เรื่อง ศาสนาพุทธ เกิดในไทยไม่ใช่อินเดีย บ้างครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย lagus, 18 ตุลาคม 2008.

  1. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    ที่เซอร์คันนิ่งแฮมสำรวจ ก็ค้นคว้าหลักฐานจากหลักฐานหลังพุทธกาลที่มีที่มาที่ไปไม่ใช่ยกเมฆตามความฝัน ได้จากเอกสารของท่าน ตรีปิฏกาจารย์(สวนจั้ง) ท่านอี้จิง เมืองต่างๆตามบันทึกกมีตลอดเส้นทาง เรื่องนี้มีกระแสมานานแล้ว ผมเคยพูดคุยกับท่านอาจารย์ชิน อยู่ดี ท่านว่ามันเพี้ยน แค่หลักฐานว่าคนไทมาจากไหนมันยังเดากันมั่ว นี่จะยกอินเดียโบราณมาไว้ที่เมืองไทยอีก หลักฐานในไทยเอาไปตรวจคาร์บอน14มันก็ได้แค่ พันกว่าปี ของอินเดียเขาสองพันกว่าปี อีกหน่อยประเทศลาวเขาก็คุยได้ว่าพระพุทธเจ้าเกิดที่บ้านเขา นิยายปรัมปราเกิดจากความเคารพรักในองค์ท่านมีแทบทุกประเทศที่นับถือพุทธ ท่านว่ามาดังนี้
     
  2. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    คุณจะกล้าเชื่อหรือไม่ว่า <O:p</O:p
    จากหลักฐานใหม่<O:p</O:p
    ยืนยันว่าพระพุทธเจ้ามิได้
    ปรินิพพาน ในอินเดีย<O:p</O:p
    ตามที่นักสำรวจฝรั่งบันทึกไว้<O:p</O:p
    แล้วสิ่งที่ค้นพบใหม่นี้ยืนยันว่า<O:p</O:p
    พระองค์ปรินิพพานที่ไหน...??<O:p</O:p
    ประเทศไทย คือ แผ่นดินที่อุปัฏฐากพระพุทธองค์ <O:p</O:p
    มาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลจริงหรือ...?<O:p</O:p
    หากอ่านหนังสือเล่มนี้ <O:p</O:p
    คุณอาจกล้าพอที่จะเชื่อ<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    “ความลับพระพุทธเจ้า”<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หนังสือ“ความลับพระพุทธเจ้า” นี้ แต่เดิม ผมรวบรวมข้อมูลจาก<O:p</O:p
    หลากหลายแหล่ง และตั้งชื่อหนังสือว่า “ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างมีสติ เพื่อคลี่คลายความจริงให้แผ่นดิน” และได้นำข้อมูลนี้ เสนอต่อ <O:p</O:p
    ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 52<O:p</O:p
    ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการตอบกลับ ว่ามีความเห็นเป็นประการใด<O:p</O:p
    นอกจากนั้น ยังได้ ตั้งกระทู้ในเว๊บ พลังจิต.คอม เพื่อให้สมาชิกในเว๊บ<O:p</O:p
    ได้ดาวน์โหลดไฟล์ เพื่อนำไปศึกษา และให้ข้อเสนอแนะ <O:p</O:p
    ในกระทู้ ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างมีสติ เพื่อคลี่คลายความจริงให้แผ่นดิน<O:p</O:p
    ตามลิงค์นี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    http://palungjit.org/threads/ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างมีสติ-เพื่อคลี่คลายความจริงให้แผ่นดิน.187246/
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    รวมทั้งได้ นำเสนอ ต้นฉบับ ไปยังสำนักพิมพ์ ต่างๆ และในที่สุด<O:p</O:p
    ทาง สำนักพิมพ์ เม๊กกูรู ได้สนใจ ที่จะทำการจัดพิมพ์ หนังสือเล่มนี้<O:p</O:p
    และ ตั้งชื่อหนังสือใหม่ว่า “ความลับพระพุทธเจ้า”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    และกำลังจะออกวางจำหน่ายทั่วประเทศ
    ในวันที่ 21 สิงหาคม 2552 นี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่ ร้าน Se-ed , นายอินทร์ , D2S, 7-11 บางสาขา, ศูนย์หนังสือจุฬา, ฯลฯ


    หากเพื่อนๆ มีข้อคิดเห็นเป็นประการใด กับหนังสือเล่มนี้ สามารถแสดงความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ห้องคุยกับ กอง บก. เรื่อง หนังสือ “ความลับพระพุทธเจ้า”<O:p</O:p
    ที่
    <O:p</O:p
    Megguru
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    อย่าพึ่งไปตัดสินผิดถูก ฟังหูไว้หู
    ทฤษฎีมีความเป็นไปได้ บางทีพุทธองค์เสด็จมาถึงดินแดนแถบสุวรรณภูมิได้ก็ไม่แปลก
    แต่คำอธิบายก็ไม่สมบูรณ์เสียทีเดียว

    ต้องมีการตรวจสอบด้วยคาร์บอนตรวจอายุ
    ทั้งสังเวชนียสถานที่อินเดียมีอยู่แล้ว และ สังเวชนียสถานที่ผู้ค้นคว้ากลุ่มนี้อ้าง
     
  4. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    ทฤษฎีนี้ ก็ยังอธิบายไม่ได้
    ในกรณีที่ นักบวชลัทธิศาสนาอื่นๆ
    โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญ อย่างศาสนาเชน

    ปัจจุบันก็ไม่เหลือให้เห็นอยู่ในเมืองไทย
    แต่มีอยู่ที่อินเดียเต็มไปหมด
     
  5. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    ไม่ใช่ว่าไม่เหลือครับ
    แต่ ไม่เคยมีในสุวรรณภูมิต่างหาก
    เพระาเค้ามีข้อห้าม ขึ้นยานพาหนะ
     
  6. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    ไม่ใช่ว่าไม่เหลือครับ
    แต่ ไม่เคยมีในสุวรรณภูมิต่างหาก
    เพระาเค้ามีข้อห้าม ขึ้นยานพาหนะ
     
  7. coolice

    coolice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +238
    เกิดมาแต่ใด พระพุทธก็ยังคงเป็นพระพุทธ
     
  8. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    ลองไปทัวร์อินเดีย ก่อนไปศึกษา พุทธประวัติให้แม่น ทำแผนที่ระยะทางของแต่ละเมืองที่ห่างกัน หาบันทึกของท่านสวนจั้งมาอ่าน แล้วท่านจะได้พบความยิ่งใหญ่ของแต่ละเมือง วิหาร ที่ยังจมอยู่ใต้ดินยังไม่ได้ขุดแต่งอีกส่วนใหญ่ ประเพณี ความเป็นอยู่ ยังมีเค้าเหมือนในพุทธประวัติมาก ถ้าไปไม่สะดวกให้หา ซีดี ตามรอยพระพุทธองค์ ที่มีนิรุต ศิริจรรยาเป็นผู้ดำเนินรายการ เคยฉายที่ช่อง๙ มาดู แล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
     
  9. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189

    ข้อมูลตามที่ผมกล่าวไว้ เป็นการตั้งข้อสังเกตเล็กๆ
    กับทฤษฎีเหล่านี้ และก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนเรื่องหนึ่งอย่างที่คุณบอกไว้
    ถ้าผมเอาไปถามคนตั้งทฤษฎีนี้ ผมก็ยังไม่รุ้ว่าเขาจะตอบยังไงเหมือนกัน?

    ยังมีข้อมูลอีกหลายๆ อย่างที่ "ศึกษาได้ แต่ก็ไม่พ้นทุกข์"

    เรื่องประหลาดๆ มีอีกมากมายในโลกนี้
     
  10. champpoint

    champpoint สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ผมขอหยิบยกบทความของท่านศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ซึ่งท่านได้เขียนบทความในหัวข้อ "พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ในประเทศไทย-ไม่ใช่ที่อินเดียหรือเนปาล" ซึ่งท่านได้กล่าวถึงมูลเหตุหลายประการซึ่งยืนยันว่าพุทธศาสนาอาจกำเนิดขึ้นในประเทศไทยของเรานี่เอง...[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"ประวัติศาสตร์ คือสิ่งที่เราทราบ หากเราทราบมาผิดๆ ประวัติศาสตร์ก็ผิดด้วย"[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]คำกล่าวนี้ อาจเป็นจริง สำหรับประวัติพระพุทธศาสนา ซึ่งเกิดในชมพูทวีปและถือว่าอยู่ที่ดินแดนของไทย[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ลาว เขมร พม่า และมอญ แต่ถูกฝรั่งบิดเบือนว่า พุทธศาสนาเกิดขึ้นในอินเดียและเนปาล[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"เมื่อ สองร้อยปีที่แล้ว อินเดียเป็นดินแดนที่ไม่มีประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรม ปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นเป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนประวัติศาสตร์ มีความโดดเด่นในด้านวัฒนธรรม[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ที่มีเอกลักษณ์และความต่อเนื่องมายาว นาน....” Dervla Murphy แห่ง Irishเขียนแสดงความชื่นชมหนังสือของ John Keay ชื่อ India Discovered: TheRecovery of a Lost Civilization. หนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้ทราบความเป็นมาของการค้นคว้าด้านโบราณคดีที่ทำให้ ฝรั่งเขียนประวัติพระพุทธศาสนาจนทำให้พระพุทธองค์กลายเป็นชาวอินเดีย พระเจ้าของไทย (The Thai God) ทรงพระนามว่า Pout หรือ Codom มีปรากฏในบันทึกของชาวฝรั่งเศส (M. Simon de le Loubere เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ก่อนที่ชาวอังกฤษจะเข้ามามีอำนาจในอินเดีย โดยได้บันทึกไว้ว่า “พระเจ้า” ของไทย เป็นที่เคารพนับถือในกภูมิภาคต่างๆ ในอินเดียเป็นพันปี และเป็นองค์เดียวกับ เทพเจ้าของชาว Ceylon ที่ชื่อ Buddha or Gautama ผู้ที่ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้คือ ชาวอังกฤษชื่อ William Chambers ผู้ค้นพบโบสถ์ที่ Mahabalipurum (Keay,pp.66-67)[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ทว่า ประเทศอินเดีย กลายเป็นอู่วัฒนธรรมได้อย่างไร และทำไม “พระเจ้า” ของ”ไทย คือ พระพุทธองค์ และ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]พระ พุทธศาสนาจึงถูกโยกย้ายจากแหล่งเกิดในสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ ไปยังอินเดีย ทำไมฝรั่งจึงไม่เฉลียวใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฉบับดั้งเดิมและ หลักฐานจารึกและใบ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ลานที่มีอยู่แล้วอย่างมากมายมหาศาลในประเทศต่างๆ ในสุวรรณภูมิ[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]คำตอบก็มีอยู่แล้วในงานเขียนของนักโบราณคดีอังกฤษ ซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนหลายแห่งในหนังสือของ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]John Keayในบทที่ว่าด้วย “ตำนานพระพุทธ” John Keay ได้กล่าวถึงผลงานของCaptain E. Fell ซึ่งเดินทางไปสาญจีบ่อยๆ ได้บรรยายความสวยงามของการแกะสลักหินเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับเสาหิน วัดหิน ที่นำเสนอเรื่องราวทางศาสนา และเชื่อว่าสถูปที่เมืองสาญจี เป็นของพุทธ ซึ่ง John Keay ก็สงสัยว่า หากสาญจีเป็นพุทธ จริงๆ แล้ว ชาวพุทธหายไปไหนหมด Keay บอกว่า ชาวพุทธ มีอยู่เกือบทุกประเทศ เช่น Ladakh, Nepal, Tibet, China, Burma,Thailand และศรีลังกา พระพุทธศาสนามีผู้นับถือล้อมรอบอินเดีย แต่ในอินเดียเองกลับไม่มีใครรู้จักศาสนาพุทธ[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ทำไมจึงไม่มีใครในอินเดียรู้จักพระศาสนาพุทธเลย? คำตอบแสดงอย่างชัดเจนว่า ศาสนาพุทธไม่ได้อุบัติ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ขึ้นในอินเดีย ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]จิตรกร "William Simpson(1862)"ที่ได้เขียนภาพสีน้ำ แสดงให้เห็นภาพสถูปที่เมืองสาญจีซึ่งมีรูปปั้น[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]หญิงเปลือยแขวนอยู่บนประตูหน้าสถูป หากเป็นโบสถ์พุทธแล้ว จะมีภาพหรือหุ่นหญิงเปลือยไม่ได้เลย[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]อีกคนหนึ่งคือจิตรกรJ.C.M.(1814)ที่ได้เขียนภาพสีน้ำแสดงโบสถ์พราหมณ์ที่พุทธคยา เมื่อเทียบกับเจดีย์[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า แตกต่างกันมาก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งเพื่อทำให้โบสถ์พราหมณ์[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]กลายเป็นเจดีย์พุทธ[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]แล้วใครเป็นผู้ทำให้เกิดความสับสน และบิดเบือนข้อเท็จจริงระดับโลกนี้ขึ้น?[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ก่อนพ.ศ. ๒๓๙๗ ชาวตะวันตกในยุโรปและอเมริกา ที่มีความรู้เรื่องราว ของพุทธศาสนาคงมีไม่มากนัก[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]จน กระทั่งSir Alexander Cunningham (1814-1893) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งโบราณคดีอินเดีย มาประจำการในกองทัพอังกฤษที่เบง กอล ได้ประกาศว่า พระพุทธองค์ประสูติในประเทศฮินดูสถาน (อินเดียและเนปาลในปัจจุบัน)!จนเกิดความสับสนขึ้นโดยเฉพาะชาวไทยรุ่นก่อน ส่วนรุ่นใหม่ที่ถูกครอบด้วยความคิดที่ว่าพระพุทธเจ้า เป็นชาวอินเดียจนฝังแน่นไปแล้วอาจจะไม่รู้สึกสับสนอะไร ตรงกันข้าม ใครที่พยายามฟื้นความจริงให้ปรากฏก็อาจถูกหาว่า เพี้ยน เพ้อเจ้อ เหลวไหล ดังที่ผู้เขียนได้ประสบมาแล้วในช่วงเริ่มต้นศึกษาเรื่องนี้[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ต้นเหตุแห่งความสงสัยและความสับสน[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ต้นเหตุแห่งความสับสนหรือการบิดเบือนประวัติพระพุทธศาสนา เกิดจากฝรั่งที่เป็นผู้เขียนประวัติ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]พระพุทธศาสนาใหม่ คือ Alexander Cunningham[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]บุคคลผู้นี้ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก แต่มีความสนใจประวัติศาสตร์อินเดียและ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เหรียญ โบราณ ได้ขุดค้นสถานที่ต่างๆในอินเดีย อาทิ เมืองสาญจี สารนาถ ฯลฯ ขุดอะไรได้ก็นำไปขายให้ British Museum ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เกิดความรู้สึกอย่างรุนแรงที่จะเขียนประวัติพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ จากการขุดค้นสถานที่ไม่กี่แห่งเขาก็เขียนประวัติพุทธศาสนาขึ้นใหม่ โดยไม่ทราบหรือไม่นำพาต่อความจริงที่ว่า ประวัติพระพุทธศาสนามีอยู่แล้วที่ชมพูทวีปซึ่งไม่ใช่อินเดียแต่เป็น สุวรรณภูมิ เขาและคณะได้เผยแพร่ผลงาน ทำให้กระแสความเชื่อที่ว่า พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในฮินดูสถาน (ดินแดนที่เปน็ ประเทศอินเดียและเนปาลในปัจจบุ ัน) ก็แผ่กระจายไปทั่วโลก เขาได้รับพระราชทานอิสริยยศเป็น “อัศวิน” จากผลงานดังกล่าวใน ค.ศ. 1887 หลังจากการขุดค้นที่ต่างๆ ในโครงการศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศอินเดีย ใน ค.ศ. 1876 (พ.ศ. 2419)Cunningham ก็เริ่มเขียน Ancient Geography of India อย่างเร่งรีบ ผู้ช่วยของเขา คือ A.C. Carvelleyel เดินทางมาอินเดียในปีเดียวกัน และขุดค้นที่เมือง Sahet Mahet ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า เป็นสาวัตถี (Sravasti or Savatthi) แต่ไม่พบอะไรที่เป็นแก่นสาร จึงยกกองขุดขึ้นเหนือไปถึงเมือง Bhuilatal ริมฝั่งแม่น้ำ Rawai แล้วสรุปว่า ที่ตรงนั้น คือ กรุงกบิลพัสดุ์ (Kapilavastu) Alexander Cunningham ก็เห็นด้วยกับการค้นพบของลูกน้องอย่างไรก็ตาม ผลการค้นพบก็ทำให้เกิดการโต้เถียงระหว่างอินเดียและเนปาล เนื่องจากสถานที่ที่Cunningham ชี้ว่าเป็นที่ประสูติพระพุทธเจ้าอยู่ในอินเดีย คือ ที่เมือง Pripahawa ห่างจากตำบล Tilaurakot สถานที่ถือว่าเป็นลุมพินีวันประมาณ ๒๔ ไมล์[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ในศตวรรษที่ 10 เจ้าผู้ครองเนปาล ด้วยไม่เชื่อว่า กบิลพัสดุ์อยู่ในอินเดีย ได้เชิญนักโบราณคดีชาวเยอรมันซึ่ง[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]มี ความรู้เรื่องพระไตรปิฎกอย่างดี มาทำการขุดค้นและประกาศว่า กบิลพัสดุ์ตั้งอยู่ที่ตำบล Tilaurakot และสรุปว่าที่พบในอินเดียเป็นเพียงวิหารแห่งหนึ่งเท่านั้น[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ใน ปี 1899 รัฐบาลอินเดียของอังกฤษ ได้ส่ง P. C. Mukherjee มาเนปาลเพื่อหาข้อเท็จจริง Mukherjee ยืนยันว่า Tilaurakot เป็นกบิลพัสดุ์แน่นอน[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]Tilaurakot ได้รับการยอมรับว่า เป็นกบิลพัสดุเพียง 60 ปี ก็ถูกท้าทาย โดยในปี 1961 รัฐบาลเนปาลได้เชิญ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]Debala Mitra แห่ง Archaeological Survey of India (ASI) มาทำการศึกษานัยว่า ต้องการยืนยันว่า Tilaurakot คือกบิลพัสดุ์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปรากฏว่า Mitra สรุปว่า Tilaurakot มีอายุไม่เกินศตวรรษที่ ๓ ดังนั้น จึงระบุไม่ได้ว่า กบิลพัสดุอยู่ที่ใด[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ข้อค้นพบของ Mitra กระต้นนักโบราณคดีอินเดียคือ K. M. Srivastava จาก ASI ทำการขุดค้นPripahawa อีก[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ครั้ง ตามรอยของ Mukherjee และ ระบุว่า Pripahawa เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร์ศักยะ และยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าPripahawa กรุงกบิลพัสดุ[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]รัฐบาลเนปาลไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในปี 1997 จึงได้ขอให้ UNESCO ว่าจ้างนักโบราณคดีชาวอังกฤษชื่อ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]Dr. Robin Coningham จาก Beadford University ร่วมกับ Dr. Armin Schmidt และ Kosh Acharya เพื่อทำการขุดค้นเพิ่มเติม พวกเขาได้พบกองเหรียญกษาปน์โบราณ กับเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ก็สรุปว่า กบิลพัสดุ์ อยู่ที่Tilaurakot และ UNESCO ก็ประกาศให้บริเวณนี้ เป็นมรดกโลก[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ในปีเดียวกันในประเทศไทยและลาว ดังปรากฏในจารึกและใบลานจาร พงศาวดารท้องถิ่นที่แสดงเรื่องราวในสมัยพุทธกาลของการเกิดพระเจดีย์ พระพุทธบาท พระพุทธฉายและพระพุทธรูปของชาวเหนือและชาวลาว แสดงว่าประชาชนมีความเชื่อว่า พระพุทธเจ้าของพวกเขา อุบัติขึ้นที่ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบัน[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ในการประกาศว่า พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในอินเดียหรือเนปาล ยังความไม่พอใจให้ชาวชมพูทวีปเป็น[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]อย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เพราะส่วนใหญ่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษหรือฝรั่งเศส ยกเว้น[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ประเทศไทย[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]พระสงฆ์ชาวไทยที่ไม่พอใจมีจำนวนมาก แต่ไม่กล้าประท้วงอย่างเปิดเผย เนื่องจากพระผู้ใหญ่และผู้ใหญ่[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]บางองค์ในสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความเห็นคล้อยตามฝรั่ง และหันหลังให้กับหนังสือโบราณ เช่น[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]“มหาวงศ์” และ “สังคีติยวงศ” เนื่องจากเห็นว่าหนักไปในทางปาฏิหารย์ จึงยึดถือที่ฝรั่งเผยแพร่ เป็นเหตุให้ “ชาวโยนก” กลายเป็นพวกนอกรึต พระยามิลินทร์และพระนาคเสนก็กลายเป็นฝรั่งไปสิ้น โดยไม่นำพาความเชื่อของชาวเหนือที่ถือว่า พระยามิลินทร์และพระนาคเสนเป็นชาวเหนือ[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระปิยมหาราช มีพระเถระรูปหนึ่ง คือ พระเดชพระคุณพระธรรมเจดีย์ (ปาน) แห่ง[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]วัด มหรรณพาราม ได้เขียนหนังสือ “พระเจ้า 500 ชาติ--อ้อยต้นจืดปลายหวาน กินนานอร่อย” เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่พระปิยมหาราช ครองราชย์ได้ ๒๙ ปี เนื้อหาของหนังสือ ประท้วงคณะสงฆ์ที่ยอมเชื่อว่า พระพุทธองค์ประสูติในอินเดีย ตามที่ชาวอินเดียจากเมืองกาสี ๘ คนนำมาเสนอ หลวงพ่อปานฯกล่าวหาว่า เมื่อชาวอินเดียทั้ง ๘ คนนี้เดินทางกลับอินเดีย ได้นำพระไตรปิฎก อภิธานศัพท์ และคำสอนในพระพุทธศาสนาไปประเทศอินเดียด้วย และ เมื่อชาวอินเดีย พวกนี้กลับ มากรุงเทพก็กลับมาพร้อมแผนที่ประเทศฮินดูสถานฉบับใหม่ทีมีชีอเมือง แม่น้ำํ้ ภูเขา ฯลฯ ตามที่ปรากฏในประไตรปิฎก ก็ยิ่งทำใหคนไทยเชื่อว่า พระพุทธอุบัติขึ้นในอินเดียมากยิ่งขึ้น โดยให้การต้อนรับอย่างดี ได้ขายนมเนย ภายหลังก็ได้มีการเรี่ยรายเงินทองเพื่อไปสร้างเจดีย์ ที่สถานที่ตรัสรู้ ณ พุทธคยา แต่หามีใครสังเกตไม่ว่า ระยะทางและทิศทางระหว่างเมือง[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ต่างๆในอินเดีย ขัดแย้งกับที่ปรากฏในพระไตรชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า”... ผู้เฒ่าผู้แก่โกรธมาก[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ที่มีคนบอกว่า พระพุทธเจ้าเป็นอินเดีย....”[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๓ มีนักวิชาการและกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรม๓กลุ่มได้รับการจุดประกายจากหนังสือ "อ้อยต้น[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]จืด ปลายหวานฯ" ของพระธรรมเจดีย์ (ปาน) และจากความสงสัยที่มีมายาวนานเกี่ยวกับคติที่ว่า พระพุทธเข้าอุบัติขึ้นในอินเดีย จึงได้เริ่มศึกษาค้นคว้า ประวัติพระพุทธศาสนาตามคติเดิมเกี่ยวกับที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และ[/FONT][FONT=arial,helvetica,sans-serif]เผยแผ่ศาสนาขององค์พระศาสดาในช่วงเวลา ๘๐ พรรษา จนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ตามเอกสารโบราณ[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]หลาย ฉบับ ได้แก่ พงศาวดารกรุงเก่า ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ประกาศเทวดา ครั้งสังคายนาพระไตรปิฎกในรัชกาลที่ ๑ พ.ศ. ๒๓๓๑ หนังสือ “สังคีติยวงศ์” ซึ่งสมเด็จพระวันรัตน์ (แก้ว) วัดพระเชตุพน (เป็นพระอาจารย์ของพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส) ได้เขียนไว้ใน พ.ศ. ๒๓๓๒ ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าชมพูทวีป คือ ดินแดนที่เป็นที่ตั้งของ ๕ ประเทศ คือ ไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ ชาวสุวรรณภูมิถือคตินี้ มาตั้งแต่บรรพกาล มูลศาสนา ศิลาจารึกวัดศรีชุม คัมภีร์อุรังคธาตุ มหาวงศ์[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]นับตั้งแต่ที่ Sir Alexander Cunningham เขียนประวัติพระพุทธศาสนาขึ้นใหม่และเผยแพร่ไปทั่วโลกในช่วง[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]พ.ศ.๒๓๙๗-๒๔๑๙ ก่อนหน้าที่เขาจะเสียชีวิต ๑๗ ปี พระพุทธองค์ก็กลายเป็นชาวอินเดีย และชมพูทวีปก็[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]กลาย เป็นอินเดียไปทั้งๆ ที่มีความเชื่อมายาวนานว่า ชมพูทวีป คือ ดินแดนที่เป็นที่ตั้งของไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ ก็หาได้มีผู้ใดไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือใครอื่น กล้าที่จะทักท้วงข้อเท็จจริงแต่อย่างใดไม่ อาจด้วยเชื่อว่า เป็นอย่างนั้นจริงหรืออาจเกรงภัยจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ก็ได้ เท่านั้นไม่พอ ชาวไทยบางคน กลับช่วยกระพือและเผยแพร่ความคิดไปให้แพร่หลายออกไป หากไม่มีหลวงพ่อพระธรรมเจดีย์ปาน เขียนหนังสือประท้วงไว้ เรื่องก็คงเงียบหายไป....[/FONT]







    ก็นะทุกคนมีความคิดของตัวเอง เราจะคิดยังไงกับเรื่องอะไรก็จงอย่าปิดกั้นความคิดอื่นๆ อ่านไปก็ไม่เสียหาย เพียงเเต่เห็นความคิดคนอื่น
    จาก
     
  11. คนพระเนตร

    คนพระเนตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +9
    เคยมีคนตั้งคำถามนี้เหมือนกัน ตัวดำเป็นของเจ้าของกระทู้นะครับ ผมก็เลยตอบเท่าที่ผมมีโอกาสเดินทางและเคยอยู่อินเดียมาเป็นเวลานานและเคยเดินทางไปมหาวิทยาลัยตักกศิลา ที่ปากีสถาน ผมขอนอนยันว่า พระพุทธศาสนาเกิดที่อินเดีย

    คุณเคยสงสัยไหมว่า...หากคุณมีโอกาสเดินทางไปปากีสถานหรืออาฟกานิสถานหรือมาอยู่ประเทศอินเดีย แล้วคุณจะรู้ว่า

    1. เมื่อศาสนาพุทธเกิดที่ประเทศเนปาลหรือแถบอินเดีย ซึ่งติดกับเทือกเขาหิมาลัยที่สุดแสนจะหนาวเย็น แต่เหตุใดในเรื่องราวของศาสนาพุทธและแม้กระทั่งในพระไตรปิฎกกลับไม่มีเรื่องราวของ "หิมะ" อยู่เลย

    คุณเคยได้ยินคำว่า หิมพานต์ ไหมครับ คำว่า หิมะ ก็คือ หิมะ คำว่า พานต์ หมายถึงป่า หากแปลก็ได้ใจความว่า ป่าที่เต็มไปด้วยหิมะ หรือป่าที่มีหิมะ ทำไมในเรื่องราวพระพุทธศาสนาถึงจะไม่มีกล่าวถึง แม้แต่พระอัญญาโกณทัญญะ ท่านก็จำพรรษาอยู่ที่ป่าหิมพานต์ และอีกเป็นจำนวนมาก แม้แต่ประวัติเรื่องกล่าวถึงอาณาเขตของเมืองไพศาลี ก็บอกเอาไว้ชัดว่า ใกล้กับเขตป่าหิมพานต์


    2. ทำไมที่อินเดียหรือเนปาล มีโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาไม่ถึง ๒๐๐ แห่ง ซึ่งต่างกับแถบไทย พม่า ลาว อย่างลิบลับ

    คุณรู้ได้อย่างไรว่า มีไม่ถึง 2oo แห่ง รู้ไหมว่า ปัจจุบัน ประเทศอินเดีย ได้รับการขุดค้นและพบซากวัตถุโบราณเป็นจำนวนมาก และเมืองหรือวัด และพบพระโพธิสัตว์เป็นจำนวนมาก เรียกว่า รัตนบุรี และปัจจุบันก็ได้ขุดพบซากพระพุทธรูปอีกเป็นจำนวนมาก พระพุทธรูปแต่ละองค์ มีประวัติยาวนานกว่า การก่อสร้างประเทศไทยเสียอีก

    3. ทำไมช่วงเข้าพรรษา รวมทั้งวันออกพรรษาที่มีบั้งไฟพญานาคด้วย จึงตรงกับช่วงฤดูฝนในประเทศไทยอย่างพอดิบพอดี แต่กลับไปตรงกับฤดูอื่นอินเดียและเนปาล

    ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน อย่าเอามาโยงเป็นประเด็น
    เดียวกัน

    4. ทำไมเราถึงได้เชื่อกันอย่างหัวปักหัวปำว่าศาสนาพุทธเกิดในอินเดีย ทั้งๆที่มาจากปากของนักโบราณคดีแค่คนเดียว และที่สำคัญ... เขาไม่ใช่พุทธศาสนิกชน

    ไม่ได้เชื่อกันอย่างหัวปักหัวปำ แต่เราเชื่อทางตำราทางพระพุทธศาสนา ที่ปรากฎในพระไตรปิฏก ทำไมคนทั้งโลกจึงเชื่อว่าพระพุทธศาสนาเกิดในอินเดียเพราะ

    1.ซากพุทธสถานที่ปรากฎ และปรากฎชัดเช่น คำจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช

    2.สภาพแวดล้อม ประเพณีความเชื่อของคนอินเดียที่ปรากฎในพระไตรปิฏก อยากรู้ว่าประเทศไทย มีแม่น้ำคงคาไหม มีแม่น้ำ เนรัชญราไหม มีเมืองราชคฤห์ไหม ที่อินเดียมี แต่เพี้ยนเป็น ราชคีห์ มีเมืองสาวัตถีไหม แต่อินเดียมี เพี้ยนเป็น สารวัตถี กุสินารา เมืองไทยมีไหม แต่ที่อินเดียมี เป็นกุสินคร เมืองพาราณสีมีไหม แต่อินเดียมีเมืองพาราณสี เมืองไทยมีเมืองพาราณสีไหม

    3.ศาสนาที่ปรากฎในพระไตรปิฏกที่เมืองไทยไม่มี เช่นศาสนาเชน และลัทธิความเชื่อต่างๆ ที่ปรากฎในอินเดีย เช่น โยคี นักบวชที่ชอบบำเพ็ญทุกกริยา ปัจจุบันยังมีเป็นจำนวนมากที่ภูเขาไกรลาศ
    4.บุคคลสำคัญที่ปรากฎในพระพุทธศาสนา หรือตระกูลกษัตริย์องค์สำคัญ ก็สอดคล้องกับราชวงศ์ของอินเดีย เช่น พระเจ้าอโศกมหาราช ราชวงศ์เมาริยะ

    5. มีหลักฐานเอกสารหนึ่งที่แสดงว่า ภาษาบาลีเกิดขึ้นในดินแดนไทย
    ขอหลักฐานด้วยครับ ที่บอกว่า ภาษาบาลีเกิดขึ้นในดินแดนไทย แม้แต่คัมภีร์พุทธโฆษจารย์ได้ระบุแน่ชัดว่า ท่านเป็นคนคยา หรือรัฐพิหารในปัจจุบัน เดินทางไปแปลคัมภีร์จากภาษาสิงหล กลับมาเป็นภาษามคธ ในหลักฐานประวัติชาติไทยเคยมีไหม ที่เมืองไทยเป็นต้นกำเนิดภาษามคธ

    6. สงสัยไหมว่าฦดูของเนปาลและอินเดียมี 4 ฤดูแต่ไทยกลับมี 3 ฤดู
    แล้วในพระไตรปิฏก เคยระบุไหมว่า มีกี่ฤดู ที่อินเดียก็มี 3 ฤดู ที่เนปาลก็มี 3 ฤดู อยากทราบในฐานะที่อยู่อินเดียมาเกือบ 10 กว่าปี อินเดียมี 4 ฤดูอะไรบ้างครับ

    7.ทำไมจึงไม่มีใครในอินเดียรู้จักพระศาสนาพุทธเลย? คำตอบแสดงอย่างชัดเจนว่า ศาสนาพุทธไม่ได้อุบัติ [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ขึ้นในอินเดีย ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู[/FONT]
    คุณรู้ได้อย่างไรครับว่า คนอินเดียไม่มีใครรู้จักพระพุทธศาสนาเลย ผมในฐานะอยู่อินเดียเกือบ 10 กว่าปี ขอเถียงเลย คนอินเดียบางคนนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย บางครอบครัวเป็นพุทธตามตระกูล และบางตระกูลก็มีเชื้อสายศากยะ เช่นที่เนปาล เชื่อสายศากยะมีจริงๆ และคนพวกนี้ก็เป็นชาวพุทธ เรื่องลัทธิการบูชายัญก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตรงกับประวัติศาสตร์ที่ปรากฎในคัมภีร์ พระพุทธศาสนาในอินเดียไม่ได้สาปสูญ แต่มีคนนับถือน้อยมาก เหตุผลหนึ่งนั้นก็คือการกลืนศาสนา เหตุผลก็คือสังกราจารย์เขียนคัมภีร์ขึ้นมาใหม่ว่า พระพุทธเจ้าก็คงอวตารปางหนึ่งพระนารายณ์ ประกอบกับความเสื่อมของกษัตรย์ที่นับถือพุทธเมื่อกษัตรย์ที่นับถือฮินดูขึ้นมา ก็ได้ทำการทนุบำรุงศาสนาพรามหณ์ขึ้นมาแทนพระพุทธศาสนา ไม่อยากให้สรุปเอาเองว่าคนอินเดียไม่มีคนรู้จักพุทธศาสนา

    7. ฯลฯ

    หากหนังสือที่ว่า เป็นของคนเขียนที่ชื่อว่า เอก อิสสโร หรือ ศ.ดร. ผมยอมรับในฐานะนักวิชาการ แต่อย่าลืมว่า กาลมสูตร พระพุทธเจ้าก็ตรัสชัดเจน ว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เพียงเพราะคนพูดเชื่อถือได้ ผมก็ยอมรับว่า แกกล้าคิด กล้าเขียน แต่จะมีประโยชน์อะไร หากบางอย่าง นั่งวิเคราะห์อย่างเดียว โดยที่ไม่เคยเดินทางไปปากีสถาน หรืออินเดีย หรืออาฟกานิสถาน คิดว่า ผู้เขียน (เอก อิสสโร) น่าจะเข้าพบ พระเดชพระคุณเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์ ป.ปยุตโตบ้างนะครับ ท่านเป็นครูทางพระพุทธศาสนาท่านหนึ่ง อาจจะได้คำชี้แนะบ้าง ไม่ใช่เกิดจากการสันนิษฐาน และเอาเอกสารมาปะติดปะต่อ แล้วสรุปเอาเอง


    ปล.ผมว่าผู้เขียนก็คงถูกจดหมายด่าหรือต่อว่ามามาก หากอยากได้ข้อสรุปจริงๆ อยากให้เดินทางไปปากีสถาน อินเดีย อาฟกานิสถาน ค้นคว้ามากกว่านี้ ไม่ใช่อยู่แต่ในประเทศไทย แล้วสรุป...


    ณ วันนี้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้ไปค้นคว้าและหาหลักฐานต่างๆมาพิสูจน์เรื่อง(ที่เขาว่า)จริง ที่เมื่อคุณได้อ่านแล้ว รับรองว่าคุณจะมีคำถามเกิดขึ้นอย่างมากมาย ว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้กันตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเล็กนั้น "ถูกต้องแล้วหรือ?"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2010
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    พระพุทธเจ้า มีหลายพระองค์
    คนละยุค คนละที่เกิด

    - " หนุมาน ผ้นำสาร "
     
  13. siritach

    siritach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2005
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +555
    เบื่อ จริงๆ พวก พยายามจะบิดเบือน

    รู้ได้ไง ว่าใน พุทธประวัติพระพุทธเจ้า ไม่เอ่ย ถึง ความหนาวเย็น ...

    ....................ปราสาท 3 ฤดู ครับ ที่สร้างให้ เจ้าชาย สิทถัตถะ อยู่อาศัย.....

    ...
    แล้วที่บอกว่า เพราะมีพญานาค ที่แถวภาคอีกสานอีก ...ด้วย ...ถามตรงๆ เลยนะ ผมไม่ไ้ดลบหลู่หรอกนะ
    ...มีคนเคยเห็น พญานาค ตัวเป้นๆ ด้วยตาตัวเองมั้ยครับ หรือ ฟังแต่คำ เล่า ต่อๆกันมา

    พญานาคมีจริงๆ มีฤทธิ์มาก ... พูดงายๆสามรถ ไปปรากฏตัวที่ไหนก็ได้ ดดย เฉพาะ ผุ้ ปฎิบัติธรรม คนไทย นับถือพุทธกันเยอะ พญานาคเลยมาปรากฎตัวให้ พระที่ปฎิบัติดี บางรูปเห็น .... แต่ไม่ได้หมายความว่า พญานาค อยุ่ที่มีน้ำโขง ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...