ใครจะเป็นอริยะบุคคลหรือไม่ อย่างไร พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้พยากรณ์

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 21 กรกฎาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    [​IMG]



    ถาม: พระอริยะบุคคลเสียใจ แล้วเปลี่ยนคำอธิษฐาน...

    ตอบ: พอๆ คำว่า พระอริยะบุคคลขึ้นไป ไม่มีคำว่าเสียใจ ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป มีแต่ธรรมสังเวชเท่านั้น อย่าใช้คำพูดผิด ปัญญาท่านรู้แจ้งเห็นธรรมมากแล้ว มีแต่ปลงธรรมสังเวช อย่าลืมว่าใครจะเป็นอริยะบุคคลหรือไม่ อย่างไร พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้พยากรณ์ ไม่ใช่เราไปเดาเอง

    ในเมื่อเราไม่ใช่ เราไปเดาเอง ขืนไปเดาเข้ามันก็มีแต่ผิดกับถูกโดยบังเอิญ คราวนี้สิ่งที่เขาทำ มันก็เรื่องของเขาเถอะ เพราะว่าตัวอธิษฐานบารมี อธิษฐานคือความตั้งใจ มันเปลี่ยนกันได้ อย่างเช่นว่า เปลี่ยนความตั้งใจจากการปรารถนาพระโพธิญาณมาเป็นสาวกภูมิ ถ้าท่านเสียใจอยู่ ท่านจะเป็นอริยะไม่ได้ อริยะจิตใจท่านจะผ่องใสเป็นปกติ เสียใจเมื่อไรมันก็มัวสิ

    ถ้าหากถึงวาระที่เราเห็นแล้ว ว่าทุกอย่างมันดีกว่า เราก็ไป เสร็จแล้วเมื่อถึงวาระถึงเวลาจะได้ย้อนมาเพื่อที่จะดึงคนอื่นเขาไปด้วย ถ้าตราบใดที่เรายังลอยคออยู่ เราช่วยคนอื่นอาจจะจมตายไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นมันจำเป็นต้องไปก่อน ขึ้นฝั่งให้ได้ พอขึ้นฝั่งได้แล้ว เราค่อยย้อนกลับมาช่วยเขา อย่าลืมว่าพรหมวิหาร ๔ มีตัวอุเบกขาอยู่ ถ้าหากว่าเราขาดตัวอุเบกขา ไม่รู้จักใช้ปัญญาประกอบ ไม่รู้จักปล่อยวาง เมื่อถึงวาระอันควรนอกจากเสียผลประโยชน์ของเราเองแล้ว คนอื่นทั้งหมดที่อาจจะพึ่งพาเราก็เสียผลประโยชน์ไปด้วย

    เพราะฉะนั้น ถ้าเมตตา มันต้องเมตตาต่อตัวเองก่อน เอาตัวเองให้ได้ดีก่อนน่ะ พอมันได้ดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปการจะช่วยคนอื่นมันก็ง่าย เมื่อวานนี้ได้บอกกับโยมคนหนึ่งว่า ความดีหรือความชั่วมันดึงดูดคนได้ทั้งนั้น คนที่ทำดี กระแสความดีก็จะดึงดูดคนดีเข้าไปหา คนที่ทำชั่วกระแสความชั่วก็จะดูดคนชั่วเข้าไปหา อย่างพวกเจ้าพ่อ มือปืนล้อมกันเป็นร้อยๆ คราวนี้ถ้าเราทำดีจนถึงที่สุดแล้ว ถึงเวลากำลังมันพอ คนอื่นจะคล้อยตามมาเอง

    ที่ดื้อและสอนยากที่สุดคือคนในบ้าน ขนาดพระพุทธเจ้าเองจะกลับไปโปรดพระประยูรญาติ ต้องส่งพระกาฬุทายีล่วงหน้าไป ๓ เดือน เต็มๆ คราวนี้พระกาฬุทายีเมื่อท่านฉันเสร็จ เขาประเคนอาหารใส่บาตรเพื่อถวายพระพุทธเจ้า ท่านก็เหาะไปถวาย ถวายเสร็จ พระพุทธเจ้าฉันเสร็จ ท่านรับบาตรได้ ท่านก็เหาะกลับมา บอกว่าพระลูกเจ้าฉันแล้ว เดินทางมาถึงตรงนี้ๆ แล้ว ทำอย่างนี้อยู่ตลอด ๓ เดือนเต็มๆ ทุกคนเห็นว่า เออ...พระกาฬุทายีเก่ง แล้วพระกาฬุทายีก็ยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างทีทำได้นี่เกิดจากพระศาสดาสอนเรามานั่นน่ะ เขาถึงได้มีความเชื่อในพระพุทธเจ้าบ้าง แต่เชื่อขนาดนั้นแล้วนะ พอพระพุทธเจ้าไปถึงก็มีแต่ผู้ที่อาวุโสน้อยกว่ามาไหว้ ผู้ที่อาวุโสมากกว่าทั้งหมดมีพ่อคนเดียวที่ยอมไหว้ เพราะพ่อรู้ว่าลูกดีแค่ไหน แต่ว่าคนอื่นๆ อย่างเก่งก็ประกาศชื่อประกาศโคตร แล้วก็ยืนดูอยู่ในข้างหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเห็นว่าถ้าไม่ทรมานกันบ้าง ก็คงจะไม่เชื่อกัน ก็เลยเหาะไปอยู่เหนือหัวซะ

    สมัยก่อนถ้าไปยืนเหนือหัวน่ะ พวกโน้นเขาถือตัวมาก ถ้าหากว่าฝุ่นใต้เท้าของใครตกใส่หัว ถือว่าดูถูกกันที่สุด ท่านก็เลยแสดงให้รู้ว่า มันเหนือกว่ากันชนิดที่เรียกว่าจะทำอย่างไรก็ได้ตามใจของท่าน ในเมื่อมันเป็นอย่างนั้น เขาถึงได้ยอมรับกัน แต่ขนาดนั้นถึงเทศน์โปรด ก็ไม่ใช่ว่าจะได้มรรคได้ผลกันทั้งหมด เพราะว่าถือตัวถือตนกันจัดมาก

    คนที่สอนอยากที่สุดคือ คนในบ้านของเราเอง เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะอาวุโสมากกว่า ในเมื่ออาวุโสมากว่า ความมานะความถือตัวถือตน กูเป็นพ่อกูเป็นแม่เป็นพี่ป้าน้าอายังงี้กูใหญ่กว่า กูอายุมากกว่า กูอาบน้ำร้อนมาก่อน มันก็เลยทำให้สงเคราะห์กันยาก เราต้องทำตัวของเราให้เขาเห็น เห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านดีอย่างชัดเจน แล้วเขาจะค่อยๆ คล้อยตามมาเอง เพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดคือต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมกราคม ๒๕๔๗(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
  2. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ๗. ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ๙. ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีศักดิ์ศรีและฐานะเสมอกัน ๑๑. ข้าพเจ้าจะปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ โดยครบถ้วน ๑๒. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศให้ครบถ้วน๑๓. ข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก๑๔. ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมยคนอื่น ๑๕. ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม๑๖. ข้าพเจ้าจะไม่พูดปด๑๗. ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรา ๑๘. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญตนในฌาน ศีล ภาวนา๒๐. ข้าพเจ้าเชื่อว่าพุทธศาสนาเท่านั้นเป็นศาสนาที่แท้จริง ๒๒.ตั้งแต่นี้เป็นต้น ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำสอนของพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด<!-- google_ad_section_end -->
    ........................................................................
    อนุโมทนาครับ
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  5. LittleBuddha

    LittleBuddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +158
    จริงแล้วครับ สำคัญที่สุดคือต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน สาธครับ
     
  6. อู๋ซิน

    อู๋ซิน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +45
    พระอรหันต์ ยังมีอารมส์ อยู่ครับ เพราะขันธ์ 5 ยังครบอยู่ยังไม่ตาย แต่ขันธ์ 5 เป็นแค่กิริยาเท่านั้น ที่ว่าพระอรหันต์เสียใจเป็นอันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ พระอรหันต์ที่นั่งร้องไห้หน้าศพพระพุทธเจ้า ก็เสียใจ นะนั่นน่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2009
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    <label for="rb_iconid_31">[​IMG] </label>อนุโมทนาสาธุ

    โดน ค่ะ โดนเต็ม ๆ
     
  8. มิตรตัวน้อย

    มิตรตัวน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +896
    ผู้กำกับ : มีอีกนิดหนึ่งครับ ลูกศิษย์เขากระซิบเมื่อคืนนี้ มีพระจากวัดสุทัศน์มาเทศน์ออกทีวี สรุปสั้นๆ นะฮะที่เกี่ยวกับหลวงตา เขาบอกว่าถ้าเป็นพระอรหันต์นี่ต้องให้พระพุทธเจ้ารับรอง ถึงจะถูกต้องแท้จริง

    หลวงตา : สันทิฏฐิโก ไปไหนพระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสเอาไว้น่ะ ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วให้พระพุทธเจ้ารับรอง แล้ว สันทิฏฐิโก ที่รู้เองเห็นเองจากการปฏิบัติของตน ใครเป็นคนตรัสออกมา เอ้าตอบกันเดี๋ยวนี้เลย เข้าใจไหม แก้ตกไหม มันมาหาเรื่องไอ้บ้านี่เราว่างั้น เราก็คันฟัน ไอ้บ้านี่มันมาหาว่าอะไร

    ผู้กำกับ : เป็นเจ้าคุณชั้นราชเสียด้วย

    หลวงตา : ชั้นไหนก็ช่างเถอะน่า มันไม่เลยชั้นพระพุทธเจ้าละ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า พระพุทธเจ้าต้องรับรอง ใครเป็นอรหันต์พระพุทธเจ้าต้องรับรอง ไม่มีในคัมภีร์เรียนมาเหมือนกันนี่นะ แต่สันทิฏฐิโกรับรองตลอดใช่ไหมล่ะ ผู้ปฏิบัติจะเป็นผู้รู้เองเห็นเองนั่น เข้าใจหรือ ก็มีเท่านั้นแหละ อย่าเป็นบ้ากับเขา เอ้อ เอาพระเอาอะไรมาอวด อย่ามาอวดถ้าเป็นธรรมพระพุทธเจ้ายอมทันทีเรา ไอ้เรื่องวัดนั้นวัดนี้ชั้นนั้นชั้นนี้ ชั้นหมาอะไรเราก็ไม่ทราบ สนใจกับหัวมันเข้าใจเหรอ เราจะฟังแต่เสียงธรรมเท่านั้นแหละ เอาละพอ

    Luangta.Com - ˅ǧ?ҁ˒?ч ?ҳʑ?ѹ⹦lt;/a>
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ครับจะกล่าวตามจริงก็เป็นเช่นนั้น คือ สันทิกฐิโก จริงๆครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเมตตาต่อสัตว์โลกอื่นๆแล้วเขาจะมีกระแสรับสิ่งนั้นได้ไหม หากเขาไม่มี กิเลสบังตาก็คงเห็นความจริงได้จากการปฏิบัติของตนเอง อาจมาจากคำสอนของพระอริยะสงฆ์องค์นั้น รูปนั้น หรือ จากคำสอนของพระศาสดาโดยตรงก็ สันทิกฐิโก อยู่ดีครับ และเมื่อเป็นพระอริยะบุคคลแล้วก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องพิจารณาธรรมอื่นใดเลยโดยเฉพาะพระอรหันต์ ไม่มีเหตุต้อง คิดว่าเราเป็น หรือ คนนี้ไม่เป็น คนนี้เป็นพระอริยะบุคคลเลยครับ เข้าใจว่า ถามคำเดียวก็ทราบแล้วครับว่าใครเป็นใคร ปริยัติกับปฏบัติต่างกันที่ ความรู้สึกที่ได้ครับ สิ่งที่ได้จากการปฏิบัติ จะมีจะได้ความรู้สึกมากกว่าครับ
     
  10. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    ผมเปนแต่ผุ้น้อย....แต่พอได้ยินได้ฟังมาบ้าง ไม่ใช่ว่าพระโสดาบันท่านไม่ร้อง โสดาบันมีสองประเภทคือ เป็นโสดาบันด้วยกำลังศรัทธา เรียกว่าสัททานุสารี ประเภทนี้ยังร้องให้เสียใจอยุ่ เช่น พระอานนท์ หรือนางวิสาขา (หลานตายยังร้องไห้อยู่ครับ)
    ส่วนอีกประเภทคือ โสดาบันบรรลุเพราะกำลังปัญญา เรียกว่า ปัญญานุสารี (แบบนี้ไม่ร้องไห้ครับ
    )

    ผิดอย่างไรขอเปนความผิดของผม ถ้าถุกต้องก้เปนความดีของท่านผู้สอนครับ
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    อนุโมทนาบุญกับคุณ tamsak เป็นอย่างสูงค่ะ
    ขอให้คุณเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     
  12. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผู้บรรลุธรรมไม่สนใจธรรมทุกชนิดที่ทำให้จิตเศร้าหมอง เพราะมันไม่ใช่สาระความจำเป็นอันใดอีกเลยเมื่อบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว
    อนุโมทนาครับ
     
  13. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539

    ข้อแรกผมขอไม่ตอบนะคับเพราะความรู้ไม่พอ
    ส่วนข้อสอง ท่านหมายถึงว่า เวลาเราจะไปบอกว่าคนนู้นเป็นอรหันต์ คนนี้เป็นโสดาบัน เป็นอนาคามี อะไรเนี่ย มันไม่ใช่วิสัยไม่ใช่หน้าที่ที่เราจะไปบอกว่าคนนู้นเป็นหรือไม่อย่างไร เพราะการที่จะพูดอย่างนั้นเป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้หมายถึงว่าพระอรหันตืตอนนี้จะไม่มี โสดาบันตอนนี้จะไม่มี ต้องรอพระพุทธเจ้ามาพยากรณ์แล้วถึงจะเป็นได้มันไม่ใช่อย่างนั้นคับ
    พระอริยเจ้าก็ยังมีอยู่เป็นปกติ แต่ที่ท่านสื่อ คือหมายถึงอย่างที่บอกคือมันไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปเดาหรือบอกใครต่อใครหรือประกาศว่าผู้นั้นเป็นพระอริยะระดับไหน สว่นหลวงปู่มั่นั้นท่านเป็นพระอรหันต์ฉะนั้นวิสัยใดของศิษยืท่านท่านย่อมทราบแล้วอาจบอกเป็นการภายใน ไม่ได้เป็นเชิงพยากรณ์หรือประกาศออกมา เหมือนองค์พระบรมครู อีกประการท่านเป็นพระโพธิสัตว์มาก่อนท่านย่อมรู็บ้างในพุทธวิสัยก้ไม่แปลกนี่คับที่ท่านจะบอกหรือพยากรณ์ศิษย์ของท่าน

    โมทนาคับ
     
  14. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    ผมเองก็ไม่รู้อะไรมากมายนักแต่จะเอาคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เป็นหลักครับ ตัวผมเองปฏิบัติมาไม่ได้มีอะไรมากมาย ทำได้แค่บรรเทาความเลวของตัวเองได้มั่ง ไม่ได้มั่ง ศีลก็รักษาไว้ได้ดีพอสมควร เพียงแต่ผมไม่มีความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย ท่านว่า อย่างไรก็ทำไปอย่างนั้น คือเรียนแบบโง่ๆ ครับ ไม่เอาความคิดของตนไปเปรียบเทียบ แต่เป็นหน้าที่ของเราผู้ปฏิบัติที่จะต้องปฏิบัติไปให้ได้ตามนั้น คือท่านสอนอย่างไร บอกผลอย่างไร ทำให้ได้ตามนั้นครับแล้วต้องมั่นใจว่าผลจะต้องเป็นตามนั้น แม้ว่าจะยังไม่ได้ผลครับ ผมเองเคยปฏิบัติไปจนมีอารมณ์หลงผิด คิดว่าตนเป็นพระโสดาบัน (โคตรเลวเลย - -") เพราะเปรียบเทียบอารมณ์ที่เป็นอยู่กับสังโยชน์ 3 มันก็ไม่พลาดนี่หว่า มาวันหนึ่ง นั่งฟัง CD หลวงพี่สมปอง จิตตอนนั้นก็เป็นสมาธิ มันไปข้างบนแบบครึ่งกำลัง ครับแบบไปเองอ่ะ พอไปถึงวิมาน ก็พบพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อ คำแรกที่พระองค์ทรงตรัสคืออะไรรู้มั้ยครับ (เอ้า...มาแล้วรึพระโสดาบัน) โอ้โห ผมนี่งงเลย แต่ก็กราบท่านไปก่อน พอลงมานี่ก็มาสงสัยตัวเองอารมณ์เรามันเทียบเคียงสังโยชน์ 3 จริงรึเปล่า มันพลาดตรงไหนก็คิดไม่ออก พอถัดไป 3 วันโดนทดสอบเรื่องศึลครับ สอบผ่านแบบเกือบตก อ่ะ...(อย่าให้เล่าเลย) เลยเข้าใจว่ามันยังไม่ทรงจริง ๆ มันยังต้องระวังคือศีลยังไม่รักษาเรา แล้วบังเอิญ อ่านหนังสื อเจอคำสอนอีกว่า คีนเรานั้นจะเป็นพระอริยะหรือไม่เป็นไม่ต้องสนใจ ให้รักษาอารมณ์ใจไว้ให้ได้ดีก็แล้วกัน อีกอย่างหนึ่งคนที่เขาเป็นเขาจะไม่มีประมาทในตนเอง จะยิ่งระวังรักษาให้มากขึ้น ดีขึ้น ไป ....ที่เล่ามาทั้งหมดนี่เพื่อจะบอกว่าเป็นหรือไม่เป็นอย่าไปสนใจให้มาก ให้รักษาอารมณ์ไว้ให้ได้ตลอดชีวิตก็แล้วกัน หน้าที่พยากรณ์นั้นเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าท่าน จะเมตตาพยากรณ์เท่านั้น ไม่งั้นจะหงายท้องแบบผมดีนะที่พระท่านเมตตาทัก เตือน ไม่งั้น คงได้ลงนรก แน่ ๆ เลย
     
  15. sodapattiphon

    sodapattiphon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +17
    ใครเป็นพระอรหันต์กระดูกเป็นพระธาตุค่ะ ตอนที่ได้โคตรภูญาณก็จะเห็นแสงสีขาว รัศมีประมาณครึ่งเซนติเมตร แสงนี้ไม่ใช่นิมิต เพราะนิมิตเห็นคนเดียว แต่แสงของโคตรภูญาณเป็นแสงจริง สะท้อนในกระจกได้ค่ะ หลังจากที่เห็นแสงก็มีอารมณ์ของโสดาปัตติมรรคคือรู้ว่า กายนี้ไม่ใช่ของเรา หลังจากนั้นก็จะได้โสดาปัตติผล ละความห่วงบางอย่างได้ และไม่พยาบาท หลังจากนั้นก็มีอารมณ์ทีทรงฌานตลอดค่ะ คือ ขนลุก หลวงพ่อฤาษีลิงดำเขียนไว้ค่ะ เรื่องอารมณ์พระโสดาบัน สกิทาคามีและอนาคามี แต่ท่านไม่ได้เขียนเรื่องแสงของโคตรภูญาณไว้ บางคนเห็นแสง บางคนก็ไม่เห็นค่ะ หลวงปู่มั่นท่านเป็นสกิทาคามีค่ะ หลวงปู่แหวนเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่หลวงกตปุญโญเป็นพระอรหันต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2009
  16. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    อืม...เท่าที่จำได้หลวงพ่อเคยบอกว่า กระดูกจะเป็นพระธาตุหรือไม่นั้นอยู่ที่ท่านจะอธิษฐานไม่ใช่หรือครับ ส่วนอารมณ์พระโสดาบันหลวงพ่อท่านก็สอนตรงตัวอยู่แล้วว่า1.มีศีล 5 บริสุทธิ์ 2. เคารพในพระรัตนตรัยจริง(ไม่สงสัย) 3. คิดถึงความตายอยู่เสมอ ๆ ว่าเราจะตายตอนไหนก็ได้ ไม่ประมาท ในการทำความดี 4. มีใจรักพระนิพพาน (แบบว่า ทำบุญอะไรก็หวังนิพพานอย่างเดียว) ส่วนที่บอกว่าหลวงปู่ทั้งหลายจะเป็นขั้นไหนนั้นผมอยากทราบเหตุผลหน่อยครับ ไม่เข้าใจจริง ๆ แต่หลวงพ่อเคยสอนว่าจะเป็นขั้นไหนนั้นถ้าเราไม่ มีระดับจิตเสมอท่านหรือ สูงกว่าจะไม่สามารถรู้ได้นี่ครับ
     
  17. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    ผมว่านะ ถ้าเรายังทำไม่ถึงจิงจิง ความสงสัยก็ต้องมีแน่ๆ และที่คุย ที่ขัดแย้งในด้านความคิดเห็นกันก็เพราะว่าต่างคน ต่างยังไม่ถึงธรรมจิง คือเท่าที่ดูก็จำกันมาอีกทีแล้วก็บวกกับความคิดเห็นส่วนตัวของตัวเองแบบว่านะ กิเลสยังท่วมใจกันอยู่ แต่ดันไปรู้อารมณ์ของท่านผู้ทรงคุณธรรมขั้งสูง ผมว่านะอย่าไปสนใจว่าใครจะเป็นอะไร สนใจตัวเราดีกว่าว่า ขณะนี้เราบรรเทา ยับยั้ง ความไม่ดี อารมณ์ชั่วที่กัด เกาะกินใจเราได้มากน้อยแค่ไหน ละได้มาก วางได้มาก ก็มีความสุขมาก ละได้น้อย วางได้น้อย ความทุกข์ ก็มีมาก
     
  18. คนบรรพต

    คนบรรพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +4,456

    ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...