โครงสร้างของศากยวงศ์ (ตระกูลของพระพุทธเจ้า) ที่หลายคนยังไม่รู้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย หญิงจัน, 31 กรกฎาคม 2009.

  1. หญิงจัน

    หญิงจัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +2,655
    เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย เกี่ยวกับโครงสร้างศากยวงศ์

    โครงสร้างศากยวงศ์

    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1>จากหนังสือ 'ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย'
    โดยพระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ พระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๙
    โพสท์ใน กระทู้มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ โดย ทับตะวัน..นำมาฝาก [23 เม.ย. 2548]


    ในยุคบรรพกาล ได้มีชนเผ่าเชื้อสายอริยกะหรืออารยันอพยพเข้ามาตั้งร กรากและราชธานี ณ เชิงเขาหิมาลัย ชนเผ่าที่อพยพเข้ามาในภายหลัง
    ก่อนหน้านั้นดินแดนแถบนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมิลักขะ ซึ่งมีความเจริญที่น้อยกว่า พวกอริยกะหรืออารยันเป็นพวกที่นับถือในศาสนาพราหมณ์เ คร่งครัด และเชื่อถือในระบบวรรณอย่างสุดโต่ง
    โดยเชื่อว่าวรรณะทั้ง ๔ ไม่สามารถที่จะแต่งงานร่วมกันได้ ถ้าแต่งงานบุตรจะกลายเป็นจัณฑาลทันที พวกเขาถือว่าตนยิ่งใหญ่ และบริสุทธิ์กว่าสายเลือดอื่น ๆ จึงแต่งงานด้วยกันเองภายในหมู่พี่น้องและวงศาคณาญาติ ซึ่งมีอยู่ ๒ ตระกูลคือ
    ๑. ศากยวงค์
    ๒.โกลิยวงศ์
    และเพราะความถือตัวจัดนี้เอง ที่ทำให้กรุงกบิลพัสดุด์ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ด้วยอำนาจของพระเจ้าวิฑูฑภะ โอรสพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี
    ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะเอง ก็ใช่อื่นไกลเป็นพระนัดดาของพระเจ้ามหานามแห่งกรุงกบ ิลพัสดุ์นั้นเอง
    พระองค์ถูกเหยียดหยามจากพระญาติถึงขนาดเอาน้ำนมชำระล ้างสถานที่ทุกแห่งที่พระองค์ประทับในกรุงกบิลพัสดุ์ค ราวเสด็จเยี่ยมพระญาติ โดยพวกศากยะกรุงกบิลพัสดุ์รังเกียจว่า พระมารดาของพระองค์ไม่ใช่คนวรรณะกษัตริย์ แต่เป็นทาสีซึ่งเป็นคนละวรรณกับพวกตน นี่คือชนวนของการทำลายล้างกรุงกบิลพัสดุ์ในเวลาต่อมา
    เกี่ยวกับทฤษฏีของชนชาติอารยันของพวกศากยะที่เมืองกบ ิลพัสดุ์นี้ นักปราชญ์ไทยหลายท่านตั้งข้อสงสัยว่า พวกเขาน่าจะเป็นคนผิวเหลืองเชื้อสายมองโกลอยเหมือนคน ไทยมากกว่าที่จะเป็นอารยันแบบแขก เพราะตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือมีชาวเนปาลเป็นจำนวนมากเชื่อว่าตัวเองเป็นเชื้อสา ยศากยะ และหน้าตาพวกเขาก็เป็นคนผิวเหลืองไม่ใช่แขกอินเดีย แต่ประเด็นนี้คงต้องศึกษากันต่อไป และไม่ควรด่วนสรุป เพราะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้แขกอินเดียเป็นจำนวนมากก็มีนามสกุลโคตมะหรือเคาตม ะและยังเชื่ออีกว่าพวกเขามีเชื้อสายเดียวกับพระพุทธอ งค์
    ในทัศนะของคนเนปาลเองทุกคนเชื่อเต็มเปี่ยมว่าพระพุทธ เจ้าเป็นชายเนปาล ไม่ใช่อินเดียเพราะพระองค์เกิดในฝั่งเนปาลไม่ใช่อินเ ดีย ซึ่งเป็นความจริงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าตามสถานที่ประสู ติแล้ว ลุมพินีและกบิลพัสดุ์ก็ล้วนแล้วอยู่ในฝั่งเนปาล แต่เมื่อก่อนคำว่า อินเดีย เนปาลยังไม่เกิด มีแต่คำว่าชมพูทวีป พระพุทธองค์ใช้ชีวิตส่วนมากที่ฝั่งอินเดีย เพราะขณะที่พระชนม์ชีพอยู่ เมืองกบิลพัสดุ์ของพระองค์ก็ร้างแล้ว และเขตแดนกปิลพัสดุ์ลุมพินีก็ยังอยู่ในฝั่งอินเดีย จนอังกฤษเข้าปกครองอินเดียและยกให้เนปาลเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๕ มานี้เอง
    อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ต้นตระกูลของศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าโอกกากร าชและแบ่งออกเป็น ๒ เมือง,๒ ตระกูล คือ เมืองกบิลพัสดุ์ เป็นนครหลวงของแคว้นสักกะ และเมืองเทวทหะเป็นนครหลวงของแคว้นโกลิยะ ดังมีโครงสร้างดังนี้
    ฝ่ายศากยวงศ์พระเจ้าชัยเสนมีพระราชโอรสและธิดา ๒ พระองค์ คือ
    ๑. พระเจ้าสีหนุ ๒. พระนางยโสธรา
    ฝ่ายโกลิยวงศ์ มีพระราชาที่ไม่ปรากฏนาม มีโอรส ๑ และธิดา ๑ คือ
    ๑. พระเจ้าอัญชนะ ๒. พระนางกาญจนา
    พระเจ้าสีหนุแห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางกาญจนา แห่งโกลิยวงศ์มีพระโอรสและธิดารวม ๗ พระองค์คือ ..
    ๑. พระเจ้าสุทโธทนะ
    ๒. พระเจ้าสุกโกทนะ
    ๓. พระเจ้าอมิโตทนะ
    ๔. พระเจ้าโธโตทนะ
    ๕. พระเจ้าฆนิโตทนะ
    ๖. พระนางปมิตา
    ๗. พระนางอมิตา
    พระเจ้าอัญชนะแห่งโกลิยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางยโสธรา แห่งศากยวงศ์ มีพระโอรสและพระธิดารวม ๔ พระองค์คือ
    ๑. พระเจ้าสุปปพุทธะ
    ๒. พระเจ้าทัณฑปาณิ
    ๓. พระนางสิริมหามายา
    ๔. พระนางมหาปชาบดีโคตมี
    พระเจ้าสุทโธทนะ แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางสิริมหามายาแห่งโกลิ ยวงศ์ มีพระโอรส ๑ พระองค์คือ...
    ๑. เจ้าชายสิทธัตถะ
    และต่อมาหลังพระนางสิริมหามายาสวรรคต พระองค์อภิเษกสมรสกับพระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระโอรสและธิดา ๒ พระองค์คือ...
    ๑. เจ้าชายนันทะ
    ๒. เจ้าหญิงรูปนันทา
    พระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งโกลิยวงศ์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางอมิตาแห่งศากยวง ศ์มีพระโอรสธิดารวม ๒ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายเทวทัต
    ๒. พระนางยโสธรา (พิมพา)
    พระเจ้าสุกโกทนะ.. แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางกิสาโคตมี มีพระโอรสหนึ่งพระโอรส ๑ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายอานนท์
    พระเจ้าอมิโตทนะ.. แห่งศากยวงศ์ มีพระโอรสธิดารวม ๓ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายมหานาม
    ๒. เจ้าชายอนุรุทธะ
    ๓. เจ้าหญิงโรหิณี
    พระเจ้ามหานาม.. ครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าสุทโธทนะมีพระธิดาจากนางท าสี ๑ พระองค์คือพระนางวาสภขัตติยา ซึ่งต่อมาได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสา วัตถี มีพระโอรส ๑ พระองค์ คือ
    พระเจ้าวิฑูฑภะ


    ซึ่งคัดลอกมาจากหนังสือ 'ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย' ซึ่งเขียนและรวบรวมโดยพระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ พระธรรมทูตสายต่างประเทศรุ่นที่ ๙
    กราบอนุโมทนามา ณ.ที่นี้ด้วยครับ
    โดย ทับตะวัน..นำมาฝาก [23 เม.ย. 2548]
    ที่มา http://www.dharma-gateway.com/buddha...index-page.htm


    ที่มา สมาธิ.คอม<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
     
  2. หญิงจัน

    หญิงจัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +2,655
    เท่าที่รู้มีพระองค์หนึ่ง ในเมืองไทยที่เป็น ศากยวงศ์ อยู่ อยากให้รู้จัก สืบสายเลือดทาง พระญาติกับทางพระพุทธเจ้าหรือพระอานนท์

    พระดร. อนิลมาน ธมฺมสากิโย (ศากยะ)


    [​IMG]



    ตามประวัติของ พระอนิลมาน ธมมสากิโย (ศากยะ) นั้น นามเดิมของท่านมีความหมายว่า "สายลมแห่งผู้กล้าหาญ" ด้วยท่านเป็นสายเลือดศากยะรุ่นปัจจุบัน ผู้ก้าวตามรอยเส้นทางธรรมของบรรพบุรุษเฉกเช่น พระพุทธองค์และพระอานนท์ ด้วยแรงศรัทธาที่ซึมซับมาแต่วัยเยาว์ สามเณรแห่งวงศ์ศากยะเดินทางสู่แผ่นดินไทย ร่ำเรียนจนจบการศึกษาปริญญาตรีพุทธศาสตร์จากมหามกุฏราชวิทยาลัย ต่อด้วยปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยตรีภูวัน ในแผ่นดินกำเนิด และปริญญาเอกด้านสังคมวิทยา-มานุษยวิทยา ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้บวชเรียนและได้รับการอุปถัมภ์บำรุง รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระณาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งท่านได้ให้การอุปถัมภ์มาตั้งแต่เป็นสามเณร ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และก็ยังสนองงานเจ้าประคุณสมเด็จจนกระทั่งบัดนี้ ท่านมีปณิธานธรรมอันแรงกล้าที่จะทำหน้าที่สืบสายธารธรรมแห่งต้นสายบรรพบุรุษของท่าน ด้วยหวังจักเห็นพุทธศาสนาได้รับการฟื้นฟูอย่างมั่นคงงอกงามในแผ่นดินอันเป็นถิ่นกำเนิดของพระพุทธองค์

    พระอนิลมาน เล่าให้ฟังถึงการเป็นสายเลือดศากยะว่า

    "ต้นตระกูลของอาตมาน่าจะเป็นพระญาติกับทางพระพุทธเจ้าหรือพระอานนท์ และในพวกศากยะเขาจะมีพิธีจุฑากรรม หมายถึง พิธีตัดจุก การจะเป็นศากยะที่บริสุทธิ์นี่จะต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ หนึ่ง พ่อต้องเป็นศากยะที่สืบสายเลือดมา สอง แม่ต้องเป็นศากยะที่สืบสายเลือดมาเช่นกัน เมื่อพ่อแม่เป็นศากยะเลือดบริสุทธิ์ ลูกที่เกิดมาก็ต้องเป็นศากยะ แต่ว่าเขาจะยังเป็นศากยะที่บริสุทธิ์ไม่ได้จนกว่าจะเข้าพิธีจุฑากรรม คือ พิธีบวชเณร 4 วัน ถึงจะครบองค์ประกอบ 3 อย่าง ซึ่งจำลองมาจากเหตุการณ์สมัยพุทธกาลตอนพระพุทธเจ้าประสูติ และศากยะนี่ต้องนับถือพุทธ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เพราะถือว่าต้นตระกูลนี่คือ พระพุทธเจ้า"


    พระดร. อนิลมาน ธมฺมสากิโย (ศากยะ)

    พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโยเป็นชาวเนปาลที่บวชเป็นสามเณร ในประเทศเนปาล และมาศึกษาพระธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเมื่ออายุครบบวชพระ ได้อุปสมบท ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เป็นอุปัชฌาย์ แล้ว เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกได้ให้การอุปถัมภ์มาตั้งแต่เป็นสามเณร ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และก็ยังสนองงานเจ้าประคุณสมเด็จจนกระทั่งบัดนี้

    การศึกษา
    • จบปริญญาตรี ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ) คณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย
    • จบปริญญาโท (MA) ด้านมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยตรีภูวัน ประเทศเนปาล
    • จบปริญญาโท (MPhil) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จาก วิทยาลัยคราอิสต์ คอลเลจ (Christ College) มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    • จบปริญญาเอก (PhD) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จากมหาวิทยาลัยบรูเนล (Brunel University) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    หน้าที่การงานในปัจจุบัน
    • เป็นรองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย
    • อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย
    • อาจารย์พิเศษวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
    • อาจารย์พิเศษ Santa Clara University, CA, USA
    • กรรมการมูลนิธิแผ่นดินธรรม ในพระสังฆราชูปถัมภ์

    สถานที่จำพรรษาในปัจจุบัน วัดบวรนิเวศวิหาร คณะสูงนานาชาติ ถนนพระสุเมรุ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    ที่มา : http://www.semsikkha.org/review/content/view/634/150/
    และ วิกิพีเดีย<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2009
  3. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    ถ้ายึดตามข้อมูลในพระปฐมสมโพธิกถา วงศ์ของพระพุทธเจ้าเริ่มจาก พระเจ้ามหาสมมติเทวราชปฐมกษัตริย์ (พระชาติหนึ่งตอนที่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ในตอนต้นกัปป์นี้) ทรงมีพระโอรสพระนามว่าพระเจ้าโรชราช และสืบต่อมาหลายลำดับถึงพระเจ้ามันธาตุราช (น่าจะเป็นชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์ ที่ทรงมีอายุยืนมากและมีเดชานุภาพขึ้นไปครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ร่วมกับท้าวสักกะถึง 18 พระองค์) และสืบวงศ์ไล่มาเรื่อยๆได้ 84,000 พระองค์ จนถึงวงศ์โอกการาช ซึ่งมีพระเจ้าปฐมโอกการาช พระเจ้าทุติโอกการาช และพระเจ้าตติโอกการาชซึ่งต้องจำใจยกราชสมบัติให้แก่ลูกของมเหสีใหม่เพราะทรงให้พรไว้ จึงให้โอกกากมุขราชกุมารและพี่น้องไปตั้งเมืองใหม่ ซึ่งได้มาตั้งพระนครกบิลพัสดิ์ ณ ที่ตั้งของอาศรมของกบิลดาบส (ชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์) และเริ่มประเพณีแต่งงานในระหว่างพี่น้องกันเอง จึงได้ชื่อว่าศากยวงศ์ และสืบเชื้อสายเรื่อยมาจนถึงพระเจ้าสีวีราช ซึ่งยุคนี้ได้เปลี่ยนชื่อไปเป็นกรุงเชตุดร ต่อมาก็คือพระเจ้าสญชัย และพระเวสสันดรราช(พระชาติรองสุดท้ายของพระโพธิสัตว์) ต่อมาพระโอรสชาลีก็สยุมพรกับพระธิดากัณหา และสืบวงศ์กษัตริย์มาได้ 1 แสน 6 หมื่น 1 พันพระองค์ จึงถึงพระเจ้าชัยเสนราช และพระเจ้าสีหหนุราชซึ่งเปลี่ยนชื่อเมืองกลับเป็นกรุงกบิลพัสดุ์อีก ต่อมาจึงถึงพระเจ้าสุทโธนะ พุทธบิดานั่นเอง
    พระพุทธองค์ตอนทรงเป็นพระโพธิสัตว์ก็คือต้นวงศ์ของพระองค์เอง กรุงกบิลพัสด์ก็ทรงให้สร้างในสถานที่มงคลซึ่งทรงกำหนดตอนเกิดเป็นกบิลดาบส
     
  4. Dookbuabarn

    Dookbuabarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +225
    สาธุกับข้อความของ คุณหญิงจัน และ คุณถิ่นธรรม

    ที่ได้นำข้อความที่ดีและมีประโยชน์มากสำหรับพวกเราชาวพุทธศาสนิกชน
    ที่ควรจะได้รับทราบประวัติศาสตร์ความเป็นมาแห่ง พระพุทธองค์ เป็นสาระ
    ที่ดีมาก ยอดเยี่ยมเลยค่ะ

    ขออนุโมทนาด้วยนะคะ
     
  5. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    ขยายความเพิ่มเติมกำเนิดกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ

    พระเจ้าตติยโอกกากราช มีพระมเหสี 5 องค์ คือ พระนางหัฏฐา พระนางจิตตา พระนางชันตุ พระนางชาลินี พระนางวิสาขา พระมเหสีเอกคือพระนางหัฏฐามีพระโอรส พระธิดา รวม 9 พระองค์ ได้แก่ โอกกามุขราชกุมาร กรัณฑราชกุมาร หัตถินิเสราชกุมาร นิปิรราชกุมาร นางปิยาราชกุมารี นางสุปิยาราชกุมารี นางอานันทราชกุมารี นางวิชิตาราชกุมารี นางวิชิเสนาราชกุมารี
    ต่อมาพระนางหัฏฐาสิ้นพระชนม์ลง บรมกษัตริย์จึงได้นางราชธิดาองค์ใหม่มาเป็นมเหสีใหญ่ ต่อมานางก็มีโอรสชื่อ ชันตุราชกุมาร เมื่อพระกุมารอายุได้ 4 เดือน พระราชบิดาได้ให้พรแก่พระมารดานั้นว่าจะให้ในสิ่งที่ปรารถนา ต่อมา นางคบคิดกับหมู่ญาติ จึงทูลขอราชสมบัติให้แก่บุตรของตน บรมกษัตริย์ไม่อาจเสียสัตย์ได้ จึงให้พระโอรสทั้ง 4 เข้าเฝ้า แล้วตรัสเล่าความให้ทราบ สั่งให้พารี้พลออกไปจากพระนคร เมื่อพระบิดาสิ้นชีพให้ยกกลับมาชิงเอาราชสมบัติคืนไป
    พระโอรสจึงพาพี่สาวและน้องๆ ออกจากพระนคร ฝ่ายชาวเมืองเมื่อทราบข่าวก็พากันติดตามพระโอรสโอกกามุขไปกันอย่างมากมาย แม้เดินทางไปได้ 3 วันสิ้นระยะทาง 3 โยชน์ ก็ยังไม่สิ้นรี้พลที่ตามสเด็จออกมาจากเมือง พระโอกกามุขทรงปรึกษาว่า รี้พลของพระองค์มีมาก หากจะย่ำยีเอาบ้านเมืองใดก็ได้คงสำเร็จไม่ยาก แต่ประโยชน์อะไรที่จะชิงเอาบ้านเมืองของผู้อื่น จึงเสด็จออกสู่ป่าหิมพานต์ให้พ้นจากเขตแดนของเมืองทั้งหลายเพื่อแสวงหาที่ตั้งเมืองของพระองค์
    ในกาลนั้น พระบรมโพธิสัตว์ของเรา บังเกิลในตระกูลพราหมณ์มหาศาลชื่อ กบิลพราหมณ์ ทรงเห็นโทษของการครองเรือน จึงสละสมบัติทั้งปวงออกบวชเป็นดาบส พระโพธสัตว์มีวิชาที่รู้ถึงคุณและโทษทั้งปวงในอากาศสูงไป 80 ศอก และลึกลงในแผ่นดินได้ 80 ศอก พระดาบสเมื่อจาริกมาถึงที่ชัยมงคลแห่งหนึ่ง ซึ่งในที่นั้นหญ้าและดอกไม้นั้นจะขึ้นเวียนทักษิณาวัตร สุกรที่หนีพยัคฆ์มา หรือหนูที่หนีงูมาเมื่อถึงที่นั้น สัตว์ที่มีเดชน้อยเหล่านั้นเมื่อมาถึงที่มงคลนั้นก็กลับมีเดชมากสามารถขับไล่ศตรูให้แพ้พ่ายกลับไปได้ จึงได้ตั้งบรรณศาลา ณ ที่มงคลแห่งนั้น
    ครั้นพระดาบสเมื่อทราบว่าพระโอกกามุขราชกุมารต้องการสร้างพระนคร จึงแนะให้พระองค์สร้างพระนคร ณ ที่ตั้งบรรณศาลานั้น และแจ้งแก่พระโอรสว่า หากสร้างเมืองที่นี่ เมืองนี้จะเป็นอัครนครในชมพูทวีป บุรุษที่เกิดในเมืองนี้เพียงคนเดียวก็อาจชนะบุรุษนับร้อยบันพันได้ พระกุมารจึงได้สร้างพระนคร ณ ที่นั้นและให้ชื่อว่ากรุงกบิลพัสดุ์ ตามชื่อของกบิลดาบสนั้น
    เมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้ว อำมาย์ทั้งหลายก็กราบทูลเพื่อจะไปเสาะแสวงหาขัตติยราชธิดามาถวายเป็นพระมเหสี แต่พระโอรสทั้งหลายได้พิจารณาว่าในชมพูทวีปจะหาผู้ที่คู่ควรกับวงศ์ของพระองค์ได้ไม่ จึงสถาปนาพระธิดาองค์โตไว้เป็นพระมารดา ที่เหลือก็จับคู่ระหว่างพี่น้องด้วยกันเองอีก 4 คู่ เพราะกลัวว่าวงศ์กษัตริย์ของตนจะไม่บริสุทธิ์ จึงได้ชื่อว่า "สักยราชสกุล" เพราะว่ากระทำสกะสังวาสในราชวงศ์แห่งตน นี่คือต้นกำเนิดของสักยราชสกุล

    ต่อมาพระธิดาพระองค์โต ได้ป่วยเป็นโรคเริ้อน ด้วยความละอายจึงหลบหนีไปสุ่ป่า ซึ่งก็มีพระราชาองค์หนึ่งพระนามว่า ราม ทรงครองกรุงพาราณสี ต่อมาทรงประชวรโรคเรื้อน เป็นที่น่ารังเกียจ จึงทรงสละราชสมบัติเข้าสู่ป่า ได้พักที่แนวป่าไม้โกละ(ต้นกระเบา) เพื่อใช้เป็นยารักษาโรคเริ้อน วันหนึ่งทรงช่วยพระเชฎฐภคินีของพระเจ้าโอกการาชจากเสือโคร่ง และรักษาโรคเรื่อนให้ หลังจากนั้นจึงได้อภิเษกสมรสกัน และสร้างเมืองขึ้นในบริเวณป่าไม้โกละ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าโกลิยวงศ์ (วงศ์ของผู้อาศัยในป่าไม้โกละ) และขนานชื่อเมืองว่า เทวทหะ ต่อมาทรงมีพระโอรส พระธิดาได้ 32 พระองค์
    ดังนั้น ทางฝ่ายศากยวงศ์จึงนับทางฝ่ายโกลิยวงศ์ว่าเป็นพระญาติที่มีชาติตระกูลเสมอกัน เพราะว่าอาศัยสายเลือดจากพระธิดาองค์โต จึงเป็นบ้านพี่เมืองน้อง และแลกเปลี่ยนแต่งงานระหว่างราชสกุลทั้งสอง เป็นเช่นนี้เรื่อยมาสืบมาจนถึงยุคพุทธกาล พระเจ้าชัยเสนกษัตริย์เมืองกบิลพัสดุ์ ทรงมีพระโอรส คือ สีหนุ และพระธิดา คือ ยโสธรา (คนละพระองค์กับพระมเหสีของเจ้าชายสิทธัตถะ) ส่วนกษัตริย์โกลิยวงศ์ ทรงมีพระโอรส คือ อัญชนะ พระธิดา คือ กัญจนา ทั้งสองเมือง จึงให้พระโอรสและพระธิดาของแต่ละพระองค์อภิเษกกันและกัน ต่อมาพระเจ้าสุทโธนะก็อภิเษกกับพระนางสิริมหามายาจากกรุงเทวทหะ แม้เจ้าชายสิทธัตถะก็อภิเษกกับพระนางพิมพาจากกรุงเทวทหะเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  6. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ได้รู้ก็วันนี้เองค่ะ ขอบคุณคะ
     
  7. น้องไข่แมงสาบ

    น้องไข่แมงสาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +501
    เออนะ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ไม่มีในหนังสือเรียนให้เด็กรุ่นใหม่ได้อ่านกันนะคะ เฮ่อ อ่อนใจ
     
  8. หญิงจัน

    หญิงจัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +2,655

    นั่นนะสิ เห็นด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...