การดูจิตที่ถูกต้อง เป็นอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 17 มิถุนายน 2009.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    เขียนมาเยอะเกิน สรุปว่า ไม่ได้มาถามเพื่อก่อ หรือ ไม่ได้มาถามเพื่อหาความรู้

    เอาแบบนี้ ถ้าคุณคิดว่า คนโต้ธรรมกัน แล้วธรรมดับ โลกเกิด คุณก็หยุดอ่านไป เท่านั้นแหละ ง่ายๆ ครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก

    ในสมัยพุทธกาล มีคนโต้ธรรมมากมาย รวมถึง พระศาสดาก็โต้ธรรม
    เพราะฉะันั้น เรื่อง อวดอ้าง หรือ ธรรมดับ โลกเกิดนี้ อย่าเอามาพูดเลย ไม่เกิดประโยชน์


     
  2. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    เห็นด้วยกับลุงขันธ์ อนุโมทนา

    เอาเท่านี้ <label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ท่านจ้อนครับ ท่านเคยเห็นน้ำที่อยู่นิ่งๆมั้ยครับ???
    ขณะนั้นถ้ายังไม่มีลมหรือวัตถุสิ่งของไปกระทบ ก็จะนิ่งอยู่อย่างนั้น

    เมื่อมีลมพัดหรือโยนวัตถุสิ่งของลงไป
    น้ำก็จะแสดงอาการกระเพื่อมให้เห็นใช่มั้ยครับ???

    เฉกเช่นเดียวกับจิตที่กระเพื่อมเมื่อมีกิเลสเข้ามากระทบ
    ก็จะกระเพื่อมไปตามกิเลสนั้น มากน้อยขึ้นอยู่กับผัสสะที่ได้รับครับ

    ;aa24
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ธรรมภูต น่ารักนะ วันนี้
     
  5. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ดูจิตชื่อก็บอกตรงๆแล้วว่า ให้"ดู"จิต ดูเฉยๆ ดูซื่อๆ เพื่อจะเห็นธรรมชาติจริงๆของจิตเรา
    ไมได้ให้ไปทำอะไรกับจิตแม้เพียงเล็กน้อย นอกจากการดู

    นักปฏิบัติมีปัญหาคือเวลาคิดจะปฏิบัติ ชอบไปดัดแปลงจิตหรือกระทำสิ่งต่างๆเพื่อการปฏิบัติ
    มีผลให้จิตไม่เป็นจิตที่ปกติ กลายเป็นจิตของภพนักปฏิบัติ แค่เราเพียงไปทำอะไรที่จิต แล้วไม่รู้ทัน
    ก็ไม่เรียกดูจิต แต่เรียกเพ่งจิต บังคับจิต ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  6. แกะดำ2

    แกะดำ2 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +14
    คุณบัวใต้น้ำคุณว่างๆแนะนำผมบ้างชิที่คุณบอกว่าให้"ดู"จิต ดูเฉยๆ ดูซื่อๆ เพื่อจะเห็นธรรมชาติจริงๆของจิตเรามันเป็นธรรมที่ง่ายและตรงจุดมาก(สำหรับจริตของผม)แต่ยังดูไม่ไม่ถึงขั้นนั้เลยผมก็ดูแบบนี้อยู่ขอโมทนาด้วยนะครับ
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJITTAK%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:16.0pt; font-family:"Angsana New"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot]วันนี้ มาเพิ่มเติมให้[/FONT][FONT=&quot]

    ปัญหา ที่เราพบ เมื่อมองเห็น ตัณหา คือ ความทะยานอยากในใจ ที่มันคอยผลักดันอยู่ตลอดเวลา ยังไม่รวมถึงความโกรธนะ เอาเหนือความโกรธขึ้นมาขั้นหนึ่ง คือ ไม่ชอบไม่อยากเห็นการกระทำใด ซึ่งมันมีตัวไม่อยาก เกิดขึ้น เรียกว่า วิภวตัณหา อันมีอยู่ในใจลึกๆ อยู่ก่อนที่ความโกรธนั้นจะเกิดขึ้น

    เมื่อเราเห็นความอยากเหล่านี้ จึงมีคำถามว่า เราเห็นมันทันไหม หรือ ว่าเราเห็นแค่ความโกรธ แล้วก่อนจะมาเป็น วิภวตัณหา นั้นมันมี ความรู้สึก ชอบหรือไม่ชอบเกิดก่อนเรามองเห็นมันไหม และ ก่อนที่จะมีความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ มันเอาใจเข้าไปสัมผัส ให้เกิด ความรู้สึกในเรื่องราวนั้น เรามองเห็นมันไหม และ ก่อนที่จะเอาใจเข้าไปสัมผัส นั้นมันมีการรับรู้เรื่องราวนั้นก่อน เป็นเรื่องเป็นราวในใจ เรามองเห็นมันไหม

    เอาเท่านี้ก่อนนะในการไล่ปฏิจสมุบาท ทีนี้ สิ่งที่จะทำให้เราตามได้ทัน คือ การสังเกตุ การกำหนดรู้ตัวทุกขณะ อันจะทำให้ย้อนทวนไปได้ ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นตามลำดับมา สุดท้ายไปจนที่ อวิชชา คือ เพราะด้วยความไม่รู้ มันก็เลยเกิดตัวนั้นตัวนี้ขึ้นเอง

    แต่ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ ยังไม่ใช่ตามไปดับ ตัวมหาเหตุ แห่ง ปฏิจสมุบาทนั้นให้ได้

    แต่ ปัญหาคือ เราจะทำอย่างไร จิตใจจึงจะไม่กระเพื่อมไปมาก เพื่อให้ความถี่ของการหิวอารมณ์ ของใจมันเกิดน้อยลง เราจะได้มีปัญญามองเห็นความจริงมากขึ้น ไม่ใช่ว่า อารมณ์เกิดทั้งวันทั้งคืน แล้วก็ดูมัน ซึ่ง จากประสบการณ์ของผมที่ปฏิบัติธรรมมานาน คนที่ หลงไป มักจะไม่เห็น อารมณ์ที่อยู่ในจิต มักจะเห็นว่า เราไม่ได้คิดอะไร อันเป็น เบื้องปลาย เราไม่ได้คิดอะไร แต่ทำไมอารมณ์มันไม่กระจ่าง ไม่เบิกบาน เพราะว่ามันมี อารมณ์อยู่ในจิตนั่นเอง มันยังไปไม่ถึงความเบิกบานสุดส่วน ตัวนี้แหละ ที่เราไม่อาจจะใช้ ปัญญา อย่างเดียวแทงเข้าไปถึง และดับมันได้ มันจำเป็นต้องใช้องค์สมาธิ เพื่อที่จะทำให้มันระงับ ในเบื้องต้น

    พระศาสดา ใช้คำพูดว่า ปัสสัทธิจิต และ ปัสสัทธิกาย คือทำให้มันระงับ

    ลองไปพิจารณาดู ให้ถ่องแท้ อย่าคิดว่า ตนแน่ แล้ว รู้แล้ว มันโง่ทั้งนั้น

    อรรถธรรมของพระศาสดา ลึกซึ้ง การใช้ปัญญาโดยทั่วไป และสมาธิธรรมดา ไม่มีทางแทงเข้าถึงอรรถธรรม โดยลึกของพระศาสดาได้แน่นอน จำเป็นต้องอบรม ปัญญา และ สมาธิ เพื่อแทงเข้าถึงระดับละเอียดในส่วนของ จิต และ ธรรม

    ฝากไว้ด้วยแล้วกัน
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    มนุษย์เราทำอะไรที่เป็นธรรมชาติ การไปทำอย่างนั้นที่ดูยาก ดูแล้วเหนือใครๆ จะเป็นการที่หลุดพ้น เพราะต้องเข้าไปทำ แต่กลับลืมไปว่า นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ จึงไม่ได้เหลียวแลดู ธรรมชาติสิ่งนั้นที่พึงออกมา การหาทางออก ยากนักที่คนจะรู้ และเข้าใจว่า ทางออกไม่ได้อยู่ที่สุดทาง ทางออกกลับอยู่ที่จุดเริ่มต้น แต่เพราะไม่คิดว่า มันง่ายอย่างนั้นหรือ จึงดูเป็นเส้นผมบังโลก
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    วิษณุ ยังเด็กอยู่เยอะ สิ่งที่คุณพูด มันเป็นเรื่องของการประมาณเอาเอง นึกคิดเอาเองทั้งนั้น ไม่ได้มีผลอะไรเกิดขึ้นจริงหรอก

    คนที่เอาแต่นึกเพื่อไปถึงทัสนะ จึงมีอาการอย่างเดียวกันคือ พูดไม่ค่อยจะรุ้เรื่อง เพราะว่าอะไรๆ ก็จะดับสมมติไปเสียหมด มันเลยพูดหนทางไม่ได้

    ทุกคำที่พูดจะเป็นเรื่องของ ปรัชญา เสียส่วนมาก ลองไปสำรวจตนซิ ว่าละกิเลสอะไรได้แล้วบ้าง สักกายทิฎฐิ วิจิกิจฉา สีลพตรปรามาส รู้หรือยังว่ามันเป็นอย่างไร

    เอาง่ายๆ จิตสงบเป็นอย่างไร รู้หรือยัง นั่นแหละให้ไปถามตัวเองดู อย่าเพ้อเจ้อ เรื่อง ปรัชญามากเกินไป มันกินไม่ได้
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    หลวงตามหาบัวบอกว่า งานฟัดกับกิเลสนี้ หนักมากที่สุด

    พระศาสดาบำเพ็ญ มา กี่อสงไขย กี่กัล์ป

    พระอริยะแต่ละท่านกว่าจะได้ธรรม ผจญกับมารกี่อย่าง ต้องเสาะแสวงหาอาจารย์เท่าไร

    ตัวผมเอง กว่าจะผ่านมาถึงตรงนี้ผ่านธรรมมาเท่าไร สู้กับกิเลส ละเอียด กลาง หยาบมาเท่าไร

    วิษณุ มาถึงมาบอกว่า ง่ายๆ

    แต่การที่บอกว่า ยาก ก็ไม่ได้หมายความว่าคนทำไม่ได้ แต่ต้องเดินตามทางที่คนรุ่นก่อนเขาผ่านมาแล้ว เขารับรองว่า ทางแบบนี้แหละ ถูกต้อง แม้มันจะยากก็ต้องทำ

    เหมือน บอกว่า การจบปริญญาตรียาก เมื่อเด็กเรียนหนังสือ ตามขั้นตามตอนมา ก็ปรากฎว่าจบเหมือนกัน เห็นจบปริญญาตรีกันเต็มบ้านเต็มเมือง

    พระศาสดาบอกไว้แล้วว่า พระอรหันต์ไม่สิ้นไปจากโลก เพราะว่าดำเนินตามคำสอนของพระศาสดา มันถึงแน่นอน

    แต่หากว่า จะเอาอย่างง่าย ก็เป็นเด็กเลี้ยงวัวเลี้ยงควายนั่นแหละ ง่ายสุด
     
  12. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    ทำไม ท่านขันธ์ พูดว่า "อย่าคิดว่าตนเองแน่"
    พอมีคุณวิษณุ แสดงความคิดเห็น ทำไมไปว่าคิดเองเออเองล่ะ มันสวนทาง ยังไงไม่รู้
    จิตสงบจริง ๆ เมื่อไร วันนั้นจะรู้สึก พอใจในความเป็นมนุษย์ เพราะสติมันมีกำลังเต็มที่
    สมาธิมันเกิดกำลัง สิ่งที่มัว ๆ มันชัดขึ้น เมื่อนั้น พูดกันตามตรง เป็นกลาง ๆ นะ ไม่ได้เข้าข้างใคร
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    เลี้ยงวัวเลี้ยงควายก็ดีนะ ตามรอยเท้าโคเท้าควายไปเวลามันเดินหนีเมื่อเราเผลอ เมื่อเราชำนาญดูเท้าโค เท้าควาย ก็หาควายหาโคเจอจนได้ จบปริญาชีวิต
     
  14. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    ถูก...
     
  15. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    สติเกิดเอง สติเกิดเอง ถ้าไม่รู้จักการกำหนดให้มันเกิด มันจะเกิดได้ไหม มันต้องกำหนดบ่อย ๆ จนชิน จนเป็นนิสัย เป็นสันดาน นั่นแหล่ะ เมื่อนั้นไม่ตั้งใจกำหนด กระทบอะไรปุ๊บ สติก็เท่าทัน

    การอบรมเบื้องต้น จะอยู่ที่มองอะไรให้มันเป็นธรรม

    มองเป็นธรรม คือ มองอะไรที่เห็น เอาเท่าที่ตาเห็นก่อน ให้มันหมายเข้าไปในใจได้ว่า ไม่มีอะไรคงทน ไม่มีอะไรถาวร ทุกสิ่งที่เห็นล้วนมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น ถึงแม้มันจะแปรรูปมาหลายต่อหลายครั้ง มันก็คือ การยืมมาใช้ทั้งสิ้น เอาแค่ธรรมนอก ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง

    มีบ้านก็ต้องเสียภาษีโรงเรือน ค่าเช่าราชพัสดุ อยู่หมู่บ้านก็เสียส่วนการ ใช้น้ำ ใช้ไฟฟ้าก็มีสิ่งที่ต้องจ่าย ทั้งยังต้องมีค่าเสื่อม ต้องลงแรงทะนุบำรุงรักษา หลายอย่างถ้ามีต้องบำรุงทั้งสิ้น

    สองมือเรากำอะไรไม่ได้เลย ลองกำอากาศดู ลองกำอะไรที่คิดว่าเป็นของเราดู

    มีกาย ก็ต้องรักษา เห็นมั่นว่าทำอะไรก็ได้รับผลอย่างนั้น บาป ต้องรับ บุญ ก็ต้องรับ ผิด ชอบ ชั่ว ดี รู้จักแยกแยะได้

    ถ้าได้ภายนอกแล้ว คิดเห็นเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว มันจะเริ่มเห็นโทษภัยของการเกิด มันก็ย้อนระลึกเห็นทุกข์ภายในได้ตามลำดับ

    ที่นี้ก็ขวนขวาย ได้ลงแรงทำกันเสียที

    ใครที่ทำมานานแล้วยังไม่ได้อะไร ก็ลองปรับที่ความเห็นดู กิเลสในส่วนความไม่รู้ จะได้ลดลง ตรงนี้สำคัญนะ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  16. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    พระอรหันต์ ก่อนที่จะบรรลุ ส่วนมากท่านบรรลุในภพมนุษย์นะ เขาว่ากันอย่างนั้นนะ
    คำว่า พอใจที่เกิดเป็นมนุษย์ ไม่ได้พูดไร้สาระนะ
     
  17. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    เวลาใครพูดอะไร ถ้ามันไม่ผิด ถ้ามันไม่ช้า ก็อย่าไปกล่าวล้างกันสิ เค้ากำลังเรียบเรียงสื่ออะไรให้คนอ่านอยู่

    เหตุของใคร จุดประสงค์ของคนคนนั้น จะช่วยคนอ่านที่อาจจะติดขัด ในส่วนนั้นอยู่

    กิเลสแตกได้มากมายสารพัด คำพูดตรงนั้นอาจไปโดนใจ อาจจะได้ช่วยคนที่ติดอยู่ได้

    ถ้าหมายจะสนทนาธรรม ก็ต้องยกเหตุ ยกผล มาสนทนา อย่าไปกล่าวแบบประชดประชันแล้วเรียบเรียงไปทางอื่น (ไม่ได้ว่าใครผิดถูกนะ เราจักไม่ผิด หากไม่ยอมรับในความผิดนั้น)

    พยายามอย่าไปเป็นมารขวางทางใครเสียเอง

    ไม่มีใครในที่นี้กล่าวธรรมได้สมบูรณ์หรอก ตกหล่น ไม่ครบกันทั้งสิ้น เพราะที่ครบถ้วนมันอยู่ในคำภีร์หมดแล้ว

    ข้อความใดกล่าวดี ก็อนุโมทนาให้เค้าไป ข้อความไหนไม่เห็นด้วยก็โต้แย้งไป ถ้าแย้งแล้วตามกำลังแล้วไม่ได้ดีขึ้น ก็อย่าไปเสียเวลา หันมาดูใจตนเสียดีกว่า ^-^
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    พวกพูดไปเรื่อยเปื่อย นี่แหละ เรียกว่าไม่ได้กำหนดรู้สติ และพิจารณาในความคิดของตน
    นึกอะไรขึ้นมา เอาตามนั้น ตามนั้นแล้วสรุปเอาทึกทักเอาทันที นี่แหละเขาเรียกว่า ไม่มีสติ

    ก็อย่างที่นายนิวรณ์ เป็น นางขวัญ เป็น นายวิษณุเป็น นายหลบภัย เป็น

    นึกคิดอะไรมา ถ้าเป็นลูกศิษย์ ตถาคต จะต้องดูว่า นี่คิดขึ้นมานี่มีหลักมีเกณฑ์หรือไม่ หรือเป็นแรงผลักดันจากอวิชชาตัณหา ไม่ใช่ธรรม แบบนี้จึงเรียกว่า มีสติ

    ไม่ใช่เพ้อเจ้อกันไป พูดอะไรกันสัพเพเหระ ถอดความไม่ได้ พอหนักๆ เข้ากลายเป็นคนพูดจาไม่รู้เรื่อง
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    นายหลบภัย....เอ คนนี้ ใช้สรรนามอะไรดีนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...