ผาหำหด...เส้นทางนี้มีมากกว่าแค่ กระเจียว

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 10 สิงหาคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    ครับ ... แม่นแล้วครับคุณผู้อ่าน ไม่ได้อ่านผิดแน่นอน (แล้วผมก็มั่นใจว่าไม่ได้สะกดผิดด้วย) หน้าผาชื่อออกแนวทะลึ่งๆ นี้ เป็นจุดชมวิวไฮไลต์

    (นอกจากทุ่งกระเจียวที่หลายคนคุ้นเคย)ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้เกือบรอบด้านของเส้นทางศึกษาธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ[​IMG]

    ในช่วงกลางฤดูฝน ที่ท้องฟ้าสีเทาอึมครึมแทบทุกวัน ... บรรยากาศอาจไม่เย้ายวนใจให้นึกอยากเก็บกระเป๋าออกเดินทางท่องเที่ยวเมื่อเทียบกับวันที่ท้องฟ้าสดใส แต่นี่เป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางไปเยือนสถานที่จำพวก ป่าต้นน้ำ น้ำตก หรือเส้นทางศึกษาธรรมชาติตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ ... อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ ก็เช่นเดียวกัน ช่วงกลางฤดูฝน (ระหว่างเดือน มิ.ย.ส.ค.) เป็นช่วงเดียวในรอบปีที่เราสามารถชม “ดอกกระเจียว” ทั้งสีชมพูและสีขาว แทงยอดอ่อน ผลิดอกบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่ง

    พวกเราเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานฯ ในเช้าวันที่อากาศฉ่ำฝน ... แค่ย่างก้าวเข้ามาในเขตอุทยานฯ ก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่เย็นสดชื่นกว่าปกติ บริเวณใกล้ๆ กับที่ทำการอุทยานสามารถเดินเข้าไปแวะเที่ยว “น้ำตกไทรทอง” หรือหากเดินต่อไปอีกหน่อย (ประมาณ 2 กม.) ก็มี “น้ำตกชวนชม” ที่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำแก้ร้อนได้ทั้งสองแห่ง
    แต่ในยามเช้าเช่นนี้คงไม่มีใครคิดอยากลงเล่นน้ำ..!! เพราะจุดหมายหลักของพวกเราคือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อยู่บนสันเขาพังเหย ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กม. นั่งรถปิกอัพ 4WD ที่ทางอุทยานจัดเตรียมไว้บริการใช้เวลาประมาณ 15 นาที ยังไม่ทันเมื่อยก้นนักก็ถึงมาหน้าทางเข้า ซึ่งเป็นลานกว้างมีร้านขายอาหารเครื่องดื่ม นักท่องเที่ยวสามารถมานอนกางเต็นท์ได้ในช่วงฤดูหนาว (ฤดูฝนคงไม่เหมาะแน่ๆ) เส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้ ระยะทางเดินไปกลับ วนเป็นวงกลมประมาณเกือบ 5 กม. เพื่อนร่วมทริปบางคนได้ฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่คงนึกหวั่นใจจนต้องรีบถามรายละเอียดของเส้นทาง ... เขายืนยันว่าเป็นเส้นทางเดินสบายๆ ไม่สูงชัน เด็กๆ ลุงๆ ป้าๆ หรือสาวเอวบางก็สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างไม่เหนื่อยมากนัก

    แค่ยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ก็สัมผัสได้ถึงสายหมอกบางๆ กลิ่นหอมสดชื่น และไอเย็นฉ่ำๆ จากความร่มรื่นของผืนป่าหน้าฝน ... เดินไปประมาณ 100 กว่าเมตร ก็จะเข้าสู่เขต “แนวผาพ่อเมือง” เริ่มมองเห็นทิวทัศน์เป็นแนวทิวเขาผ่านแนวพุ่มไม้และยอดหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามริมผา ความสูงของแนวผานี้ 864 เมตร จากระดับน้ำทะเล หลายคนเริ่มแวะพักถ่ายภาพ เพราะคิดว่าวิวสวยแล้ว แต่เดินขึ้นทางชันไปอีกแค่ประมาณ 250 เมตร ก็กลับต้องเปลี่ยนความคิด เพราะเป็นแนวหินผาเปิดโล่ง มองเห็นทิวทัศน์ที่เป็นแนวสันเขาได้เกือบรอบด้าน มีแผ่นหินที่ยื่นออกไปนอกหน้าผาสามารถไปนั่งชมวิวหรือเต๊ะท่าถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ มีป้ายติดไว้อย่างชัดเจนว่า “ผาหำหด” หน้าผาชื่อทะลึ่งปนลามกนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นกุศโลบายของผู้ว่าราชการคนก่อนที่อยากโปรโมตด้านการท่องเที่ยว จึงคิดชื่อขึ้นมาใหม่ให้เป็นที่สะดุดหู สะกิดใจ เป็นที่สนใจและสามารถจดจำได้ ที่มาของชื่อก็เพราะลักษณะที่เป็นแนวหน้าผาเปิดโล่ง ทำให้ลมพัดแรง อากาศเย็นตลอดปี มัน “เย็น” จนทำให้เกิดอาการอย่างไร ... นั่นคงไม่ต้องอธิบายกันต่อ[​IMG]

    อืมม์ ... แต่มันก็ได้ผลจริงๆ ครับท่าน เพราะชื่อหน้าผาแห่งนี้ ได้ยินทีแรกก็ต้องเงี่ยหูฟังชัดๆ ใหม่อีกครั้ง พอได้ยินชัดเจน คราวนี้จำชื่อได้แม่นยำเลย

    แวะพักถ่ายภาพชมทิวทัศน์ สูดอากาศหอมสดชื่นกันจนล้นปอด ... ผ่านพ้นแนวสันเขาเส้นทางเริ่มตัดเข้าแนวป่าเบญจพรรณ ก่อนที่จะถึง “ทุ่งบัวสวรรค์” (หรือทุ่งกระเจียว) ทั้ง 5 ทุ่ง ระยะทางอีกกว่า 1 กม. เจ้าหน้าที่แนะนำว่าไม่ต้องรีบจ้ำเท้าเดินให้เหนื่อยเปล่า ให้ใช้สายตาสังเกตมองตามสองข้างทางจะพบพรรณไม้และสิ่งน่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น ว่านเปาะ (ดอกสีขาวแซมม่วง ยอดอ่อนเอามาต้มกินได้) เอื้องหมายนา (ดอกสีขาว ชาวบ้านยุคก่อนปลูกเพื่อจับจองแบ่งเขตที่นา) เทียนดง (ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ดอกสีชมพูสด) หรือกระเจียวขาว ที่กลีบดอกสวยงามไม่แพ้กระเจียวแดง มักแทงยอดออกดอกแซมตามรายทางตลอดแนวทางเดิน และหากสังเกตตามใบไม้ดอกไม้ให้ดี จะเห็นเพื่อนร่วมโลกตัวเล็กมักแอบเกาะอาศัยอยู่ตามพรรณไม้เหล่านั้น แมลงขนาดเล็กสีสันสดใส ตั๊กแตนสีแปลกตา เต่าทองสีหวาน หรือแมลงทับปีกมันวาว ฯลฯ ... ช่วงเวลาอันเปี่ยมสุขของผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแนวมาโคร กระจัดกระจายเรียงรายอยู่ตามริมสองข้างทางเดินเส้นนั้น นั่นเอง[​IMG]

    พวกที่ชอบถ่ายภาพ ใช้เวลาเอ้อระเหย อ้อยอิ่ง เพลิดเพลินไปกับสิ่งละอันพันละน้อย บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และทุ่งบัวสวรรค์ ล่วงจากเวลาอาหารมื้อเที่ยงไปไกล จนใครบางคนต้องเร่งให้รีบเดินกลับไปตามเส้นทางเดิม ... เพื่อนร่วมทริปเหลือบไปมองเจ้าหน้าที่ที่ผูกเปลนอนอย่างสบายอารมณ์ด้วยความอิจฉา เสียดายอากาศหอมสดชื่นฉ่ำฝน ที่ยังสูดเข้าไปไม่ได้มากเท่าไหร่

    ก่อนหน้านี้ ได้ยินบางคนบ่นให้ฟังว่า “ทุ่งดอกกระเจียว ไม่เห็นน่าสนใจเลย เดี๋ยวนี้ที่ไหนๆ ก็ปลูก ที่กรุงเทพฯ ก็มี ไม่ต้องมาถึงชัยภูมิก็หาดูได้” ... อืม...ม ถ้าแค่เรื่อง “กระเจียว” ผมเองก็คิดอย่างนั้น
    แต่อย่าลืมซิ ... ผืนป่าหน้าฝนแห่งนี้ ไม่ได้มีแค่ “ดอกกระเจียว”

    การเดินทาง : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรทอง ตั้งอยู่ในเขต อ.หนองบัวระเหว ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิประมาณ 70 กม. ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 225 (สายชัยภูมินครสวรรค์) บริเวณหลักกม.ที่ 122 เลี้ยวขวาไปทางบ้านท่าโปร่งอีกประมาณ 7 กม.
    จากที่ทำการอุทยานฯ ไปเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีรถ 4WD ของอุทยานบริการ ไปกลับคนละ 60 บาท หรือเหมาคันละ 550 บาท
    โทรศัพท์ : 0892823437 email : reserve@dnp.go.th / www.dnp.go.th





     
  2. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    แหะๆๆๆ จะมีผู้ชายกล้าไปเหรอเนี๊ยะ
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    น่ากลัวจริง...
    เขตผู้ชายห้ามเข้า....
    ต้องปักป้าย "อันตราย.....ผุ้ชายห้ามเข้า"
     
  4. N.a.T - รัตติกาล

    N.a.T - รัตติกาล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +93
    เหอะๆ ชื่อเพราะจิง
     
  5. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานฯไทรทอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เทศกาลหยิบหมอกหยอกดอกกระเจียวของชัยภูมิใกล้จะจบลงในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้หลังจากที่เบ่งบานกันมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน หลายๆคนคงได้ยลความงามของดอกไม้ชนิดนี้กันไปบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้มาเยือนก็ต้องรีบกันหน่อย เพราะในขณะนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายของการชมดอกกระเจียวก่อนที่ดอกไม้จะโรยราไปจนหมด

    ในทริปนี้ "ตะลอนเที่ยว" เลือกมาชมดอกกระเจียวที่ "อุทยานแห่งชาติไทรทอง" ในอำเภอหนองบัวระเหว (บัว-ระ-เหว๋) เพราะทุ่งดอกกระเจียวที่ป่าหินงามเราไปมาแล้วเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ดอกกระเจียวป่าหินงามกำลังบานได้ที่ อีกอย่างตอนนี้ทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามร่วงโรยไปเยอะแล้ว เราจึงเบนเป้ามาที่อุทยานฯไทรทองแทน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เสียวกับความสูงที่ผาหำหด </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทุ่งดอกกระเจียวที่นี่บานช้าและร่วงโรยช้ากว่าที่ป่าหินงาม แถมยังมีทั้งดอกกระเจียวสีชมพูสวยสดใส และดอกกระเจียวสีขาวดอกเล็กๆน่ารักที่หายากมากให้ชมกันจำนวนมากที่นี่ที่เดียว

    สำหรับเส้นทางการไปชมทุ่งดอกกระเจียวไทรทองบางช่วงค่อนข้างวิบาก นักท่องเที่ยวที่อยากขึ้นไปชมดอกกระเจียวจึงต้องจอดรถไว้ตรงที่ทำการอุทยาน แล้วเหมารถกระบะโฟร์วีลของทางอุทยานต่อขึ้นไป แล้วจึงเดินไปตามเส้นทางเดินในป่าตามหาดอกกระเจียวกันไป แต่ก่อนจะได้ชมดอกไม้ ต้องผ่านแนวหน้าผาซึ่งเป็นหน้าผาตามสันเขาพังเหยด้านตะวันตก ซึ่งก็มีหน้าผาให้แวะถ่ายรูปกันหลายผา เช่น ผาพ่อเมือง ผาเพลินใจ ผาอาทิตย์อัสดง ผาสวนสวรรค์ แต่หน้าผาที่ขึ้นชื่อที่สุดของอุทยานฯไทรทองนี้ก็ต้องยกให้ "ผาหำหด" ฟังชื่อแล้วก็ไม่ต้องบรรยายถึงความเสียวและความสูง แต่ใครจะเสียวมากเสียวน้อยต้องลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับดอกกระเจียวอันเป็นไฮไลต์ที่เรามาชมกันในวันนี้มีทั้งหมด 5 ทุ่งใหญ่ๆ บางทุ่งเริ่มเหี่ยวโรยรา แต่บางทุ่งก็กำลังเริ่มเบ่งบาน สำหรับดอกกระเจียวสีชมพูนั้นก้านดอกจะยาวชูช่อแต่งแต้มทุ่งหญ้าสีเขียวให้ดูมีชีวิตชีวา แต่ดอกกระเจียวสีขาวจะมีขนาดเล็กอยู่เรี่ยๆกับพื้นดิน เมื่อขึ้นรวมกันอยู่ในบริเวณกว้างจะดูคล้ายดวงดาวสีขาวประดับอยู่บนพื้นดินดูงดงามไปอีกแบบหนึ่ง

    ชมความงามของดอกกระเจียวเหล่านี้แล้วก็ให้นึกโมโหพวกฝรั่งต่างชาติที่คิดจะจดสิทธิบัตรดอกกระเจียวไปเป็นของตัวเอง ทั้งที่ชื่อเรียกก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Siam Tulip งอกงามเบ่งบานอยู่ในเมืองไทยมานานตั้งไม่รู้เท่าไรแล้ว ถ้ายอมให้ฝรั่งเอาไปจดสิทธิบัตรก็เสียชื่อพี่ไทยแย่

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชุ่มฉ่ำสายน้ำที่น้ำตกตาดโตน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เดินถ่ายรูปกับดอกกระเจียวและชมทิวทัศน์สวยๆ เสร็จแล้ว เมื่อกลับมาที่ทำการอุทยานเบื้องล่างอีกครั้งก็อย่าลืมแวะไปพักผ่อนกับสายน้ำเย็นๆที่น้ำตกไทรทอง น้ำตกที่มีความสูงประมาณ 5 เมตร กว้าง 80 เมตร ในช่วงหน้าน้ำสายน้ำตกจะแผ่กว้างตกลงมาเป็นม่านน้ำงดงาม มีแอ่งน้ำใหญ่อยู่บริเวณหน้าน้ำตก เรียกว่าวังไทร สามารถลงเล่นน้ำกันได้

    แต่สำหรับใครที่อาจจะมาช้าไม่ทันได้เห็นดอกกระเจียว ก็ใช่ว่าจะมองข้ามจังหวัดชัยภูมิไปเสีย เพราะที่นี่เขายังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆน่าสนใจอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น "น้ำตกตาดโตน" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตาดโตน คำว่าตาดนั้นก็หมายถึงลานหินกว้างใหญ่ ส่วนคำว่าโตนนั้นก็หมายถึงลักษณะอาการที่สายน้ำตกลงไปเบื้องล่าง ที่น้ำตกแห่งนี้มีน้ำไหลตลอดปี ไม่เคยแห้งแม้ในช่วงหน้าแล้ง เพราะน้ำนั้นจะถูกปล่อยจากเขื่อนประทาวซึ่งอยู่เหนือน้ำตกขึ้นไป นักท่องเที่ยวจึงสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตลอดปี อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ศาลปู่ด้วย) ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้านในแถบนั้นด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ส่วนในช่วงเย็นย่ำ แดดร่มลมตก ก็เป็นเวลาที่เราควรจะมาชม "มอหินขาว" สโตนเฮนจ์เมืองไทย ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ที่มีความแปลกตาด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 5 ต้นตั้งเรียงรายท่ามกลางท้องทุ่งสีเขียว มอหินขาวนั้นเพิ่งจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาได้ไม่นานนัก เมื่อก่อนนั้นพื้นที่บริเวณนี้เป็นป่า มีคนมาบุกเบิกทำไร่ เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจอะไร แต่เมื่อได้มีการสำรวจโดยกรมทรัพยากรธรณีแล้วก็พบว่า ทุ่งหินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง ซึ่งสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดยักษ์เหล่านี้มีอายุประมาณ 175-195 ล้านปีและเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว

    และบริเวณมอหินขาวนี้ยังมีความลึกลับตรงที่ในคืนวันพระ จะมีชาวบ้านเห็นแสงสีขาวส่องขึ้นมาบริเวณก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้นเลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศาลเจ้าพ่อพระยาแล ที่เคารพศรัทธาของชาวเมือง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากเสาหินยักษ์ทั้ง 5 ต้นแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีดงหิน ซึ่งมีก้อนหินขนาดใหญ่รูปทรงต่างๆ ตั้งอยู่กระจัดกระจาย เราสามารถปีนขึ้นไปชมวิวด้านบนหินได้ อีกทั้งยังมีหน้าผาสูงที่เป็นจุดชมวิวอันสวยงาม เช่น ผากล้วยไม้ ที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกได้เป็นอย่างดี

    ท่องเที่ยวธรรมชาติกันไปจนจุใจแล้ว ลองไปชมแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กันบ้างดีกว่า ก่อนอื่นเลยเราไปรู้จักกับผู้ที่ได้รับการเคารพยกย่องจากชาวชัยภูมิทั้งจังหวัดกันก่อน นั่นก็คือ "พระยาภักดีชุมพล (แล)" หรือที่ชาวชัยภูมิเรียกกันว่าเจ้าพ่อพระยาแล (พญาแล) ท่านผู้นี้เป็นเจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก และแม้ท่านจะเป็นชาวเวียงจันท์ แต่ก็มีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์แห่งเมืองสยาม ดังเมื่อเจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันท์ก่อการกบฏขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 พระยาภักดีชุมพลพร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโมตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผ้าไหมบ้านเขว้า ของดีเมืองชัยภูมิ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้และเกลี้ยกล่อมให้พระยาแลเข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เกิดความแค้น จับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาบริเวณนี้ได้จัดสร้างเป็น "ศาลเจ้าพ่อพระยาแล" ที่ชาวชัยภูมิให้ความเคารพ อีกทั้งบริเวณวงเวียนกลางเมืองชัยภูมิก็ยังมีอนุสาวรีย์ของท่านตั้งอยู่ด้วย

    จากนั้นเราไปดูของดีของชัยภูมิที่อำเภอบ้านเขว้ากันบ้าง ที่นี่เขามีชื่อเสียงในเรื่องของการทอผ้าไหมและผ้าฝ้ายคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม โดยเฉพาะผ้าไหมมัดหมี่ ซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายในชื่อ "ผ้าไหมบ้านเขว้า" เป็นที่นิยมสำหรับผู้ใช้ผ้าพื้นเมือง โดยสียอดนิยมของผ้าไหมบ้านเขว้า คือสีน้ำเงิน สีน้ำทะเล และสีเทา และลายผ้าที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของชาวไทย และชาวต่างประเทศ คือผ้าไหมมัดหมี่ลายขอน้อย เราสามารถมาเรียนรู้เรื่องราวของผ้าไหมบ้านเขว้ากันได้ที่ศูนย์ส่งเสริมผ้าไหมจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งจะมีการสาธิตการทอผ้า รวมทั้งกระบวนการต่างๆ กว่าจะออกมาเป็นผ้าหนึ่งผืน และกิจกรรมยอดนิยมก็คือการเลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายและผ้าไหม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าขาวม้า ฯลฯ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดศิลาอาสน์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ช้อปปิ้งสบายใจกันแล้วคราวนี้ไปไหว้พระกันที่ "วัดศิลาอาสน์ ภูพระ" ที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในบริเวณวัดจะมีเพิงผาหินจำหลักเป็นภาพพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หน้าตักกว้าง 5 ฟุต ปางสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาวางอยู่ที่พระเพลา พระหัตถ์ซ้ายพาดอยู่บนพระชงฆ์ ชาวบ้านเรียกท่านว่า "พระเจ้าองค์ตื้อ" และบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีก้อนหินที่สลักเป็นรูปพระสาวกอีก 7 องค์ด้วยกัน มีผู้สันนิษฐานว่าพระพุทธรูปสลักจากหินเหล่านี้มีอายุอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-19 คนที่ไปไหว้มักจะขอพระเจ้าองค์ตื้อในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และอีกอย่างหนึ่งคือขอบุตรจากท่าน

    และโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญปิดท้ายทริปของเมืองชัยภูมิก็คือ "ปรางค์กู่" ปราสาทหินสมัยขอมที่ใช้เป็นอโรคยาศาล หรือสถานพยาบาลที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 มีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง 1 องค์ วิหารหรือบรรณาลัยอยู่ด้านหน้า 1 หลัง ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง บริเวณประตูหลอกด้านทิศเหนือยังคงมีทับหลังประดับอยู่เป็นภาพพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิเหนือหน้ากาลอีกด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปรางค์กู่ โบราณสถานสำคัญของเมืองชัยภูมิ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา โทร.0-4421-3666, 0-4421-3030

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,774
    ค่าพลัง:
    +12,932
  7. s_thit

    s_thit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +3,027
    ถ้าเป็นคนภาคอีสาน คำว่า "หำ" นี้ ไม่หยาบ ใช้เรียกเด็กเล็ก ๆ เช่น บักหำน่อย ,บักหำโต้น เป็นต้น
     
  8. HappyPrincess

    HappyPrincess Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ว่าเวลานักท่องเที่ยวต่างชาติไป จะอธิบายยังไงน๊อ..... อิอิ
     
  9. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวยจริงๆ เคยเห็นแต่สีชมพู
     

แชร์หน้านี้

Loading...