หลวงพ่อปานเมื่อเด็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 14 พฤษภาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตายครั้งที่ ๒

    การตายครั้งที่ ๒ เมื่ออายุ ๒๗ ปี ตอนนั้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฉันนี่น่ะมันก็ต้องตายเพราะโรคกระเพาะอาหาร เรื่องโรคทางเดินอาหารผิดปกติ มันพ้นโรคนี้ไม่ได้ เพราะท่านบอกแล้วว่าฉันต้องตายเพราะโรคนี้ ฉันอยู่ดีๆ เขาเอายาต้มมาให้กิน ก็กินเข้าไปท้องมันถ่าย ท้องมันถ่ายหนัก ๓ ครั้ง ตาฟางตามเดิม คราวนี้ไม่มีหมอ หมอไม่มีแล้วระหว่างสงคราม หยูกยามันก็ไม่ไหว ยาที่จะกินเข้าไปก็เป็นยาจับฉ่าย ทีนี้พอตามันเพลียๆ ฉันทำยังไง ก็เริ่มจับกรรมฐาน เริ่มจับอารมณ์ตามเดิม พอจิตเป็นสมาธิ จิตมันโปร่งสบาย พุทธานุสสติกรรมฐานนะลูกหลานที่รัก ฉันน่ะรักษาพุทธานุสสติกรรมฐานของฉันนะ ถึงแม้ว่าฉันจะได้กสิณกะเสินอะไรก็ตามเถอะ เวลาที่ฉันจะไปไหนฉันนั่งนิ่งๆนะ ฉันนึกถึงพระพุทธเจ้าของฉันก่อนนะ ทุกคนก็จงอย่าลืมนะ ถ้าใครเขาบอกว่าเขาเลยพุทโธแล้วละก็ทราบเถอะ คนนั้นลงอเวจี เพราะว่าเป็นเพื่อนกับเทวทัต พวกเลยพระพุทธเจ้านี่ก็ถึงเทวทัตเท่านั้นแหละ ไม่มีใคร มีกันอยู่ ๒ คนนะ คู่หูกันนะ คู่ปฏิวัติกันนะ เราจะไปสวรรค์ได้ ไปพรหมโลกได้ ไปนิพพานได้ จงอย่าลืม เพราะอาศัยพระพุทธเจ้าเท่านั้น ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว เราจะรู้ธัมมะธัมโมได้อย่างไร อย่างไรเราก็เกาะต้นเค้ากันไว้ก่อน ฉันยึดพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ตามันฟางเข้ามาทีละน้อยๆ จนกระทั่งมองไม่เห็นอะไร แต่ใจสบาย ฉันก็ปรากฏมีความรู้สึกว่าฉันนั่งอยู่ในโพรงๆหนึ่ง ตัวฉันสวย สวยกว่าการตายครั้งก่อน ฉันพิจารณาดูตัวฉันว่าสวยสดงดงามมาก แล้วดูว่าไอ้ถ้ำหรือโพรงมันโพรงอะไร ปรากฏว่าเป็นร่างกายนี่เอง ไปนั่งอยู่ตรงกลางของส่วนอก แล้วปรากฏเห็นร่างกายใหญ่เหมือนกับถ้ำใหญ่ ฉันมานึกในใจว่า ไอ้ถ้ำนี้เราอาศัยมันมานานแล้ว หรือว่าเปลือกๆ นี้อาศัยมานานแล้ว เราควรจะอยู่หรือว่าควรจะไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ดี หรือจะไปดี ก็เลยตั้งอธิษฐานในจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าควรจะอยู่ต่อไป เขาเรียกว่ายังไม่ควรจะไปจากอัตภาพนี้ เห็นไหมไม่มีความเสียดาย มันมีตัวปรากฏอีกตัวลูกหลานจำให้ดีนะ การตายนี่มันก็เหมือนกับความฝันนั่นแหละลูกเอ๋ย เราอย่าไปนึกกลัวมันเลยนะ ร่างกายมันก็เหมือนเปลือกนอก เหมือนกับช้างเขาสานด้วยไม้นั่นน่ะ คนไปอยู่ในนั้นการเคลื่อนไปเหมือนกัน คนเคลื่อนไปเมื่อทิ้งอัตภาพนั้นแล้วมันก็จะกองอยู่ คนก็เคลื่อนไปตามวาสนาบารมี นึกในใจว่า ถ้าควรอยู่นะ ขอให้มีฉัพพรรณนะรังสีรัศมี ๖ ประการพุ่งมา พออธิษฐานเสร็จก็มีรัศมี ๖ ประการพุ่งมาบนเพดาน พักหนึ่งก็หายไป ฉันก็คิดว่า เอ๊ะ นี่ถ้าควรอยู่จะอยู่ดีหรือไม่ ถ้าอยู่อย่างอื่นดี ไม่ต้องพูดกัน ยศฐาบรรดาศักดิ์ความร่ำรวยฉันทิ้งมันเสียแล้ว นั่นมันตัวนรก พระรวยมันก็ลงนรก ชาวบ้านรวยดี เพราะว่าต้องเลี้ยงลูกตัวเลี้ยงผัวเลี้ยงเมีย ชาวบ้านมียศดี มีเงินเดือน มีศักดิ์ศรี แต่ว่าถ้าพระรวยพระมียศนี่ ตามมติของฉันซวยเพราะเป็นโลกธรรม เพราะไปยึดมั่นถือมั่น ไปเกาะในด้านอุปทานมันจะแย่ นี่ฉันไม่ต้องการ ฉันนึกในใจว่าหากฉันจะอยู่ต่อไป ถ้าสมณธรรมของฉันจะดีกว่านี้แล้ว ก็ขอเห็นฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการ พุ่งมาแล้วนเป็นทักษิณาวัตร ถ้าหากว่าสมณธรรมของฉันไม่ดีกว่านี้ก็ขอรัศมี ๖ ประการจงอย่าปรากฏ พออธิษฐานเสร็จเท่านั้น รัศมี ๖ ประการพวยพุ่งมาเป็นทักษิณาวัตรเสร็จ วงกลม ตั้งอยู่ประมาณ ๑๐ นาที ฉันก็ชื่นใจ พอชื่นใจ พอรัศมี ๖ ประการหายไปก็ปรากฏว่าพระอินทร์เอายามาให้ฉันก้อนหนึ่ง มีรสคล้ายๆกับดิน บอกว่าคุณฉันเสีย โรคจะหาย เมื่อโรคหายแล้วงานที่เขานิมนต์เทศน์ไว้ที่จังหวัดสุมทรสงครามวันมะรืนนี้ ไม่ต้องนิมนต์ใครไปแทนนะ คุณไปได้ กำลังจะดีเป็นปกติ ฉันกินยาแล้วก็ลืมตาขึ้นมา ก็มองดูข้างซ้ายข้างขวาเห็นคนหลายคน ประเดี๋ยวหนึ่งกำลังปรากฏ หายเป็นปลิดทิ้ง ชาวบ้านก็แปลกใจกัน นี่เป็นการตายครั้งที่ ๒ ยังไม่ได้ไปไหน
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตายครั้งที่ ๓

    ตานี้มาว่ากันถึงการตายตรั้งที่ ๓ ว่ากันลัดๆเลยนะ ตอนนี้ฉันอายุ ๓๙ ปี จะเข้า ๔๐ เอางี้แล้วกัน ฉันบวชพรรษาที่ ๑๙ อายุอย่าว่าให้มันตรงนักเลย เอาพรรษาดีกว่า พรรษาที่ ๑๙ ปลายปี เลยพรรษที่ ๑๙ มาแล้ว จะเข้าพรรษาที่ ๒๐ ฉันสร้างเป็นการใหญ่ หลังจากตอนนี้ฟื้นมาแล้วฉันก็นวดใหญ่ เลย มันห่างกันหลายไป วัดใหญ่สร้างทีละ ๓ วัด ๔ วัด พร้อมๆกันปีสุดท้ายนั่น หลวงพ่อปานท่านมาบอกก่อนหน้าเหมือนกันนะ ท่านบอกว่าอีก ๓ ปีคุณจะป่วยหนัก งานก่อสร้างทั้งหมดขอให้เบาตัว ฉันเลยเอาใหญ่เลย ไปห้ามฉันเข้าก็เหมือนกับยุ ฉันน่ะ มันบวมๆแบบนี้ละนะ ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา ฉันนึกว่าถ้ามันจะตายแล้วให้ตายด้วยดี อย่าให้เงินมันขังมากเลย มันรวยมากกลัวว่ามันจะชวนเดินทางไปหาเทวทัต มันจะมีค่าพาหนะไปหาเทวทัต ฉันก็ฟัดหนัก ฟัดเสียเป็นหนี้เขาเป็นล้านๆ ตอนนั้นไม่ใช่เป็นหนี้เป็นแสนอย่างสมัยนี้ เป็นหนี้เป็นล้านนะ ปีหนึ่งๆถึงล้านบาท เลยกว่าล้านบาทก็มี แต่น่าอัศจรรย์ ไม่ทราบว่าชาวบ้านชาวเมืองเขามีศรัทธามาช่วยกันได้ยังไง แต่ละปีหมดไปได้นี่แปลกจัง อันนี้เป็นเรื่องแปลกนะบรรดาลูกหลานทั้งหลาย ตานี้มาถึงปีนั้น โรคที่ฉันเป็นฉันก็รู้สึกว่าเป็นไม่มาก ฉันสร้างโบสถ์ ๒ หลังควบ พอฝังลูกนิมิตแล้ว ปีเดียวแหละฝังลูกนิมิต เริ่มตั้งโบสถ์เมษายน แล้วรุ่งถึงเมษายนอีกทีฉันก็ฝังลูกนิมิตครบปีพอดี หลังจากนั้นฉันก็เดินพาเหรดเข้าโรงพยาบาลทหารเรือ แล้วจากนั้นไปแล้วอาการป่วยก็ปรากฏ มันไม่หนักไม่หนา ตอนป่วยอยู่นี่ซิแปลก พอถึงเวลา ๒ ทุ่ม จวนจะ ๒ ทุ่ม ท้องมันแน่นขึ้นมาทุกวัน เสียดอืด กลางวันมันไม่เป็นไร แต่ว่าจวน ๒ ทุ่มมันเล่นงานฉันทุกวัน มันเสียด มันอืด ป่วยคราวนี้ฉันรู้ตัวว่าฉันแก่แล้ว ฉันคิดว่าการป่วยคราวนี้ฉันตายแน่ ฉันคิดเลยนะว่าฉันตายแน่ ฉันไม่อยู่แล้วอารมณ์ของฉันตอนนั้น ลูกหลานฟังแล้วจำให้ดีนะมันเป็นของสำคัญที่สุด ซึ่งฉันเองฉันก็ทำแบบโง่ๆ ฉันไม่ได้คิดอะไรมากหรอก แล้วฉันก็คิดว่าตามธรรมดาคนตายเอาอะไรไปไม่ได้เลย หมายความว่าทรัพย์สินต่างๆ ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ คราวนี้ฉันคิดว่าตายแน่ ฉันตั้งใจว่าฉันตายเลย ไม่ใช่ว่าฉันจะฆ่าตัวฉันหรอก ฉันคิดว่าฉันไม่รอดแน่ เพราะอาการทางร่างกายฉันมันถูกทรมานมามาก ฉันอดฉันทนมาหลายปี มันกระซ่องกระแซ่งมาหลายปี ไปไหนก็ไปด้วยกำลังใจแท้ๆ กำลังกายจริงๆไม่ไหว ฉันตัดสินใจอย่างนี้ จะพูดให้ฟัง ฟังให้ดีนะ ฉันคิดว่าหนึ่ง ฉันไม่มีพ่อ ไม่ใช่ว่าฉันจะเป็นคนอกตัญญู ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันคิดว่าถ้าความตายมันจะเกิดขึ้นพ่อก็ดีแม่ก็ดี พี่ก็ดี น้องก็ดี ญาติก็ดี เพื่อนฝูงก็ตาม ไม่มีใครช่วยเราได้ ไม่มีใครที่จะมายับยั้งความตายได้ ทรัพย์สินต่างๆก็ดี ไม่สามารถจะมายับยั้งความตายได้ เวลานี้เราเป็นคนไม่มีอะไร เพราะว่าร่างกายนี้มันกำลังจะพัง ถ้าหากว่ามันพังเสียแล้วอะไรเล่าที่เรายึดเอามาได้ แม้แต่ร่างกายเราก็เอาไปไม่ได้ ยังต้องปล่อยให้มันเน่ามันกองจมดิน ฉันมีความรู้สึกอย่างนี้ แล้วก็เลยทำใจเป็นคนว่าง หมายความว่าฉันเป็นคนไม่มีอะไร ฉันเป็นคนไม่มีพันธะ หาพันธะใดๆไม่ได้ทั้งหมด ฉันไม่เอาจิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับอะไรทั้งหมด เวลาใครเขามาพูดเรื่องทรัพย์สินก็ดี พูดเรื่องบุคคลก็ตาม ฉันบอกฉันไม่มีหรอก อย่ามายุ่งกับฉันนะ เวลานี้ฉันป่วย และฉันกำลังจะตาย แกมาเยี่ยมไข้ฉัน แกควรจะพูดได้อย่างเดียวว่า ฉันน่ะใกล้จะตายหรือยัง ทุกขเวทนามันดีขึ้นหรือบรรเทาลง แกจะมาพูดเรื่องทรัพย์สินเรื่องใครต่อใครน่ะฉันไม่เอาด้วย จิตฉันปล่อยว่างๆ จริงๆ ๒ วัน ฉันทำตนเป็นคนสบาย นึกอยู่เสมอว่าไม่ช้ามันก็พังแล้ว ในเมื่อมันจะพังฉันไม่เอามันอีก ฉันเข็ดมันเต็มที ฉันปรนเปรอมันมามาก ฉันเลี้ยงมันมามากร่างกายนี่น่ะ ยาก็หาให้ ข้าวก็หาให้กิน ขนมก็หาให้ จะเอาอะไรฉันหาให้ทุกอย่าง มันไม่ยอมดีสักที มันทรุดลงเรื่อยไป ฉันคิดนับว่าเมื่อไรจะพังหนอ มันอยากพังก็พัง


    พอถึงคืนวันที่ ๓ ใกล้จะ ๒ ทุ่ม ฉันเรียกจ่าพยาบาลเข้ามาบอกให้ไขเตียง ดูเหมือนว่าจะชื่อจ่าเอกพยุง เวลานี้คงจะเป็นนายทหารไปแล้ว มันนานมาแล้วนี่ ให้แกไขเตียงให้นั่ง แล้วจุดธูปเทียนแล้วฉันก็นั่ง ฉันเริ่มตั้งท่าว่าเวลานี้มันใกล้จะเสียดอีกแล้ว มันมาทุกวัน วันนี้ฉันจะตั้งท่าสู้มันก่อน มันจะเสียดหรือไม่เสียดก็ตามฉันจะสู้มันก่อน ฉันก็เลยตั้งท่าสู้มัน เอาจิตทำสมาธิ จับอานาปานุสสติกรรมฐาน แล้วก็ปลงว่าขันธ์ ๕ คือร่างกายมันจะพัง เราไม่ต้องการมันอีก ทรัพย์สินของเราไม่มี ญาติพี่น้องไม่มี พ่อแม่ไม่มี ที่พึ่งอื่นของเราไม่มี นอกจากคุณพระรัตนตรัย เวลานี้เราต้องการคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ธรรมใดที่พระพุทธเจ้าทรงเห็นแล้ว เราต้องการเห็นธรรมนั้น คิดในใจอย่างนี้ ลูกหลานฟังแล้วจำให้ดีนะแค่นี้แหละ ฉันคิดเท่านี้เอง ฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอก ประเดี๋ยวเวลา ๒ ทุ่มตรง ก็ปรากฏว่ามีพรหมองค์หนึ่งมายืนอยู่ข้างหน้าฉัน แสงสว่างมาก มีความสวยสดงดงามมาก บอกว่าสมเด็จให้ไปเฝ้าก็เดินตามแกไป เวลาออกจากตัวรู้สึกว่าร่างกายของฉันสวย สวยปลั่งเลยคราวนี้ สวยกว่าตาย ๒ ครั้งนั่นมาก มันสวยบอกไม่ถูก มีความบางกว่า มีความเบากว่า เครื่องประดับประดาก็สวยงดงามบอกไม่ถูก แกพาเดินลัดเลาะตั้งแต่สวรรค์ชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๖ ตั้งแต่พรหมชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๒๐ หมายความว่า รูปพรหม ๑๖ ชั้น กับอรูปพรหมอีก ๔ ชั้น รวมเป็น ๒๐ ไปหมด พอผ่านพรหมชั้นที่ ๑๖ แล้วแกไม่ไป แกชี้ทางให้ไป ตอนไปตอนต้นฉันไปสบาย เดินกระปรี้กระเปร่าแบบสบาย แต่ทว่าพอเลยพรหมชั้น ๑๖ ไป คล้ายๆกับคนที่ไม่มีแรง ร่างกายนี่มันโผเผไปหมด เหมือนกับคนรื้อไข้ใหม่ๆ แล้วก็ตื่นนอนใหม่ๆ รื้อไข้ใหม่ๆด้วย ตื่นนอนใหม่ๆด้วย เหนื่อยหนักๆด้วย ร่างกายมันไม่มียังงั้น เดินกระซ่องกระแซ่งๆๆ ไป เปะปะๆ จะไม่ไปก็ไม่ได้ ท้าวมหาพรหมท่านให้ไป เมื่อไปแล้วก็ปรากฏว่าไปเจอสถานที่แห่งหนึ่ง มีกำแพง ๔ เหลี่ยม มีซุ้มประตูเป็นที่เข้า แล้วก็กำแพงมันคล้ายๆแก้วผสมทอง พื้นที่เดินเหมือนแก้วผสมทอง เข้าไปเจอะหอระฆังหลังหนึ่ง มีอาคารอยู่ ๓ หลังใหญ่มาก สวยบอกไม่ถูก สว่างไสวมาก วิจิตรตระการตาบอกไม่ถูก มองไปทางด้านทิศตะวันออกเห็นมีสระโบกขรณี แล้วก็มีแท่นแก้ว มีต้นไม้แก้ว ฉันเห็นมันเป็นวัด ตอนนั้นรู้สึกว่ามันวัดอะไรมันสวยจริงๆ ไม่เคยเห็น เงียบสงัดหาคนไม่ได้ มองไปมองมาไม่มีใคร แต่ความชุ่มชื่นความสบายมันเกิดขึ้นแก่จิตบอกไม่ถูก อากาศเย็นกำลังสบาย มีความสุข เลยนอนอยู่ที่หอระฆัง พอนอนที่หอระฆังก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออก พอดีเห็นพระองค์หนึ่ง มีฉัพพรรณรังสีรัศมี ๖ ประการ พวยพุ่งออกมาจากกาย ท่านเดินมาทางด้านกำแพงทิศตะวันออก ตอนนั้นไม่มีประตูเข้า พอท่านเดินมาถึงกำแพง กำแพงมันก็ขาดออกไป หดตัวเข้าไป ท่านก็ผ่านกำแพงมา แล้วกำแพงมันก็ชนติดกัน ท่านเดินมาที่ฉัน ในใจก็นึกว่าพระพุทธเจ้า เพราะองค์นี้เคยเห็นบ่อย พอท่านมาถึงฉัน ฉันก็ลงจากเชิงหอระฆัง ท่านก็นั่งแทนแล้วฉันก็กราบ ท่านถามว่าสัมพเกษี เธอคิดหรือไม่ว่า ในชาตินี้เธอจะมานิพพานได้ ฉันแปลกใจเรื่องนิพพานนี่นะ เพราะว่าเขาบอกว่านิพพานสูญ ฉันเลยกราบทูลท่านว่า ข้าพระพุทธเจ้าไม่เคยคิดพระพุทธเจ้าข้า ท่านถามว่าทำไม ฉันเลยตอบว่าเขาบอกว่านิพพานสูญ ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบว่านิพพานอยู่ที่ไหน ก็เลยไม่คิดว่าจะไป คิดอย่างเดียวว่าถ้าตายแล้วไม่ต้องการขันธ์ ๕ ไม่ต้องการความเกิดอีก ท่านก็เลยเรียกว่าสัมพเกษี ที่ตรงนี้เขาเรียกอะไร ก็กราบทูลท่านว่าข้าพระพุทธเจ้าไม่รู้จักพระพุทธเจ้าข้า ท่านก็ถามต่อไปว่าพรหมชั้น ๑๖ น่ะเธอเห็นแล้วรึยัง บอกว่าพรหมชั้นที่ ๑๖ ข้าพระพุทธเจ้ามาเที่ยวเป็นปกติพระพุทธเจ้าข้า รู้จักดี ท่านถามว่านี่เขาเรียกว่าพรหมชั้นที่ ๑๖ ใช่ไหม ก็ตอบว่าไม่ใช่ เพราะว่าเลยมาแล้วพระพุทธเจ้าข้า ท่านจึงได้บอกว่า ตรงนี้น่ะเขาเรียกว่านิพพาน พอเลยชั้นที่ ๑๖ เข้ามาเขาเรียกนิพพาน ก็แปลกใจถามว่า เห็นครูบาอาจารย์ท่านสอนว่านิพพานสูญอย่างไรเล่าพระพุทธเจ้าข้า ท่านก็ทรงแย้มพระโอษฐ์บอกว่า คนที่เขาเขียนนิพพานสูญน่ะ เข้าไม่เคยเห็นนิพพานนะสัมพเกษีนะ เวลานี้เธอเห็นแล้ว แล้วเธอคิดไหมเล่าว่าชาตินี้เธอจะนิพพานได้ ตอนนั้นกำลังใจมันไม่มีก็ยืนยันว่า ข้าพระพุทธเจ้าไม่เคยคิดว่าจะมาได้พระพุทธเจ้าข้า ท่านจึงนิมิตไม้ขึ้น ๑๐ ท่อน เป็นไม้ลำ บ้องแค่ศอก บางๆแล้ววางไว้ แล้วท่านบอกว่าพระที่จะมานิพพานได้เขายกไม้อันนี้ขึ้น แล้วท่านก็เรียกพระมา ๙ องค์ พระไม่รู้มาจากไหน โผล่ผลุบผลับก็มาถึง ปรากฏว่าองค์ที่ ๓ หรือองค์ที่ ๔ จำไม่ค่อยได้ ดูเหมือนจะเป็นองค์ที่ ๔ หรือองค์ที่ ๓ จะเป็นหลวงพ่อปานวัดบางนมโคอาจารย์ฉัน แต่ละองค์พอท่านเดินมาถึงก็หยิบไม้ใส่บ่า แบกเบาๆ แล้วเดินไปสบายๆ หลวงพ่อปานท่านเห็นฉันท่านมองยิ้มๆ แล้วท่านหยิบไม้ แล้วท่านเดินผ่านไป พอ ๙ องค์เดินผ่านไปหมดแล้วท่านสั่งว่าอีกท่อนหนึ่งเป็นของเธอ ฉันนึกในใจว่าฉันยกไม่ไหว ฉันคิดในใจนะว่าฉันยกไม่ไหวนะ แต่ว่าเกรงใจท่าน จะต้องยก ก็เข้าไปยกไม้ ตั้งท่ายักแย่ยักยัน แต่ว่าพอยกเข้าจริงๆ พอจับแล้วปรากฏว่าไม้เบามาก เบาเหมือนเศษกระดาษเช็ดมือเช็ดปากชนิดเดียวที่ติดอยู่ที่มือ ฉันมีกำลังขึ้นมาทันที เอาใส่บ่าเดินตามพระไป พอเดินไปได้ประมาณ ๑๐ ก้าว ท่านเรียกกลับมาบอกว่าสัมพเกษีวางไม้ก่อนลูก วางไว้ก่อนนะ เธอยังไปไม่ได้ วิปัสสนาญาณของเธอยังอ่อน เธอทราบแล้วใช่ไหมว่าวิปัสสนาญาณอ่อน บอกว่าข้าพระพุทธเจ้าทราบแล้วพระพุทธเจ้าข้า ท่านถามว่าทำไมไม่เร่งรัด บอกว่าเคยคิดว่าจะมาแค่พรหม ตั้งใจไว้ว่าจะมาแค่พรหม ไม่เคยคิดว่าจะมานิพพานได้ ท่านเลยบอกว่า กลับไปนะสัมพเกษี กลับไป ไปฝึกวิปัสสนาญาณให้เข้มแข็ง หลังจากนี้เป็นต้นไปเวลา ๔ ทุ่มตรง ถ้ามีแขกอยู่ก็จงเลิกรับแขกเข้าที่นอนบูชาพระ ฉันจะไปสอนอริยสัจจนกว่าเธอจะได้ผล กลับไปปฏิบัติตามนั้น แล้วจงอย่าลืมนะ อารมณ์ที่เธอคิดนั่นเป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ หมายความว่าการที่จะมานิพพานได้ ที่เธอคิดว่าเธอน่ะ พ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงทรัพย์สินต่างๆ ไม่สามารถจะช่วยเธอได้เมื่อเธอจะตาย ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ สิ่งที่เป็นประโยชน์คือคุณพระรัตนตรัย แล้วเธอไม่ต้องการร่างกายเพราะมันป่วยไข้ไม่สบาย มีความทุกข์อยู่เสมอ ขึ้นชื่อว่าความเกิดไม่ต้องการอีก อันนี้เป็นอารมณ์ของอรหันต์ คนทุกคนถ้าภาวนาอย่างนี้เป็นอารมณ์แล้วมานิพพานได้ทุกคน เท่านี้แหละท่านก็ส่งกลับ ปรากฏว่าฟื้น เรื่องราวข้างล่างไม่ต้องบอกกันว่าอะไรเป็นอะไร เอาละบรรดาลูกหลานที่รักทั้งหลาย ฉันพูดเรื่องของหลวงพ่อปานมาก็นาน แต่บางทีก็มีอะไรแทรก ความประสงค์ของฉันก็จะเล่าให้ลูกหลานฟัง ว่าการตายวาระที่ ๑ วาระที่ ๒ วาระที่ ๓ จะให้รู้ว่าการตายของคนเราจริงๆ ก็มีสภาพเหมือนความฝัน แล้วก็ความตายนี่มันเป็นของธรรมดา


    ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า สัตว์โลกทั้งหมดเกิดเท่าไรตายเท่านั้น ไม่มีสัตว์หรือว่าคนไหนจะไม่ตาย ความตายนี่น่ะเป็นกีฬาของชีวิต หมายความว่าคนเรานี่นะไม่ได้ท้อแท้ต่อความตาย เห็นความตายเป็นเครื่องเล่นคล้ายกีฬา ความจริงจิตของเรานั้นอาจจะหวาดหวั่น แต่ว่าร่างกายของเรานั้นมันเดินเข้าไปหาความตาย แล้วเราก็หนีไม่พ้น ขอบรรดาลูกหลานทุกคนที่ฟังเรื่องราวของหลวงพ่อปานที่ฉันเล่ามา มันเป็นสาระบ้าง ไม่เป็นสาระบ้าง เมื่อฟังแล้วก็อย่าถือเอาไปเป็นตำรับตำรานะ เพราะว่ามันเป็นมุมหนึ่งของพระรุ่นกระจิ๋ว ที่เข้าถึงมุมหนึ่งของพระพุทธศาสนา เข้ามาไม่ครบทุกมุม เห็นโน่นนิด เห็นนี่หน่อยแล้วมาเล่าให้ฟัง อย่าเอาเรื่องนี้ไปเกี่ยวกับชาวบ้านเขา ถ้าเขาพูดอะไรผิดไปกว่านั้นละก็อย่าเถียงกับเขา ปล่อยเขา ถ้าเราอยากจะรู้ตามความเป็นจริง ลูกหลานที่รัก พยายามฝึกทิพยจักษุญาณให้ปรากฏ วิธีฝึกทิพยจักษุญาณนี่เป็นของไม่ยาก จับภาพพระหรือภาพแสงสว่างหรือภาพไฟอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอารมณ์ เป็นลูกแก้วก็ได้ เวลาหลับตานึกถึงภาพนั้น แล้วตั้งอารมณ์ให้ทรงอยู่ ทำยังงี้เสมอๆ แล้วไม่ต้องคิดอะไรหมด เมื่อจิตมันปรากฏเป็นสมาธิดีแล้ว ความรู้สึกทางจิตน่ะมันเกิดขึ้น คำว่าทิพยจักษุญาณนี่ไม่ใช่ตาเนื้อ เป็นทิพย์ คือความรู้สึกทางจิตน่ะมันเกิดขึ้น รู้คล้ายๆกับตามองเห็นอย่างนี้ เขาเรียกว่าทิพยจักษุญาณ


    เอาละลูกหลานที่รัก เวลานี้ก็สมควรแล้ว พูดมาก็นานหลายชั่วโมง หลายวัน เออ วันที่พูดเป็นวันที่ ๒๕ มกราคม อันเป็นวันสุดท้าย พ.ศ.๒๕๑๕ จะได้จำไว้ว่าฉันพูดเมื่อไหร่ แล้วเวลาที่ลงมือพูดคือเวลา ๘ นาฬิกา ๓๐ นาที เวลานี้ก็พอสมควรกันแล้วนะ ฉันก็จะลาลูกหลานนะ


    ขอความสุขสวัสดิ์พิพัตนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาลูกหลานที่รักทุกคนสวัสดี.
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ<O:p</O:p
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]

    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    ประวัติของหลวงปู่อ่านกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ
    อ่านแล้วได้ทั้งเนื้อหาและสาระที่เป็นประโยชน์มากครับ
     
  5. sean2738

    sean2738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    797
    ค่าพลัง:
    +1,754
    สร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 10 วา
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=65729


    ร่วมสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ "สมเด็จองค์ปฐม" ก้บวัดธรรมยาน

    http://palungjit.org/showthread.php?t=119095
    <!-- google_ad_section_end -->
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนาย<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>เวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  6. chadinsorn

    chadinsorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +1,879
    อนุโมทนาทุกๆ ประการครับ


    (ลพ.ฤาษีลิงดำ กล่าวไว้ว่า)
    "ถ้าไปนิพพานได้ เลิกแล้วปล่อยใจทำความชั่วต่อไป อย่างนี้ถึงจะไปนิพพานได้วันละ 100 เที่ยว ตายก็ลงนรก"
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. pisut168

    pisut168 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +1,961
    คาถา4คำที่หลวงพ่อปานบอกว่าภาวนาแล้วเห็นผีคือคำว่าอะไรบ้างครับ
    ถามหลายคนแล้วยังไม่มีใครรู้เลยครับ
     
  8. orvet49

    orvet49 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +82
    [​IMG][​IMG][​IMG]อนุโมทนา สาธุ[​IMG][​IMG][​IMG]
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018

แชร์หน้านี้

Loading...