ขอความรู้เกี่ยวกับ ณาน 16 ขั้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Rupanama, 25 สิงหาคม 2009.

  1. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    เกี่ยวกับ ณาน 16 ขั้นครับ รบกวนขอความรู้น่ะครับ ว่า 16 ขั้นที่เรากล่าวกันน่ะครับ มีกี่ขั้นที่มีเขียนๆไว้ในพระไตรปิฏก และอธิบายลักษณะ ไว้ชัดเจน และอีกกี่ขั้น ที่ครูบาอาจารย์ ท่านเขียนไว้ จากการที่ท่านเหล่านั้นได้ปฏิบัติ กันครับ

    ขอบพระคุณมากๆ ครับ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ณาน 16 ขั้น สำหรับผมเป็นอะไรที่หน้าปวดหัว...ไม่เคยจำได้เพราะไม่เคยไปท่อง....

    ปฏิบัติไปเลยครับ....มันจะดำเนินของมันเอง....ถ้ามัวไปท่อง..ไปติดไปข้อง...ก็มัวแต่กังวลอยู่นั้นหละ.....ได้ไม่ได้หว่า..กูอยู่ใหนหว่า....

    ทำไปเลยไอ่น้อง...แล้วรู้เอง...รู้ชัด...<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    มีลงไว้ในห้องพระไตรปิฎกทั่วไป กระทู้มรดกธรรมของพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙) บรรยายครั้งที่ ๑๒๕ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ไ่ม่มากก็น้อย
     
  4. tinnakornten

    tinnakornten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +494
    อ่านได้ ศึุกษาได้ แต่อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์ เด๋วมันจะกลายเป็นวิปัสนึก
    ขอให้นิพพาน ในอนาคตกาลโดยเร็ว สาธุ....
     
  5. pangpangjang

    pangpangjang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +95
    ไม่เคยอ่านเมหือนกานแฮะ เด่วปายลองดูมั่ง ^^
     
  6. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนนี่หว่า ญาน 16 เลยครูอีกพวกและ ไอ้พวกอานาปาน 16 อีกพวก คิดเองเออเอง หาเรื่องตกร่อง
     
  7. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนนี่หว่า ญาน 16 เลยครูอีกพวกและ ไอ้พวกอานาปาน 16 อีกพวก คิดเองเออเอง หาเรื่องตกร่อง
     
  8. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257
    ญาณ 16 ที่มีการอธิบาย ก็ไม่ถูกนักซะทีเดียว นะครับ

    แต่ ความจริง ญาณ 16 คือ ธรรมชาติ (ธรรมะ นั่นแหละจริงๆ) ไม่ได้ตั้งคำพูดแบบให้ดูเท่ห์

    ญาณ 16 จึงเป็นการใช้อักษรเขียนอธิบายธรรมชาติ หรือ ธรรมะ หรือ ความจริง ลำดับของการเรียนรู้ ครับ ก่อนที่จะนำไปสู่ปัญญา

    การบรรลุอริยมรรค ได้ จะต้องผ่านญาณ 16 ทุกคน ที่ผ่านทุกคน ก็เพราะ มันเป็นธรรมชาติของการเรียนรู้ ถ้าไม่รู้ก็ไม่เกิดปัญญา

    เพียงแต่คนรุ่นหลัง เอามาบัญญัติ เป็นตัวอักษร เป็นข้อๆ เป็นชื่อให้ดูเข้าใจง่าย
    ก็แล้วแต่บุคคล แต่จะมีชื่อ หรือ ไม่ นั่นก็คือ สิ่งนั้นก็คือสิ่งเดียวกัน คือ ธรรมชาติ

    บางคนบอกว่า ฉันไม่เคยผ่านญาณนั้น ญาณนี้ ก็เพราะมันเป็นสมมุติบัญญัติ
    ไม่มีการอธิบายเป็นข้อความได้ชัดเจน ก็จะแ้ย้งว่า ญาณ 16 ไม่จำเป็นต้องผ่าน

    แต่จริงๆ แล้วผ่านมาแล้ว

    ว่าง่ายๆ มันเป็นการอธิบายความรู้สึก จึงยากที่จะอธิบายได้หมด
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ยังก่อน... อานาปาน หรือ อานาปานะสติ
    หาก อานาปาน 16 ที่เข้าใจนี้ หมายถึง วัตถุ 4 ในหมวด มหาสติปัฏฐาน 4 จะรวมกันได้ 16 พอดี เรียกได้ว่า อานาปาน วัตถุ 16 ซึ่งอยู่ในหมวด
    กายานุปัสนา 4
    เวทนานุปัสนา 4
    จิตตานุปัสนา 4
    ธรรมมานุปัสนา 4
    ซึ่งรวมกันแล้ว จะได้ 16 จึงเรียกว่า
    วัตถุ 16 ในอานาปานสติ

    ... ผู้ให้อรรถกถา(หรือครู) คือ ท่านพระธรรมโกศาจารย์ ผู้รจจนาร้อยเรียงแปล ภาษาบาลี มาเป็นภาษาไทย
     
  10. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    ผมว่า เราศาสนาพุทธเหมือน กัน และ ปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์น่ะครับ

    สิ่งที่กล่าวนี้ผมว่าไม่ควรครับ

    ผมเคยได้ยินโอวาทปาฏิโมข ในวันมาฆบูชาครับ มีอยู่ตอนหนี่ง
    อนูปวาโท การไม่ว่าร้ายใคร
    อธิจิตเต จะอาโยโค การทำจิตให้บริสุทธิ์ถึงพร้อม

    อย่าทำให้แตกแยกเลยครับ ไม่มีใครดีกว่าใครหรอก เมื่ออยู่ใน วัฏตสงสาร นี้ครับ
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ก็แล้วแต่จะมอง เลือกเอาว่าจะมุมมองไหน

    แล้วแต่กรรม ^-^
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ญาณ 16 เป็นภูมิรู้่ ภูมิเห็นใน ไตรลักษณ์นั่นแหละ
    แต่ว่า มันจะเรียกว่า ญาณ ก็ต่อเมื่อ มันเป็นปัญญาที่มาจากการภาวนา
    ทำให้เห็น จิต เห็นธรรม อันเป็นนามธรรมตัวละเอียด

    จะเกิดกับทุกคนที่ปฏิบัติได้ถูกทาง เต็๋มภูมิหรือไม่เต็มภูมิก็แล้วแต่วาสนาบารมี

    บางท่าน เห็นรูปนามปรากฎ ในขณะนั้นจิตเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดที่เดียว จิตพุ่งเข้าสู่ มรรคญาณเลยก็มี

    มันเรียงกันไปนั่นแหละ แต่เราสังเกตุกันไม่ทันเอง

    แต่บางท่าน กว่าจะเกิดแต่ละตัวก็พิจารณาแล้วพิจารณาอีก ก็ยังไม่เกิดภูมิ

    เหมือนคน ฟังครูสอนหนังสือ ทีแรกรู้เรื่องทันที พร้อมทั้งมีจินตนาการ ก้าวไปไกลกว่าที่ครูพูดก็มี

    บางคน ฟังทีเดียวไม่รู้เรื่อง ต้องกลับไปอ่านไปทบทวน จนร้องอ๋อ แต่ก็ไม่ได้ไปไกล

    บา่งคน เข้าใจแล้วเข้าใจมากไปกว่าเนื้อหา ทะลุปรุโปร่งไป

    ก็ญาณก็คือแบบนั้น แต่ ว่ามันไปรู้ไปเห็นในสภาพของจิตของใจ อย่าถึงแก่นแท้ เท่านั้น

    มันก็ต้องแล้วแต่วาสนาบารมี ทางด้านปัญญา ว่าใครเข้าใจแล้วจะแทงตลอดไปถึงระดับไหน

    ทีนี้ คนที่เขาไม่ฉลาดละเอียด เขาเข้าใจ แต่เขาก็พูดละเอียดให้คนอื่นฟังไม่ได้
    บางคนเข้าใจ แล้วแตกฉาน ก็พรรณามาละเอียดได้

    ก็สรุปว่า คนทุกคน ที่มีวิปัสสนาญาณ จะเกิดตัวรู้ ตัวเห็นในความจริงของ สรรพสิ่ง อันมี 16 ประการนั่นแหละ
     
  14. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เห็นด้วยครับ ตัวเราเองต่างหากที่มักคอยบังคับให้เป็นไปตามอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่จะเห็นว่ามันก็เป็นไปของมันเอง แล้วก็เห็นว่าเมื่อมันเป็นแบบนั้นแล้วยังอยากจะถือไว้ให้มันหนักอีกไปทำไม แต่ไม่ใช่เราอ่านเอานะจึงเห็นความจริงว่าเป็นอย่างนี้ ครับ
    อนุโมทนาครับ
     
  15. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    อนุโมทนาบุญ กับทุกคำตอบครับ

    หลักการจริงๆ คือ ตามดู/รู้ ตามความเป็นจริงๆ ไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลามันก็จะผ่านไปเอง ตามนี้น่ะครับ
     
  16. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    ทุกอย่างอยู่กับจิตนี่แหละ
    ไม่ต้องไปไล่ระดับอะไร ทำบ่อยๆ
    สะสมไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็เต็มรอบ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    จิต มีธรรมชาติไหลลงต่ำ นั่นเพราะเราไม่ได้ผูกจิตไว้กับการอบรม

    การตามดูตามรู้ ไม่ใช่การล่ามจิตไว้ เป็นเพียงการอบรมเท่านั้น จิต
    แม้จะไหลลงต่ำ และเป็นอนัตตา แต่กลับอบรมได้ คือชี้ทางได้แต่
    จะคาดหวังให้เขาเห็นตามที่ชี้ทันทีอย่างใจนั้นไม่ได้ ต้องให้เขาคอย
    ตามรู้ตามดู จนเกิดสติ ปัญญา ของเขาเอง โดยเราเพียงแต่หมั่นเพียร
    คอยสร้างเหตุในการรู้ทุกข์ไว้เท่านั้น

    เมื่อจิตได้รับการอบรม อกุศล กุศล และกลางๆ จะค่อยถูกละวางลง
    จิตจะค่อยๆมีคุณภาพของฌาณเข้าไปสัมปยุต พร้อมกับญาณสัมปยุติ
    จนทำให้เห็น อุปทาน ที่เราไปยึดสรรพสิ่ง ยึดขันธ์มาเป็นของเรา

    เมื่อไม่มีเรา ไม่มีตน ความไม่ใช่ตนก็ไม่มีไปด้วย

    เมื่อเห็นสภาวะธรรมที่พ้นการมีตน ก็จะเห็นทางธรรม

    ลองดูครับ...ไม่เสียสตังค์
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เกริ่นก่อนว่า ...ต้องรู้ลงเป็นปัจจุบันธรรม น้อมลงเป็นไตรลักษณ์ไปก่อน จนกว่า
    จะเห็นปัจจุบันธรรมนั้นแสดงไตรลักษณ์ให้เห็นตามความเป็นจริง ....

    คราวนี้มาดูทีละคำถามว่า ปัจจุบัน ที่ควรดูคืออะไร

    1. จะเห็นว่า กำลังไม่มี "ตัณหา" ปรากฏให้เห็นเป็นปัจจุบัน ก็อย่าไปสนใจสิ่ง
    ที่ดูไม่ทัน ตอนนี้เห็นตัณหา ก็ระลึกดูสภาวะธรรมของตัณหาไปเลย
    o ว่ามีตัณหาปรากฏ
    o ตัณหานั้นมีวิเศษลักษณะอย่างไร
    o ปรากฏแล้วมีหน้าที่อะไร
    o มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด
    เรียกว่า ตามรู้ตามดูจิตสังขาร

    2.ที่มีความ ชอบ/ไม่ชอบ/กลางๆ ปรากฏเป็นปัจจุบันขณะ เหล่านี้คือ เวทนาทั้งสิ้น
    ดังนั้น ก็ระลึกดูสภาวะธรรมของเวทนาไปเลย
    o ว่ามีเวทนาปรากฏ
    o มีวิเศษลักษณะอย่างไร
    o ปรากฏแล้วมีหน้าที่อะไร
    o มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด
    เรียกว่า ตามรู้ตามดูเวทนา

    3.สามารถกำหนดรู้/ดู ถึงสภาวะการตื่นได้เลย จะ มารู้/ดู ตอนรับรู้เลย เช่น เมื่อเห็น เมื่อได้ยิน เมื่อได้กลิ่น เมื่อได้รส หรือ คิด

    อันนี้คือ การมาเห็น รูป ( ยกเว้นสภาวะ คิด -- เป็นการเห็นจิตสังขาร คือ โมหะมูลจิต ) ก็ดูไปเลยว่า
    o รูปปรากฏ
    o มีวิเศษลักษณะอย่างไร
    o ปรากฏแล้วมีหน้าที่อะไร
    o มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด ...ตรงนี้หากใช้วลี มีอะไรเป็นอาหาร จะทำให้นมสิการได้ง่ายกว่า
    เรียกว่า ตามรู้ตามดูกาย ซึ่งจะเห็นเป็นธาตุ4 แล้วแต่กำลังของฌาณและ
    ปัญญาที่จะเห็นละเอียดละออแค่ไหน


    ก็จะเห็นว่า เป็นการรู้วนอยู่ใน กาย เวทนา จิต สามฐานของสติปัฏฐาน

    สติปัฏฐานนั้นมี 4

    ก็เป็นอันว่า คำถามที่ถามว่า หลังจากนนี้เห็นอะไร ก็ต้องเรียกว่า เห็นธรรม
    มารู้ลงที่ธรรม

    กล่าวคร่าวๆ พอหมุนวนดู กาย เวทนา จิต ได้คล่องแคล่วแล้ว ก็ต้องมาดู
    นิวรณ์ 5 (นิวรณบรรพ), ขันธ์ 5 (ขันธ์บรรพ), อายตนะ 6 (อายตนบรรพ)

    o ว่า....ปรากฏ
    o มีวิเศษลักษณะอย่างไร
    o ปรากฏแล้วมีหน้าที่อะไร
    o มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด...ตรงนี้จะต้องชำนาญในปริยัติ แต่ถ้าไม่ได้อ่านปริยัติ
    มา ก็ไม่ต้องไปนิยามก็ได้ แค่เห็นว่า มันปรากฏแล้วมีหน้าที่อะไร แค่นั้นก็พอ
    เพียงที่จะให้เห็นทุกขสัจจ อันเป็นสิ่งที่ต้องรู้ตามหลักอริยสัจจ4

    อ่านเพิ่มเติม :
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2009
  19. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    การดับไปของรูป มีเห็น แล้วครับ รวมถึงการดับไปของ อาการด้วยครับ
    ต้นจิตการสั่งมีเห็นบ้าง พร้อมการเกิดดับ

    แต่สิ่งที่พบเห็นเพิ่มเติม คือ รู้เห็นอารมณ์มากขึ้น และ ละเอียดขึ้น พบว่าจริงๆ แล้ว ความทุกข์มีอยู่เยอะเต็มไปหมด เพียงแต่เราไม่รับรู้มันเท่านั้นเอง
    ส่วนความเป็นตัวตนของเราเอง หลังจากเห็น การแยกของ ร่างกายกับอาการ ผมรู้สึกว่าการยึดมั่นมันลดลงบ้างแต่ยังมีอยู่บ้างครับ ถ้าขาดสติครับ
    จะพยายามทำตามคำแนะนำต่อไปน่ะครับ

    อนุโมทนาบุญด้วยน่ะครับ สำหรับคำแนะนำ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    แจ่ม

    รบกวนอ่านธรรมนี้เพื่อบันเทิงธรรมนะครับ

    http://palungjit.org/threads/สัมปยุตตธรรม.202712/

    อ่านเพื่อบันเทิงธรรม คือ อ่านเล่นๆ อ่านแบบว่าให้ได้ชื่อว่าเป็นพหูสูต
    แต่ก็อ่านผ่านๆ ไปไม่ยึดมั่นถือมั่น [...ถึงคิดจะจำ มันลืม แต่คนมี
    ธรรมนั้น จะหยิบมาเมื่อไหร่ก็ได้....]
     

แชร์หน้านี้

Loading...