ดูจิตแบบ สมาธินำปัญญา หรือปัญญานำสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 22 มิถุนายน 2009.

  1. มัชชิ

    มัชชิ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +0
    ศีล เป็นสภาพรักษาไว้
    สมาธิ เป็นสภาพไม่ฟุ้งซ่าน
    ปัญญา เป็นสภาพรู้ชัด
    วิปัสสนา เป็นสภาพพิจารณาเห็น

    สัมมาสติ เป็นสภาพตั้งมั่น
    สติปัฏฐาน เป็นสภาพมั่้นคง

    ท่านป.อ.ปยุตโต ท่านเคยเปรียบไว้ว่า สติ คือ สมถะ ส่วนสัมปะชัญญะ คือ วิปัสสนา

    ศีลสิกขา จิตตสิกขา ปัญญาสิกขา ผู้แตกฉานท่านว่า คือ ศีล สมาธิ และปัญญา
    ถึงแม้ว่าจะมีบางท่านศึกษางูๆปลาๆ แล้วประกาศว่า จิตตสิกขา ไม่ใช่สมาธิ ก็ตาม ก็แล้วแต่ผู้วินิจฉัยว่าจะเชื่อเฉพาะบุคคล หรือจะเชื่อตามสากล ก็แล้วกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2009
  2. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    คุณมโน ยกตำรา มา อยู่ในขึ้นที่ 2
    เรานำการปฏิบัติ มาคุย อยู่ในขึ้นที่ 3 หลังจากฟังครูบาอาจารย์แล้ว อีกที


    มาเพื่อชี้แจงมิได้มีความประสงค์ที่จะขัดแย้ง
     
  3. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    การอ้างอิง ครูบาอาจารย์ เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามากไป เราจะเดินเองไม่เป็น
    สิ่งแรก เลย ต้องหัดยืนด้วยตัวเองก่อน เราจะเรียกปัญญานะ
    จะมีสติ มีศีล แต่ไม่ค่อยเรียงนะ ให้มันสอดคล้องกันก็พอ
    ถ้าตั้งถ้าเรียง จริง ๆ ก็ไม่ผิดหรอก เพียงแต่เราไปคิด 123 มาำำกไปหน่อย
    อาจจะไปกำหนดข่มมากไป เหมือนกับจะทำอะไรก็ต้องอ่านคู่มือตลอด แล้วเมื่อไรจะวิ่งได้สักทีล่ะ ใช่ไหม อ่านให้เป็นให้เข้าใจให้เป็นแนวทางก็พอ ประมาณนั้น
    มันเป็นวิธีการของใครของมัน จริตใคร จริตมัน
     
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    องค์มันสลับมาสลับไปเป็นส่วน ต่างเติมเต็มให้กันและกันอยู่ ส่วนที่ว่าอะไรจะนำ ก็แล้วแต่ปัญญาของแต่ละท่าน เห็น เลือกใช้ กุศโลบาย รวมไปถึงวิธีอธิบาย จำแนก ทางที่ผ่านเป็นส่วน ๆ ละเอียดปลีกย่อยลงไป ^-^
     
  5. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    ขออนุญาติครับ ผมไม่รู้ธรรมอะไรมากมาย กิเลสยังเยอะ ปัญญายังน้อย

    ที่ผมสนธนา ก็สนทนาเฉพาะคนนะครับ ผมกับพี่ภูตบางทีเหมือนคุยกันแรง แต่ก็คุยกันมาเป็นปี ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อพี่เค้า หรือมีเจตนาร้ายต่อใคร ถ้าจะหาว่าผมกล่าวไม่สมควร ก็ขออภัยด้วย ^-^
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </center> </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%">jinny95, sxsx, ธรรมะสวนัง</td></tr></tbody></table>
    สวัสดีตอนเช้า พี่หนูเล็กนิดเดียว ผู้มีบทความธรรมะ เกี่ยวกับเรื่อง จิตเป็นเรา เราเป็นอะไรไม่ได้นอกจากจิต และสัมมาสมาธิเป็นประธาน เป็นหัวหน้ามรรค

    ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียง แล้วยังฝากผลงานไว้เพียบ ไม่เชื่อหาตาม google ได้ ถ้าเรื่องประมาณดังกล่าว เพียบ ...

    เจริญธรรม ^-^
     
  7. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    พระพุทธศาสนาของเรา มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา
    ดังนั้น สิ่งใดที่พระพุทธองค์มิได้ทรงบัญญัติ พวกเราเหล่าสาวกก็ไม่ควรบัญญัติ

    ทรงบัญญัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ไตรสิกขา ๓
    หรือ ก็คือ อริยมรรค มีองค์ ๘


    ศีล (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ)
    สมาธิ (สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)
    ปัญญา (สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ)

    มิได้ทรงบัญญัติ ศีลสิกขา จิตตสิกขา ปัญญาสิกขา
    สิ่งใดที่พระพุทธองค์มิได้ทรงบัญญัติ พวกเราเหล่าสาวกก็ไม่ควรบัญญัติ

    (smile)
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ คุณจินนี่

    เห็นทำลิงค์ให้ไปอ่านแวบๆเมื่อเช้า
    ตอนนี้ยังหาไม่เจอค่ะ เลยยังไม่ได้ไปอ่าน


    ยินดีในธรรมค่ะ

    (smile)
     
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    อยู่ในห้องอภิญญานี่แหล่ะครับ ลิงค์มันก๊อปมา แล้วมันไม่ไป มันไปแต่หน้าหลัก ก็เลยลบออก ชื่อกระทู้ว่า

    ดูผู้รู้

    อาจจะแตกต่างจะที่พี่สื่อ หรือจะเหมือนกัน แต่ก็ลองศึกษาดูได้ครับ ไว้พี่เป็นผู้ตัดสินใจนะครับ

    เจริญธรรม ^-^
     
  10. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวไปอ่าน ^_^

    (smile)
     
  11. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    [SIZE=-1]เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงมีพระสาวกครบ ๖๐ รูป
    แล้วได้ทรงส่งพระสาวกออกไปประกาศพระศาสนาเป็นครั้งแรก
    ได้ตรัสแก่พระสาวกเหล่านั้นว่า:

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริก (อบรมสั่งสอน) ไป
    เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชนทั้งหลาย เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก
    เพื่อประโยชน์และความสุขของเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายเถิด

    พวกเธออย่าได้ไปรวมทางเดียวกัน ๒ รูป

    จงแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น (ศีล)
    งามในท่ามกลาง (สมาธิ)
    งามในที่สุด (ปัญญา)

    จงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะครบบริบูรณ์, บริสุทธิ์

    สัตว์ทั้งหลาย (ผู้ติดข้องอยู่ในอารมณ์) จำพวกที่มี กิเลสเบาบางมีอยู่
    เพราะไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม, ผู้รู้ทั่วถึง ธรรมจักมี

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เราเองก็จักไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธรรม”


    ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า หลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน
    และโปรดให้พระสาวก ออกไปเผยแพร่สั่งสอน ก็คือ
    หลักธรรมเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ มรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง.

    [/SIZE]มิได้ทรงบัญญัติ ศีลสิกขา จิตตสิกขา ปัญญาสิกขา
    สิ่งใดที่พระพุทธองค์มิได้ทรงบัญญัติ พวกเราเหล่าสาวกก็ไม่ควรบัญญัติ

    (smile) ความสัมพันธ์ระหว่างศีล สมาธิ ปัญญา
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ท่านจินฯที่รัก ท่านตอบผมตามความป็นจริงนะครับว่า
    ตกลงจิตกับกาย ใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว???
    ดังที่โบราณว่า นายว่าขี้ข้าพลอย
    เมื่อจิตสั่ง กายวาจาที่ออกมาย่อมทำตามคำสั่งใช่มั้ย???

    จิตที่มีปัญญาได้นั้นย่อมเป็นจิตที่ตั้งมั่นเท่านั้นใช่มั้ยครับ???
    เมื่อจิตมีปัญญาแล้ว ไม่ต้องตามรักษาศีลหรอกครับ
    ถึงวลานั้นศีลตามรักษาเราผู้ปฏิบัติครับ

    ;aa24
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ท่านจินที่รัก สบายใจได้ครับ ถกธรรมก็คือถกธรรม
    ส่วนความสัมพันธ์ฉันพี่น้องนั้นยังคงอยู่ครับ

    การถกกันมีหนักบ้างเบาบ้างตามภาษาครอบครัวใหญ่ครับ

    ;aa24
     
  14. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ขันธ์๕ ไม่ใช่ของเรา จิตก็อยู่ในขันธ์๕
    จิตจึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา
    ปุถุชนคนธรรมดา ย่อมเข้าใจว่าตัวจิต( วิญญาณขันธ์ ) เป็นของเรา

    ทั้งที่จริงๆ ความเป็นเราก็ไม่มี เพราะความเป็นเราย่อมเกิดกับปุถุชน ในภพของปุถุชนจะ"ไม่มีเรา"บ้างเป็นบางคราวเช่นในคราวที่ มีสติ มีจิตตั้งมั่น มีปัญญา หรือเอาสมาธิไปกดข่มไว้ ความเป็นเราก็จะไม่โผล่ขึ้นมา

    แต่ถ้าเกิดมรรค ผล ขึ้นมาตั้งแต่โสดาปฏิมรรคขึ้นไป ความเป็นเราก็จะไม่มีอีกต่อไป เพราะจิตได้ตัดความเห็นผิดในเรื่องของสักกายทิฏฐิทำให้รู้ว่า กาย ใจหรือขันธ์๕ ไม่ใช่ของเรา
     
  15. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    เพราะจิตได้ตัดความเห็นผิดในเรื่องของสักกายทิฏฐิ
    ถ้าจิตเป็นอนัตตา ไม่เที่ยง
    จิตที่ตัดความเห็นผิด จะเชื่อได้หรือคะ
    จะเชื่อของที่ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา ได้ยังไงคะ ?


    ทำให้รู้ว่า กาย ใจหรือขันธ์๕ ไม่ใช่ของเรา
    ใครรู้คะ ? ว่า กาย ใจ หรือขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของเรา
    ใช่เรารู้มั๊ยคะ?
    ว่า กาย ใจ หรือขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของเรา
    ใช่จิตของเรารู้มั๊ยคะ?
    ว่า กาย ใจ หรือขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของเรา

    และถ้าจิตเป็นอนัตตา รู้ก็ต้องไม่เที่ยง แล้วจะบอกว่ารู้ถูกได้อย่างไร?

    (smile)
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ขออนุญาติ แสดงความเห็นซักนิด นะท่านธรรมภูติ
    ไม่รู้เราเข้าใจท่านถูกไหม ถ้าเข้าใจผิด ก็ขออภัย และวานท่านบอกด้วย
    เพื่อเราจะได้ทำความเข้าใจท่านใด้ถูกต้อง

    ท่านเพียรทำจิตให้เป็นสมาธิ สงบตั้งมั่น
    เพื่อเป็นผลให้ใจท่านบริสุทธิ์ผ่องแผ้วใช่ไหม
    ท่านมีความเห็นว่าจิตคือสมบัติของตน ของเรา ใช่ไหม
    ถ้าทำให้จิตเที่ยงได้ ท่านก็จะเที่ยงไปด้วย ใช่ไหม
    ท่านมีความเห็นว่า ท่านคือความจริงแท้ ใช่ไหม
    ท่านก็อยู่ส่วนหนึ่ง จิตก็อยู่ส่วนหนึ่ง ใช่ไหม
    จิตนี้เป็นของท่านในชาตินี้ ถ้ามีชาติหน้า จิตนี้ยังเป็นของท่านอยู่ไหม
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    ท่านวิมุตติครับ ท่านเป็นถึงครูบาอาจารย์
    ถ้าสอนแบบนี้อย่าสอนเสียเลยดีกว่า
    ปัญญาจะเกิดขึ้นที่จิตได้นั้น จิตต้องตั้งมั่นเท่านั้น
    ส่วนจิตเป็นนาย กาย วาจาเป็นบ่าว

    ถ้านายไม่สั่ง บ่าวจะทำเองหรือครับ
    กรุณาอย่าภาษาวิบัติเลยครับ "จิตที่ออกคำสั่งแบบไม่ได้สั่ง."
    เด็กเห็นเข้าจะหัวเราะเยาะเอาได้นะครับ

    ;aa24
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    "จิตที่ออกคำสั่งแบบไม่ได้สั่ง."

    ขอนุญาติแทรกความเห็น นะคะ

    เราเข้าใจว่า หมายถึง

    จิตออกคำสั่ง จิตดำริห์ที่จะทำ โดยที่เราไม่ได้สั่ง

    ไม่รู้เข้าใจถูกไหม สองคนยลตามช่อง
     
  19. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936

    การเจริญวิปัสนาคือ การรู้ตามความจริงของกายของใจ ว่าเป็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพียงมุมใดมุมหนึ่งก็ได้ เพราะแค่มุมเดียวก็ตัดสังโยชน์ได้แล้ว ระดับของความบริสุทธ์หลุดพ้นมีหลายระดับ ขั้นต้นพระโสดาบันละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ ๓ ข้อ

    ตัวที่ไปรู้ความจริงเหล่านี้คือจิตหรือวิญญาณขันธ์ รู้ครั้งแรกอาจจะตัดสังโยชน์ได้เลย หรือต้องรู้เป็นสิบครั้ง เป็นร้อยครั้ง เป็นพันครั้ง จิตถึงจะตัดสังโยชน์ก็บังคับไมได้ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับกิเลสของแต่ละคนที่หมักหมมนับภพนับชาติไม่ถ้วน

    ในเรื่องการปฏิบัติ เราเพียงแค่สร้างสิ่งแวดล้อมหรือองค์ประกอบที่เอื้อให้จิตได้เรียนรู้ความจริงเท่านั้น เช่นการมีศีล สติ สมาธิ ปัญญา เพือให้จิตได้เรียนรู้ ให้จิตได้มีโอกาสเห็นความจริงด้วยตัวของมันเอง ว่าหลงผิดที่ไปยึดไว้ว่าเป็นของเรา ( ที่ไปยึดไว้เป็นเพียงความเห็นผิด )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2009
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ความเห็นของเรา อาจไม่ตรงกับท่านอื่น

    เราเห็น ว่าจิตก็เป็นนาย กายเป็นบ่าว

    ส่วน เรา เป็น ความคิด เท่านั้น เราไม่ใช่ ทั้งจิต และกาย

    ฐานะ ของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนกิเลสหนา บางคนกิเลสน้อย

    บางคนไม่ยึดมั่นในอัตตาตัวตนของตนแล้ว

    บางคน ละสักกายทิฏฐิแล้ว บางคนยังละไม่ได้

    การใช้สมมุติอธิบายความของตนเอง บางทีคนอื่นอาจเข้าใจผิด เพราะเห็นกันคนละอย่าง

    เพราะ ความคิดของคนมันไม่เหมือนกัน ต่างกันด้วยฐานะ ปุถุชน หรือ พระเสขะ หรือ อื่นๆ

    ส่วนเรามองเห็นแต่ในฐานะปุถุชนเท่านั้น ก็พูดได้แต่สมมุติในแบบปุถุชน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...