ชุมทางปีศาจ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 28 กันยายน 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    ใบหนาด



    ขึ้นชื่อว่าผีๆ สางๆ ซะอย่าง รับประกันซ่อมฟรีได้เลยว่า ผีไทยมีมากมายหลายชนิด หรือจะบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊กก็ยังได้ว่า "เมืองไทยมีภูตผีปีศาจมากมายหลายหลากที่สุดในโลก"

    บางคนอาจจะยังงงๆ หรือนึกไม่ออก ว่าบรรดาอสุรกายทั้งหลายแหล่ที่ชาวชมรมตาแหกหวาดกลัวจนขนหัวลุกตั้ง โดยเฉพาะเด็กๆ นี่กลัวผีนักเชียว แต่ก็ชอบฟังผู้ใหญ่เล่าเรื่องผี อ่านหนังสือผีทั้งหลายจนเติบโตแค่ไหนก็ยังกลัวผี แต่ชอบเรื่องผีๆ สางๆ อยู่น่ะ ...มีอะไรมั่ง? ในฐานะสมาชิกถาวรแห่งชมรมปอดอ้าแห่งประเทศไทย ขอจำแนกแจกแจงถึงบรรดาผีสางอีนางโกงน้อยใหญ่ทั้งหลายให้ฟังเป็นข้อๆ หรือรายๆ ไป ดังต่อไปนี้

    1.ผีธรรมดา

    หมายถึงคนที่ล้มตายกลายเป็นผีเพราะการเจ็บไข้ได้ป่วย เช่น เป็นมะเร็งหรือปอดบวมตาย บางรายนอนหลับแล้วพาลไม่ตื่นซะเฉยๆ ถือว่าตายสบายที่สุด ข้อสำคัญคือหยุดหายใจ หรือจะพูดให้สวิงสวายหน่อยก็ต้องบอกว่า

    "หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้าก็ตาย หายใจเข้าไปแล้วไม่ยอมหายใจออกก็ตายเหมือนกันนั้นแล!"

    ผีประเภทนี้เชื่อกันว่าไม่ค่อยดุร้ายหรือมีพิษสงเท่าไรนัก คือมักไม่แสดงตนให้คนขวัญหนีดีฝ่อ โดยไม่จำเป็น ตายแล้วตายเลย โดยเฉพาะคนแก่หง่อม สุกงอมเต็มที่เหมือนผลไม้หรือใบไม้ที่ถูกลมพัดโชยมา กระทบนิดเดียวก็ร่างผล็อยลงมาแล้ว

    2.ผีตายโหง

    ผีประเภทนี้ทำให้คนขวัญอ่อนหวาดหวั่นขวัญสยองเป็นที่สุด เพราะเป็นผีที่ไม่ได้เจ็บป่วยตาย หรือตายเพราะแก่เฒ่า แต่ตายเพราะอุบัติเหตุ เช่น รถชนกัน เรือล่ม โดนยิง โดนฟัน หรือโดนระเบิดตูมเดียวตัวไปทาง หาง...เอ๊ย! หัวไปทาง

    รวมทั้งการฆ่าตัวตาย ไม่ว่าผูกคอตาย ยิงตัวตาย กระโดดตึกตาย ฯลฯ ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองตายๆ ไปซะที จะได้ไปเกิดใหม่ที่ไม่ต้องลำบากลำบนหรือทนทุกข์ทรมานเหมือนชาตินี้...เรียกว่าผีตายโหงทั้งนั้นเลย!

    เชื่อกันฝังหัวมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ว่าผีตายโหงนั้นดุร้ายสาหัสนัก เพราะตายทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงคราวตาย จิตวิญญาณยังผูกพันอยู่กับความหลัง หรือคนที่ตัวรักและห่วงใย รวมทั้งผู้ที่ตัวเกลียดชังคั่งแค้นด้วย...นิยมปรากฏกายหลอกหลอนเอาดื้อๆ สารพัดรูปแบบ

    แต่ที่แน่ๆ ก็คือทำให้คนที่โดนหลอกวิ่งป่าราบ หรือเผ่นแน่บแทบตับทรุด...บางคนเรอได้เอิ๊กเดียวแล้วเป็นลม สลบคาที่ อาการหนักกว่านั้นก็หัวใจวายไปเลย

    3.ผีตายห่า

    สมัยก่อนยังไม่มีวัคซีนป้องกันเหมือนสมัยนี้ หน้าแล้งทีผู้คนมักจะเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินอาหาร ที่ร้ายแรงมากที่สุดคืออหิวาตกโรค คนโบราณเรียกว่า "ป่วง" บ้าง "ห่า" บ้าง ถ้าเป็นกันหลายๆ คนแทบทั้งหมู่บ้านก็จะเรียกว่า "ห่าลง"

    เมื่อตายเพราะโรคนี้จึงเรียกตายเพราะโรคห่า แต่ภาษาปากของชาวบ้านร้านตลาดทั่วๆ ไปนิยมเรียกว่า "ตายห่า" หรือ "ห่ากิน" (จนตาย) กลายเป็นคำอุทานที่ใช้ด่าทอกันมาถึงทุกวันนี้ โดยเติบคำว่า "ไอ้" หรือ "อี" ไว้ข้างหน้า "ห่า"

    สมัยก่อนในกรุงเทพฯล้มตายกันเป็นพันๆ คน จนเผาศพไม่ทัน ต้องขนมากองสุมๆ ก่ายเกยกันเกือบท่วมหัว โดยเฉพาะที่หน้าวัดสระเกศ ขนาดช่วยกันเผาทั้งวันทั้งคืนยังเผาไม่ทัน ฝูงแร้งมาเกาะกำแพงกับต้นไม้รอกินศพ จนกระทั่งเยือกเย็นน่าวังเวงใจไปทั้งเมืองหลวง...เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น มียาสมัยใหม่ กับผู้คนรู้จักดูแลรักษาความสะอาด โรคอหิวาต์หรือ "ห่า" ก็ค่อยๆ จางหายไป

    ที่น่าแปลกคือ ตายด้วยโรคห่า หรือตายห่า เป็นการล้มตายด้วยโรคภัยชนิดหนึ่งเหมือนวัณโรคหรือไข้หวัดใหญ่ แต่ผู้คนสมัยหลังๆ พากันรังเกียจรังงอนคำว่า "ห่า" โดยเห็นว่าเป็นคำหยาบคาย ผิดกับตายโหงที่น่าสะพรึงกลัวกว่าเป็นไหนๆ แต่กลับเชื่อกันว่าไม่หยาบคายเหมือนกับตายห่า

    ยกตัวอย่างทีวีทุกช่องจะห้ามพูดคำว่า "ตายห่า" ออกอากาศเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นคำหยาบฟังแล้วระคายหูเป็นที่สุด แต่ถ้าพูดว่า "ตายโหง" ไม่เป็นไร เจ้าหน้าที่เซ็นเซอร์ยิ้มแย้มแจ่มใสสบายดี...แปล๊กแปลก

    ไม่เข้าใจจริงๆ ให้ตายห่... เอ๊ย! ตายโหงซีเอ้า!


    ˹ѧ
     
  2. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    4.ผีตายทั้งกลม

    ผู้หญิงคลอดลูกตาย หรือแม้แต่ล้มตายขณะที่ยังตั้งครรภ์ เพราะสาเหตุใดก็ตามเรียกขานกันว่า "ตายทั้งกลม" ทั้งนั้น แถมเชื่อกันว่าเป็นภูตผีที่ดุร้ายสุดๆ น่าหวาดหวั่นพรั่นสยองจนไม่อยากพุดถึงเสียด้วยซ้ำไป

    "แม่นาคพระโขนง" เป็นตัวอย่างชั้นยอด แถมยังโด่งดังสุดขีดมาร้อยกว่าปีแล้ว ถึงแม้จะมีตายทั้งกลมอีกหลายพันหลายหมื่นทั่วประเทศตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีใครจะมีชื่อเสียงโด่งดังเท่าละอองร่วงๆ ของแม่นาคพระโขนงที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เคารพนับถือ เรียกขานกันอย่างยกย่องว่า "ย่านาค"

    โอกาสหน้าจะได้เล่าเรื่องราวและตำนานของคุณย่านาคสู่กันฟัง รวมทั้งการสร้างหนังสร้างละครหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่สมัยก่อนสงครามมาจนถึงทุกวันนี้

    5.ผีกระสือ

    ใครเป็นแฟนหนังไทยคงจะจำได้ว่ามีหนังเรื่อง "กระสือสาว" โกยเงินเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อราว 40 ปีก่อน คุณพิศมัย วิไลศักดิ์ เป็นนางเอก ทำใบปิดกับโปสเตอร์เป็นรูปใบหน้าสวยๆ ของนางเอก แต่ต่ำลงมาไม่มีรูปร่างอวบอัดหรืออรชรอ้อนแอ้นแต่ประการใด นอกจากตับไตไส้พุงห้อยร่องแร่ง น่าขนลุกขนพองเหลือกำลัง

    หลายๆ คนเห็นภาพนั้นติดหูติดตา ก้ทำให้กินอาหารโปรดอย่างตือฮวนกับต้มเลือดหมูไม่ลงไปหลายนานเชียว อย่างทำล้อเล่นไป

    เชื่อกันว่าผีกระสือชอบอาหารสดๆ คาวๆ กลางวันเป็นคนธรรมดา แต่กลางคืนก็จะแปลงร่างออกไปหากิน เสร็จสรรพก็จะเช็ดปากกับผ้าผ่อนของชาวบ้านที่เผลอตากราวค้างคืน บ้างก็ทิ้งร่องรอยอาจมไว้ที่ผ้านั้นจนผู้คนรู้แน่ว่าหมู่บ้านตนมีผีกระสืออาละวาดแล้ว

    วิธีแก้หรือป้องกันก็คือจะหาหนามไผ่มาสะไว้ตามรั้วบ้าน เผื่อผีกระสือพุ่งเข้าหาอาหารโปรด ก็จะโดนหนามไผ่เกี่ยวเข้าที่เครื่องในพวงโตของตนจนดิ้นกระเดือกกระแด่วร้องโหยหวน จนชาวบ้านจุดคบ หิ้วตะเกียง ถือไฟฉายมาส่องดูหน้าว่าเป็นใครแน่?

    ถ้ามีโอกาสหลุดรอดไปนอนซมที่บ้าน ก็จะเจ็บป่วยเจียนตายจริงๆ แต่ก่อนตายมักจะถ่ายทอดตระกูลกระสือให้ลูกหลานรับช่วงเป็นทายาท ด้วยการบ้วนน้ำลายใส่ปากถึงจะไม่ใช่ "ทายาทอสูร" ก็คล้ายๆ กันแหละน่า

    เมื่อราว 50 ปีมาแล้ว มีบาทหลวงจากอเมริกาชื่อหลวงพ่อจอห์น สมิธ มาเผยแผ่คริสต์ศาสนาที่เชียงใหม่ ขณะที่กำลังสร้างโบสถ์อยู่นั้นก็เกิดเรื่องราวแปลกประหลาดขึ้นอย่างกะทันหัน!

    คืนนั้น หลวงพ่อกำลังหลับสนิทก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงใครกำลังรื้อค้นข้าวของอยู่ในโรงครัว ครั้นลุกไปดูก็เห็นร่างตะคุ่มๆ ค่อนข้างใหญ่โตของชายผู้หนึ่งกำลังฉีกไก่สดๆ กิน พอจะมองเห็นในแสงดาวจึงร้องตวาดพร้อมกับโถมเข้าใส่ เพราะคิดว่าเป็นขโมยมาลักอาหารกิน

    ชายประหลาดวิ่งหนีแต่ก็ช้าไป หลวงพ่อจอห์นปราดเข้ารวบตัวไว้ได้ แต่ชายนั้นสูงใหญ่ มีพละกำลังค่อนข้างมาก เกิดการต่อสู้จนถึงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนล้มลุกคลุกคลานไปตามพื้นดินพื้นหญ้าเป็นพัลวัน

    ในที่สุด ชายผู้นั้นก็วิ่งหนี้เข้าป่าละเมาะหายไป!

    รุ่งเช้า หลวงพ่อจอห์น สมิธ ก็ไปสำรวจดูสถานที่อันจดจำได้แม่นยำว่าต่อสู้ปลุกปล้ำกันอยู่นาน ก็พบกับขนยาวๆ สีเทาอมดำจำนวนมากตกหล่นเรี่ยราดอยู่ตามพื้นหญ้า หลวงพ่อพิจารณาอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด จึงตัดสนใจเก็บรวบรวมไว้ได้จำนวนหนึ่ง แล้วใส่ถุงส่งไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงนิวยอร์ก พร้อมกับเขียนจดหมายแจ้งความประสงค์ให้ช่วยตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ว่าขนเหล่านั้นเป็นขนของสัตว์ชนิดใดแน่?

    ตลอดเวลาเหล่านั้น หลวงพ่อจอห์นก็คอยซุ่มดูอยู่หลายคืน แต่ก็ไม่ปรากฏร่างของชายประหลาดเข้ามาลักขโมยของกินอีกเลย

    สองเดือนผ่านไป ก็ได้รับคำตอบจากนิวยอร์กว่า...ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าขนที่ส่งไปให้ตรวจนั้น เป็นขนของสัตว์ชนิดใด หรือแม้แต่ตระกูลใด

    ความลับนั้นก็ยังคงเป็นความลับมาจนถึงปัจจุบันนี้

    http://www.khaosod.co.th/view
     
  3. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ผีที่ไหน ๆ ในโลกก็ไม่น่ากัวเท่ากับผีไทยเรย
     
  4. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    6. ผีปอบ

    เดี๋ยวนี้ผีปอบกลายเป็นผียอดฮิตประจำภาคอีสาน ตกเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์และทีวีบ่อยๆ โดยถูกชาวบ้านรวมหัวกันขับไล่ด้วยวิธีต่างๆ บางหมู่บ้านมีผีปอบ 2-3 ตัว แต่บางหมู่บ้านก็มีถึงสิบกว่าตัว ส่วนมากมักจะเป็นหญิงกลางคนถึงวัยชรา

    บางครั้งก็มีข่าวว่ามิจฉาชีพกุข่าวเพื่อจะได้ทำพิธีขับไล่ผีปอบที่สิงอยู่ในคนนั้นๆ ด้วยการรดน้ำมนต์ หรือเฆี่ยนตีอย่างรุนแรงจนถึงกับปางตาย โดยเรียกค่าตอบแทนพันสองพันบาทขึ้นไป บางครั้งก็มารับจ้างเป็นคนทรง ถือไม้ไล่หาผีปอบไปตามหมู่บ้าน เมื่อได้เงินทองเป็นที่พอใจแล้วก็ออกไปหากิน หรือต้มตุ๋นตามหมู่บ้านอื่นๆ ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด

    ที่เชื่อว่าเป็นปอบก็เพราะการไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนบ้าน หรือผู้คนบ้านใกล้ๆ กันล้มป่วยจนถึงล้มตายติดๆ กันบ้าง ยิ่งหมู่บ้านไหนมีคนล้มตายหลายคนด้วยโรคภัยต่างๆ ก็มักจะซัดไปที่ปอบ ซึ่งดูแล้วก็เป็นคนดีๆ เหมือนคนทั่วไป แต่ก็ถูกหาว่าเป็นปอบโดยไม่มีเหตุผล หรือมีก็เบาบางจนเกินกว่าจะรับได้

    โบราณบอกว่า ปอบจะเข้าสิงคนที่ร่ำเรียนทางไสยศาสตร์ของเขมรที่กระทำอันตรายต่อผู้อื่น เรียกว่า "ไสยดำ" แต่มีข้อห้ามคือ "ขะลำ" มิให้เป็นชู้กับภรรยาท่าน หรือลักขโมย ผู้ใดฝ่าฝืนก็จะถูกปอบสิง กลายเป็นปอบไปจนกว่าจะสิ้นเวร!

    "ปอบผีฟ้า" มีมากในภาคอีสานตอนล่าง จนกลายเป็นประเพณีเซ่นสังเวย "ผีฟ้า" หรือ "ผีแถน" "แถนหลวง" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเจ้าใหญ่นายโตแห่งภูตผีทั้งหลาย

    ถ้าผีปอบคือผู้ที่คอยเข้าสิงผู้อื่น กินตับไตไส้พุงจนกว่าจะตาย ก่อนจะไปสิงสู่ผู้อื่นต่อไป ผู้คนที่เรารู้จักอีกมากมายก็เห็นจะมีลักษณะนิสัยไม่แตกต่างกว่าปอบเท่าไรนัก แต่กลับได้รับความเคารพนับถือ กราบไหว้ยำเกรงในอำนาจวาสนา แถมเต็มอกเต็มใจให้สูบเลือดสูบเนื้อแทบจะแห้งตายอีกต่างหาก!

    7. ผีโขมด

    เป็นผีที่สิงสู่อยู่ตามป่าดงพงพีทั้งหลาย บางทีแยกประเภทว่าเป็น "โขมดป่า" กับ "โขมดดง" แต่มีความหมายคล้ายคลึงกัน ตรงที่ล้มตายในป่าด้วยสาเหตุต่างๆ เช่นเป็นไข้ป่า โดนงูกัด เสือขบ หรือช้างเหยียบตาย พลาดพลั้งหลงทางจนอดตายบ้าง ตกเขาตกเหวตายบ้าง

    สมัยก่อน คนพวกนี้มักจะเป็นพรานเที่ยวล่าสัตว์ หรือไม่ก็หาของป่า เช่น น้ำมันยาง สมุนไพร รังผึ้ง แม้แต่เข้าไปหาขี้ค้างคาวในถ้ำ แต่ชะตาขาดต้องสิ้นชีวิตด้วยสาเหตุดังกล่าว โดยที่พ่อแม่หรือลูกเมียทางบ้านไม่ได้ข่าวคราว หรือแม้แต่ไม่พบศพก็มี

    เชื่อกันว่าผีโขมดพวกนี้จะดุร้ายนักหนา เที่ยวหลอกหลอนคนเดินป่าจนต้องวิ่งกันป่าราบมานับไม่ถ้วนแล้ว แต่ผู้รู้บอกว่าที่ปรากฏตัวก็เพื่อจะขอส่วนบุญเท่านั้นเอง

    8. ผีพราย

    คือผีที่ผู้มีคาถาอาคมเลี้ยงไว้ใช้สอย เช่นในเรื่อง "ขุนช้างขุนแผน" ก็มีผีพรายที่ขุนแผนเลี้ยงไว้ใช้ ทั้งช่วยดูแลบ้านช่อง คุ้มครองลูกเมียยามที่ตนต้องพลัดบ้านพลัดเมือง ไม่ว่าเข้าป่าเข้าดงหรือติดคุกก็ตาม แล้วยังสั่งสอนวิชาเลี้ยงผีพรายให้แก่ลูกหลานสืบต่อกันมา เช่น พลายชุมพล เป็นต้น

    โดยทั่วไปแล้ว ผีพรายแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ "พรายน้ำ" กับ "พรายทะเล"

    "พรายน้ำ" คือผีตกน้ำตายในแม่น้ำลำคลอง หรือตายในน้ำจืด ส่วน "พรายทะเล" ก็คือผีที่ตกน้ำตายในทะเล เช่น เกิดเรือล่ม หรือโดนโจรสลัดฆ่าทิ้งเพื่อชิงทรัพย์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อญวนแตก ผู้คนในละแวกนั้นอพยพหลบหนีภัยแดงไปตายเอาดาบหน้า หรือผืนแผ่นดินใหม่ แต่ก็ต้องมาล้มตายในทะเลด้วยสาเหตุต่างๆ ดังกล่าว

    9. ผีกระหัง, ผีก็องกอย, ผีโพง ฯลฯ

    พวกนี้ถือว่าเป็นผีเบ็ดเตล็ด ไม่สู้สลักสำคัญนัก เช่นผีโพงมักปรากฏกายในป่า รูปร่างคล้ายคบไฟล่องลอยมา พอใกล้จะถึงผู้คนก็หายวับไป! หลอกแก้เหงา...ว่างั้น!

    นอกจากภูตผีที่มาจากคนแล้ว ยังมีผีที่มาจากสัตว์และต้นไม้ใหญ่น้อยอีกมากมาย ขอนำมาเล่าสู่กันฟังคร่าวๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าผีไทยมีอื้อซ่าแทบไม่น่าเชื่อ ถ้าคนไทยไม่ใจแข็งจริงๆ มีหวังถูกผีหลอกตายไปครึ่งค่อนประเทศแล้ว

    ที่เหลืออยู่ก็คงกลุ้มอกกลุ้มใจเต็มที พาลฆ่าตัวตายไปซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวดีกว่าจะมาทู่ซี้อกสั่นขวัญแขวน กลัวถูกผีหลอกตายจนประสาทกินเปล่าๆ จริงมั้ยครับ?
     
  5. lamb of god

    lamb of god เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +436
    แปลกแต่ผีตายโหงทีโดนฆ่า ทำไมต้องหลอกหรือทำร้ายคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
    น่าจะไปทวงแค้นกับคนทีกระทำตนเลยจะดีกว่านะ ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ
    แบบว่าดูหนังผีแล้วเครียดง่ะ
     
  6. คนข้างทาง

    คนข้างทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +392
    พอได้มาอ่านกระทู้นี้แร้วถึงรู้เลยครับว่าผีไทยเรานี่ เยอะกว่าผีชาติอื่นเยอะ
    ขอบคุณ จขกท. ด้วยนะครับ ที่มาจำแนกประเภทของผีไทยให้เราฟัง
     
  7. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +973
    ผีทะเล

    คนละพวกกะผีพราย และไม่จำเป็นที่ต้องสถิตย์อยู่กะทะเล ที่ใดมีสาวๆ สวยๆ น่ารักๆ

    มักสิงมาหลอกหลอน
     
  8. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +973
    ผีทะเล

    คนละพวกกะผีพราย และไม่จำเป็นที่ต้องสถิตย์อยู่กะทะเล ที่ใดมีสาวๆ สวยๆ น่ารักๆ

    มักสิงมาหลอกหลอน
     
  9. lamb of god

    lamb of god เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +436
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง ดื้อด้านกำหราบยากและดันทุรังสูงด้วย อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...