ภัยลึกลับในอนาคต

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 17 มิถุนายน 2009.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    ภัยลึกลับในอนาคต

    ในปัจจุบันกาลนี้ ถึงแม้ว่าเราจะมีโชคดีโดยได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่บรรจุคำสอนเรื่องกรรมไว้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงแล้วก็ตามที แต่ก็อย่าเพิ่งดีอกดีใจในความเป็นผู้มีโชคดีของเราให้มากมายไปนัก ทั้งนี้ก็เพราะว่าเรายังไม่หมดกรรม ยังมีกรรมอยู่มากมาย ตราบใดทีี่ยังเผาผลาญสังหารกรรมไม่ได้ คือ ยังมีกรรมมีเวรเป็นปุถุชนอยู่ ตราบนั้นปราชญ์ผู้มีปัญญาทั้งหลายท่านเตือนว่าให้คอยระวัง! ระวังอะไร ระวังภัยลึกลับในอนาคตที่คอยจ้องตะครุบสัตว์โลกเอาไปบริโภคเป็นอาหารอยู่ตลอดกาล เพราะมีฤทธิ์เดชร้ายกาจหนักหนา ภัยลึกลับในอนาคตอันมีฤทธิ์ร้ายที่ควรจะนำมากล่าวไว้มีอยู่ดังต่อไปนี้

    นานาสัตถุอุลโลกนภัย

    ภัยลึกลับในอนาคต ซึ่งชื่อปรากฎเป็นศัพท์ว่านานาสัตถุอุลโลกนภัยนี้ ได้แก่ภัยอันเกิดจากการคอยแหงนหน้ามองดูศาสดาต่างๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า ในชาตินี้เรามีโชคดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้มีโอกาสพบเคารพเลื่อมใสพระบวรพุทธศาสนาวิเศษโดยมีสมเด็จพระสรรเพชญสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นองค์พระศาสดา เป็นศาสนาอันประเสริฐ มีคำสอนสมบูรณ์ถูกต้องตามสภาพธรรมความเป็นจริง เมื่อมีใจศรัทธาอุตสาหะปฏิบัติตามหลักการพระพุทธศาสนา ก็อาจที่จะคว้าเอาสมบัติตามจิตปรารถนาบรรดามี คือ มนุษยสมบัติ เทวสัมบัติ พรหมสมบัติ ตลอดจนถึงนิพพานสมบัติมาไว้ในอุ้งหัตถ์แห่งตนได้โดยง่าย

    หากว่าเราตายจากโลกนี้ไปแล้ว มีคติิผ่องแผ้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกในอนาคต การที่ว่าจะมีโอกาสสดใสได้พบพระพุทธศาสนาอีกนั้น เป็นอันยากยิ่งยากหนักหนา ทั้งนี้ก็เพราะว่า พระบวรพุทธศาสนาอันวิเศษแห่งเรานี้ใช่ว่าจะเป็นศาสนาที่มีอยู่ประจำโลกเมื่อไรเล่า ปรากฎอยู่ในโลกเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วก็จะถึงกาลล่วงลับดับสูญสิ้นไป เมื่อเราเกิดมาใหม่ไม่พบพระพุทธศาสนาแล้วจะพบอะไร ก็ต้องพบศาสนาที่ศาสดาอื่นประกาศขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นศาสนาอะไรก็ได้ที่มิใช่พระบวรพุทธศาสนา ด้วยว่า ธรรมดาสันดานของมนุษย์ทั้งหลายมักชอบอวดรู้อวดฉลาดอยู่เป็นวิสัย เห็นใครโง่กว่าตนแล้ว ก็มักอวดตนเป็นผู้วิเศษโดยแสดงตนเป็นศาสดาประกาศลัทธิศาสนาไปตามสติปัญญาอันโง่เขลาแห่งตน เช่นศาสดาปูรณกัสปะผู้ประกาศลัทธิศาสนามิจฉาทิฐิเป็นต้น มนุษย์ที่ชอบแสดงตนเป็นศาสดาเจ้าลัทธิประกาศศาสนาเอาตามใจชอบนี้ ย่อมมีประจำมนุษยโลกอยู่เนืองนิตย์ เมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์ในอนาคตแล้วได้ฟังคำสอนที่ผิดๆ จากปากของผู้ที่แสดงตนเป็นศาสดา ซึ่งประกาศออกมาว่า

    "สูเจ้าทั้งหลายเอ๋ย! บาปบุญไม่มี นรกสวรรค์ไม่มี คุณแห่งบิดามารดาไม่มี คนเราตายไปแล้วก็แล้วกัน ฉะนั้น สูเจ้าทั้งหลายไม่ต้องประหวั่นพรั่นพรึงอะไร อยากทำการสิ่งใดก็จงทำไปเถิดตามใจชอบ อย่ากลัวเรื่องบาปบุญคุณโทษหรือนรกสวรรค์ ที่คนโบราณว่าให้เสียเวลาเลย เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นไปไม่ได้ คือว่า ไม่มี เป็นสิ่งที่คนโบราณเพ้อฝันไปเองต่างหากเล่า"

    "เออ...เห็นจะจริงอย่างท่านว่า" ตัวเราเองในอนาคตผู้ไม่ค่อยจะรู้ประสีประสาซึ่งมีกิริยาแหงนหน้าฟังศาสดาประกาศศาสนาในภายหน้า อาจจะอุทานออกมาด้วยความเลื่อมใสเป็นใจความว่าฉะนี้ แล้วก็จะยินดีประพฤติปฏิบัติไปตามคำสอนของศาสดาป่าเถื่อนและโง่เขลานั้น ประพฤติการอันเป็นบาปชั่วช้าล่วงอกุศลกรรมบถนานาประการ เมื่อวายปราณตายไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปสู่อบาย เพราะอกุศลกรรมชักนำไป เช่นเดียวกับเหล่าสาวกของปูรณกัสสปะเดียรถีย์ ซึ่งต้องไปเกิดเป็นผีนรกเพราะประพฤติตามคำสอนอันเป็นมิจฉาทิฐิฉะนั้น ครั้นพ้นจากทุกขโทษในอบายได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็ย่อมจะต้องพบหน้ามนุษย์ซึ่งอ้างว่าเป็นศาสดาผู้วิเศษอื่นๆ ซึ่งเราจะต้องฟังคำสั่งสอนของเขาอีก และเขาก็สามารถพาเราผู้ซึ่งแหงนหน้าฟังและประพฤติตามคำสอนของเขาให้ไปลงนรกได้อีกเช่นกัน สภาพการณ์จะปรากฎมีอยู่อย่างนี้เรื่อยไปไม่มีวันสิ้นสุด เพราะว่าศาสดาเหล่านั้นไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกล่าวว่า นานาสตฺถุอุลฺโลกนภยํ คือการที่ต้องตั้งคอแหงนหน้าคอยฟังคำสอนของนานาศาสดาโลกในภายหน้านี้ เป็นภัยลึกลับที่น่ากลัวซึ่งกำลังจ้องคอยตัวเราอยู่ในอนาคตกาล

    อปายิกภัย

    ภัยลึกลับในอนาคตอีกประการหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกเป็นศัพท์ว่าอปายิกภัยนี้ ได้แก่ภัยที่เกิดจากการไปอุบัติเป็นสัตว์ในอบายภูมิ! หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าในชาตินี้เรามีโชคดีเกิดมาเป็นมนุษย์ในมนุษยโลกซึ่งจัดว่าเป็นสุคติภูมิ แล้วมิหนำยังประสบโชคเป็นซ้ำสอง เพราะได้เกิดมาพบพระบวรพุทธศาสนา หากว่ามีความประสงค์จะได้บรรลุธรรมวิเศษ คือมรรคผลนิพพานเพื่อนำตนให้พ้นภัยในวัฏสงสารถึงความเป็นผู้สิ้นเวรกรรม เราก็สามารถที่จะกระทำได้ ด้วยการปฏิบัติตามกระแสพระพุทธฎีกา แม้ว่าไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ เพราะวาสนาบารมียังไม่แก่กล้าสมบูรณ์ดี แต่ก็อาจที่จะเป็นอุปนิสยปัจจัยเพื่อให้ได้บรรลุธรรมวิเศษในอนาคตกาลภายหน้า

    หากว่าเราปล่อยให้โชคดีซึ่งเราได้รับอยู่นี้ผ่านไป โดยมิได้ทำอะไรให้สมกับที่มีโอกาสดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา เมื่อถึงแก่กาลกิริยาตายจากชาตินี้ไป การที่ว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เหมือนในชาตินี้อีก ในฐานะที่ยังเป็นปุถุชนคนมีกรรมอยู่เช่นนี้ ย่อมเป็นโอกาสที่จะพึงได้ยากหนักหนา ปราชญ์ทั้งหลายย่อมกล่าวว่า บรรดามนุษย์ที่ตายไปจากมนุษยโลกนั้น เขาต่างพากันไปสู่อบายภูมิมากกว่าสุคติภูมิ อุปมาเหมือนขนโคกับเขาโค คือ มนุษย์ทั้งหลายที่ทำกาลกิริยาตายลงไปทุกวันนี้น่ะ เขาพากันไปเกิดในจตุราบายภูมิ โดยไปเกิดเป็นสัตว์นรกในนิรยภูมิบ้าง ไปเกิดเป็นเปรตใเปตติวิสยภูมิ ไปเกิดเป็นอสุรกายในอสุรกายภูมิบ้างและไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานในติรัจฉานภูมิบ้าง ต่างไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ นี้ มีปริมาณมากมายเท่ากับ "ขนโค" ส่วนมนุษย์ที่มีโชคดีได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในมนุษยโลก และจะได้ไปเกิดเป็นเทวดาในเทวโลกอันเป็นสุคติภูมิ มีปริมาณน้อยยิ่งนักเทียบได้กับ "เขาโค" เท่านั้น โคตัวหนึ่งมี ๒ เขาแต่มีขนเท่าไรเล่า ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย โอ!... มีจำนวนมากมายจนไม่มีใครอยากจะนับทีเดียว ขนโคทั้งตัวอันมีจำนวนมากมายนั่นแล เทียบได้กับเหล่ามนุษย์ที่พากันไปเกิดในจตุรบาย ฝ่ายเหล่ามนุษย์ที่จะมีโอกาส กลับมาเกิดเป็นมนุษย์หรือไปเกิดเป็นเทวดา ย่อมมีแต่เพียงคู่หนึ่ง ซึ่งเท่ากับจำนวนเขาโค

    สมมติว่าตัวเราซึ่งกำลังได้รับโชคดีโดยเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาอยู่ขณะนี้ หากมีอันเ็ป็นแก่ถึงกาลกิริยาไปมิใช่อยู่ในประเภทเขาโค แต่บังเอิญไพล่เข้าไปอยู่ในประเภทขนโค โซซัดโซเซพลัดไปอุบัติเกิดในจตุรบายอันชั่วร้ายภูมิใดภูมิหนึ่งเข้าแล้ว จะเป็นอย่างไร คงจะวุ่นวายน่าเสียดายนัก เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว อย่าว่าแต่จะปรารถนาเอามรรคผลนิพพานอันเป็นยอดสมบัติเลย แม้แต่มนุษย์สมบัติ เทวสมบัติ คือการได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรือไปเกิดเป็นเทวดา ก็เป็นอันเหลือวิสัยที่จะได้สมปรารถนา ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงกล่าวว่า อปายิกภยํ คือการที่จะต้องไปอุบัติเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เป็นภัยลึกลับที่น่ากลัว ซึ่งกำลังจ้องคอยตัวเราอยู่ในอนาคตกาล

    ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย ภัยซึ่งเกิดจากการที่ต้องตั้งคอแหงนหน้าคอยฟังคำสั่งสอนของศาสดาต่างๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด และภัยซึ่งเกิดจากการที่จะต้องไปอุบัติเป็นสัตว์ในจตุรบายให้ได้รับความทุกข์ทรมานในอนาคตกาลภายหน้าเช่นกล่าวมานี้ ล้วนเป็นภัยลึกลับที่่น่าเกรงกลัวอย่างยิ่ง น่าเกรงกลัวยิ่งกว่าภัยที่ปรากฎเฉพาะหน้า เช่น อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย โจรภัย ราชภัยและวาฬภัยเป็นต้น ซึ่งให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อนในปัจจุบันชาตินี้เสียอีก เพราะเหตุไร? เพราะเหตุว่า ภัยอันตรายเหล่านี้สามารถที่จะให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อนเฉพาะในปัจจุบันชาติเดียวเท่านั้น แล้วก็แล้วกันไป แต่ภัยลึกลับร้ายกาจซึ่งเกิดจากการต้องคอยแหงนหน้าดูศาสดาต่างๆ ท่านสั่งสอนลัทธิศาสนาที่ผิด และภัยซึ่งเกิดจากการที่ต้องไปอุบัติเป็นสัตว์ในจตุรบายนั้น นอกจากจะให้ผลร้ายในชาติปัจจุบันแล้ว ยังสามารถฉุดกระชากลากไปเกิดในอบายภูมิทั้งหลายได้หลายชาติหลายภพหนักหนา มิใช่ว่าแต่เพียงชาติเดียวภพเดียว และการไปเกิดในอบายภูมิ เช่น การไปเกิดเป็นสัตว์นรกนั้น แม้แต่ไปเกิดอยู่เพียงชาติเดียว ก็เป็นเรื่องน่าหวาดเสียวสะดุ้งใจยิ่งนัก หากมีญาณวิเศษได้เห็นความเป็นไปในนรกภูมิแล้วไซร้ คงจะเกิดความสะดุ้งใจเกรงขามไปตามๆ กัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าในนรกบางขุมนั้น ปรากฏมีหม้อน้ำทองแดงอันเดือดพล่าน ตั้งแต่ปากหม้อจนถึงก้นหม้อ สัตว์นรกซึ่งเคยเป็นมนุษย์แต่ตายไปตกนรกหม้อทองแดง จะมีโอกาสโผล่ขึ้นมาแต่ละครั้ง ก็นานแสนนาน ท่านกล่าวว่า ระยะเวลาที่สัตว์นรกจมลงไปและลอยขึ้นมาแต่ละครั้งอย่างรวดเร็วก็ยังต้องใช้เวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปี พอโผล่ขึ้นมาที่ปากหม้อได้ไม่ถึงอึดใจก็ให้มีอันจมลงไปในหม้อนรกนั้นอีกเสียแล้วลอยขึ้นและจมดิ่งลงไปอยู่อย่างนี้ไม่รู้ว่ากี่เที่ยวต่อกี่่เที่ยวจึงจะพ้นจากทุกขโทษ และนรกบางขุมปรากฏว่ามีไฟนรกอันร้อนแรงเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา บรรดาสัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนั้นย่อมจะถูกไฟนรกเผาไหม้เป็นนิรันดรกาล จนกว่าจะสิ้นชาตินรกซึ่งนับเวลานานเป็นแสนเป็นล้านปี เช่นนี้แล้วจะเป็นอย่างไร หมายความว่าสัตว์นรกเหล่านั้นจะได้รับความทุกข์ทรมาน ด้วยความร้อนแรงแห่งไฟนรกขนาดไหน เพียงแต่หัวไม้ขีดไฟกระเด็นถูกอวัยวะร่างกายนิดหน่อย เราทั้งหลายก็ให้มีอันเป็นสะดุ้งโหยงอยู่แล้ว เพราะฤทธิ์แห่งความร้อนที่เกิดจากไฟธรรมดา ถ้าไปถูกไฟนรกเผาไหม้ทั้งร่างกายนานนับเป็นร้อยเป็นพันศตวรรษเล่า จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวได้รับความทุกข์ทรมานสักเพียงใด ขอให้ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายจงพิจารณาไตร่ตรองดูเถิด จะอย่างไรก็ดี ใคร่ขอย้ำความไว้ในที่นี้ เพื่อให้รับทราบโดยตระหนักว่า มหาภัยลึกลับอันมีฤทธิ์ร้าย ซึ่งสามารถที่จะฉุดกระชากลากตัวเราผู้มีกรรมไปสู่อบายภูมิในอนาคตกาลภายหน้านั้น มันกำลังจ้องคอยเราอยู่ด้วยความกระหาย

    เมื่อหยั่งทราบความเป็นไปในปัจจุบันว่า ตัวเรานี้เป็นผู้มีโชคดีเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ซึ่งปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่าเป็นมหาลาภอันประเสริฐสุด และหยั่งทราบความเป็นไปในอนาคตภายหน้าว่า หากตัวเราผู้มีมหาลาภในปัจจุบันนี้ยังเป็นผู้มีกรรมติดตัว ก็ย่อมจักต้องมีมหาภัยลึกลับจ้องคอยเราอยู่ด้วยความกระหาย ในกรณีนี้จะทำอย่างไรดี ก็ต้องหาวิธีป้องกันภัยลึกลับไม่ให้ตกต้องมาถึงตัวเราได้เท่านั้นเอง วิธีป้องกันที่ถูกต้องและดีที่สุดก็คือ ต้องพยายามปฏิบัติตามพระโอวาทานุสาสนีแห่งสมเด็จพระชินสีห์เจ้า โดยการเข้าบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนกระทั่่งได้บรรลุพระอริยมรรคญาณอันประเสริญ แต่พอพระอริยมรรคญาณบังเกิดขึ้นในขันธสันดาน พระอริยมรรคญาณนั้นก็จะกลายเป็นไฟเผาผลาญสังหารกรรมทันที ตอนนี้เอง กรรมอันเป็นตัวการสำคัญซึ่งทำหน้าที่ชักนำให้ไปพบกับภัยลึกลับในอนาคต ก็จักถูกเผาผลาญสังหารให้หมดสิ้นออกไปตามลำดับ และเมื่อกรรมอันเป็นตัวการสำคัญถูกสังหารเผาผลาญทำลายลงเช่นนี้แล้ว เราก็จะเป็นผู้ปลอดแคล้วจากภัยลึกลับที่จ้องคอยอยู่นั้นโดยไม่ต้องสงสัย

    นอกจากจะเป็นวิธีป้องกันภัยลึกลับในอนาคตได้อย่างเด็ดขาดดังกล่าวมา การบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานตามกระแสพระพุทธฎีกา ยังอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้บำเพ็ญเป็นอเนกประการ ตั้งแต่ประโยชน์สุขขั้นต้นจนถึงประโยชน์สุขชั้นสูงสุดคือพระนิพพาน ดังนั้นจึงใคร่จะขอโอกาสกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายในที่นี้ว่า อีกไม่ช้านาน เราก็จะพากันถึงแก่กาลกิริยาตายจากพระบวรพุทธศาสนาไปแล้ว แต่ก่อนที่จะจากไป สมควรที่จะได้แสวงหาสมบัติแก้ว คือพระนิพพานเอามาเป็นสมบัติแห่งตนให้จงได้ อย่ามัวพะวงหลงใหลเที่ยวไขว่คว้าแสวงหาสมบัติอื่นใดให้วุ่นวายไปนักเลย ไม่สำเร็จประโยชน์ที่แท้จริงหรือเป็นแก่นสารอย่างใดดอก จงเชื่อเถิด ทั้งนี้ก็เพราะสมบัติทั้งหลายอื่นไม่สามารถชักนำเราผู้มีกรรมให้พ้นไปจากเวรกรรมได้ แต่พระนิพพานสมบัติอันมีอยู่แต่เฉพาะในพระพุทธศาสนา ควรจะนับได้ว่าเป็นยอดสมบัติทรงคุณประเสริฐยิ่งกว่าสมบัติทั้งปวง เพราะอาจช่วยเราให้ล่วงพ้นจากกองทุกข์ใหญ่ในวัฎสงสาร อันเป็นการหมดสิ้นเวรกรรมทั้งหลายได้อย่างแน่นอน

    ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้ท่านผู้มีปัญญาจงอนุสรณ์ถึงพระนิพพานสมบัติแล้วรีบเร่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามกระแสพระพุทธฎีกา เพื่อคว้าเอาพระนิพพานสมบัติมาไว้ในอุ้งหัตถ์แห่งตนเสียแต่บัดนี้ จะได้ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ขอจงรับทราบไว้โดยตระหนักเถิดว่า เวรกรรมของเรานี้จะไม่มีวันสิ้นสุดลงไปเป็นอันขาด หากว่าไม่มีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามครรลองแห่งพระพุทธโอวาท ปราชญ์ทั้งหลายสรรเสริญสดุดีผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานว่า เป็นผู้สร้างปราการอันแข็งแกร่งสำหรับปิดกั้นอบายภูมิให้กับตน อันจะเป็นเหตุให้ล่วงพ้นจากมุขมณฑลแห่งมฤตยู เพื่อเดินทางเข้าไปสู่สถานถิ่นที่สิ้นเวรกรรมกล่าวคืออมตมหานฤพาน ด้วยประการฉะนี้.

    ที่มา: กรรมทีปนี เล่ม ๒, พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) หน้า ๕๗๐-๕๗๖


     
  2. toompom

    toompom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +64
    เรียน ท่านผู้มีใจสูงทั้งหลาย ครับ
    มีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้พวกเราสวดอฐิษฐานเพื่อให้ปลอดภัยจากภัยในอนาคตคือ
    1. เมื่อข้าพเจ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกขอให้ข้าพเจ้าเกิดในประเทศที่ดีที่สมควร
    2. เมื่อข้าพเจ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกขอให้ข้าพเจ้าได้พบพระพุทธศาสนา
    3. เมื่อข้าพเจ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์บนโลกนี้อีกขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ตั้งอยู่ในศีลในธรรม
    4. เมื่อข้าพเจ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ที่ทำบุญได้มาก
    5. เมื่อข้าพเจ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ที่ได้สดับฟังธรรรมะของพระพุทธเจ้ามาก
    ถ้าท่านสวดเช่นนี้ทุกคืนรับรองว่าท่านจะปลอดภัยจากภัยในอนาคตแน่นอนครับ
     
  3. อรุณ แสนคำ

    อรุณ แสนคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +44
    ข้าพเจ้าขอเกิดในบวรพุทธศาสนา และได้นับถือพร้อมปฏิบัติให้พ้นทุกข์ทุกชาติเทอญ
     
  4. Frozen

    Frozen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +33
    หากข้าพเจ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ ขอเกิดในบวรพุทธศาสนาและได้สดับฟังธรรมะพร้อมปฎิบัติทุกๆชาติเทอญ
    สาธุ
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ปิดประตูอบายภูมิแล้ว

    ชีวะทั้งหกหมดสิทธิ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...