เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.

  1. ต้อย&ปรีชา

    ต้อย&ปรีชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +199
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ต้อย&ปรีชา, visnu, วรรณนันท์

    สวัสดีดค่ะคุณvisnu
    มี่อะไรจะแนะนำเชิญบอกได้น๊ะค๊ะ
    ตอนนี้พี่กำลังเร่งปฏิบัติอยู่ (เพราะอยากหลุดพ้นไม่อยากเกิดอีกแล้ว มีแต่ความทุกข์)
    ยังไงก็ขอคำแนะนำจากคูณvisnuด้วยน๊ะค๊ะ
    ขอบคุณค่ะ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  2. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    เห็นคุณดาวทะเลทรายเขียนถึงดิฉัน เลยขอเม้าบ้าง

    ดิฉันมาถึงบู๊ทอาจารย์ตอนบ่าย พบหน้าอาจารย์ก็บอก กำลังจะโทรไปตามอยู่พอดี เพราะดิฉันโทรมาบอกก่อนว่ากำลังจะมา
    แต่ยังไม่เห็นตัว พอท่านพูดจบก็แนะให้รู้จักคุณดาวฯ

    โอ้ พระเจ้าช่วย กล้วยทอด นั่นดาวทะเลทรายหรือ?
    เห็นภาพในหน้ากระทู้ เย้นเย็น แต่ตัวจริง พลังสุดยอด เหมือนไฟบัลลัยกัลย์
    คิดใจในว่า ใครส่งทหารโบราณมานะเนี่ย ตัวโตหนา พลังงานเยอะ ขนาดนี้
    เรียนว่า ตอนแรกไม่กล้าเข้าไปยืนใกล้ๆ เลย กลัวพลัง
    เจอหน้าแล้วอยากจะวิ่งออกไปอยู่ห่างสัก 10 เมตร
    ถ้าท่านดาวเป็นทหารโบราณมาเกิด ก็คาดว่าจะเป็นทหารส่งสาร (จิตของดิฉันบอกมาอีกที) ว่างจากการส่งสาร ก็จะท่องเที่ยวหาของดีมาไว้กับตัว

    ที่พิเศษกว่า คือในกระเป๋าโดเรมอนของคุณดาวฯ เพียบไปด้วยวัตถุมงคลที่งัดขึ้นมาอธิบายกันสดๆ

    บางชิ้นคุณดาวก็เคยเอามาโชว์ในกระทู้นี้แล้ว
    แต่ละชิ้นแรงๆ ทั้งนั้น รวมกับพลังของตัวแกแล้ว มิหน้า พอดิฉันเจอตัวครั้งแรก โอ้โห ไฟลุกเลย
    ตัวแดงขนาดนั้น
    แต่เวลานั่งใกล้ๆ จริงๆ ก็ไม่ได้ร้อนนะค่ะ ได้คุยกัน ดิฉันได้วิชามาหลาย แต่ความจำไม่ค่อยดี อาจต้องเขียน PM ไปถามใหม่ ต้องขออนุญาตและกราบอนุโมทนาในวิชาที่ให้มาค่ะ
    แถมยังส่งกระแสจิตมาช่วยรักษาโรคให้ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย คงต้องใช้เวลา เพราะเป็นเจ้ากรรมนายเวร

    นั่งที่บู๊ทตอนบ่ายร้อน คุณดาวฯ ก็สร้างกำแพงมนตรา เป็นกำแพงทำด้วย PL ให้พวกเราอยู่ ดิฉันก็ช่วยดึงให้ยาวลงมาปิดด้านหลังของดิฉัน ทุกคนเลยเย็นสบาย หายร้อน

    วันนั้นอาจารย์ The third eyes ยังใจดี เรียกดิฉันมาช่วยตรวจพลังนั้นนี้ ได้ความรู้มาเพิ่มเติม ตลอดจนทุกท่านที่มารวมตัวกันในวันนั้น อนุโมทนาค่ะ

    และดิฉันยังได้นำแมวและกบจาก the third eyes กลับบ้าน ไปไล่สัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องการในบ้านด้วย

    ตอนทดลองใช้จิตตัวเอง เป็นหนูทดลองมาปะทะแมวกับกบ ว่าตัวที่จะเอากลับบ้านไป ใช้ได้ผลหรือเปล่า ก็ยังไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่

    แต่พอกลับบ้านไปแล้ว แม่เจ้า (อีกที)
    ตอนวางแมวบนพื้น ใกล้โต๊ะกินข้าวใหญ่ ดิฉันอึดอัด หายใจไม่ออก อยู่ไม่ได้ จะขาดใจเพราะหายใจไม่ออก
    ต้องเอาแมวไปไว้ในห้องครัว ไกลๆ หน่อย ถึงจะกลับขึ้นมานั่งกินข้าวที่โต๊ะกินข้าวใหญ่ ซึ่งห่างจากตรงนั้นไปไกลได้
    (อาจารย์และทุกท่านที่ตอนนั้นอยู่บู๊ทด้วยได้เตือนแล้วว่า แมว มันแรง ดิฉันจะแย่ แต่ยังไม่ฟัง แล้วเป็นไงล่ะ ฮะ ฮะ)

    อาจารย์ the third eyes ยังแนะให้คุยกับกบทุกวัน ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องอยู่กับกบ สบายมาก หายใจไม่ติดขัด ก็เลยคุยกับเขา
    ดิฉัน : กบจ๋ากินยุงเยอะๆ นะจ๊ะ
    กบ: จ๊ะๆ
    ดิฉัน: ขอบใจมากจ๊ะ (ยิ้มหวานให้มัน)

    แล้วก็ขอเจ้าที่ช่วยเปิดทางให้ดวงจิตที่มาใหม่ทั้งสองได้ทำหน้าที่เต็มกำลังด้วย

    ส่วนผงนางฟ้า หอมมากเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณ คุณอะไรหว่า จำชื่อไม่ได้
    ห้องเลยหอมมาก เย็นด้วย หอมจนเวียนไปเหมือนกัน เลยเอาไปเก็บไว้ในลิ้นชัก แต่ลิ้นชักมันมีช่องลมเล็กๆ ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร กลิ่นก็ยังกระจายออกมา แถมคุยกับแก ก็ยังได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มมาด้วย กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาค่ะ

    ตอนนี้เข้าห้องนอน ก็ยังมีกลิ่น ได้กลิ่นผงนางฟ้าในลิ้นชัก ตั้งแต่หน้าประตูห้อง อะไรจะหอมได้ลึก และไกล ขนาดนั้น

    กราบขอบพระคุณ ผู้ให้ ที่ดิฉันจำชื่อไม่ได้อีกครั้งค่ะ (คนที่ไปบู๊ทวันนั้น เยอะจริงๆ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  3. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    [​IMG]

    ขากลับ เรา กลับมาแวะ ค่ายบางกุ้ง เสียหน่อย
    เพราะผม เอง ก็ไม่เคย แวะมา
    คณะของเรา มากัน สี่คน
    ดู ซิ ดู อาเฮีย ทั้งสอง พอจอดรถ ไม่รอเราบ้างเลย เดินดุ่ม ๆ ๆ เข้าไป สักการะ พระบรมรูป ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน กันแล้ว

    ผม เอง มั่ว ถ่ายภาพ มองซ้าย มองขวา ตามประสา คนไม่เคยมา

    [​IMG]

    [​IMG]


    ด้าน ขวามือ ของพระบรมรูป สมเด็จพระเจ้าตากสิน
    มี หุ่น หมู่ นักรบ กำลังซ้อมมวยไทย กันอยู่ ดู แล้ว เหมือนมี ชีวิต เหมือนมีการเคลื่อนไหว ราวกับ เป็นคนจริงๆ

    ค่ำๆ คงมีบ้าง แหละ

    ทหารกลุ่ม นี้ คง มีออกมาเดิน เล่น ให้เห็นกันบ้าง แหละ นะ.....555

    [​IMG]

    ให้สังเกต ที่ ขอบกางเกง นักมวย จะเขียนชื่อ แม่ไม้มวย ท่าต่างๆ ไว้
    อย่างรูป นี้ " ชวาชักหอก "
    เป็นท่า ที่ ใช้ ในขณะหลบหลีก หมัด ของ ฝ่ายตรงข้าม หักศอกสั้น เข้า ชายโครง
    เปิดจังหวะ ให้ สามารถ ทำ ขวาตรง ได้ อีกหนึ่งหมัด เป็น ของแถม

    ลองเดินดู กันไป ให้ทั่วๆ น่าจะ รวม มาเขียน หนังสือ แม่ไม้มวยไทย ได้ เป็นเล่ม ใหญ่

    [​IMG]

    โบสถ ปรกโพธิ์
    ที่เรียนชื่อนี้ เพราะ โบสถ แห่งนี้ ถูกปรกคลุม ไปด้วย ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง เสีย จนรอบโบสถ กัน ทีเดียว

    ต้นโพธิ์ และ ต้นไทร คงรู้จัก กัน โดยทั่วไป
    ต้นไกร เป็นไม้ ในตะกูล ใกล้เคียงกัน ใบยาวเรียว เล็ก กว่าใบโพธิ์
    ต้นกร่าง ยิ่ง หายาก เข้าไปใหญ่ มาที่นี้ จะได้ เห็น
    ต้นกร่าง ใบคล้าย ใบโพธิ์ แต่ยาวเรียว คล้ายใบมะม่วง แต่ใหญ่กว่า

    [​IMG]

    [​IMG]


    เราเดินดู จนรอบโบสถ แทบไม่มี ส่วนไหน ของ โบสถ ที่ ไม่ ถูก ปรกคุ้ม ด้วย ต้อนโพธิ์ ไทร ไกร กร่าง เลย

    สมชื่อ จริงๆ.............................โบสถปรกโพธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  4. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    [​IMG]


    โบสถปรกโพธิ์ แห่งนี้ น่าจะมีอายุ มากกว่า สองร้อย ปีเป็นแน่
    เป็นโบสถ ขนาดเล็ก มีประตู เข้า ออก ด้านหน้า เพียง ด้านเดียว อย่างที่เรียก กันว่า โบสถมหาอุด

    ภายใน มีพระประธาน เด่น เป็นสง่า นามว่า "หลวงพ่อนิลมณี"




    [​IMG]

    อีกมุมมอง หนึ่ง จาก ภายนอก
    มองลอดหน้า ต่าง ของโบสถปรกโพธิ์
    แบบ เที่ยวเมืองไทย ไม่ไป ไม่รู้ ................55


    [​IMG]



    [​IMG]

    อ้าว คุณdumdum
    มายืน โพสท่า เป็น หทารไทย ถือด้าบ ปราบพม่า อยู่ เอง ................55

    ดูท่าทาง ฝ่ายพม่า คง นอนแบบ สบายๆ ให้ แถม หันมายิ้ม โบกไม้ โบกมือ ให้อีก
    หรือ dumdum ให้ ขบวนท่า นวดหน้า ด้วยฝ่าเท้า
    จึง ทำให้ พม่า นอน ยิ้ม แบบสบายใจ ..................55
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  5. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    วันนี้ เวป พลังจิต ช้า เอามากๆ

    พอพิมพ์ เสร็จ ตอนจะกดปุ่ม ส่งข้อความ แต่ ละที
    ต้อง ลุ้น กัน สุด ฤทธิ์

    กลัว ว่า ถ้าส่งไม่ไป ......... ต้อง มานั่งพิมพื กันใหม่ อีกรอบ ..
    เขียน ใหม่ ท่าทาง จะไม่ เหมือน เก่า


    วันอาทิตย์ เมื่อวานนี้ ก็ ไปแม่กลอง กัน อีกรอบ
    พวก นี้ ไป ทำไม กัน บ่อยๆ นะ......

    เดือนที่แล้ว ไปมา 3 รอบ
    เดือนนี้ ไป อีก รอบ
     
  6. surapar

    surapar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,408

    ไม่ได้เข้ามานาน มาถึงก้อเห็นข่าวดี ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ พี่ชยา ^^pity_pig
     
  7. surapar

    surapar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,408
    รบกวนสมาชิกนิดนึงนะคะ พอดีว่าบีหน้ากระทู้ที่ เราไปบวงสรวงพระนเรศวรที่วัดวรเชษฐ์ไม่เจอค่ะ ใครรู้ว่าอยู่ไหน ส่งลิงคมาให้หน่อย จะเป็นพระคุณค่ะ
     
  8. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +1,999
    ฮืม ผมก็เคยมี ปัญหา แบบนี้เหมือนกันครับ
    ลองวิธีผมก็ดีนะครับ ก่อนส่งข้อความ ลอง Copyข้อความที่จะส่งเอาไว้ก่อน
    ถ้าส่งไม่ไป ก็จะได้ไม่เสียเวลาพิมพ์ใหม่ แค่คลิกขวา Paste ก็มาเหมือนเดิม
    ข้อความยาวๆ ต้องมาพิมพ์ใหม่นี่ เซ็งเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  9. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ขอบคุณครับ
    ตอนนี้ ก็ ยังใช้วิธี ก๊อปปี้ เก็บไว้ก่อน แล้ว ค่อยส่ง อยู่ ครับ
    กัน พลาด
     
  10. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    สนุกค่ะสนุก พี่ดาวทะเลทรายนี่พาไปเที่ยววัด แบบนี้น่าไปกว่าทางเขมร
    คุณdumdumไปนวดเขาด้วยฝ่าเท้า พากษ์ขำดี
    ขอบคุณคุณอธิษฐานค่ะ โอ้โห สนุกๆ เอาอีกๆ
    เข้าใจและรับทราบค่ะท่านอาจารย์ จริงๆพวกเราโชคดี ที่อาจารย์มานั่งให้ถาม
     
  11. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    วันนี้ ขอแสดงความยินดี กับ กระทู้ เรื่องเล่า ก่อนนอน

    ที่มี ผู้เข้าชม ครบ 100,000 ครั้งแล้ว

    (||)(||)(||)
     
  12. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ฉลองครบที่มีผู้อ่านเปิดกระทุ้นี้รวม 100,000 ครั้ง

    เห็นตัวกลมๆ เขียนกระทู้เชียร์ให้ดิฉันเอาเรื่องสนุกๆ มาเขียนต่อ ดิฉันอ่านก็อยากเอาใจคุณตัวกลมๆ แต่นั่งคิดไปคิดมา ที่ผ่านมาชีวิตมันเป็นเรื่องจริงจังไปซะหมดเลยไม่รู้จะเอาเรื่องสนุกตรงไหนมาเล่าให้ฟัง

    ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยวางอะไรได้ จนกระทั้งได้รู้จักพระพุทธศาสนา ถ้านับหยดน้ำตาของเด็กคนหนึ่งมาประกวด ดิฉันคงติด 1 ใน 10 ของกินเนสบุ๊กคแน่ๆ

    แต่เพราะคำสอนของพระพุทธองค์อีกเช่นกัน ทำให้วันนี้น้ำตาเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ ว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยง ทุกอย่างในโลก ไม่มีอะไรเป็นของเที่ยง สุขก็ไม่เที่ยง ทุกข์ก็ยังไม่เที่ยง

    จิตของดิฉันกำหนดรู้แต่เรื่องทุกข์ตั้งแต่จำความได้ ทุกข์เพราะไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจมากขึ้น ยอมรับว่าจิตของดิฉันได้ให้คำเตือน และคำบอกเล่าเรื่องราวอะไรมากมาย คอยอยู่เป็นเพื่อนเหมือนเสียงกระซิบเบาๆ ที่ช่วยปลอบปะโลมใจ เหมือนชื่อของดิฉันที่มาจากเพลงในโบสถ์ แต่สำหรับคนไทยแปลว่าตั้งจิตมั่น

    (ที่จะเล่านี้ เพราะว่าย้อนกลับไปอ่านประวัติของ The third eyes มีเรื่องของการศึกษาและการฝึกสมาธิจนได้ตาทิพย์ ก็เลยเห็นว่ามันคล้ายๆ ตัวเองที่เรียนโรงเรียนคริสต์มาเหมือนกัน แต่ไหงสนใจทางพุทธ)

    คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันเป็นคริสตเตียนทั้งคู่
    แถมพ่อเป็นนักเทศน์ด้วย ส่วนตัวของดิฉันแม่ก็ยกให้พระเจ้าไปตั้งแต่ยังเด็ก คุณแม่ยังเคยตื้อให้กลับมานับถือคริสต์ด้วย

    ชีวิตของดิฉันเหมือนคนทั่วไป เริ่มโดยไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับพลังจิต เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ตามชื่อกระทู้เลย

    แต่ต้องการบอกคนที่คิดว่าตัวเองก็ไม่มีพลังจิตเหมือนกัน เป็นคนที่มีชีวิตธรรมดาสามัญ ดิฉันจึงจะเล่าชีวิตแบบธรรมดาสามัญให้ฟัง ก่อนเข้ามาเกี่ยวข้องกับพลังจิต

    จุดประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นว่า คนธรรมดาก็มีพลังจิตขึ้นมาได้

    แล้วจะเอาเรื่องอะไรสนุกๆ มาให้คุณตัวกลมอ่านดี 55555+
    นั่งคิดไปก็มีเรื่องวิ่งเข้ามาในหัว หลังจากได้อ่านเรื่องประวัติของ the third eyes ซ้ำอีกครั้งดังกล่าวข้างต้น จิตก็บอกให้ดิฉันเล่าเรื่องพระแม่มารี

    ปัจจุบันดวงจิตของดิฉันยึดพลังสูงสุดที่ไม่ใช้พระพุทธหรือพระคริสต์ เรียกว่าวางใจเป็นกลางๆ ในทุกศาสนา แต่เอียงมาทางพุทธมากหน่อย เพราะคำสอนที่พิสูจน์ได้ เป็นวิทยาศาสตร์

    เริ่มเลยละกันค่ะ เรื่องแรก (เอาใจคุณตัวกลมๆ แต่คงเขียนอะไรไม่ได้มากนะคะ)
    เอาชีวิตคนธรรมดามาเล่าก่อน : ตอนเด็กๆ ดิฉันเป็นคนปรับตัวยากมาก เพราะความรู้สึกไม่มั่นคงที่มีต่อครอบครัว ประกอบกับดิฉันเป็นโรคประหลาด ที่โตขึ้นแล้วได้ศึกษาจึงเข้าว่าตัวเองเข้าข่ายคนเป็นโรคแอสเพอเก้อร์ซินโดรม ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับการเข้าสังคมชนิดหนึ่งในจำนวนกว่า 10 ชนิด คือ สมมติว่าถ้านั่งรถไปบนเส้นทางระหว่างโรงเรียนและบ้าน ถ้าวันไหนเกิดมีใครพาขับวนไปในเส้นทางอื่นที่ไม่คุ้นเคย โดยไม่มีใครบอกล่วงหน้า ทั้งๆ ที่ถึงบ้านและโรงเรียนเหมือนกัน ก็จะกลัวหรือตกใจ ทำกิริยาที่ไม่สมควรออกมา ทำอะไรไม่ถูก (เรื่องหลงทางกลับบ้านนี่ก็เป็นบ่อยมาก จนเหมือนเป็นนิสัย)

    จำได้แม่นว่ามีช่วงโตแล้ว ประมาณมัธยมต้น วันเกิดน้อง แล้วน้องไม่ได้บอกว่าจะมีเพื่อนมาที่บ้าน ดิฉันลงมาพบแล้วหัวเสียเลย ทำหน้าบึ้ง แม่เลยไล่ให้ขึ้นไปข้างบน ใจท่านเหมือนจะทำโทษ แต่ขอโทษนะ ใจดิฉันเหมือนจะดีใจที่ไม่ต้องอยุ่ร่วมกับคนแปลกหน้า 5555+ แต่ก็เสียใจที่โดนแม่หยิก ซึ่งท่านไม่เคยทำ

    ดังนั้นตอนเด็กๆ ตั้งแต่ขวบปีแรก จึงต้องเกาะพ่อแม่ตลอดเวลาเหมือนตุ๊กแก จนคนอื่นเห็นก็ว่า ว่าดูลูกสาวคนโตมากกว่าคนเล็ก แต่จริงๆ เป็นเพราะดิฉันเอง ท่านทั้งสองก็ไม่เข้าใจว่าดิฉันเป็นอะไร คิดแต่ว่าก็รู้เรืองเหมือนเด็กปรกติ แต่ทำไมถึงมีนิสัยแบบนี้

    นี่ก็ชีวิตคนธรรมดา คนอย่างนี้จะมีพลังจิตได้ยังไง : เมื่อโตมา ขึ้นชั้นเตรียมป.1 ก็จะร้องไห้ทุกเช้า (ตอนเด็กกว่านี้ กังวลว่าพ่อจะไม่มารับ ร้องไห้จนหน้าเขียว แบบเด็กขาดออกซิเจน นิ้วเป็นสีม่วง เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง) ขึ้นป.1 แล้วก็ยังไม่หาย ครูจับให้มาร้องไห้หน้าห้องเรียนทุกวัน) จนป.2 แล้ว น้องสาวเข้าเรียนตามมา ก็เลยค่อยๆ เลิก ก็เห็นน้องเขาไม่ร้องไห้สักแอะ เลยพยายามทำตัวเป็นพี่ เบ่งกล้ามว่าพี่เข้มแข็งกว่าเธอ 5555+ ก็เลยเลิกร้องไป

    เห็นไหมคะ คุณตัวกลมๆ ว่าดิฉันคงเล่าเรื่องสนุกๆ ให้คุณฟังได้ยาก เพราะไม่มีเรื่องสนุกเลย
    อ้าว! ไม่เข้าเรื่องสักที
    ทุกห้องเรียนของที่โรงเรียนคาทอลิก พ่อแม่เป็นคริสเตียนก็จริง แต่เรียนโรงเรียนคาทอลิก
    ทุกห้องจะมีรูปปั้นพระแม่มารีองค์เล็กๆ สูงประมาณเกือบ 1 ไม้บรรทัด ตั้งอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของห้อง ถ้าห้องไหนครูนับถือมากๆ ก็จะจัดวางดีๆ มีดอกไม้ปักแจกันไม่ได้ขาด แต่บางทีก็ไม่ แค่ตั้งไว้เฉยๆ เท่านั้น ยิ่งห้องเรียนเด็กโตยิ่งเหลือเป็นเพียงเครื่องประดับในห้องเรียน ดูเป็นวัตถุเกะกะ บ้างเอาไปเก็บไว้ในตู้เก็บเอกสารของห้องเรียน บ้างก็เอาไว้เหนือตู้เอกสารนั้น ซึ่งก็อยุ่สูงพอสมควร

    มีอยู่ปีการศึกษาหนึ่ง น่าจะเป็นมัธยมต้น ได้นั่งด้านหน้าสุดทางขวาของห้อง ซึ่งก็ติดกับตู้ใส่เอกสารของห้องเรียนพอดี บนนั้นเป็นที่ตั้งของพระแม่มารี
    ดิฉันเรียนอยู่ก็ได้เห็นสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะเห็น นั่นก็คือ

    ท่านแย้มยิ้มมาให้

    อ่านดูแล้วไม่เห็นจะมีอะไรใช่ไหมคะ เพราะถ้าใครเคยเห็นรูปปั้นพระแม่มารี ก็ต้องบอกว่า ยิ้มทุกรูป เหมือนพระพุทธเจ้า จะสมาธิเปิดตาน้อยๆ แทบทุกรุปปั้น
    แต่ที่ไม่เหมือนคือพลังภายในที่ยิ้มออกมา เพลังรอยยิ้มที่อิ่มเอบ เหมือนแม่ลูกอ่อนยิ้มให้ลุกเมื่อเห้นลูกน้อยตื่นจากการนอนหลับ ใครมีลูกหลานอยู่ในวัยนี้ คงเข้าใจรอยยิ้มแบบนั้น ว่ามันมีพลังที่อิ่มเอิบส่งออกมายังริมฝีปากอย่างไรบ้าง

    ดิฉันเห็นเพียงแว๊บในสายตา เกิดความไม่แน่ใจก็หันไปมองอีก แล้ววันอื่นๆ ดิฉันก็ได้ลอบมองอย่างนี้ พบว่าแต่ละวันไม่เหมือนกัน วันที่ไม่มีอะไร ก็จะเป็นยิ้มจืด ยิ้มแห้ง เหมือนที่รูปปั้นทั่วไปมี แต่วันไหนดีๆ ก็จะยิ้มอิ่มอย่างที่เล่ามา ถ้าเป็นตอนนี้ดิฉันคงหยิบรุปปั้นนี้มาจับพลังดูว่า มีอะไรอยู่หรือเปล่า มีใครได้นำไปปลุกเสกอะไรไว้ใช่ไหม คงจะได้เล่ากันยาวว่ามีพลังภายในของรูปปั้นชิ้นนี้อยู่กว้างไกลเท่าไร

    ก้คุณคิดดูสิคะ ห้องเรียนตั้งแต่เตรียมอนุบาลถึง ม.6 มีชั้นละประมาณ 5-7 ห้อง รวมแล้วทั้งโรงเรียนจะมีรูปปั้นแบบเดียวกันนี้มากเท่าไหร่ แต่ที่มีพลังจริงๆ จะมีทุกรูปปั้นเลยหรือ?? เปรียบไปก็เหมือนการจับพลังพระเครือง ดิฉันคงได้วิ่งไปทุกห้องเรียนอื่น เพื่อจับพลังทุกรุปให้วุ่นเป็นแน่ 5555+

    เรื่องนี้อาจไม่โดนเท่าไหร่ แต่อยากให้เห็นวิวัฒนาการของความเชื่อในเรื่องพลังจิต ว่าบางทีมันมีสัญญาณบางอย่างที่ทุกคนมีแต่ไม่แน่ใจ

    เรื่องที่โบสถ์โรงเรียนยังมีอีก เรื่องเจ้าที่ที่บ้าน และก็เรื่องการเห็นออร่าครั้งแรกในชีวิต แต่ละเรื่องที่จะเล่า บางทีเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่คิดว่าน่าจะเข้มข้นตามวัยที่เห็น เรียกว่าตามการเจริญเติบโตของตัวเองนั่นเอง แล้วมันจะกลายมาเป็นเด็กโตที่เห็นพลังเยี่ยมยุทธของคุณดาวทะเลทราย และ the third eyes ได้ยังไง

    จะค่อยๆ เล่าให้ฟังละกันค่ะ

    เพราะคุณเอง ที่คิดว่าไม่พลังจิต เห็นอะไรได้ แล้วคิดว่าชีวิตคุณก็ไม่เห็นมีอะไรสนุกคล้ายดิฉัน ก็อย่าได้คิดเช่นนั้น เพราะเรื่องธรรมดา มันมีวันไม่ธรรมดาได้ในวันที่คุณรู้จักการฝึกจิต

    อ้อแล้วก็เรื่องพระอาทิตย์ทรงกรด ที่เห็นลงไปถึงเนื้อในพระอาทิตย์ อันนี้เห็นตอนอยู่ประถม เรื่องนี้เล่าให้ผู้มาที่บู๊ทฟังบ้างแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยคุณดาวทะเลทรายเป็นคนเริ่มก่อน แล้วจะค่อยทะยอยเล่าให้ฟังนะคะ

    ปล: รออ่านเรื่องจากคุณดาวทะเลทรายไม่ไหว เล่าช้าเหลือเกิน
    อยากอ่านต่อจะแย่ แต่เล่ามาทีละปอยๆ ไม่ทันใจ เลยขอเล่าเองบางเรื่องซะเลย แต่จริงๆ ก็คิดอยู่ว่ามันน่าจะไปรวมอยู่ในเรืองผีมากกว่า 5555+

    ส่วนเรื่องนิสัยของดิฉันที่เปลี่ยนไปมากจากโรคแอสเพอเก้อร์ซินโดรม เพราะได้เจอพระพุทธองค์ คำสอนดังกล่าว กราบขอบพระคุณพระบารมี องค์สมเด็จพระสมณโคดมแทบพระบาทเจ้าค่ะ

    และเพื่อนกัลยานิมิตร ที่ช่วยสอนคำว่า get คืออะไร ตลอดจนหนังสือธรรมะต่างๆ ชีวิตจึงเปลี่ยนไปมาก
    นิสัยเปลี่ยนไปมาก รู้จักกราบขออโหสิกรรมพ่อแม่ โดยมีสติ ไม่ร้องไห้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน อาจไม่มีวันนี้ แถมผสมคำผรุสวาทให้อีกด้วย เรียกว่าเกลียดเพราะไม่เข้าใจท่านแบบเข้าไส้เลย ปัจจุบันยังมีบางอย่างที่ยังเป็นแอสเพอเก้อร์ซินโดรม อยู่แต่น้อยมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2009
  13. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    อ้อ อีกเรื่องคือ ตั้งแต่เด็กมักจะหูตาลายบ่อยมาก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะร้องไห้มากจนหน้าเขียวขาดออกวิเจนบ่อยๆ ตอนรอพ่อมารับ โดยไม่มีผู้ใหญ่รับรู้หรือเปล่า ก็เลยทำให้เบลออยู่บ่อยๆ 555+

    คือจะเล่าสภาวะไร้ซึ่งตัวตนให้ฟังน่ะคะ

    หลายครั้งที่ในชีวิตจะรู้สึกว่า แค่มาอาศัยร่าง ตัวเองไม่ได้เป็นอะไรกับร่างนี้ เพียงแต่เป็นอะไรที่อยู่ข้างใน แล้วก็มีเปลือก แล้วสภาพแวดล้อมที่อยู่ ก็เป็นเปลือกอีกชั้น

    (ปรกติจะเห็นตัวเรา และสภาพแวดล้อม เห็นแค่ 2 มิติ แบบนี้ใช่ไหมคะ? แต่ถ้าเห็นจิตอยู่ในร่าง แล้วเห็นร่างเป็นเปลือก แล้วเห็นสภาพแวดล้อมเป็นอีกชั้น ก็จะเป็น3 มิติ การได้เห็นพลังของ the third eyes ที่กระทำออกมา ก็เป็นมิติที่ 4 และถ้าอาจารย์อนุญาตให้มองภายในของอาจารย์มันก็น่าจะเป็นมิติที่ 5 หรือเปล่า?? 5555+)

    ที่จะเล่าก็คือ จะมีอาการเบลอๆ รู้สึกเห็นแบบมิติที่ 3 ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมหรือจำไม่ได้ว่ามัธยมหรือเปล่า คิดว่าอาการแบบนี้ น่าจะมีหลายคนที่เป็นเหมือนกัน

    แต่ที่แน่ใจคือเรื่องจิตสั่ง คือจิตในจิต จะมีจิตที่แยกจากจิตของเรา เป็นจิตภายในเหมือนเป็นบุคคลอื่น คอยพูดกับเรา บอกให้เราทำบางอย่าง แต่ถ้าคนไม่รู้ ก็จะคิดว่า ตัวเราบอกตัวเอง มันจะเป็นเหมือนเสียงกระซิบ เพรียก

    ต้องแยกประสาทสัมผัสให้ดี ว่านี้ตัวเราเป็นคนคิดเอง หรือว่าจิตที่เป็นเสียงเพรียกบอกเรา

    อันนี้เราต้องทำความเข้าใจว่า กายนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เราโตมาด้วยอะไรบ้าง กินอาหาร หายใจ อาหาร(ชีวิตคนอื่น)บวกกับลมหายใจ เกิดการโพลเสด เป็นปฏิกิริยาทางเคมีมาซ่อมแซมร่างกาย

    มีเรา เพราะมีชีวิตคนอื่นมาโพลเสดตัวเรา แมว หมา กา ไก่ สัตว์ทุกชนิด ดิฉันจึงไม่ได้มองว่าเขาเป็นมัน it แต่เขาเป็น he she ให้เกียรติเขา ขอบคุณกับทุกสรรพสิ่งอย่างกตัญญูรู้คุณ

    อาจารย์ The third eyes เคยกล่าวว่า ดิฉํนเป็นคนค่อนข้างมีจิตหยั่งรู้

    เหตุเพราะทำไม่ถึงเป็นเช่นนั้น คำตอบคือข้างบนที่เล่าให้ฟังมาค่ะ กตัญญูรู้คุณต่อทุกสรรพสิ่ง ว่ากว่าที่เราจะได้อะไรมา ใครๆ ต้องเสียอะไรไปบ้าง

    อย่าเพียงแต่คิดว่าเราจะได้อะไร แต่ให้คิดว่ากว่าฉันจะได้อะไรมา คนอื่นต้องเสียอะไรไปบ้าง

    เช่น ดิฉันไปเยี่ยมบู๊ทอาจารย์ the third eyes ไปถึง นั่ง มีของกินอยู่ตรงหน้า เพราะวันนั้นมีคนมาเยี่ยมอาจารย์ด้วย ก็เลยมีของกินเพียบ

    อาจารย์บอกจะเลี้ยงน้ำ ถามว่าจะกินน้ำอะไร

    สิ่งที่เราได้คือ ได้กินน้ำ กินขนม สบ๊าย สบาย แต่ลืมถามจิตตัวเองด้วยหรือเปล่า ถ้าคนอื่นต้องเสียอะไรไปบ้าง

    อาจารย์ เสียค่าน้ำให้ดิฉันดื่ม เสียน้ำลายสั่งสอน สมองคิดใคร่คราญว่าจะสอนอะไรดี เสียกำลังทรัพย์ไม่พอ ยังเสียเวลากับเด็กคนนี้ เสียสติปัญญาที่จะหาวิธีฝึกให้มันเชื่อ ไม่ให้มันเป็นคนลังเล มัวแต่ลังเลว่าที่เห็น ที่รู้สึก ไม่ได้เป็นแบบนั้น

    ขนมบนโต๊ะ คนซื้อมา กราบขอประทานโทษค่ะ จำชื่อเจ้าของไม่ได้ จำได้แต่คุณโอ๋นะคะ เขาต้องเสียเงินซื้อมา เอามาใส่รถเขา เสียค่าน้ำมันรถ เสียเวลาลงไปซื้อขนมมาเพิ่ม เพื่อจะได้มาถึงปากท้องของเรา ให้เราได้อิ่ม แล้วเราเป็นใครหรือ?? เขาถึงต้องทำอย่างนั้น
    ไม่เลย ไม่ใช่ใครเลย ไม่รู้จักด้วยซ้ำ

    เหตุนี้ทุกท่านจึงพอจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดเราจึงต้องขอบคุณทุกสรรพสิ่ง แขน ขา ที่ทำให้เรามีความสูงจาก 50-70 ซม. เป็น 160-180 ซม. ด้วยการต่อชีวิตของคนอื่น แขนขาที่มีพลัง ก่อเกิดเป็นพลังงาน เพราะมีคนอื่นช่วยให้มันเกิดขึ้นทั้งนี้

    การมีจิตหยั่งรู้จึงไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ ที่ทุกคนจะมีสมาธิและฝึกจิตของตัวเองให้มีขึ้นมาได้ หรือมองเป็นเรื่องไกลตัว ด้วยการฝึกสมาธิ ซึ่งหลายคนเข้าใจว่า นั่งสมาธิคือจบ แต่จริงๆ คือให้มีจิตเป็นสมาธิทุกขณะจิตต่างหาก ซึ่งนั่นก็คือ 24 ชั่วโมง
    นั่งก็รู้ คือมีสมาธิ เดินก็รู้ คือมีสมาธิ เขียนก็รู้คือมีสมาธิ แค่รู้เฉยๆ เท่านั้น
    เหตุนี้ทำไมเขาถึงต้องให้ฝึกเดินจงกรม

    ในหนังสือชื่อ ชั่วโมงแห่งความคิดดี พระอาจารย์มิตซูดโอะ คเวสโก เขียนไว้ว่า การเดินจงกรมให้ทำความรู้สึกเหมือนเด็กกำลังหันเดินตั้งไข่

    ถ้าคุณจำได้ คุณเคยเห็น จะเห็นเด็กกดเท้าแต่สะก้าว อย่างบอกตัวเองว่าจงเชื่อมั่นว่าฉันเดินได้ มีสมาธิอยู่ทุกย่างก้าว เพื่อพุ่งตัวเองไปข้างหน้า ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส

    ในสมองเด็กคิดอะไร??
    สมองเขากำลังจิตของตัวเองให้เป็นสมธิ มุ่งมั่นกับการเดินอยุ่นะสิ

    ใช่แล้วล่ะค่ะ! นี่เป็นคำสอนที่ดี และชัดเจนมาก ที่อธิบายตัวอย่างการทำสมาธิ 24 ชั่วโมง ได้เป็นอย่างดี

    นั่นก็คือการ "รู้ตัวทั่วพร้อม"

    เมื่อก่อนดิฉันเคยคุยกับครูอุ้ย อภิสิรี โรงเรียนอนุบาลบ้านรัก ซ.สุขุมวิท 40 เอาเนื้อหามาทำงาน ครูได้พูดถึงคำนี้ ซึ่งใช้เป็นคติ คำขวัญในการสอนนักเรียน ที่นี้มีเด็กญี่ปุ่นมาเรียนเยอะมาก ทั้งที่ไม่ได้เน้นการสอนวิชาการ แต่เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อม ครูว่าโรงเรียนเราเน้นสอนให้เด็กรุ้ตัวทั่วพร้อม เป็นคำที่ดิฉํนได้ยินแล้วจิตขัดแย้งสูงเมื่อได้ยินครั้งแรก ไม่เข้าใจเลยว่าคืออะไร เพิ่งจะมาเข้าใจเมือไม่นานมานี้เอง และกลับทำให้รู้สึกดีมากๆ ที่กรุงเทพมีโรงเรียนแบบนี้อยู่

    ร่ายมาซะยาว ไม่เห็นเกี่ยวกับประสบการณ์ทางจิตตรงไหนเลย 5555+ คุณตัวกลมอย่าว่ากันนะคะ ทุกท่านด้วย ว่ากระทู้นี้เป็นอะไรไปแล้ว นอกเรืองจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2009
  14. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    [​IMG]ล่าสุด วันอาทิตย์ ที่ผ่านมา ได้ไปแม่กลอง มาอีกรอบ

    ไปรอบนี้ มีของดี มาฝาก ด้วย ละ
    เราไปกัน 5 คน เป็นเพือนในกลุ่ม ที่เรียนยูเรอัส มาด้วยกัน 2 คน
    กับอีก สองคน ที่คาดว่า หลังจากวันนี้ แล้ว คงต้องตามมาเรียนด้วยเป็นแน่
    เพราะ เห็นพวกผม ทำอะไร กัน
    แต่ เค้า ก็ พอสัมผัสได้ เหมือนกัน ......
    เป็นพวก ที่พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง ไว้ให้เค้าไปเรียนก่อน
    แล้วค่อย พาไปพบ อ.สามตา ....................
    [​IMG]

    [​IMG]

    พระอุโบสถ หลังใหม่ กำลังก่อสร้าง
    มาเที่ยว วัดท้ายหาด แล้วยังได้ ทำบุญ ร่วมสร้าง พระอุโบสถ อีกด้วย

    พระประธานใน พระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ คู่กับวัดท้ายหาด
    ซึ้ง ได้ ยกย้าย มาจาก พระอุโบสถ หลังเก่า
    นำมาประดิษฐาน ในพระอุโบสถ หลังใหม่ ในปัจจุบัน

    [​IMG]


    หลวงพ่อแดง วัดท้ายหาด
    ท่านเป็นศิษย์ ของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย และได้ เรียนวิชา จาก หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม ( น้องชายหลวงพ่อแก้ว ) และ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม อีกด้วย
    สมัยที่ท่านยังมีชีวิต อยู่ เป็นที่นับถือ ของชาวบ้านแถบนี้มาก เรียนว่าใครเป็นอะไร ก็ต้องมาหาพลวงพ่อ ช่วย เป็นที่พิงของชาวบ้าน ไป ทุกเรื่อง

    บ้านไหน โดนของ ถูกคุณไสย โดยผีเข้า ก็ ต้องพามาให้หลวงพ่อ รักษา
    ดัง จนถึง ขนาดที่ว่า คนโดนผีเข้า พอญาติพี่น้อง บอกว่าจะไปตามหลางพ่อแดง วัดท้ายหาด มารักษา เท่านั้น แหละ ผี มัน หนี ไปเอง เลย

    ไม่ต้อง อยู่รอ ให้ เจ็บ ตัว ...... แม้ผี ยัง รู้ จัก .........55


    [​IMG]

    หลวงพ่อแดง ท่านเคย สร้างพระเครื่อง ไว้
    เช่น เหรียญ รุ่นแรก ใน ปี พ.ศ. 2502
    มาถึงวันนี้ ก็ 50 ปี คงหายาก กัน เป็นแน่ ..... แค่นึก ผมเอง ก็ อยากได้ สักเหรียญ แต่จะไปหาที่ไหน กัน เล่า

    นึกขึ้นมาได้ เหร๊ยญ ที่สร้างใหม่ ก็น่าจะต้องมี นะ
    เดินเข้าไปถาม ที่ตู้ จำหน่ายพระเครื่อง ของทางวัด
    พอดี มี ชายหนุ่ม กับเณร นั่งดูแล ตุ้พระเครื่อง อยู่ มีอยู่ ในถาด นี่ไง คุณพี่ ได้การละ
    ขอบูชา มาสัก 4 เหรียญ

    คุยกันไปมา ได้สักพัก เด็กหนุ่ม ที่ดูแลตู้พระ งัด พระที่ห้อยคอมา อวด
    55............... เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อแดง วัดท้ายหาด พ.ศ. 2502

    ได้การ ละ.......
    น้อง ขอยืม หน่อย นะ ......... วางไว้ บนตู้นี่แหละ
    ว่าแล้ว ก็นำ เหรียญ ใหม่ ที่เพิ่ง เช่าบูชามา 4 เหรียญ วางข้างๆ
    ขอ อาราธนา หลวงพ่อแดง วัดท้ายหาด ของก๊อปปี้พลัง จากเหรียญรุ่นแรก
    มา ประจุ ไว้ในเหรียญ ใหม่ ทั้ง 4 เหรียญ

    .......... 55 ได้ สมใจ แล้ว ละ.........

    [​IMG]


    [​IMG]


    นายแชมป์ เพื่อนรุ่นน้อง ที่มาด้วยกัน เดินเข้ามา ผม ก็ให้ จับพระดู ถามว่าเป็นไง
    เหรียญ รุ่นแรก โอ ดีมาก แล้วส่งเหรียญรุ่นใหม่ ให้ เค้าจับอีกที

    โอโห เหมือนกันเลย ...............
    ก็ เอา ซิ
    พอ เค้าไปหยิบ เหรียญใหม่ ในถาด ของวัด ....... อ้าว ไม่ เหมือน แล้ว นี่หว่า
    ก็ ขอ ก๊อปปี้ พลัง มา ประจุ ไว้ ซิ
    ........ โถ ไอ้ น้อง เอ้ย กำเอง ก็ เป็นนี่หว่า ...................55

    เรียนมา ด้วยกัน นี่.

    [​IMG]

    สี่หนุ่ม คณะของ เรา ที่ไปด้วยกัน ในคราวนี้ ล้วนแต่ เป็นนายช่าง โยธา
    ทั้งน้าน
    ตากแดด ตากลม เสีย จน ตัวดำ ปิ้ดปี๋.......... 55
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    วันอาทิตย์ได้มีโอกาศไปที่บูทซักทีเพราะมีเรื่องให้ต้องไป โดยที่ตอนแรกก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไปจนได้
    ก็เลยไปตั่งแต่เช้าเลย คือเปิดร้านกะอาจารย์ พออาจารย์มีลูกค้า
    ก็เลยเดินออกมา พอออกมาเลยโดนลากไปเอาของเลย เดินไปซักพัก
    ก็เลยเจอของที่จะต้องไปเอา เป็นแบบการนำส่งคือมีหน้าที่ไปเจอและเอามา
    แต่เป็นของตัวเองไม่ได้ ที่พูดมาคือพระหรือวัตถุมงคลนี่เองเนื่อง จากผมเอาพระ
    มาครอบคลองไว้ไม่ค่อยได้ที่มีอยู่ก็ต้องเอาไปไว้ที่อื่นหรือไม่ก็ให้เค้าไป
    วันอาทิตย์ก็เช่นกันคือมีหน้าที่ไปเอามา ก็ได้จริงๆ คือได้พระบูชาขนาดหน้าตัก 5นิ้ว
    ของหลวงปู่ดู่ ทรงพระพุทธนิมิตวิชิตมาร ที่อยู่ตรงวัดหน้าพระเมรุ องค์พระสวยมาก
    ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเก็บไว้เองแล้วสวย ดี ราคาเหมือนได้พรี ถ้าใครยังนึกภาพองค์พระไม่ได้
    มีรูปให้ดูครับ

    [​IMG]

    แต่ก็คือมีหน้าที่ไปเอามาให้คนอื่นผู้ที่ได้รับไปคือ อาจีรศักดิ ได้พระดีสุดยอดไป
    และก็ได้เจอหลายท่านได้พูดคุยบ่างแต่ก็ไม่อยากพูดมาก ครับ ไว้โอกาศเหมาะค่อย
    คุยจะดีกว่า 5-5-5
     
  16. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    อ้อ
    ที่วัดท้ายหาด นี้ พระอุโบสถหลัง เก่า มีอุโมงใต้ดิน ทำให้สามารถ เดิน ลอดโบสถ ได้

    เหตที่ สร้างอุโมงค์ ลอดโบสถ
    มาจาก เริ่มแรก ตอนที่จะสร้างพระอุโบสถ หลังใหม่ แล้ว
    มีโครงการ จะ ขุด ยกย้าย โบสถ หลัง เก่า ไปตั้ง ที่ลาน ด้านข้าง
    จึงต้อง ขุดเจาะ สำรวจ โครงสร้าง ของ โบสถ เสียก่อน

    จึงเกิดเป็นอุโมงค์ นี้ ขึ้น สรุปแล้ว ทางวัดมีมติ ไม่ ย้ายพระอุโบสถ หลังเก่า
    เก็บรักษาไว้ ดังที่เห็นในปัจจุบัน

    อุโมงค์ นี้ จึงกลาย เป็น ทางเดิน ลอด ใต้ พระอุโบสถ

    ใคร จะ ไป ขอโชคลาภ
    สะเดาะเคราะห์ ปัดเป่า ทุกข์ โศก โรคภัย
    ก็ เชิญ ไป เดินลอดโบสถ ได้ ครับ ผม
     
  17. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยินดีด้วยจ้า ที่ทำให้คนตาลายได้เยอะ สงสัยต้องทำสารบัญแล้วมั้งคะ
    ตอนนี้ปล่อยให้พี่ดาวพักบ้าง แต่อย่าเพิ่งหยุดยาวนะคะ

    ขอบคุณคุณอธิษฐานมากมายค่ะ ที่พิมพ์ให้เพื่อนสมาชิก อ่านกันอย่างตั้งใจ บอกว่า
    ไม่รู้จะเขียนอะไร แต่เรื่องที่พิมพ์น่าสนใจมากๆเลยค่ะ ตั้งแต่เด็กเลย จนเห็นอะไรที่
    อธิบายด้วยคำสอนพุทธองค์ ตอนนี้สามารถไปบูธเจอคนมากมาย และ ความรู้ที่มี
    ก็ยังแบ่งปัน (ได้เป็นคุณครูสอนธรรมะให้เด็กๆวันหยุดด้วย) อนุโมทนาบุญค่ะ

    ที่เขียนมาไม่ธรรมดาอย่างที่ผู้อาวุโสกล่าว ไม่ได้ชมเองนะคะ อาจารย์ต่างหากค่ะ
    ขออนุโมทนานะคะ ที่สามารถพัฒนาตัวเอง โดยมีพุทธ ศาสนาเป็นส่วนสำคัญ
    เอาอะไรมาเขียนก็ได้ค่ะ เรื่องผี เอามาโลดดดดดดดดดดด
     
  18. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ศาลเจ้าที่

    เอาใจคุณตัวกลมๆ ไม่รู้เดี๋ยวมีใครหมั่นไส้อะเปล่า จริงๆ ชอบฟังคนอื่นเล่ามากกว่านะคะ แต่ถ้าคุณ the third eyes ไม่มาเล่า คุณดาวฯ ไม่มาเล่า เล้าช้าไม่ทันใจ คุณvisnu ก็ไม่ค่อยเห็นจะเล่าอะไร ทั้งที่อยากฟังคุณ visnu เล่ามาก เป็นคนที่น่าจะมีเรื่องอะไรเยอะ อยากฟังค่ะ ส่วนคุณชยาฯ ก็ไปบวช จะให้รอ ให้กระทู้มันว่าง ก็ขัดใจโก๋ คุณตัวกลมๆ คิดเหมือนกันหรือเปล่าคะ คุณ visnu กรุณาช่วยมาเล่าหน่อยสิคะ อยากฟังเรืองของคุณจังค่ะ

    ว่าด้วยเรื่องเจ้าที่ ดิฉันน่าจะมีเรื่องเขียนได้ยาวกว่าเรืองในโบสถ์คริส จึงขอยกมาเล่าต่อละกันค่ะ

    บ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่ เป็นบ้านที่เดิมเป็นของตระกูลเชื้อเจ้าสุขสวัสดิ์
    แม่เล่าให้ฟังว่า เจ้าของเดิมเป็นผู้หญิง ตอนเด็กๆ ดิฉันเคยอ่านชื่อท่าน ที่บิลค่าน้ำค่าไฟ แต่จำไม่ได้แล้ว (สมัยก่อนใครเข้ามาอยู่ใหม่ แล้วไม่ได้แจ้งบอกทางไฟฟ้า-ปะปาว่าเปลี่ยนชื่อ ชื่อเดิมของเจ้าของบ้าน ก็จะอยู่อย่างนั้น)
    พ่อของท่านหญิงมีลูกหลายคน เลยแบ่งที่ผืนใหญ่ ซอยเป็นแปลงย่อย แล้วแบ่งให้ลูกแต่ละคน

    ท่านหญิงผู้นี้ ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่ได้พื้นที่ผีนเล็ก เพราะตัวเกิดเป็นหญิง
    จึงขายที่ดินนี้ให้กับแม่ และดิฉันได้อาศัย

    เมื่อเข้ามาอยู่บ้าน ที่นี่ก็มีเรื่องไม่ปรกติตั้งแต่แรกแล้ว
    พื้นบ้านบ้านนี้ทันสมัยมากในอดีต คือ ปูพื้นปาเก้ทั้งสองชั้น แต่ตกดึกจะได้ยินเสียงคนเดินตึ้งๆ ที่ชั้นล่างทุกคืน

    แต่มันจะเป็นไปได้หรือ คุณก็คิดดูสิ ใครสามารถเดินบนพื้นปาเก้ที่ชั้นล่าง แล้วได้ยินไปถึงชั้นบนได้ ช่วย PM มาบอกด้วยค่ะ

    เหตุการณ์เป็นอย่างนี้อยู่นาน โดยคุณแม่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัวคุณแม่ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน ออกไปทำงานหลายวันจึงกลับ ให้ญาติอยู่ดูแทน แต่ทุกทีที่กลับบ้าน ก็จะได้ยินเสียงที่ว่า

    จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่บ้านและคุณแม่ไปเก็บเครือกล้วยที่หน้าบ้าน
    ซึ่งเจ้าของเดิมปลุกเอาไว้ และเมื่อฟันต้นกล้วยบางส่วนทิ้ง ถึงได้เห็นว่ามีสังกะสีเก่าซึ่งทำเป็นกำแพงกั้นระหว่างข้างบ้านล้มลงมาในบ้าน
    เนื่องจากสังกะสีมันเก่าแล้ว เมื่อดูๆ แล้วมันรก ไม่น่าดู และเป็นสนิม จึงช่วยกันเอาสังกะสีออก แล้วก็พบว่า มีเศษไม้กองอยุ่ใต้นั้น
    ดูไปแล้วก็มองออกว่าเป็นเจ้าที่นี่เอง

    คุณแม่เลยทราบที่มาที่ไปของเสียงประหลาดทุกคืนว่าเป็นเพราะอะไร จึงได้เชิญพระมาทำพิธีให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2009
  19. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    เรื่องมันเหมือนว่าจะจบ เพราะเมื่อทำพิธีตั้งศาลใหม่ เสียงที่ว่าก็ไม่เกิดขึ้นอีก
    จริงๆ มันก็ไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่มันดันไปเกิดขึ้นกับคนไม่รู้

    นานวันไป แม่บ้านก็ลาออก กลับบ้านบ้าง ก้ต้องหาคนมาช่วยงานใหม่ เมื่อคนเก่าออกไป คนใหม่เข้ามา ไม่เคยมีใครอยู่ได้ทนเลย อยุ่แค่ 1-2 วันก็ขอกลับบ้าน
    อย่างเก่งก็ 3 วัน ดูท่าจะอยู่ได้ แต่ท้ายสุดก็ขอกลับบ้าน แม่ก็แปลกใจ เกิดอะไรขึ้น จึงได้เอ่ยปากถาม

    เขาเล่าว่า มีคนเดินอยู่บนหัวเขา คนที่มาด้วยกันก็บอกเขาแบบนี้ แล้วก็ลากลับไปเมื่อวานไง แต่เขายังไม่เจอ เพิ่งเจอเมื่อคืน ว่าไปหน้าตาก็หวาดกลัว

    แม่ก็ไม่ว่าอะไร ไม่เล่าเรื่องเจ้าที่แต่หนหลังให้ฟัง บอกให้เขาไปจุดธุปไหว้ศาลเจ้าที่ แล้วขอให้เขาอยุ่ต่อ แต่เขาไม่อยู่แล้ว กลัว

    แม่เลยไปรับคนงานใหม่มา พอมาถึงก็ให้แม่บ้านไปไหว้ศาลเป้นลำดับแรก แล้วก็สั่งให้เขาไหว้ทุกวัน

    ตั้งแต่นั้นเจ้าที่ก็ไม่ได้มาปรากฎตัวให้แม่บ้านเห็น แม่บ้านลากลับ รับคนใหม่ ก็ให้ไหว้หมด ไม่มีเรืองอะไรเกิดขึ้นอีก (มีต่อ)
     
  20. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ส่วนตัวดิฉันเอง ได้ยินได้ฟังแต่เล็ก ไม่คิดอะไร เพราะไม่เคยเห็นจะๆ เห็นแต่เป็นเงาวูบไหว เห็นเงาสูงใหญ่เป็นพุ่มๆ ดำเทา ได้แต่กลัวแบบเด็กๆ ตามประสา

    จนกระทั่งวันหนึ่ง ตอนอยู่ม.ปลาย แม่เปลี่ยนมาทำงานไปกลับบ้านทุกวัน และมักจะไหว้พระในห้องพระก่อนออกจากบ้าน หลังๆ ให้ดิฉันทำแทน

    วันนั้นเขาย้ายโต๊ะหมู่บูชาทั้งหมดออกมาด้านนอก เพื่อจะได้ทำความสะอาดห้องขนานใหญ่ ดิฉันก็เลยต้องสวดมนต์ไหว้พระด้านนอกนี้ด้วย

    มุมนี้ ถ้ามองไปด้านขวาเยื่องๆ หลัง จะเห็นบันไดทางขึ้นจากชั้นล่างมาชั้นบน
    ดิฉันก็เริ่มสวดมนต์ตอนตี 5 ของทุกวัน
    นโม ตะสะ ภควโตฯ ครั้งที่ 1
    นโม ตะสะ ภควโตฯ ครั้งที่ 2 ขณะสวดอะไรไม่รู้ดลใจให้หันไปมองที่บันได

    แล้วดิฉันก็ได้ประจักษ์ว่าทำไมแม่บ้านที่เคยลาออกไป ถึงได้กลัวนักหนา
    ดิฉันเรียนว่าเห็นไม่ครบส่วน ถ้าเห็นครบส่วนจะขนาดไหนกันนะ ก็เพราะดิฉํนเห็นแค่เท้าก่อน

    เท้าของท่านใหญ่มาก ใหญ่เหมือนนักกีฬาบาสที่สูงที่สุดของจีน แต่คล้ำ เหมือนคนผิวสีคล้ำเข้ม นิ้วเท้าโป่งหยักงองุ่มเหมือนจะจิกลงพื้น เห็นรายละเอียดชัดเจน
    ส่วนที่เห็นรายละเอียดต่อมาคือหน้าแข้งของเท้าข้างนั้น ใช่แล้วค่ะ ดิฉันเห็นหน้าแข้งแค่ข้างเดียว ขาข้างเดียวถึงแค่หน้าแข้ง ขนดกหยาบหยิกหยอย ตัวไม่เห็นเลย
    รู้แต่กำลังก้าวขึ้นมาบนบ้าน คิดฉันเห็นแว๊บเดียว แต่จำได้แม่น เพราะเพิ่งตื่นมาสวดมนต์ สมาธิจึงดีมาก

    ดิฉํนหันไปสวดมนต์ต่อให้จบเป็นครั้งที่ 3 ในใจก้นึกว่าเมื่อกี้อะไรหนะ รีบหันไปดูอีกรอบ แต่ก็ไม่เห็นแล้ว ในใจหันมาสวดมนต์ต่อไปให้จบ แต่ก็ไม่ได้กลัวอะไร ทั้งๆ ที่ผิวพรรณท่านหน้ากลัวมาก

    ถ้าเจ้าตัวมาเต็มๆ คงบรรยายไม่ถูกเหมือนกัน

    แต่ที่ตอนนั้นไม่กลัวเพราะดิฉํนอยุ่มานาน ถ้าจะถูกหลอก คงถูกไปนานแล้ว และเพราะดิฉันสวดมนต์อยู่ คงไม่มีใครคิดร้าน

    อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่กลัวคือ เวลานอนดิฉันจะขอให้เจ้าที่มาปลุกตอนเช้า ซึ่งได้ยินคนอื่นเล่ามาอีกทีว่า

    เขาเคยไปนอนที่อื่น แล้วต้องตื่นเช้า จึงขออนุญาตเจ้าที่ แล้วให้เจ้าที่มาปลุกด้วย
    เช้ามืดเขาได้ยินเสียงคนเถียงกัน เกี่ยงกันว่าใครจะปลุก แต่สุดท้ายเขาก็ลุกเอง เพราะทนฟังเสียงทะเลากันไม่ไหว

    เพราะอะไรก็ไม่รู้ ดิฉันถึงไม่กลัวเรื่องที่ได้ยินนี้ และเอาไปกราบหมอนขอให้เจ้าที่ที่บ้านมาปลุกตามเวลาที่จะตื่น ซึ่งก็ได้ผล

    ตอนเรียนมหา' ลัย ดิฉันไปเรียน ตจว. เป็นช่วงที่บ้านกำจัดปลวกขนานใหญ่ แม่บ้านจึงต้องขึ้นมานอนรวมกับพวกเราแต่คนละมุ้ง

    คืนหนึ่งก่อนดิฉันกลับบ้านไม่นาน ทุกคนก็แปลกใจที่อยู่ดีๆ แม่บ้านก็ลุกขึ้นมานั้งแล้วร้องพูดอะไรไม่รู้ ยกมือปะลกๆ ไหว้อะไรบางอย่าง น้องสาวที่อยู่ในเหตุการณ์เรียกก็ไม่ได้ยิน
    แม่บ้านยังร้อง น้องสางเลยเดินไปดูใกล้ๆ เห็นแม่บ้านยังหลับตาอยู่เลย เลยเข้าไปเขย่าตัว แม่บ้านก็เล่าว่ามีคนใส่เสื้อขาวสวมชฎาตัวใหญ่มาก โผล่ออกมาจากพื้นชั้นสอง
    โผล่มาแค่ครึ่งอกเท่านั้น แล้วก็ต่อว่าแม่บ้านใหญ่เลย น้องเขาสงสัยว่าทำไมเจ้าที่ถึงต้องมาต่อว่า

    แม่บ้านจึงยอมพูดว่า ทำกระถางที่ปักธูปแตกหัก แต่มันยังพอใช้ได้ ก็เลยปักธูปทั้งๆ ที่กระถางธูปหักทั้งอย่างนั้น เขาเลยไม่พอใจ

    แม่บ้านคนนี้เป็นพม่า เขาไม่รู้เรื่องเจ้าที่มาก่อน ว่าบ้านเราเคยมีประวัติยังไง พอรู้ว่าเป็นเจ้าที่ก้ยิ่งกลัวใหญ่ แต่ก็ยังทำงานที่บ้านอยู่ต่อไปหลังจากให้เอากระถางธูปใหม่ไปถวาย (มีต่อ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...