ช่วยไขข้อสงสัยผมหน่อยครับ

สืบเนื่องจากกระทู้ "อดีตชาติในหลวงของเรา"

http://palungjit.org/threads/อดีตชาติในหลวงของเรา.210791/

ข้อความที่หลวงพ่อพูดกับในหลวงว่า

[FONT=trebuchet ms,sans-serif]" พุทธภูมิ" นี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น "วิริยาธิกะ" วิริยาธิกะนี่..ต้องบำเพ็ญบารมี<wbr>ถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ"

จากข้อความนี้ผมมีข้อสงสัยครับว่า
"การบำเพ็ญบารมีของในหลวงนั้นยังขาดอยู่ประมาณแสนกัป จึงต้องเกิดอีก 5 ชาติ"

การบำเพ็ญบารมีที่ขาดอยู่อีกแสนกัปนั้น ไม่ใช่ว่าต้องเกิดอีกแสนกัปเหรอครับ ทำไมจึงเกิดอีกแค่ 5 ชาติเท่านั้นสำหรับการบำเพ็ญบารมีในส่วนที่เหลือ หรือการบำเพ็ญบารมีตามที่ผมเข้าใจนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร ขอความกรุณาผู้รู้ช่วยไขความกระจ่างด้วยนะครับ

คำถามนี้เป็นคำถามที่เกิดจากความสงสัยใคร่รู้ของผมล้วน ๆ ไม่ได้มีเจตนาจับผิดแต่อย่างไรและขอโมทนากับท่านผู้ไขความกระจ่างนี้ด้วย ขอบคุณครับ

[/FONT]

 

เศษแสนกัลป์ที่ว่านั้น ตอนนี้เกือบครบแล้วนะครับ พระองค์เหลืออีก 5 ชาติ ก็จะครบเต็มบารมี ตามที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้แล้วครับ

 

มัวแต่ดูคนอื่น ตัวจะตกนรก ถดถอย ยังไม่รีบปฏิบัติอีก
นี้คือคำพูดที่แม่ เตือนผม ตอนที่ผมพร่ำดูแต่เรื่องของคนนั้นคนนี้ แล้วไปถามแม่ผม สาธุ

 

จริงๆๆ แล้ว ไม่ใช่แสนกัปล์นะครับ ต้อง ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปล์ ผมไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน ปกติแล้ว ปัญญาธิกะ ๔ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปล์ สัททาธิกะ ๘อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปล์ วิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปล์ ส่วนอีก ๕ ชาตินั้น ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ

 

ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะครับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านน่าจะหมายถึง ๕ ชาติ
ที่ต้องลงมาสร้างบารมีเด่นๆ ที่สำคัญ ใน บารมี ๑๐ เหมือนกับ ๑๐ ชาติสุดท้าย
ขององค์ปัจจุบันที่ท่านลงมาบำเพ็ญบารมีเฉพาะด้าน แน่นอนว่าใน ๑๐๐๐๐๐ มหากัป นี้
ยังไงพระโพธิสัตว์ ก็ต้องลงมาสร้างบารมีเกิน ๕ ชาติ

ปล.อันนี้เป็นความคิดของผมล้วนๆ นะครับ ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

 

ขอเพิ่มครับ ไปอ่านเจอในหนังสือ พระพุทธเจ้าที่จะอุบัติต่อจากองค์ปัจจุบัน องค์ปัจจุบันพระองค์ท่านตรัสว่า พระโพธิสัตว์ที่จะได้มาตรัสรู้มีประมาณ ๕๑๐ พระองค์ แต่ที่บารมีแก่กล้า ที่จะตรัสรู้อันใกล้ (แต่ก็นานมาก )มี ๑๐ พระองค์ คือ ๑.พระศรีอาริย์ ๒.พระรามเจ้า ๓.พระปเสนธิโกสน ๔.พระยาวสวัตดี ๕.พระทีฆโสณี ๖.พระโสณ ๗.พระสุภ ๘.พระโตเทยยะ ๙.พระนาฬาคีรี(พระยาช้างนาฬาคีรี ) ๑๐.พระป่าริเลยยะกะ(พระยาช้างป่าริเลยยะกะ) ส่วนในหลวงของพวกเราน่าจะอยู่ ในพระโพธิสัตว์ ๕๐๐ พระองค์หลังนะครับ น่าจะเกิน ๕ ชาตินะครับ

 

๑๐. ปุคคลสูตร

[๔๔๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ เขตพระนครราชคฤห์
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ฯ

[๔๔๑] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้น
เบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ เมื่อบุคคลหนึ่งท่องเที่ยวไปมาอยู่ตลอดกัปหนึ่งพึงมีโครงกระดูก ร่างกระดูก
กองกระดูก ใหญ่เท่าภูเขาเวปุลละนี้ ถ้ากองกระดูกนั้นพึงเป็นของที่จะขนมารวมกันได้ และ
กระดูกที่ได้สั่งสมไว้แล้ว ก็ไม่พึงหมดไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุด
เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ

[๔๔๒] พระผู้มีพระภาค ผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงตรัส
พระคาถาประพันธ์ต่อไปว่า

เราผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ได้กล่าวไว้ดังนี้ว่า กระดูกของบุคคลคนหนึ่งที่
สะสมไว้กัปหนึ่ง พึงเป็นกองเท่าภูเขา ก็ภูเขาที่เรากล่าวนั้น คือ ภูเขา
ใหญ่ชื่อเวปุลละ อยู่ทิศเหนือของภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้เมืองราชคฤห์ อันมี
ภูเขาล้อมรอบเมื่อใดบุคคลเห็นอริยสัจ คือทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์
ความล่วงพ้นทุกข์ และอริยมรรคมีองค์ ๘ อันยังสัตว์ให้ถึงความสงบทุกข์
ด้วยปัญญาอันชอบ เมื่อนั้น เขาท่องเที่ยว ๗ครั้งเป็นอย่างมาก ก็เป็น
ผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะสิ้นสัญโญชน์ทั้งปวง ดังนี้แล ฯ

จบสูตรที่ ๑๐fficeffice" /><O></O>

ผมขอสมมุติประมาณขนาดภูเขาเวปุลละ สูงประมาณ 4000 เมตร และมีรัศมีของพื้นที่ฐานของภูเขาประมาณ 2000 เมตร
จากสูตร ปริมาตรของทรงกรวย คือ 1/3 x 3.143 x r**2 x h ดังนั้นจะได้ปริมาตรของภูเขาเวปุลละคือ
1/3 x 3.143 x 2000 x 2000 x 4000 = 16,762,666,666.66 ลูกบาตรเมตร<O></O>
เมื่อเอา 0.5 หาร ก็ได้ 16,762,666,666.66/0.5 = 33,525,333,333.33 ชาติ
หรือประมาณ สามหมื่นสามพันล้านชาติ

ประมาณ สามหมื่นสามพันล้านชาตนี้ยังไม่รวมชาติที่เป็นโอปติกะที่เมื่อตายแล้วจะไม่มีเศษชากเหลืออยู่เลย เช่น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย และเหล่าเทพเทวดาต่างๆ

ถ้านับเอาชาติที่เป็นอุปติกะไปรวมด้วย ถึงแม้อุปติกะบางภพภูมิ จะมีอายุยืนยาวมากๆ แต่เมื่อรวมชาติที่เป็นสัตว์เล็กเช่นแมลงเล็กจนแทบมองไม่เห็น กับอุปติกะที่มีชีวิตสั้นๆ ดังนั้นในกัปหนึ่งๆ ของผู้ที่ยังมีอวิชชาอยู่ เวียนว่ายตายเกิดมากกว่า สามหมื่นสามพันล้านชาติ อาจถึง ล้านล้านชาติก็เป็นไปได้ ยกเว้นท่านที่ได้ฌาน และสามารถทรงฌานไว้ได้ตอนตาย การเวียนว่ายตายเกิดในกัปนั้นก็ลดลง

แต่เมื่อยังมีอวิชชาอยู่ก็เสมือนได้พักเพียงแวบเดียวเท่านั้นเองแล้วต้องทุกข์กับการเวียนว่ายตายเกิดที่มากมายจนประมาณไม่ได้ต่อไปเป็นสิ่งที่ควรปรงสังเวชเป็นหนักหนา ซึ่งถ้าปฏิบัติตามสติปัฏฐาน 4 ให้ถูกทางติดต่อกัน ใช้เวลาอย่างมากเพียง 7 ปีเท่านั้นในฐานะของมนุษย์ ก็สามารถหยุดการเวียนว่ายตายเกิดเหล่านี้ได้

แต่ก็มีส่วนน้อยเท่านั้นที่หลุดรอดไปได้ ส่วนมากจึงค่อยๆ สั่งค่อยๆ สะสมกันไป ไม่รู้เมื่อไหรหนอจะสิ้นสุด<O></O>

เมื่อสมมุติ สมมุติฐานก็ต้องแสดงค่าโดยประมาณให้เห็นค่าที่คาดเคลื่อนโดย หาช่วงที่เป็นไปได้จากสมมุติฐานนั้น ดังนี้
ดังนั้นถ้าสมมุติให้ความสูงของภูเขาลดลง เป็น 2000 เมตร แต่รัศมีของพื้นที่ฐานเท่าเดิม คือ 2000 เมตร ก็จะได้ดังนี้
1/3 x 3.143 x 2000 x 2000 x 2000 = 8,381,333,333.33 ลูกบาตเมตร
เมื่อหารด้วย 0.5 ลูกบาตเมตร = 8,381,333,333.33/0.5 = 16,762,666,666.66 ชาติ
หรือประมาณ หนึ่งหมื่นหกพันเจ็ดร้อยหกสิบสามล้าน ชาติ

และถ้าสมมุติให้ความสูงของภูเขาลดลง เป็น 1000 เมตร และรัศมีของพื้นที่ฐาน คือ 1000 เมตร ก็จะได้ดังนี้
1/3 x 3.143 x 1000 x 1000 x 1000 = 1,047,666,666,66
เมื่อหารด้วย 0.5 ก็ได้ 1,047,666,666.66/0.5 = 2,095,333,333.33 ชาติ
หรือประมาณ สองพันเก้าสิบห้าล้าน ชาติ

และผมคิดว่าความสูงของภูเขาเวปุลละ คงไม่ต่ำกว่า 1000 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร แต่รัศมีพื้นทีฐานอาจลดลงได้ผมสมมุติ ให้รัศมีลดลอง 500 เมตร ซึ่งเป็นค่าที่น้อยที่สุดแล้ว ก็จะได้ดังนี้
1/3 x 3.143 x 500 x 500 x 1000 = 83,333,333.33
เมื่อหารด้วย 0.5 ก็ได้ 83,333,333.33/0.5 = 166,666,666.66
หรือประมาณ หนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดล้าน ชาติ<O></O>

ดังนั้นโดยประมาณ เวียนเกิดเวียนตายเป็นสัตว์ที่เมือตายแล้วมีกองกระดูเหลือในหนึ่งกัป และในกัปนั้นไม่ได้ไปเกิดเป็นพระพรหมเลย ถ้าสามารถเอากระดูกมารวมกองกันได้ เท่าภูเขาเวปุลละ ก็จะอยู่ในช่วง
ร้อยล้านชาติ ถึง สามหมื่นล้านชาติ ในหนึ่งกัปโดยประมาณ

ถ้ารวมชาติที่เกิดเป็นสัตว์เมื่อตายไปแล้วไม่มีกระดูกเหลือเช่นโอปาติกะและแมลงเล็กๆ โดยไม่เกิดเป็นพรหมเลยในกัปนั้น ก็คือ ร้อยล้านชาติ ขึ้นไปเป็นจนถึงแสนล้านชาติหรือล้านล้านชาติโดยประมาณ


จากลิงค์นี้ Un title page

 

ความคิดผมนะครับ
น่าจะหมายถึงว่า 16อสงไขยนี้เต็มแล้ว

ส่วนบารมีอีกแสนกัปป์นี่
ทำมาแล้วยังขาดอีก5ชาติ ถึงจะเต็ม แสนกัปป

 

ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำตอบนะครับ

 

คิดว่าน่าจะหมายถึง มหาชาติ นั่นล่ะครับ
ที่จะมาบำเพ็ญปรมัตถบารมี แล้วที่เหลือท่านก็รอเวลาตรัสรู้

ในหลวงท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 10 นับจากองค์ปัจจุบันนี่ครับ ก็นานเหมือนกันนะ(หลังจากหมดสมัยของพระศรีอาริยเมตไตรย จะเกิดสูญกัปยาวถึง 1 อสงไขยด้วย)

 

อนุโมทนาค่ะ
น่าจะเหลืออีก 5 ชาติ
บารมีจึงจะเต็ม

 

ครับถ้าหลวงพ่อบอกเช่นนั้นแต่ ๕ ชาติ ท่านมิได้บอกว่าจะเกิดติดต่อกันไม่ใช่หรือครับ? อาจจะเกิด ๑ ชาติแล้วกลับขึ้นไประยะหนึ่งแล้วลงมาอีก กลับขึ้นไปอีกจนบำเพ็ญปรมัตบารมีครบ ๕ ชาติ บนมนุษย์โลก หลังจากนั้นก็รอคิวอยู่ที่ ดุสิตครับ(คิดเองนะครับ ใช่หรือไม่ทราบ เพราะพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะตอบเรื่องแบบนี้ หลวงพ่อท่านทราบเพราะท่านถามพระเช่นกัน หรือไม่ก็พระบอก ถ้าเข้าใจไม่ผิด)คำพูดพระอริยะต้องคิดและตีความให้ถูกต้อง ถ้าท่านไม่บอกตรงๆ แต่บางครั้งท่านบอกตรงๆแต่เราถามไม่หมดครับ

 

เกิดสุญญกัป นานถึง 1 อสงไขย สงสารพระนิตยโพธิสัตว์ประเภทปัญญาที่ใน 1 อสงไขยนั้นไม่ได้เจอพระพุทธเจ้าเลย เสียฟรีไปอีก 1 อสงไขย

 

03-09-2012, 11:07 AM #233
TPC
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2012
ข้อความ: 503
Groans: 24
Groaned at 7 Times in 2 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 2,283
ได้รับอนุโมทนา 2,154 ครั้ง ใน 414 โพส
พลังการให้คะแนน: 165
TPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond repute

เรื่อง อดีตชาติในหลวง ความจริงเป็นเรื่องส่วนพระองค์ และเป็นเรื่องที่ยากนักที่ใครจะทราบว่าอดีตชาติของพระองค์เป็นใครมาอย่างไร ผู้ที่สามารถรู้ละเอียดในอดีตชาติของในหลวงประกอบด้วยบุคคลดังนี้

1พระมหาโพธิสัตว์ ผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก่อนที่ในหลวงจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3พระองค์ จะทราบประวัติของในหลวงละเอียดมาก

2 ท่านในหลวงเอง พระองค์เองจะรู้ดีที่สุดและพระองค์สามารถรู้ด้วยว่าพระองค์เคยเกิดมาเป็นใครอย่างไร นับย้อนไปหลายชาติ [ท่านจะทราบดีที่สุด]

3 พระอริยะผู้ที่เคยเกี่ยวเนื่องคือเคยร่วมบุญวาสนากันมา หลายพระชาติ หลายพระองค์อย่างเช่น
สมเด็จพระสังฆราช หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อเกษม หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่มั่น หลวงพ่อพุธ หรือพระป่าสายกรรมฐานหลวงปู่มั่น ตลอดจนพระอริยะหลายพระองค์

4 ฆราวาส ที่ปราถนาพุทธภูมิด้วยกันที่ร่วมสร้างกุศลมากับในหลวง ซึ่งฆราวาสเหล่านี้มีบุญบารมีขั้นปานกลางขึ้นไปและมีจิตที่สะอาด ตั้งมั่นอยู่ใน ทานศีล ภาวนา และฆราวาสเหล่านั้นจะต้องเป็นกำลังสำคัญทั้งในทางโลกและทางธรรมเพื่อช่วยสานต่อพระราชกรณียกิจของในหลวงสืบต่อไป

ทั้งสี่ข้อเหล่านี้ จะสามารถทราบอดีตของในหลวงได้ ไล่ลงมาตามลำดับครับ

สุดท้ายเราทั้งหลายชาวไทยพุทธ ควรรู้ว่าควรตอบแทนคุณความดีที่ในหลวงมีต่อพวกเราบ้านเมืองเราอย่างไร เราควรสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ควรรักบ้านเมืองไม่ทำลายกันเอง ควรใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ควรสนับสนุนให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง ควรอีกหลายควรที่ในหลวงท่านตรัสสอนบอกไว้ สุดท้ายก็เพื่อความผาสุขเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของสยามประเทศครับ สาธุ สาธุ สาธุ
=====

ความจริงเรื่องอนาคตกาลของพระมหาโพธิสัตว์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมไม่อยากจะโต้แย้งอะไรเพียงแต่เห็นว่า เพื่อความกระจ่างชัดจึงขอเสริมเรื่องนี้ว่า

ในหลวงยังต้องมาเกิดเพื่อสร้างบารมีอีกหลายชาติ และตามธรรมเนียมจารีตประเพณีของการสร้างบารมีแห่งเหล่ามหาโพธิสัตว์ ในภัทรกัปป์สุดท้ายที่จะได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ย่อมจะต้องเกิดมาสร้างบารมีหลายพระชาติ อย่างเช่นพระสมณโคดม มีพระทศชาดก ในสมัยแห่งพระศรีอริยะก็จะมีเหมือนกันอย่างน้อยก็คือต้องมีพระทศชาดก ทั้งหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต จอมอสุรินทร์ราหูโพธิสัตว์ ปาลิยะกะมหาโพธิสัตว์และ ในหลวงก็เช่นกัน ครับ

ดังนั้นสมเด็จในหลวง อนาคตนับจากนี้พระองค์จะเกิดมาเป็นมนุษย์สร้างปารมีแค่5ชาตินั้นจึงไม่เป็นความจริงครับ ด้วยความสัจจริง พระองค์ยังต้องลงมาสร้างปารมีอีหลายพระชาติ เป็นแน่นอนมิเป็นอื่นครับ สาธุ สาธุ สาธุ