อยากให้มีการรวมตัว ของคนที่ปรารถนาพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย PalmPalmnaraks, 24 มกราคม 2005.

  1. นายชัชฌาณัฏฐ์

    นายชัชฌาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    438
    ค่าพลัง:
    +301
    ข้าพเจ้าคิดว่าสักวันคงได้รวมตัวกันครับ ขอร่วมอนุโมทนาในกุศลจิตด้วยนะครับ.
     
  2. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,537
    ค่าพลัง:
    +83,714
    จะรวมตัวกันได้ส่วนใหญ่จะอยู่ในชุดที่อธิฐานหรือบำเพ็ญมาร่วมกันโดยเฉพาะ หากคนละชุดก็ยากที่จะมาร่วมกันโดยพร้อมเพรียงได้ครับ
     
  3. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ในสมัยหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ศิษย์จะได้ยินคำว่าพระโพธิสัตว์ หรือคำว่าพุทธภูมิไม่บ่อยนัก หลวงปู่มักจะกล่าวถึงก็เฉพาะกับหลวงปู่ทวด

    คำว่าพระโพธิสัตว์หรือพุทธภูมินั้นเป็นคำที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าใคร ๆ จะมาพยากรณ์กันเอง คำว่าพระโพธิสัตว์มักจะหมายถึงพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว จึงมีความแน่นอน ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พูดแล้วเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง ต้องเป็นจริงตามนั้น ดังนั้น หากใครบอกว่าลาพุทธภูมิ นั่นย่อมหมายความว่ายังไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง จึงอาจไม่แตกต่างจากสัตวโลกทั้งหลายที่พากันปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าในวันที่พระพุทธองค์เสด็จกลับจากดาวดีงส์ พร้อมกับบันดาลให้สัตว์โลกทุกภพภูมิได้มองเห็นกันหมด ทำให้มนุษย์ รวมทั้งสัตว์ภพภูมิอื่น ๆ พากันตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ากันมากมาย

    ตามธรรมดาแล้ว บุคคลผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อมต่อการได้รับพยากรณ์นั้นต้องเป็นผู้ที่ทรงอภิญญา ๕ และพร้อมจะบรรลุอรหัตผลในวันที่ได้รับพยากรณ์นั้นเอง แต่มีฉันทะที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อขนสัตว์โลกไปพระนิพพาน จึงไม่เบนเข็มไปในทางบรรลุนิพพานในชาตินั้น

    คำว่าพระโพธิสัตว์หรือพุทธภูมิที่พากันใช้เกล่อไปนั้น เป็นความล่อแหลมอยู่ไม่น้อย เพราะอาจเป็นช่องให้กิเลสความหลงมาครอบงำได้ง่าย ข้อเสียที่เห็นชัดเจนก็คือทำให้ไม่อุสาหะพากเพียรปฏิบัติขัดเกลากิเลสในภพชาติปัจจุบัน ด้วยคิดหวังจะสร้างนั่นสร้างนี่ไปเรื่อย ๆ เพื่อปูทางไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ทั้งที่ได้ลาภอันประเสริฐที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสพบธรรมคำสอน พบครูบาอาจารย์ดี ๆ ก็มิได้ปฏิบัติให้เต็มที่ หากพ้นจากชาตินี้ไปแล้ว จะมีอะไรเป็นหลักประกัน อย่าว่าแต่จะมาพบพระธรรมคำสอนอีกเลย แม้เพียงการได้เกิดเป็นมนุษย์อีกก็ยังยาก

    มีเรื่องทำนองนี้ คือ มีศิษย์ของหลวงปู่นำเรื่องราวของหลวงตามหาบัวมาเล่าถวายให้ท่านฟัง เรื่องมีอยู่ว่า หลวงตาสังเกตเห็นศิษย์คนหนึ่งไม่ค่อยขยันภาวนา เมื่อหลวงตาถามว่าทำไม เขาก็ตอบท่านว่า เดี๋ยวก่อน เพราะเขาปรารถนาว่าจะไปบรรลุธรรมในยุคพระศรีอาริย์ หลวงตาเลยพูดสอนเสียงดังว่า ชาตินี้ยังไม่เอาไหน ชาติหน้าก็จะยิ่งไม่เอาไหน แล้วคนไม่เอาไหน มีเหรอ จะคู่ควรไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์ ถึงไปเกิดก็เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีทางบรรลุธรรมได้หรอก
    หลวงปู่ดู่ฟังแล้วก็หัวเราะชอบใจ กล่าวรับรองว่าเป็นจริงอย่างนั้น

    ที่เล่ามานี้ ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาท และไม่ต้องเสียเวลาวิตกวิจารณ์ไปกับเรื่องที่ว่าเราจะเป็นสาวกภูมิหรือพุทธภูมิ เพราะความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก มันใกล้ตัวเข้ามาเกินกว่าจะเสียเวลาคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว หลวงปู่ท่านให้ทุกคนตั้งเป้าอย่างเดียวกันคือ หนึ่งในสี่ หรือที่ท่านใช้คำว่าหัวสะพาน อันเป็นภาวะที่เที่ยงแท้ว่าจะไม่ลงนรกอีก
    (หลวงปู่ดู่)
    <!-- / message -->
     
  4. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ในสมัยหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ศิษย์จะได้ยินคำว่าพระโพธิสัตว์ หรือคำว่าพุทธภูมิไม่บ่อยนัก หลวงปู่มักจะกล่าวถึงก็เฉพาะกับหลวงปู่ทวด

    คำว่าพระโพธิสัตว์หรือพุทธภูมินั้นเป็นคำที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าใคร ๆ จะมาพยากรณ์กันเอง คำว่าพระโพธิสัตว์มักจะหมายถึงพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว จึงมีความแน่นอน ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พูดแล้วเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง ต้องเป็นจริงตามนั้น ดังนั้น หากใครบอกว่าลาพุทธภูมิ นั่นย่อมหมายความว่ายังไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง จึงอาจไม่แตกต่างจากสัตวโลกทั้งหลายที่พากันปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าในวันที่พระพุทธองค์เสด็จกลับจากดาวดีงส์ พร้อมกับบันดาลให้สัตว์โลกทุกภพภูมิได้มองเห็นกันหมด ทำให้มนุษย์ รวมทั้งสัตว์ภพภูมิอื่น ๆ พากันตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ากันมากมาย

    ตามธรรมดาแล้ว บุคคลผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อมต่อการได้รับพยากรณ์นั้นต้องเป็นผู้ที่ทรงอภิญญา ๕ และพร้อมจะบรรลุอรหัตผลในวันที่ได้รับพยากรณ์นั้นเอง แต่มีฉันทะที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อขนสัตว์โลกไปพระนิพพาน จึงไม่เบนเข็มไปในทางบรรลุนิพพานในชาตินั้น

    คำว่าพระโพธิสัตว์หรือพุทธภูมิที่พากันใช้เกล่อไปนั้น เป็นความล่อแหลมอยู่ไม่น้อย เพราะอาจเป็นช่องให้กิเลสความหลงมาครอบงำได้ง่าย ข้อเสียที่เห็นชัดเจนก็คือทำให้ไม่อุสาหะพากเพียรปฏิบัติขัดเกลากิเลสในภพชาติปัจจุบัน ด้วยคิดหวังจะสร้างนั่นสร้างนี่ไปเรื่อย ๆ เพื่อปูทางไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ทั้งที่ได้ลาภอันประเสริฐที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสพบธรรมคำสอน พบครูบาอาจารย์ดี ๆ ก็มิได้ปฏิบัติให้เต็มที่ หากพ้นจากชาตินี้ไปแล้ว จะมีอะไรเป็นหลักประกัน อย่าว่าแต่จะมาพบพระธรรมคำสอนอีกเลย แม้เพียงการได้เกิดเป็นมนุษย์อีกก็ยังยาก

    มีเรื่องทำนองนี้ คือ มีศิษย์ของหลวงปู่นำเรื่องราวของหลวงตามหาบัวมาเล่าถวายให้ท่านฟัง เรื่องมีอยู่ว่า หลวงตาสังเกตเห็นศิษย์คนหนึ่งไม่ค่อยขยันภาวนา เมื่อหลวงตาถามว่าทำไม เขาก็ตอบท่านว่า เดี๋ยวก่อน เพราะเขาปรารถนาว่าจะไปบรรลุธรรมในยุคพระศรีอาริย์ หลวงตาเลยพูดสอนเสียงดังว่า ชาตินี้ยังไม่เอาไหน ชาติหน้าก็จะยิ่งไม่เอาไหน แล้วคนไม่เอาไหน มีเหรอ จะคู่ควรไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์ ถึงไปเกิดก็เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีทางบรรลุธรรมได้หรอก
    หลวงปู่ดู่ฟังแล้วก็หัวเราะชอบใจ กล่าวรับรองว่าเป็นจริงอย่างนั้น

    ที่เล่ามานี้ ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาท และไม่ต้องเสียเวลาวิตกวิจารณ์ไปกับเรื่องที่ว่าเราจะเป็นสาวกภูมิหรือพุทธภูมิ เพราะความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก มันใกล้ตัวเข้ามาเกินกว่าจะเสียเวลาคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว หลวงปู่ท่านให้ทุกคนตั้งเป้าอย่างเดียวกันคือ หนึ่งในสี่ หรือที่ท่านใช้คำว่าหัวสะพาน อันเป็นภาวะที่เที่ยงแท้ว่าจะไม่ลงนรกอีก

    <!-- / message -->
     
  5. ขันธ์ธรรม

    ขันธ์ธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +54
    ปราถนาพุทธภูมิเหมือนกันแต่ตอนนี้เรียนอยู่ ม.5 เอง....หวังว่าคงจะได้รวมตัวกันในไม่ช้านะครับเพื่อทำประโยชน์เเก่ประเทศชาติไทยเรา
     
  6. พระวัฒนา

    พระวัฒนา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +68
    ขออนุโมทนาญาติธรรมทุกท่านผู้สหายแห่งวัฏฏทุกข์

    อาตมาอ่านกระทู้นี้มาได้สักระยะหนึ่งรู้สึกว่ามีความประทับใจมากสำหรับสาระความรู้ที่น่าสนใจที่ถือว่าเป็นการให้สติเป็นอย่างมากรู้สึกว่าต้องขอแสดงความชื่นชมท่านที่นำเอาคำสอนศิษย์ของท่านพระอาจารย์หลวงตามหาบัวมากๆ เพราะเห็นว่าถูกต้อง ต้องขออนุโมทนา เพราะว่าท่านผู้ที่เป็นปัญญาชนทั้งหลายเมื่อจะต้องเข้าสู่สงครามทางปัญญาพึงยึดเอาความไม่ประมาทเป็นที่ตั้ง ที่ว่าเป็นที่ตั้งก็คือว่ามีสติที่คอยยับยั้งอุปกิเลส ๑๖ ประการ (ด้วยอานิสงค์แห่งการรักษาสติเท่านั้น)คือ มีความไม่ประมาทเป็นที่ตั้ง ประกอบด้วยดังนี้



    อุปกิเลส (อ่านว่า อุปะกิเหลด) แปลว่า ธรรมชาติที่เข้าไปทำให้ใจเศร้าหมอง, เครื่องทำให้ใจเศร้าหมอง หมายถึง สิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมองขุ่นมัวไม่แจ่มใส ทำให้ใจหม่นไหม้ ทำให้ใจเสื่อมทราม กล่าวโดยรวมก็คือสิ่งที่ทำให้ใจสกปรก ไม่สะอาดบริสุทธิ์นั่นเอง
    อุปกิเลส ท่านแสดงไว้ 16 ประการคือ
    1. ความเพ่งเล็งอยากได้ไม่เลือกที่
    2. ความพยาบาท
    3. ความโกรธ
    4. ความผูกเจ็บใจ
    5. ความลบหลู่บุญคุณ
    6. ความตีเสมอ
    7. ความริษยา
    8. ความตระหนี่
    9. ความเจ้าเล่ห์
    10. ความโอ้อวด
    11. ความหัวดื้อถือรั้น
    12. ความแข่งดี
    13. ความถือตัว
    14. ความดูหมิ่น
    15. ความมัวเมา
    16. ความประมาทเลินเล่อ
    อุปกิเลส ทั้ง 16 ประการนี้ แม้ประการใดประการหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นในใจแล้วก็จะทำให้ใจสกปรกไม่ผ่องใสทันที และจะส่งผลให้เจ้าของใจหมดความสุขกายสบายใจ เกิดความเร่าร้อน หรือเกิดความฮึกเหิมทะนงตัว เต้นไปตามจังหวะที่อุปกิเลสนั้นๆ บงการให้เป็นไป


    ชาตินี้ยังไม่เอาไหน ชาติหน้าก็จะยิ่งไม่เอาไหน แล้วคนไม่เอาไหน มีเหรอ จะคู่ควรไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์ ถึงไปเกิดก็เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีทางบรรลุธรรมได้หรอก
    ที่เล่ามานี้ ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาท และไม่ต้องเสียเวลาวิตกวิจารณ์ไปกับเรื่องที่ว่าเราจะเป็นสาวกภูมิหรือพุทธภูมิ เพราะความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก มันใกล้ตัวเข้ามาเกินกว่าจะเสียเวลาคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว หลวงปู่ท่านให้ทุกคนตั้งเป้าอย่างเดียวกันคือ หนึ่งในสี่ หรือที่ท่านใช้คำว่าหัวสะพาน อันเป็นภาวะที่เที่ยงแท้ว่าจะไม่ลงนรกอีก


    อาตมาว่าพระธรรมทั้งหลายนั้นก็มารวมกันลงที่ความไม่ประมาทนี้แล


    "พระพุทธองค์ทรงตรัสในทำนองว่าคุณธรรมทั้งหลายอันเป็นผลเลิศ กล่าวคือความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ความเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า,ความเป็นสาวกภูมิ, หรือความเป็นเลิศอันประกอบด้วยสิริแห่งพระราชาแห่งเทพ หรือความเป็นเทพเจ้าทั้งปวงนั้น ก็ล้วนแต่สำเร็จได้ด้วยบุญทั้งสิ้น"

    ดูอย่างพระมหาชนกโพธิสัตว์ที่ท่านยิ่งด้วยความพากเพียรพยายามว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่ลึกและน่ากลัว ทั้งยังไม่อาจที่จะเห็นฝั่งปลายทางได้ ก็ยังไม่ลดละความพยายาม อย่างอาจหาญไม่สะท้านกลัวต่อความตาย


    "ขอฝากกลอนนี้ไว้เพื่อเป็นวิทยาทานแด่วิญญูชนทุกท่านที่รักษาพระธรรม"

    "อันไม้จันทน์แม้จะแห้งก็ไม่ทิ้งกลิ่น
    หัสดินทร์(นกที่มีรูปร่างใหญ่โตมาก)แม้จะก้าวลงสู่สงครามก็ไม่ทิ้งลีลา
    อ้อยแม้จะลงสู่หีบยนต์ก็ไม่ทิ้งรสหวาน
    อันบัณฑิตย์แม้จะประสบทุกข์เจียนตายก็ไม่ทิ้งความดี"




    <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. พระวัฒนา

    พระวัฒนา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +68
    ความปรารถนาพุทธภูมินั้นไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นเรื่องอันต้องนำมาประกวดแข่งกันมิใช่หรือ?
    ความปรารถนาพุทธภูมินั้นต้องอาศัยกำลังใจอันยิ่งยวด แม้กระทั่งการแลกมาด้วยชีวิต
    ........... มีชาติหนึ่งที่พระโพธิสัตว์(พระพุทธองค์ของเราท่านทั้งหลาย)ท่านเป็นหัวหน้าฤาษี มีบริวารจำนวนหนึ่ง (ชาตินั้นพระศรีอาริย์ท่านเป็นศิษย์เอก)ท่านได้เดินทางมา ณ สถานที่แห่งหนึ่งเป็นที่น่าสำราญใจเหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านพาบริวารมาถึงด้วยความเหน็ดเหนื่อยเป็นกำลังจึงพากันพัก ทันใดนั้นพระโพธิสัตว์ท่านแลเห็นแม่เสือกำลังหิวจะกินลูกเสืออยู่ท่านเกิดสงสารลูกเสืออย่างจับใจ ท่านจึงบอกให้ศิษย์บริวารไปหาผลไม้บริโภคแก้หิวกระหายในป่า เมื่อตรวจดูว่าศิษย์ไปลับสายตาแล้วท่านจึงได้ขึ้นไปยืน ณ ส่วนที่ยื่นออกไปของภูเขาเหนือแม่เสือนั้น แล้วอธิษฐานบริจากร่างกายเพื่อปรารถนาพุทธภูมิในครั้งนั้น สิ้นคำอธิษฐานท่านก็ทิ้งร่างตนให้ตกกระทบกับโขดหินเบื้องล่างเพื่อเป็นอาหารแก่แม่เสือ จนทำให้ลูกเสือนั้นรอดจากชีวิตไปได้ นี่ก็เป็นอุทาหรณ์ได้ว่า เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากทีเดียว เป็นสิ่งที่ประเสริฐควรแก่การยกย่องสรรเสริญหาที่สุดประมาณมิได้
     
  8. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    พุทธภูมิเหรอ อะไรเหรอ (ทำหน้าตาแบ๊วๆ)


    คดีพิศวง ฆาตกรรมในกระทู้ปิดตาย
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เหนือวิสัยของปุถุชนแม้อริยะสงฆ์ที่มีอภิญญาแต่ไม่ใช่พระอรหันต์ก็ยังคลาดเคลื่อนได้ มีแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง พระอรหันต์สาวกพระองค์ใดพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นผู้มีอภิญญาญาณวิถี ๖ เป็นผู้พยากรณ์ และโดยธรรมเนียมเป็นพุทธประเพณีที่มีมายาวนานมีเวลา ณ กาลเป็นอนันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก ไม่มีหน้าที่หรือจำเป็นต้องกล่าวพยากรณ์ความเป็นพระโพธิสัตว์ ของผู้หนึ่งผู้ใด หากมีเกิดขึ้นไม่ว่ายุคสมัยใดนั้นเป็นเรื่องที่บุคคลทั้งหลายพึงใช้ปัญญาพิจารณาหาความเป็นจริงนั้น เพราะทั้งหลายเป็นสัมมาสัมพุทธวิสัย เหนือกว่าสิ่งใดๆทั้งปวง เป็นอาจินไตย ไม่มีผู้ใดจะเข้าใจและล่วงรู้ได้ ปรัชญาของการสร้างความดี คือ ถ้าสิ่งนั้นเรียกว่าประโยชน์เกิดขึ้นตรงไหนเมื่อไหร่หรือกับใครมากน้อยไม่สำคัญ ขอให้ได้ช่วยขอให้ได้ทำ ดังเช่น ตึกที่สูงและใหญ่นั้นกว่าจะเป็นได้มีได้ ไม่รู้ว่าเขาใช้เสาเข็มไปกี่ต้น นั่นเพราะพื้นฐานความคิดและจิตใจสำคัญมากต่อการพยุงหรือช่วยเหลือผู้อื่น สิ่งทั้งหลายที่เราท่านต้องพบประสบเจอนั้นเป็นไปเพราะกรรมเก่าก็มี และเป็นไปเพราะการสร้างบารมีเพิ่มเติมก็มี
    ควรมิควรก็ขอจงพิจารณา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2009
  10. HAYATE

    HAYATE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +759
    ผมว่าการรวมและการกระจาย ก็มีความสำคัญพอๆกันนะครับ

    - รวมเพื่อสร้างความดียิ่งยวดด้วยกัน

    - กระจายไปยังแต่ละส่วนของสังคม แล้วช่วยพัฒนาทุกๆจุดให้มีความสุขความเจริญ

    เอาจริงๆผมก็อยากเห็นพุทธภูมิไปเล่นการเมืองครับ ล้างระบบไม่ดีให้มันหมดไปซะที

    หุหุ
     
  11. ราศีสิงห์

    ราศีสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +2,118
    อนุโมทนาครับ
    "ตั้งจิตดุจหินผา คือคำปรารถนาของพุทธภูมิ"
    อย่าหลงทางนะครับเป็นกำลังใจให้สาธุ
     
  12. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    อนุโมทนาสาธูบุญทุกๆกองบุญกับพระโพธิสัตว์ทุกๆท่านครับ
     
  13. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    เมื่อไหร่รวมตัวกันไหญ่เมื่อนั้นประเทศรุ่งเรืองสุดขีด
     
  14. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    งานไหญ่ยังไม่มาต่างคนต่างบำเพ็ญไปละกันครับ
     
  15. pitipornsn

    pitipornsn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +95
    เอ้าสาธุ ว่าไงว่ากัน ทรัพใดหรือจะ นิพพานสมบัติ พระองค์ทรงประทาน ประเสริฐกว่าทรัพย์ใดหนัก ขอให้เพื่อนร่วมโลก พรหมเทวดา สัตว์เดรฉาน นรก จงได้ สมบัตินั้นเทอญ
     
  16. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    ทำไมอยากเป็นพระพุทธเจ้า อยากเป็นพระโพธิสัตว์ อยากเป็นพระอริยะบุคคล กันจัง
    เป็นคนดี มันก็อยากแสนเข็ญ
    คำนำหน้าว่า "พระ" ย่อมแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ ผู้อยู่เหนือสามัญวิสัย
    ซึ่งอยู่ในรูปแบบของจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์

    จะไม่ใช้กับมนุษย์ที่ยังเป็นนิรมาณกาย
    ต้องระดับสัมโภคกาย (ความเห็นส่วนตัว)
     
  17. santi_st

    santi_st เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ลงชื่อด้วยคนครับ

    ผมขอโมทนาบุญกับท่าน Kamen rider ,ใบไม้,กระเจียว,นายชัชฌาณัฏฐ์,ขันธ์ธรรม,
    นายเม,HAYATE,naron,pitipornss ด้วยนะครับ
    บุญใดที่ท่านทำแล้วและได้แล้วผมขอได้ซึ่งบุญนั้น

    โมทนาสาธุ
     
  18. พลูโตจัง

    พลูโตจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +554
    รวมตัวไหนบอกด้วยนะคะ จะส่งพี่ชายมา อิอิ
     
  19. pitipornsn

    pitipornsn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +95
    คุณไร้ศาสนาครับ คือการเป็นคนดี มีหนทางมากมาย การปรารถนาก็เป็นเป้าหมายหนึ่ง แล้วแต่คนชอบ ไม่มีใครบังคับเรานะ สวนการทำความดีนั้นมันไม่ยากหรอก เช่น คุณมองโลกในแง่ดีไม่เบียดเบียนใครนั้น ก็เป็นความดี คิดทำดี แค่คิดก็ได้บุญแล้ว อย่าไปคิดว่ามันทำยากซิ รักพ่อแม่ รักเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เกิดร่วมโลกมา ก็ดีแล้วนะ ลองมองเขาไปในพุทธศาสนา แล้วเปิดใจให้กว้าง มองตามความจริง คุณจะมองเห็นว่าพระพุทธเจ้าสอนไว้หลายทาง แล้วแต่ใครชอบ ทางมาหลายทาง จบพระนิพพานเหมือนกันนะครับ
     
  20. ไร้คตินิยม

    ไร้คตินิยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมไม่รู้หรอกนะครับ ว่าใครจะเป็นคนดีในระดับไหน
    ไม่ว่าจะเป็นระดับฆราวาส ระดับพระสงฆ์ หรือระดับพระราชา ก็ตาม
    สำหรับผมแล้ว ผมคิดอยู่เสมอว่า "คนดี ย่อมรู้ตนว่า ตนเองนั้นยังไม่ดีพอ"
    และผมก็เข้าใจว่า กำลังใจของการสร้างความดี ย่อมต่างกันด้วยวาระ กาละ และเทศะ

    ผมไม่ได้มองแค่ศาสนาหรือพระศาสดาเป็นกรอบยึดในการสร้างความดี
    แต่ผมจะใช้สัญชาติและพลังแห่งชีวิตที่จะสร้างสรรค์คุณงามความดีแห่งตนและสงเคราะห์ผู้อื่น
    ตราบเท่าที่จะกระทำได้
    ไม่ได้หวัง นิพพาน โมกษะ หรือไกรวัลย์
    ไม่ได้หวังที่จะเป็นพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอริยะบุคคล หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    เมื่อก่อนผมมักจะมองและยึดกรอบเหล่านี้เป็นสรณะ
    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมกลับว่าสิ่งนี้มันไร้แก่นสาร
    เป็นเพียงแค่มายาแห่งจิต ที่ให้คนใฝ่สูงและติดกับเหมือนภาพลวงตา
    เป็นเพียงแค่เครื่องมือทั้งสร้างสรรค์และทำลายแห่งโลกมายา

    คุณบอกให้ผมมองเห็นความจริง
    ผมก็มองความจริงในมุมมองของผม
    เพียงแต่เราอาจจะมองต่างมุมกัน

    ขอให้ท่านเจริญในธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...