มีศีล ทำบุญกับคนมีศีล พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระอัครสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า สังฆทาน วิหารทาน อภัยทาน และ ธรรมทาน แทบทั้งหมดนี้เป็น อามิสบูชา

    การรักษาศีล เป็นการเพียรละความโกรธ มีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเป็น 100 เท่า ก็เพราะว่าเป็น ปฏิบัติบูชา การรักษาศีลได้ ต้องมีพรหมวิหารเข้าคุ้มครองอย่างน้อย ๆ ก็ต้องมี เมตตา และ กรุณา แก่ผู้อื่น ศีลจึงจะทรงอยู่ได้

    การทำสมาธิ เป็นการเพียรละความหลง ยิ่งมีอานิสงส์สูงกว่าการรักษาศีล เป็น 100 เท่า องค์หลวงพ่อฯเคยบอกไว้ว่า หากเราตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ทุกสิกขาบทไม่พร่องเลย ตลอดเวลา 100 ปี ยังมีอานิสงส์ไม่เท่ากับความเพียรตั้งใจทำสมาธิ เพียงวันละ 10 นาที ก็เพราะว่าจะมีผลทำให้เกิดปัญญา ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน สามารถเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้โดยง่าย จึงมีอานิสงส์ที่สูงอย่างยิ่ง

    จากการดูอานิสงส์ ก็จะเห็นได้ว่า การทำสมาธิ นั้น มีอานิสงส์ที่มากกว่า ดีกว่า ตามที่เราเข้าใจกัน....
    (ภาพเจดีย์ เซะค่ะปู่ Pagoda tier umbrella lifting 02)

    แต่บางท่าน เมื่อดูอานิสงส์จากจุดนี้ แล้ว อาจจะเข้าใจผิดเอาได้ ที่ว่าไม่ต้องมัวไปทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สู้การเพียรทำสมาธิ อย่างเดียว จะดีกว่า เงินก็ไม่เสีย ไม่ต้องเดินทาง เพียงหาที่สงบ ๆ บำเพ็ญภาวนา ก็พอแล้ว....

    ลองคิดดูนะครับว่า ทาน ศีล ภาวนา มันเป็นบันได 3 ขั้น สู่พระนิพพาน ก็ต้องร่วมกันทั้ง 3 ขั้น จึงจะเป็นบันได
    จึงจะครบ 3 ขั้น.... จึงจะครบถ้วนในการละกิเลสทั้ง 3 คือ โลภ โกรธ และหลง.... จึงจะถึงซึ่ง “พระนิพพาน”....
    อยู่ ๆ เราจะก้าวขั้นที่ 3 โดยข้ามขั้นที่ 1 และ ขั้นที่ 2 ไปเลย....
    เราจะก้าวได้อย่างไร โดยไม่ให้ขาฉีก....
    เราไม่ต้องละความโลภ ไม่ต้องละความโกรธ เพียงแต่ละความหลงอย่างเดียว แล้วเราจะเข้าพระนิพพานได้หรือ
    ในเมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า “นิพพานัง ปรมสูญญัง” คือ นิพพาน สูญอย่างยิ่ง สูญจากกิเลส โลภ โกรธ และหลง ทั้งปวง....
     
  18. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เคยได้รับฟังจากองค์หลวงพ่อฯ มาอย่างชัดเจน ที่ท่านบอกว่า....
    “กิเลส โลภ โกรธ และหลง มันก็เหมือนกับ เก้าอี้ 3 ขา ถ้าหากว่า ขาเก้าอี้ ในขาของโลภ และขาของโกรธ ถูกหักทิ้งไปเสียแล้ว ทั้ง 2 ขา เจ้าขาที่เหลือ คือขาของหลง ก็ย่อมที่จะทรงตัวอยู่ไม่ได้ ก็มีอันต้องล้มลงไป เช่นกัน”
    (จากคำสอนนี้ จะเห็นว่าทานบารมี ศีลบารมี ก็ไม่ใช่ก้อย ๆ จะเป็นตัวที่พาให้“หลง” ละลาย หายไปได้ เหมือนกัน แล้วอย่างนี้ ทำไม พวกเราจะไม่สร้างทานบารมี กันละครับ....)

    บังเอิญอย่างมากที่หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน กระผมก็ได้พบข้อความ จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 3 หน้า 1-2 บันทึกโดย พระปลัดวิรัช โอภาโส ที่องค์หลวงพ่อฯ ท่านได้พูดให้ฟังเกี่ยวกับ เรื่องงานการก่อสร้าง จะได้เป็นการยืนยันความถูกต้องในคำตรัสสอนของพระพุทธองค์ ดังนี้....

    องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ) วัดท่าซุง เคยปรารภไว้ว่า ....
    “การก่อสร้าง การเลี้ยงคน ต้องต่อสู้กับอารมณ์ทุกอย่าง ต้องใช้ปัญญาใคร่ครวญ ทำให้บารมีเต็มเร็ว”

    หลวงพ่อพูดว่า “มาคิดว่าสมัยหนุ่ม ๆ บวชแล้วมัวแต่สร้างวัดมากมาย คิดแล้วเสียเวลา มาคิดว่า รู้อย่างนี้
    ไม่สร้างก็ดี เสียเวลา เอาเวลามานั่งชำระจิต ตัดกิเลสอย่างเดียว ให้จบ ๆ ไป จะดีกว่า”

    ปรากฏว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา ตรัสกับองค์หลวงพ่อฯ ว่า ....
    “ไม่มีทาง.... ถ้าไม่ทำอย่างนี้ บารมีไม่เต็ม เมื่อบารมีไม่เต็ม การตัดกิเลสก็ไม่มีผล”

    “ดังนั้น การทุ่มเทกับการก่อสร้างสมัยหนุ่ม ๆ แล้วก็หยุดสร้าง หันมาตัดกิเลสจริงจังนั่นแหละ ก็เพราะว่าบารมีเต็มแล้ว จิตใจก็พร้อมจะตัดกิเลส จึงเกิดผลรวดเร็วมาก”

    “งานคันถธุระ ถ้าไม่เจอปัญหา จะมานั่งปฏิบัติอย่างเดียว บารมีไม่เต็ม เจอปัญหามาก ๆ มันตัดของมันเอง แล้วจะเบา การสร้างวัดต้องเอาใจคนหลายประเภท บารมีเต็มเร็ว”

    “การทำงานในวัด เป็นการตัดหวง ตัดนิวรณ์ เป็นกรรมฐาน เป็นสมาธิขั้นฌาน”

    “การทำงานเป็นพุทธานุสสติ เป็นธัมมานุสสติ เป็นสังฆานุสสติ เป็นการทำงานเพื่อพระพุทธเจ้า และเพื่อการสงเคราะห์คนมาพัก”

    ฆราวาส ถ้าเขาเข้ามาพักวัด เพื่อ
    สร้างทาน เรา ก็ได้บุญ 1 ขั้น
    รักษาศีล เรา ก็ได้บุญ 2 ขั้น
    บำเพ็ญภาวนา เรา ก็ได้บุญ 3 ขั้น
    ถ้าเขามาพักเยอะ เราได้เยอะ เขามาปฏิบัติ 3 อย่าง เราก็ได้ 3 ขั้น มาเยอะได้เยอะ มาเพื่อศีล สมาธิ ปัญญา ใครมาพักที่วัด บารมีเราก็เต็ม 3 อย่าง

    คนบารมีเต็มจริง มันไม่กลัวอุปสรรค สู้ทุกอย่างไม่ท้อถอย....
    คนเบื่อร่างกาย ไม่ตัดกังวล ไปนิพพานไม่ได้....
    เบื่อร่างกาย ตัดร่างกาย ไปนิพพานได้....
    (ภาพองค์หลวงพ่อฯ และในหลวง 2-Bohddisat03)

    ด้วยความหวังอย่างยิ่งว่า คำสอนขององค์หลวงพ่อฯ นี้ คงจะเป็นแนวทางการพิจารณาให้พวกเรา ได้ดี นะครับ....
    และ จากแนวทางที่องค์หลวงพ่อฯ ท่านเมตตาสอนสั่งแก่ลูกหลาน ดังกล่าว....
    ทำให้บางครั้ง อารมณ์ภายนอกที่เข้ามากระทบตัวเรา ทำให้จิตเกิดความท้อถอย.... ดูถูกตัวเอง....
    มีความเบื่อหน่ายอารมณ์บุคคลที่มากระทบ ....
    แต่ทว่า ทุกคน ทุกตัวตน ก็เกลียดทุกข์ ปรารถนาสุข เช่นกัน ทุกดวงจิต....
    เมื่อคิดถึงคำสอนของพ่อฯ ก็เกิดเป็นธรรมานุสสติ ที่บางครั้งก็คิดขึ้นมาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง .... ก็เลยสู้ต่อไป.....
    ทุรักทุเร อย่างไร ก็คงเข้าสู่พระนิพพาน ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง พวกเราก็ต้องถึงแน่นอน ....

    ซึ่งองค์หลวงพ่อฯ ท่านก็ให้พวกเราตั้งความปรารถนา พระนิพพาน ณ ชาติปัจจุบันไว้ เสมอ ๆ ....
    แต่ พวกเราก็คงจะไม่ประมาทกันนะครับว่า จะได้เข้าถึงแน่ ๆ ใช่ไหมครับ....
     
  19. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    วันนี้เอาเพียงแค่นี้ก่อนครับยังมีอีกครับวันต่อไปจะเอามาลงเพิ่ม ข้อความนี้ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยจึงนำมาลง ผิดพลาดประการใดผมกราบขอโทษมายังคุณมหาหินด้วยครับในสิ่งที่ผมทำไปแล้วนี้ เนื้อหาที่มีเกี่ยวข้องงานบุญนี้โดยตรงด้วยขออภัยอย่างยิ่ง
     
  20. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    อย่าเพิ่งท้อถอยไปเลย ถ้าไม่มีคุณณรงค์ คุณพัชนี และคณะ รวมทั้งคุณมหาหิน หรือคุณโย และอีกหลายๆท่านที่มีจิตอันเป็นกุศล กระทู้ดีๆหลายต่อหลายกระทู้ รวมทั้งกระทู้นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

    ก็ขอให้คุณณรงค์ คุณพัชนี และคณะ รวมทั้งคุณมหาหิน และท่านอื่นๆ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันให้งานนี้สำเร็จในที่สุด

    ในบางครั้งอาจจะมีความไม่พร้อมของแต่ละคนบ้าง นั่นอาจเป็นเพราะมีปัจจัยบางอย่างนอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น หรือมีความจำเป็นบางอย่างของแต่ละคนไป แต่ลึกๆลงไปในจิตใจของหลายคนแล้ว ก็มีหลายคนที่ต้องการร่วมบุญร่วมกุศลด้วย เพียงแต่ว่าอาจยังไม่พร้อมในตอนนี้นั่นเอง

    ขอให้คุณพัชนีและคณะ เจริญในธรรม และเข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้สมปราถนาด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...