มาละ สักกายะทิฏฐิ กันเถอะ . . .

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย 2ชาติตรัสรู้, 29 กรกฎาคม 2009.

  1. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ข้อแรกที่ต้องละ ของ พระโสดาบัน

    สักกายะทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา เห็นสิ่งต่างๆตามเป็นจริง
    ดูแล้วไม่ง่ายเลยนะ ที่จะเห็นได้ว่าร่างกายนี้ไม่ไช่ของเรา อย่างไม่ไช่แค่รู้เฉยๆ แต่ใจไม่เชื่อเต็มร้อย

    มาลองดูวิธีของผมกัน เป็นจุดเริ่มต้น ง่ายๆ แต่สำคัญนะ

    เริ่มต้นเราต้องไม่เชื่อ ในสิ่งที่ขัน5แสดงก่อน ว่าเป็นจริงอย่างนั้น
    แล้วทำอย่างไร เราจึงจะเห็นได้ว่า สิ่งที่ขัน5แสดงนั้นไม่จริง

    เราก็ต้องพิจารณา ทวารทั้ง6ก่อน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พิจารณาดูซิว่า สิ่งที่ทวารทั้ง6 รับรู้ หรือ จะว่ารู้สึกไว้ก่อนก็ได้ มันจริงอย่างนั้นหรือไม่

    สิ่งที่จะอธิบายนี้ ถึงจะรู้อยู่แค่ในระดับ ความคิด ความจำ ก็มีประโยชน์มาก
    เพราะเมื่อรู้แล้วจำไว้ รับรองได้เลยว่า ความหลง ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส จะคลายลงเรื่อยๆ และเป็นเหมือนบันได้ขั้นหนึ่งในการละสักกายทิฏฐิ

    ถึงจะยังชอบใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส แต่จิตจะรู้และเชื่อว่า สิ่งเหล่านั้นไม่จริง ไม่มีจริง
    แล้วจิตจะคลาย จากความหลง เหลือแค่ ความชอบ และ เหลือแค่ความรู้สึกเฉยๆ
     
  2. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนา สาธุครับ ผมใช้วิธีที่พระพุทธองค์บอกครับคือเห็นกามเป็นของร้อนเป็นไฟนรกที่เผาเรานะครับ ยกตัวอย่างเห็นผู้หญิงสวยก็ท่องไว้ว่าที่ประชุมของดินน้ำลมไฟของร้อนมีจิตชอบเมื่อไรร้อนเมื่อนั้นแล้วจิตก็จะหนีเองฝึกบ่อยๆก็ได้ผลดีครับทุกวันนี้ก็เฉยๆบางครั้งเฉยไม่ได้ก็ท่องตามนี้แล้วนึกถึงเวลาถูกไฟเผานะครับก็ใช้ได้ดีเลยครับแล้วมานั่งพิจารณาถึงอุจาระของผู้หญิงที่ว่าหอมว่าสวยว่าหอมไหมสวยใหมจิตก็จะปฏิเสธทันทีว่เหม็นไม่หอมมันก็ลดลงแล้วไม่กลับมาแต่ต้องทำทุกวันๆจนกว่าจิตจะเข้มแข็งแล้วก็ออกไปลองจิตอีกหาผู้หญิงสวยๆมาแล้วลองจิตดูว่าตาเห็นแล้วเรารู้สึกยังไงยังสวยอยู่หรือเฉยๆสอบตนเองตลอดเวลาอย่าเผลอนะครับกามนี้ร้ายกาจนักไม่ใช่ว่าทำได้แล้วก็จบจริงๆแล้วต้องรักษาให้ได้จนเป็นปกติของจิตก็จะเป็นว่าเห็นก็สักแต่เห็นนะครับ ยังมีกามตัวอื่นๆอีกมากเช่นสิ่งของที่ถูกใจเป็นต้นก็มีวิธีละที่คล้ายๆกันนะครับแล้วก็มีทวารอื่นๆอีกสำคัญที่สุดยากที่สุดคือจิตปรุงแต่งต้องรบกับมันตลอดเวลาวันหนึ่งผมจะต้องชนะมันให้ได้ สาธุ
     
  3. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ทวารแรกที่จะพูดถึง คือ ทวาร ตา คนปรกติทั่วๆไปที่ไม่เคยคิดก็จะเชื่ออย่าง100%ว่า สิ่งที่ตาฉันเห็นนี้เป็นจริงตามที่เห็น อาจจะเพราะถูกสอนมาตั้งแต่เรียนหนังสือ ว่าตาเรามีไว้ดู หูเรามีไว้ฟัง จมูกอยู่กลางมีไว้สำหรับหายใจ . . . ประมาณนี้

    ที่นี้สำหรับท่านที่เชื่อว่าสิ่งที่ตาเห็น เป็นอย่างนั้นจริง ขอไห้ท่านลองพิจารณาแบบนี้

    ถ้าสิ่งที่เราเห็นนี้เป็นจริง ทุกสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ต้องเห็นเป็นแบบเดียวกันหมด

    ยกตัวอย่างเช่น สีต่างๆที่เรามองเห็น มันมีอยู่จริงหรือไม่ หรือว่ามีแค่ที่เรามองเห็นหรือ
    คำตอบก็คือ สีต่างๆจะว่ามีก็ได้ จะว่า ไม่มีก็ อยู่ที่ว่าตาของไครเป็นผู้มอง
    เช่นถ้าสุนัขมอง มันก็เห็นแต่ ขาวกับดำ

    หรือ สาวหน้าใส ไร้สิวฝ้าเดินมานี้ มันใสจริงไหม หรือมันใส แค่เท่าที่เรามองเห็นเท่านั้น
    คำตอบคือ หน้าใสไร้สิวฝ้า ไม่มีจริง อยู่ที่ความสามารถของดวงตาที่มองเท่านั้นว่า มีความละเอียดแค่ไหน
    ถ้าเรามีดวงตา ที่ละเอียด เหมือนกล้อง จุลทัศที่มีกำลังขยายมากๆ แล้วลอง
    มองไปที่สาวหน้าใส ไร้สิวและฝ้าคนนั้น เราจะเห็นอย่างไร . . .

    เราก็จะเห็น สาวที่มี น้ำ และ ไขมัน ไหลออกจากหน้าตลอดเวลา ทั้งหน้า และยังเป็นหลุมบ่อ แตกลายอีกต่างหาก

    อย่างอื่นก็พิจารณาแบบเดียวกัน คือ ถ้าสิ่งที่เห็นเป็นจริง สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ต้องเห็นเหมือนกันหมด

    ตรงนี้ จึงสรุปได้ว่า รูปทั้งหลาย ที่เห็นได้ด้วย ดวงตา ไม่เป็นจริง อย่างที่เห็นแน่นอน!!

    เพราะงั้น ต่อไป เมื่อมองอะไรที่ถูกตาต้องใจ รู้ไว้เถอะว่าที่เห็นนั้น ไม่จริง !!!

    แล้วก็คงจะเกิดคำถามว่า แล้วรูปที่เป็นจริงหละ เป็นอย่างไร

    ก็ ขอตอบว่า รูปทั้งหลาย ที่เห็นด้วย ดวงตา ไม่มีอยู่จริงเลย รูปที่แท้จริง ก็ไม่มีเช่นกัน

    เมื่อเข้าใจ อย่าง แจ่มแจ้ง จริง ๆก็จะมองทุกอย่างเป็นสักว่ารูป หรือ มองเป็น ธาตุ4มาประชุมรวมกันอยู่เท่านั้น(แต่ต้องไช้วิธีอื่นประกอบด้วยจึงจะแจ่มแจ้งจริงๆ)
     
  4. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    พูดถึงเรื่องรูปที่เห็นด้วยตาไปแล้ว ว่าไม่จริง ไม่มีอยู่จริง อย่างไร
    ต่อไปพูดเรื่องความรู้สึกที่มาเกิดที่ใจบ้าง
    คือ หลังจากเห็นรูปแล้ว เกิดความรู้สึกว่า สวย หล่อ ชอบ ไม่ชอบ

    อะไรก็แล้วแต่ ที่ปรุงแต่งเพิ่มเติมมาจากการเห็น เหล่านี้ คนทั่วไป มักไม่เคยคิด
    ว่า สิ่งที่เรารู้สึกนี้ เป็นความจริงหรือไม่
    เช่นความรู้สึกว่า รูปที่เห็นนี้ สวย หล่อ มันจริงอย่างที่รู้สึกไหม

    ลองพิจารณาแบบนี้ ถ้าความรู้สึก สวย หล่อ หรืออื่นๆมีจริงแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ต้อง รู้สึกแบบเดียวกันทังหมด ความรู้สึกนั้นจึงจะจริง

    ไห้พิจารณาหลายๆความรู้สึก แล้วจิตจะยอมรับเองว่า ความรู้สึกนั้นๆ ไม่มีจริง
    เมื่อจิตเริ่มยอมรับบ้างแล้ว อาการหลงในรูป ในความรู้สึก ก็จะลดลง คลายลง ที่ละนิด
    นานวันไปก็จะเหลือแค่ความรู้สึกเฉยๆ ในที่สุด

    ที่อธิบายมานี้ ถึงบางท่าน จะจำและพิจารณาได้แค่ ในระดับสัญญา ความนึกเอา จำเอา

    เหตุ ผล ก็มีประโยชน์มากอยู่ดี แต่ ต้องพิจารณาไห้จิต ยอมรับเหตุ ผลนั้นจริง อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ถ้ามีข้อโต้แย้งสงสัยว่า ไม่จริง ต้องแก้ไขไห้จิตยอมรับจนหายสงสัยไห้ได้

    ถึงบางท่าน จะบอกว่า การจะรู้เห็นอะไร ต้องเป็นปัญญาจากการปฏิบัติ สมาธิ ต้องเป็น ชาน
    บางคนที่ไม่เคยฝึกสมาธิเลย ไม่มีทางเห็นได้

    แต่ความจริงแทบทุกคนเคยฝึกสมาธิกันมาแล้วทั้งนั้น ทั้งในชาตินี้ แล้วก็ชาติก่อนๆ

    ประโยชน์จะมี แก่ผู้พิจารณา . . .

     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สักกายะทิฐิ คือ ไม่มีอะไรคือเธอ และเธอคือไม่มีอะไร
    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2009
  6. บุตรพระแม่อนุตตรธรรม

    บุตรพระแม่อนุตตรธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +428
  7. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    นี้ถ้าเราบอกว่าเราฟังมาจากอาจารณ์ท่านนั้นท่านนี้คงมีคนสนใจเอาไปคิดมากกว่านี้

    แต่ไม่อยากโกหก^^ใครจะคิดไม่คิดก็เรื่องของเขาเถอะ หุหุหุ
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    สิ้นพระอริยเจ้า
     
  9. namaste

    namaste Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +55
    สักกายะทิฏฐิ


    ละได้ก็ต่อเมื่อตามรู้ตามดูจนเห็นจริงว่า กายใจนี้ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ
    ไม่ใช่คิดๆเอาว่ามันไม่ใช่ คิดๆเอา จะกี่ชาติก็ไม่ถึงหรอก พระโสดาบันน่ะ

    รู้ทันความคิด
    เล่นคิดๆเอาว่ารู้ มันจะถูกไหม
     
  10. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    เมื่อก่อนนี้ไม่รู้เรื่องธรรมมากมัก เกิดมีความทุกข์ขึ้นมา ก็มานั่งสมาธิพิจารณาทุกข์ แล้วก็หาสาเหตุของทุกข์ ตอนนั้นมีความรู้แค่ว่า รัก โลภ โกรธ หลง ทำไห้เกิดทุกข์ . .
    แต่เห็นว่าตัวรัก ร้ายที่สุด เห็นตัวรัก เป็นตัวเริ่มต้นของตัวอื่นๆ . .

    ต่อมาได้ฟังเรื่องตัณหาเป็นเหตุแห่งทุกข์ ก็คิดว่าตัณหา3นี่หละเหตุแห่งทุกข์ . . ..

    ต่อมาพิจารณาถึงสาเหตุของความชอบใจในรูปของสิ่งต่างๆเช่น ผู้หญิง เพชร รถยนต์
    ของที่สวยงามถูกใจ ต่างๆ หาสาเหตุว่าคนเราชอบอะไร
    ก็เกิดรู้เข้าว่า คนเราชอบแสงสะท้อน ผู้หญิง ก็ต้องผิวขาวๆ ผมดำเป็นมันเงา เพชรก็ต้องสะท้อนแสงได้มากๆยิ่งสวย
    รถยนก็ต้องสีเงาๆมันๆ ถ้าสีด้านๆไม่สะท้อนแสงเมื่อไรก็ไม่สวยเมื่อนั้น . . .
    ชักเห็นความไร้สาระของความรู้สึกชอบ

    ก็เลยเกิดสงสัยในประสาทสัมผัส ตา เป็นอย่างแรกที่แรกสงสัยว่าคนทุกคนเห็นรูปเหมือนกันไหมเช่นวงกลม ทุกคนเห็นแบบเดียวกันไหมหนอ
    ต่อมาวันหนึ่งก็ได้อ่านหนังสือเรื่อง ทวาร6
    เป็นเรื่องของประสาทสัมผัส ของผู้ชายและผู้หญิง ที่แตกต่างกัน จึงรู้ว่าเพราะประสาทสัมผัสที่แตกต่างกัน ของผู้ชายและผู้หญิงนี่เอง ที่ทำไห้ชายหญิง มีนิสัยต่างๆต่างกัน
    ต่อมาก็พิจาณาไปถึงสัตว์เอง ก็เห็นว่าต่างกัน เกิดรู้ขึ้นมาว่า สิ่งต่างๆนี่มันไม่ได้เป็นจริงอย่างที่เรารู้และสัมผัสได้นี่นา สิ่งต่างๆจะเป็นอย่างไรมันขึ้นอยู่กับแค่ว่า เราเป็นอะไร
    คือ เราอยู่ในร่างกายที่มีประสาทสัมผัสแบบไหน . .
    ต่อมาเมื่อได้กระทบกับ รูป รส กลิ่น เสียง หรือสัมผัส ใจก็รู้ขึ้นมาเองบ่อยๆว่า มันไม่จริงอย่างนั้น
    ตอนหลังได้รู้จักเรื่องขัน5 จึงได้กำหนดรู้มากขึ้น แล้วก็ได้รู้เกินไปอีกถึงเรื่องที่เกิดที่ใจว่า ไม่จริงเช่นกัน แต่ตอนนั้นยังพิจารณาแต่เรื่องของสวยงาม น่าชอบใจเป็นหลัก
    ไม่ได้พิจารณาของไม่น่าชอบใจ

    แต่ถึงอย่างนั้นอยู่ดีๆวันหนึ่งก็เกิด วิปัสนูกิเลส10ขึ้น คือ สติที่ชัดเจนจนน่าแปลกใจ
    แต่จะเรียกว่า วิปัสนูกิเลสก็ไม่ถูกนัก เพราะ ตอนนั้นไม่ได้มีนิกันติเกิดร่วมด้วยมากถึงขนาดคิดว่าบรรลุธรรมแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2009
  11. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    แล้วตอนที่สติแบบชัดเจนเกิดขึ้น โดยที่ไม่เคยฝึกกำหนดรู้ ก้รู้ถึงสาเหตุของการเกิดขึ้นได้เอง ว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะจิตไม่สนใจปรุงแต่ง สิ่งต่างๆที่กระทบทางทวารทั้ง6 หรือปรุงแต่งก็ปรุงแต่งน้อยลง อย่างมาก จนจิต กลับมาสนใจกายแทน พอกายขยับก็เลยทำไห้รู้ชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน . . .
    ตอนนั้นแรกๆก็รู้สึก ยินดี แปลกใจ แต่ก็เกิดรู้ขึ้นมาอีกว่า มันไม่เที่ยง เพราะได้เคยพิจารณาความตายของตนเองและคนอื่นๆ การเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ของสิ่งต่างๆมาแบบชัดเจนแล้วครั้งหนึ่ง
    ตอนนั้นกิเลสเรื่องความอยากได้อยากเป็นอยากมีทั้งหลาย มันหดหายไปจนเกิดความรู้สึก โล่ง โปร่ง เบา รู้สึกใจเบา เหมือนยกภูเขาออกจากอ ประมาณนั้น . .
     
  12. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    วันที่สติแบบชัดเจนเกิดขึ้น ทั้งที่ไม่เคยฝึกดูจิตมาก่อน คือวันที่1สิงหา
    หลังจากการพูดคุยอธิบายเรื่อง ขัน5 แล้วนึกถวายบุญกุศลที่เกิดจากการสนทนานั้นบูชาพระพุทธเจ้า . . .

    สักกายะทิฏฐิ
    ละได้ก็ต่อเมื่อตามรู้ตามดูจนเห็นจริงว่า กายใจนี้ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ

    การจะเห็นว่าร่างกายนี้ไม่ไช่ของเราจริงๆก็มีหลายวิธีที่ผมอธิบายก็เป็นแค่วิธีหนึ่ง

    ครับเป็นอย่างนั้น และผมก็ได้บอกไปแล้วว่า ต้องพิจารณาอย่างอื่นร่วมด้วย
    เช่น อสุภะ
    ผมคงตั้งชื่อกระทู้เว่อไปหน่อยท่จริงควรใช้ชื่อว่า เริ่มต้นละ มั๊ง

    การรู้ทันความคิด ถ้ารู้แบบผม จะรู้ว่า
    การกำหนดรู้ทันความคิด มันแค่ถอนใบของพืชทิ้ง . .

    ก็คล้ายคนนั่งสมาธิ โดยไม่ได้ไช้การวิปัสนาพิจารณาร่วมด้วย ก็ดับกิเลสต่างๆได้เหมือนเอาหินไปทับหญ้า . . .

    ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนที่ไม่เคยรู้เรื่องประสาทสัมผัสแสดงว่าไม่จริง ถ้าได้อ่านได้รู้แล้ว ประโยชน์จะมีแน่นอน . . .
     
  13. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    555+..........สำเร็จๆ...
     
  14. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เพิ่มเติม

    อธิบายไปเองงงเอง ยังไงกันหว่า ใครชำนาญสักกายะทิฐฐิช่วยอธิบายด้วย
     
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,301
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ความตายไม่เที่ยง เเต่ตายเเน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...