คู่ตาย-แฟนทิ้งบั่นทอนสุขภาพ ผลศึกษาชี้’รักใหม่’ไม่ช่วยอะไร

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 31 สิงหาคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=231><TBODY><TR><TD vAlign=top width=231 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์ – ผลวิจัยพบความเครียดจากการพลัดพราก ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย บั่นทอนสุขภาพยาวนาน แม้พบรักใหม่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนัก

    ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ในสหรัฐฯ พบว่าผู้ที่หย่าร้างหรือเป็นม่ายมีแนวโน้มมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็ง มากกว่าคนที่ยังมีสถานะสมรส 20% และยังมีปัญหาในการเดินเหิน เช่น ขึ้น-ลงบันไดลำบาก หรือเดินได้แค่ระยะสั้นๆ มากกว่าคนแต่งงาน 23%

    ที่สำคัญ แม้สภาพจิตใจมั่นคงขึ้นและมีความสุขกับความรักใหม่ แต่ก็ไม่สามารถเยียวยาสุขภาพที่เสื่อมถอยนี้ไปได้

    นักวิจัยได้ศึกษาและติดตามผลกลุ่มตัวอย่างอายุ 51-61 ปี จำนวน 8,652 คน โดยที่ 55% ยังมีสถานภาพแต่งงาน, 20% แต่งงานใหม่, ไม่ถึง 4% ไม่เคยแต่งงานมาก่อน และอีก 22% เคยแต่งงาน โดย 69% ของกลุ่มหลังแยกทางหรือหย่าขาด และ 31% คู่ครองเสียชีวิต

    อายุเฉลี่ยตอนที่แต่งงานสำหรับคนที่หย่าหรือเป็นม่ายคือ 21 ปี คนเหล่านี้ใช้ชีวิตคู่เฉลี่ย 25 ปี และอยู่ในสถานะหย่า แยกกันอยู่หรือเป็นม่าย เฉลี่ยแล้ว 9 ปีครึ่ง

    นักวิจัยมุ่งศึกษาปัญหาสุขภาพของกลุ่มตัวอย่างในส่วนโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน หัวใจ ปอด มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และความสามารถในการเคลื่อนไหว รวมถึงประเมินอาการซึมเศร้า และขอให้กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนสุขภาพตัวเองว่าดีเยี่ยม ดีมาก ดี ปานกลาง หรือแย่

    ผลการศึกษาพบว่า คนที่แต่งงานใหม่และคนที่เคยแต่งงานมีสุขภาพแย่ลงอย่างชัดเจนในทุกด้านเมื่อเทียบกับคนที่ยังมีสถานะสมรส กล่าวคือคนที่แต่งงานใหม่มีแนวโน้มมีปัญหาสุขภาพเรื้อรังมากกว่าคนแต่งงาน 12% และ 19% ในส่วนปัญหาในการเคลื่อนไหว ขณะที่คนที่ไม่เคยแต่งงานมีปัญหาในการเคลื่อนไหวมากกว่า 12% และอาการซึมเศร้า 13%

    เชื่อกันว่าสุขภาพที่เสื่อมทรุดลงจากการที่คู่ครองตายหรือหย่าร้าง เป็นผลจากรายได้ที่ลดลง แต่ความเครียดเพิ่มขึ้น ความทุกข์ที่เกิดจากปัญหาต่างๆ เช่น การเลี้ยงดูลูก และเรื่องการเงิน

    และความเสียหายจากการที่ความเครียดรุนแรงไปทำร้ายระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันนั้น มีผลยาวนานนับปีแม้เมื่อคนๆ นั้นกลับมามีความสุขอีกครั้งก็ตาม

    ศาสตราจารย์ลินดา เว็ต นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ผู้ร่วมจัดทำรายงานฉบับนี้ อธิบายว่าการสูญเสียคู่ครองหรือการหย่าร้าง ทำให้เกิดความเครียดรุนแรงนานเป็นเดือนหรือเป็นปี ซึ่งส่งผลร้ายต่อระบบการไหลเวียนของโลหิต

    “ความเครียดกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและนำไปสู่อาการอักเสบ และเราเชื่อว่าอาการอักเสบเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงมะเร็งบางชนิด

    “นอกจากนั้น ในช่วงที่คุณปล่อยปละละเลยตัวเอง คุณยังกินอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์และไม่ออกกำลังกาย นอนไม่หลับ ตัดขาดสังคม”

    อย่างไรก็ตาม เว็ตยืนยันว่า แม้การหย่าร้างหรือการเป็นม่ายเสี่ยงต่อสุขภาพ แต่ไม่ถึงขั้น ‘โทษประหาร’ ถ้าคนๆ นั้นดูแลตัวเองหรือมีคนรอบข้างคอยเอาใจใส่ แนวโน้มสุขภาพเสื่อมก็จะลดลงไปได้มาก

    อนึ่ง การศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า การแต่งงานช่วยส่งเสริมสุขภาพและอายุยืนยาว ขณะที่การเสียชีวิตของคู่ครองทำให้ฝ่ายชายมีความเสี่ยงตายตามเพิ่มขึ้นหกเท่าในช่วง 12 เดือนต่อมา และสองเท่าสำหรับฝ่ายหญิง

    คริสทีน นอร์แธน ที่ปรึกษาของรีเลท มูลนิธิให้การสนับสนุนสัมพันธภาพที่มั่นคงในอังกฤษ แสดงความเห็นต่องานวิจัยนี้ว่า เป็นการตอกย้ำว่าคนเราควรพยายามให้มากเพื่อรักษาชีวิตคู่ นอกจากจะเป็นความสัมพันธ์ที่บั่นทอนกันและกันอย่างรุนแรงเท่านั้น

    “เป็นความคิดที่ดีที่คุณจะใช้การหย่าร้างเพื่อทำความเข้าใจตัวเอง และหาเหตุผลว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงไปไม่รอด

    “ถ้าทำได้คุณจะมีโอกาสมากที่จะประสบความสำเร็จในการแต่งงานครั้งที่สอง แต่ถ้าคุณไปคบคนที่รังแต่สร้างปัญหา การอยู่เป็นโสดต่อไปน่าจะดีกว่า”

    นอร์แธนทิ้งท้ายว่า คนมากมายมองหาคนที่เหมือนภรรยาหรือสามีคนแรกโดยไม่รู้ตัว และนั่นทำให้โอกาสที่การแต่งงานรอบสองจะล้มเหลวซ้ำรอยเพิ่มขึ้นสองเท่า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. patcha2001

    patcha2001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +174
    คู่ตาย...แฟนทิ้งบั่นทองสุขภาพ ผลศึกษารักใหม่ไม่ช่วยอะไร

    ;aa28;aa58qsquqsquqsquqsquqsqu

    รายงานวิจัยนี้ต้องอ่านด้วยความระมัดระวัง เพราะว่าเป็นงานวิจัยใน

    ต่างประเทศ ซึ่งมีขนบประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเรา

    ต่างประเทศจะทดลองอยู่ด้วยกันจนคิดว่าไปด้วยกันได้ และมีความ

    พร้อม แต่งแล้วจะไม่นิยมอย่าถ้านับถือคริสต์ อย่าดูนักแสดงที่มั่วๆ เป็น

    ตัวอย่างนะ เวลาอย่าแล้วเป็นปัญหามากในเรื่องของสินสมรส ทนาย

    ในต่างประเทศจึงรายได้ดี ทำอะไรนิดหน่อยก็ฟ้องร้องเป็นคดีความ

    เพราะเขาถือมากในเรื่องสิทธิมนุษยชน บ้านเราในอดีตรุ่นพ่อแม่ปู่ย่า

    ตายายอยู่กันจนแก่เฒ่า การเป็นชู้เป็นกิ๊กถือว่าผิดมาก สังคมประจาน

    อับอาย เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ประเภทไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ไม่แคร์

    และไม่สะทกสะท้าน เกียรติและศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงให้ความสำคัญ

    และผู้ชายก็ไม่ได้ให้เกียรติผู้หญิงเหมือนฝรั่ง ที่ว่าเลดี้เฟิร์ต แต่กลับเป็น

    ว่า How I get free sex? กิ๊กจึงเต็มบ้านเต็มเมือง ซึ่งเรียกให้มันถูก

    ก็คือชู้นั่นเอง หญิงไม่แคร์ และชายก็ไม่อาย ต่อการประจานของ

    สังคม อันนี้คือกลียุค จะไปถึงยุคพระศรีอริยเมตตรัยได้หรือไม่ คิดดู

    ก็แล้วกัน ผู้ถือกฏทำผิดกฏซะเอง ผู้ถือศีลรับทานทำผิดซะเอง

    ผู้นำทำผิดให้ดู น่าอนาจจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...