พระอริยเจ้า"หลวงปู่แฟ็บ สุภัทโท" พระป่าเมืองสกลนคร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 12 มิถุนายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท พระป่าแห่งสกลนคร

    คอลัมน์ มงคลข่าวสด

    พระกัมมัฏฐานที่มีวัตรปฏิบัติดีงาม จนเป็นที่รู้จักของชาวสกลนคร ในห้วงเวลานี้ คงไม่ปฏิเสธชื่อของ "หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท" วัดป่าดงหวาย ต.บ้านม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร อย่างแน่นอน

    ด้วยครองตนอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์อย่างสมถะ ไม่สะสมทรัพย์สินใดๆ มักน้อย ถือสันโดษ

    ที่สำคัญท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง กระทั่งเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง

    หลวงปู่แฟ้บ บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติเรียบง่ายปฏิปทางดงาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็นเป็นร่มโพธิ์ทองของบรรดาพุทธศาสนิกชน

    ปัจจุบัน สิริอายุ 86 พรรษา 26

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ญาติ กุลวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2465 ที่บ้านคำชะอี ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.นครพนม (จังหวัดมุกดาหารในปัจจุบัน) ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

    การศึกษา เรียนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เมื่อมารดาถึงแก่กรรมตอนอายุได้ 7 ปี บิดาได้แต่งงานใหม่ ต้องย้ายไปอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ ในสมัยนั้นหมู่บ้านอยู่ในชนบทห่างไกลมาก ไม่มีโรงเรียน ทำให้ไม่ได้รับการศึกษาต่อ

    ในวัยเยาว์นั้น มีเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจและศรัทธาความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและพระธุดงค์กัมมัฏฐานเป็นอย่างมาก เมื่อได้มีโอกาสเข้ากราบนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่ถ้ำจำปาภูผากูด

    ช่วงอายุ 17-18 ปี ด้วยเหตุบางประการในการแจ้งชื่อในทะเบียนทหารกองเกิน ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "แฟบ" และวันเวลาเกิดผิดพลาดไปด้วย จึงต้องใช้ชื่อวันและเวลาเกิดใหม่จากนั้นเป็นต้นมา ต่อมาลูกศิษย์ลูกหาได้เรียกเพี้ยนเป็นหลวงปู่ "แฟ้บ" ไป

    เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นครั้งแรก ที่วัดในหมู่บ้านเป็นฝ่ายมหานิกาย ได้รับฉายาว่า "จันตโชโต"

    แต่บวชได้เพียง 2 พรรษา ได้ลาสิกขา หลังจากนั้น ได้ประกอบอาชีพค้าไหมจนมีเงินสะสมมากพอ จึงแต่งงานกับนางคำมา สุวรรณไตร มีบุตร-ธิดา รวมทั้งหมด 12 คน

    ครั้นอายุได้ 32 ปี จึงเปลี่ยนอาชีพมาทำนา และย้ายครอบครัวมาอยู่ที่บ้านบุ่งนางเลิศ จ.ร้อยเอ็ด การดำเนินชีวิตในขณะนั้น ประพฤติตนเป็นพุทธมามกะ โดยเป็นมัคทายกของวัดในหมู่บ้านและยังเป็นหัวหน้าช่างก่อสร้าง ได้ออกแบบควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงลงมือก่อสร้าง กุฏิศาลา และกำแพงของวัดเองทั้งหมดโดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ

    ขณะที่วัยเริ่มสูงมากขึ้น ร่างกายอ่อนแอลงไปด้วย แต่ยังต้องทำนาเพื่อเลี้ยงครอบครัวอยู่ ยามว่างทุกวันพระ ท่านจะไปทำบุญรักษาศีลที่วัดตลอดและได้ศึกษาการปฏิบัติภาวนา เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิ ทำให้เกิดความรู้สึกอยากบวช แต่ติดอยู่ที่ครอบครัว จึงยังไม่มีโอกาส

    ต่อมานางคำมา ภรรยาถึงแก่กรรมด้วยโรควัณโรค ทำให้ตัดสินใจขอลาบวช

    ท่านเดินทางเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2525 วัดอรัญญิกาวาส ต.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยมีพระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหามี สุทัสสี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระอาจารย์สมจิต เป็นพระนุสาวนาจารย์

    ได้นามฉายาว่า สุภัทโท

    ภายหลังอุปสมบท ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดอรัญญิกาวาส ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและบทสวดต่างๆ อย่างขะมักเขม้น ทำให้มีเวลาในการปฏิบัติภาวนาน้อยและทำให้สมาธิเสื่อมหายไป แต่ยังรักษาการปฏิบัติไว้อย่างต่อเนื่อง

    ท่านได้มีโอกาสไปฟังธรรมเทศนาจากหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เป็นประจำ ทำให้ได้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์และเข้าฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ นอกจากหลวงปู่เทสก์แล้วยังมีครูบาอาจารย์รูปอื่นๆ อีก ที่ได้เข้าฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ,หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญากโร เป็นต้น

    กระทั่งเมื่อออกพรรษา จึงได้เดินทางไปปฏิบัติภาวนาอยู่ที่ถ้ำจำปา ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นเคยภาวนา หลวงปู่แฟ้บได้เร่งภาวนาอย่างหนักเดินจงกรมวันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง นั่งภาวนาตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเช้าอยู่ 4-5 วัน จึงออกบิณฑบาตสักครั้งหนึ่ง ปฏิบัติอย่างนี้เป็นประจำ จนได้สมาธิกลับคืนมา

    พรรษาที่ 2-4 หลวงปู่แฟ้บ จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีอุดม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี การปฏิบัติภาวนาของหลวงปู่เป็นไปอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ไม่ว่าแดดจะร้อนหรือฝนจะตก

    ก่อนเข้าพรรษาที่ 5 หลวงปู่ได้ธุดงค์มาจนถึงที่วัดป่าบ้านโพนไค ต.ม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ในขณะที่พักอยู่ ได้มีมัคทายกแนะนำให้ลองมาอยู่ที่วัดป่าดงหวายที่บ้านจาร เพราะไม่มีพระอยู่จำพรรษา เป็นเหตุให้หลวงปู่ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าดงหวายเป็นครั้งแรก

    เมื่อแรกที่มาอยู่ที่วัดป่าดงหวายนั้นยังเป็นวัดร้าง ศาลาและกุฏิเก่าผุพัง หลวงปู่จึงได้จัดการพัฒนาซ่อมแซมศาลาและกุฏิใหม่ หลวงปู่อยู่ที่นี่ได้ 2 พรรษา เกิดอาพาธโรคลำไส้ ต้องกลับไปรักษาตัวอยู่ที่ อ.บ้านดุง

    เมื่อหายอาพาธ หลวงปู่แฟ้บกลับมาที่วัดป่าดงหวาย และได้สร้างศาลาหลังใหม่ขึ้น โดยทุนในการก่อสร้างนี้ได้มาจากพระภิกษุซึ่งเป็นลูกหลานของชาวบ้านเป็นผู้จัดหาผ้าป่ามาถวาย

    ตลอดเวลาที่ออกธุดงค์ หรือจำพรรษาในที่ต่างๆ แต่ละปี แต่ละพรรษาหลวงปู่จะระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ คือ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และไปกราบนมัสการเยี่ยมท่านอยู่เป็นประจำ

    จนในพรรษาที่ 11 หลวงปู่เทสก์ ได้บอกกับหลวงปู่แฟ้บว่า "อายุมากแล้วให้หาวัดอยู่ประจำได้แล้วที่วัดป่าดงหวายนั่นแหละ เหมาะดีแล้ว"

    ในปัจจุบัน วัดป่าดงหวาย ได้รับความศรัทธาจากลูกศิษย์ทั้งพระภิกษุและฆราวาสเข้ามาขอความเมตตา ฟังเทศน์ ฟังธรรมคำสั่งสอนและหลักปฏิบัติภาวนาเป็นจำนวนมาก

    หลวงปู่แฟ้บได้ให้ความเมตตา อบรมสั่งสอน ให้อยู่ในศีลในธรรม ให้รู้จักปฏิบัติภาวนารักษาจิตใจให้สะอาด โดยเน้นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

    หลวงปู่แฟ้บ เป็นพระเถระที่เป็นพระอาจารย์ผู้ประเสริฐ เป็นนักภาวนาเป็นเอกอุ

    อย่างไรก็ดี แม้สังขารร่างกายของหลวงปู่แฟ้บจะทรุดโทรมด้วยความชราและโรคภัยต่างๆ ที่เข้ามาเบียดเบียน แต่ไม่ได้ทำให้หลวงปู่ลดการปฏิบัติธรรมเจริญรอยตามพระอาจารย์ ยึดแนวทางสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ปัจจุบัน หลวงปู่แฟ้บยังคงปฏิบัติภาวนา เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิ ตามวัตรปฏิบัติของพระป่าสายกัมมัฏฐาน

    ที่มา - มงคล ข่าวสด
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พญานาคขึ้นมาขอฟังธรรมจากหลวงปู่แฟ็บ

    [​IMG]


    พรรษาที่ ๑๐ หลวงปู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่ภูกิ่ว อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่ภูกิ่ว หลวงปู่ได้รับความลำบากและขัดสนในเรื่องของอาหารมาก แต่การภาวนาขณะที่อยู่ที่นี่ หลวงปู่ได้ปัญญาธรรมให้พิจารณาถึงความทุกข์ที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้มากมาย และมีอยู่คืนหนึ่งขณะกำลังภาวนาอยู่ พญานาค ๓ ตัวมากราบนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่ตลอดคืน หลวงปู่ได้บอกถึงลักษณะของพญานาคที่ได้เห็นไว้ว่า มีลักษณะคล้ายงูจงอาง แต่มีขนาดตัวยาวและใหญ่มาก ประมาณต้นมะพร้าว มีเกล็ดคล้ายแก้วสีฟ้าใส มีสีสวยงามมาก

    ในพรรษานั้น มีโยมจากบ้านโพนไคและบ้านจาร อำเภอบ้านม่วง ได้ตามไปนิมนต์ให้กลับมาวัดป่าดงหวาย ดังนั้นเมื่อออกพรรษาแล้วจึงกลับมาที่วัดป่าดงหวาย

    พรรษาที่ ๑๑ จนถึงปัจจุบัน การก่อสร้างศาลาของวัดป่าดงหวายยังไม่สำเร็จ เมื่อหลวงปู่กลับมาที่วัดป่าดงหวายในครั้งนี้ หลวงปู่ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาต่อจนเสร็จ และสร้างกุฏิเพิ่มขึ้นอีกหลายหลัง แต่การปฏิบัติภาวนาของหลวงปู่ก็ไม่ได้ย่อหย่อนลงเลย การภาวนาของหลวงปู่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีนิมิตที่สำคัญๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น แผ่นดินยุบเป็นเหวลึกรอบตัวจนหลวงปู่ตกไปในเหวลึก แต่ก็มีตาข่ายมารองรับตัวหลวงปู่ บางครั้งมีพายุฝน พายุลูกเห็บกระหน่ำพัดใส่ตัวหลวงปู่ บ้างก็เป็นท่อนไม้ตกใส่ตัวหลวงปู่หลายท่อน บ้างก็เป็นลมพายุหมุนพัดมาแต่หลวงปู่ก็ฝืนไม่ยอมปลิวไปตามลม

    ในแต่ละครั้ง หลวงปู่คิดอย่างเดียวว่า “ตายเป็นตาย” แต่เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิ ทุกอย่างก็เป็นปกติเหมือนเดิม และมีเทวดาบ้าง รุกขเทพบ้าง หรือพวกภูมิต่างๆ บ้าง บางทีก็เป็นพวกพญานาค มากราบนมัสการขอฟังธรรมจากหลวงปู่อยู่ตลอด บางคืนถึงกับไม่ได้พักผ่อนเลย หลวงปู่เล่าว่าพวกพญานาคจะมากันเยอะมาก มาในลักษณะของคนธรรมดา เมื่อถามไปว่า “มาจากไหน” พวกพญานาคก็ตอบว่า “มาจากเมืองบาดาล ขึ้นมาจากสระน้ำที่อยู่ภายในวัดป่าดงหวายนี้เอง”

    ตลอดเวลาที่ออกธุดงค์ หรือจำพรรษาในที่ต่างๆ แต่ละปี แต่ละพรรษาหลวงปู่จะระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี อยู่เสมอ และไปกราบนมัสการเยี่ยมท่านอยู่เป็นประจำ จนในพรรษาที่ ๑๑ หลวงปู่เทสก์ได้บอกกับหลวงปู่ว่า “อายุมากแล้วให้หาวัดอยู่ประจำได้แล้ว ที่วัดป่าดงหวายนั่นแหละ เหมาะดีแล้ว” หลวงปู่รับคำจากหลวงปู่เทสก์ แต่เมื่อออกพรรษาในแต่ละปี หลวงปู่จะไปหลบปฏิบัติภาวนาอยู่ที่ภูเกิ้ง บ้านท่าส้มป่อย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร อยู่บ่อยๆ เพราะเป็นสถานที่สัปปายะเหมาะสำหรับการภาวนาของหลวงปู่อีกที่หนึ่ง

    การภาวนาของหลวงปู่ได้ปัญญาธรรมที่สำคัญที่สุดที่ภูเกิ้งนี่เอง เหตุเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติภาวนาตามปกติ ในคืนหนึ่งได้มีแสงสว่าง ๔ ดวงลอยมาจากฟ้าแล้วลอยเข้ามาใกล้ๆ หลวงปู่ ปรากฏว่าเป็นพระ ๔ รูป แล้วก็เข้ามาจะกราบหลวงปู่ หลวงปู่ห้ามไว้ แล้วถามถึงพรรษาของพระทั้ง ๔ รูปนั้น พระ ๑ ใน ๔ รูปนั้นกล่าวว่า “พรรษาไม่เกี่ยว ธรรมะไม่ได้อยู่ที่พรรษา ธรรมะอยู่กับการปฏิบัติที่จริงจัง” จึงได้กราบหลวงปู่ แล้วก็เริ่มสนทนากับหลวงปู่

    พระ ๔ รูป > “ท่านมาทำไมที่นี่ มาทำอะไรหรือ”

    หลวงปู่ > “มาปฏิบัติหาธรรมะตามแนวทางของพระพุทธเจ้า”

    พระ ๔ รูป > “ท่านอาจารย์มาหาธรรมะ แล้วใครเป็นผู้สอนธรรมะละ ? แล้วศาลาการเปรียญธรรมอยู่ที่ไหน ? ที่เห็นกันอยู่ทุกวันเป็นเสนาสนังเท่านั้นนะ ไม่ใช่ศาลาการเปรียญธรรมที่แท้จริงนะ”

    หลวงปู่ > “ไม่รู้หรอก”

    พระ ๔ รูป > “ให้หาคำตอบเอานะ แล้วจะกลับมาใหม่วันนี้ขอลาไปก่อน” แล้วหายตัวจากไป

    หลวงปู่พยายามคิดหาคำตอบอยู่หลายวัน จนกระทั่งได้สวดมนต์บทธรรมจักรกัปปะวัตตะนะสูตร เมื่อสวดไปๆ เกิดปัญญารู้ถึงคำตอบที่พระ ๔ รูปได้ฝากเอาไว้ จากเนื้อหาของบทสวดนั่นเอง ในหลายคืนต่อมาพระเหล่านั้นกลับมาอีกครั่ง แต่คราวนี้มากัน ๓ รูปเท่านั้น แล้วจึงทวงถามถึงปัญหาที่ฝากไว้

    หลวงปู่ > “ผู้ที่จะสอนธรรมะและศาลาการเปรียญธรรมนั้น อยู่ที่ตัวของเรา อยู่ที่ใจของเรา ธรรมะไม่ได้อยู่ที่ผู้อื่น หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตาม เพราะท่านเพียงแค่ชี้แนะและให้คำสั่งสอน เพื่อเป็นแนวทางให้เราได้ปฏิบัติตามอย่างถูกทางเท่านั้น อยู่ที่ตัวเรานี่แหละ ที่จิตใจของเรานี่ที่ต้องมาวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสารอันนี้ล่ะ”

    พระ ๓ รูป > “ถูกแล้ว อาจารย์เก่งมาก ขอให้อาจารย์ศึกษาอยู่ตรงนี้ และไม่ช้าไม่นานต้องจบแน่” เมื่อกล่าวจบก็หายตัวจากไป

    ในช่วงเวลาที่หลวงปู่อยู่ที่ภูเกิ้งนี้ มีเทวดามากราบนมัสการเป็นประจำ บ้างก็เป็นเด็กๆ บ้างก็เป็นผู้ใหญ่ บ้างก็มาขอบวชกับหลวงปู่ แต่หลวงปู่ไม่บวชให้ แต่กลับชวนเดินจงกรม ภาวนาด้วยกัน หลังจากออกพรรษาที่วัดป่าดงหวาย หลวงปู่จะไปปฏิบัติภาวนาอยู่ที่ภูเกิ้งตามแต่โอกาส บางทีก็ครึ่งเดือน บางทีก็เดือนหรือสองเดือน

    ที่วัดป่าดงหวายยังมีนิมิตที่ทำให้เกิดปัญญาธรรมที่สำคัญกับหลวงปู่ขึ้นอีก คือ นิมิตว่าตัวเองได้ตายอีกครั้ง หลังจากที่เคยเห็นมาแล้วถึง ๓ ครั้ง เมื่อหลายปีก่อน คราวนี้เห็นว่าร่างของตัวเองนั้นแห้งไปจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก กลิ่นก็ไม่มี อย่างนี้คงเก็บไว้ได้นานเป็นร้อยๆ ปีก็ไม่เน่าไม่เปื่อย เมื่อเป็นเช่นนั้นหลวงปู่จึงบอกว่า “เอ้า ! อยากตายนัก ตายไปเลย” แล้วจิตก็ถอนออกจากสมาธิ

    ต่อมามีนิมิตว่า ตัวของหลวงปู่ กลางลำตัวนั้นใสไปหมดคล้ายกระจก แต่มีจุดอยู่ ๒ จุดกับมีแนวยาวๆ คั่นระหว่างจุด ๒ จุดยาวไปตามแนวของกระดูกสันหลัง หลวงปู่คิดหาคำตอบอยู่ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เห็นนี้คืออะไร พยายามหาคำตอบอยู่หลายเดือน

    จนในขณะไปเดินบิณฑบาต มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตั้งครรภ์แก่ ท้องใหญ่มาก มาใส่บาตร จึงคิดไปว่าคงจะเป็นลูกแฝด จึงกลับมาพิจารณาเพ่งจิตที่วัดก็เห็นเป็นเด็กตัวเล็กๆ งอตัวอยู่ หันหน้าไปทางกระดูกสันหลังของผู้เป็นแม่ แล้วก็ปรากฏเห็นการเกิดของเด็กทารกในเวลาคลอดจะกลับหัวออกมาก่อน ขณะนั้นก็เกิดปัญญาขึ้นมาว่า “นี่เอง ! ทางแห่งการเกิดนี่เอง ! จุดบ่อเกิดทางเส้นนี้จุด ๒ จุดนี้ เป็นเหตุแห่งการเกิด นี่ๆ ! ไม่สงสัยแล้วเหตุแห่งการเกิดในวัฏฏะสงสารนี้” พร้อมกับความรู้สึกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย จิตใจสว่างผ่องใสเป็นที่สุด”

    ในปัจจุบัน วัดป่าดงหวายได้รับความศรัทธาจากลูกศิษย์ทั้งพระภิกษุและฆราวาส เข้ามาขอความเมตตาฟังเทศน์ ฟังธรรมคำสั่งสอนและหลักปฏิบัติภาวนาเป็นจำนวนมาก หลวงปู่ก็ให้ความเมตตาอบรมสั่งสอน ให้อยู่ในศีลในธรรม ให้รู้จักปฏิบัติภาวนารักษาจิตใจให้สะอาด โดยเน้นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้สังขารร่างกายของหลวงปู่จะทรุดโทรมด้วยความชราและโรคภัยต่างๆ ที่เข้ามาเบียดเบียน ก็ไม่ได้ทำให้หลวงปู่ลดความเมตตาลงตามไปด้วยแม้แต่น้อย หลวงปู่ยังคงปฏิบัติภาวนา เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิ อยู่เป็นประจำ เพื่อรักษาแนวทางการปฏิบัติของพระธุดงค์กรรมฐานต่อไป



    .............................................................

    คัดลอกมาจาก ::

    http://www.sakoldham.com/
     
  3. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
  4. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,661
    ค่าพลัง:
    +9,236
    กราบหลวงปู่เจ้าค่ะ
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ค่ะ
     
  5. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ขอกราบอนุโมทนาครับ ธรรมใดที่ปรากฎแก่หลวงปู่แล้วขอจงปรากฎแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด
     
  6. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
    ธรมมย่อมรักษาผู้ประพฤษธรรม
     
  7. yaba150

    yaba150 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    983
    ค่าพลัง:
    +636
    ขอผลบุญกุศลจงเป็นของทุกท่านด้วยเถิด
     
  8. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    กำลังหาข้อมูอยู่พอดีเลยครับ
    เพราะมีคนชวนไปกราบท่านพอดีผมไม่ค่อยู้จักครูบาอาจารย์เท่าไหร่นักครับ

    คนที่ชวนบอกว่า เกศาท่านรวมแล้ว ข้าวก้นบาตรก็เป็นพระธาตุไปแล้ว
    น่าสนใจจริงๆ แต่ไกลมากกกกกกกกกกกกกกก
     
  9. Sitachack

    Sitachack Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +106
    สัทาธา ทานัง อนุโมทามิ สัทธา ทานัง อนุโมทามิ สัทธา ทานัง อนุโมทามิ
     
  10. TIGERYELLOW

    TIGERYELLOW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +112
    ขออนุโมทนา กับบทความนี้ด้วยครับ

    ถ้ามีโอกาส จะขอไปกราบหลวงปู่ สักครั้ง
     
  11. kcsn

    kcsn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +111
    ขอกราบนมัสการหลวงปู่ หากมีบุญวาสนาในชาตินี้คงได้ไปกราบ ชื่นชมบุญบารมีของหลวงปู่
    ขออนุโมทนาบุญ เจ้าค่ะ
     
  12. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ขอกราบนมัสการ หลวงปู่ และ ขออนุโมทนากับการปฏิบัติและศึกษาธรรมะกับหลวงปู่ และทุก ๆ ท่านที่ได้ทำบุญกับหลวงปู่ด้วย นะครับ และกับผู้ที่เผยแพร่ธรรมะของ หลวงปู่ด้วย อนุโมทนา สาธุ ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...