พระครูเทพโลกอุดร เป็นใคร เรื่องจริง หรือ โกหก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Kamen rider, 9 มกราคม 2005.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]


    หลวงปู่เทพโลกอุดร

    วัดสันป่ายาหลวง อ.เมือง จ.ลำพูน ท่านเป็นพระกรรมฐานที่เชี่ยวชาญทั้งด้านสมถะและวิปัสสนา ปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤษฏ์ เดินธุดงค์ไปยังภาคต่างๆของไทย อนุเคราะห์สหธรรมิกด้วยอุบายธรรมต่างๆ และเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนทั่วไป

    ชาติกาล เดือน 7 ปีมะโรง พ.ศ.1834
    ชาติภูมิ บ้านสันมหาพน อ.เมือง จ.ลำพูน
    อุปสมบท เมื่ออายุได้ 25 ปี โดยมีพระครูบาธรรมเสนา เป็นพระอุปัชฌาย์
    มรณภาพ พ.ศ.1924
    สิริรวมอายุได้ 86 ปี

    ธรรมปฏิปทา ของ หลวงปู่เทพโลกอุดร

    ย้อนอดีต
    ครูบาบุญทา จังทวังโส หรือ หลวงปู่เทพโลกอุดร มีนามเดิมว่า บุญทา บิดามีนามว่า หนานคำฝั้น มารดามีนามว่า คำขยาย

    ศึกษามูลกัจจายน์
    เมื่ออายุได้ 10 ขวบ ครูบาบุญทาได้ไปศึกษาเล่าเรียนมูลกัจจายน์ธรรมวินัย กับครูบาญาณวีระ เจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง ( อาพัทธาราม ป่าไม้ยาง )

    บรรพชา
    เมื่อมีบุญกุศลหนุนนำ เพื่อศึกษาเล่าเรียนต่อไป ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 12 ขวบ โดยมีครูบาธรรมเสนา วัดอรัญญิการาม เป็นอุปัชฌาย์

    อุปสมบท
    เมื่ออายุได้ 25 ปี พ.ศ.1859 ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีฉายาว่า จันทวังโส โดยมีครูบาธรรมเสนาเป็นพระอุปัชฌาย์ ครูบาญาณวุฒิและครูบาอินโท สุมังคโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    ฝึกฝนสมถะและวิปัสสนา
    ครั้งเป็นพระภิกษุแล้ว ก็ฝึกฝนวิธีการเจริญสมถะ และวิปัสสนากรรมฐาน ควบคู่กันไป จากนั้นก็ออกธุดงควัตร ไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ลำปาง ศรีสัชนาลัย ตาก กำแพงเพชรและที่อื่นๆ นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาคัมภีร์ต่างๆ อันเป็นข้อมูลแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน จนชำนาญแล้วก็ได้เขียนแต่งคัมภีร์ธรรมสำหรับปฏิบัติกรรมฐาน

    ศาสนกิจ
    นอกจากการกำจัดขัดเกลากิเลสให้ออกไปจากจิตใจ เพื่อบรรลุถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายแล้ว หลวงปู่เทพโลกอุดร ยังเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ตามป่าแถวเชียงใหม่ ลำพูน ปฏิบัติศาสนกิจและสั่งสอนลูกศิษย์ ให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม มีอนุสติ 10 เป็นต้น

    คำขออธิษฐานจากหลวงปู่เทพโลกอุดร
    เกิดมาเป็นคนนั้น มีแต่ความทุกข์ และได้เห็นคนได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานมาก เกิดมาในภพใดชาติใดก็ขอให้เกิดมาเป็นหมอ เพื่อรักษาคนเอาบุญเอากุศลก่อน ก่อนที่จะได้ไปเกิดเป็นพระภิกษุตามวัฏสงสาร

    อิทธิบาท 4
    อิทธิบาท คือคุณเครื่องสำเร็จสมประสงค์ มี 4 คือ
    1.ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
    2.วิริยะ ความพยายามธรรมในสิ่งนั้น
    3.จิตตะ ความเอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
    4.วิมังสา ความพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุในสิ่งนั้น

    ผู้เจริญอิทธิบาท
    ตามข้อความในพุทธประวัติว่า " ผู้เจริญอิทธิบาท 4 ประการ จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เป็นอายุกัป* "

    สิ่งที่จะปรากฏขึ้น
    แท้จริง ความมีเหตุมีผลความเป็นจริงก็จะปรากฏขึ้นมาในโอกาสข้างหน้าแน่นอน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วที่ว่าเวลาอันเหมาะสมนั้น หมายถึง เมื่อชาวพุทธบริษัทอันมีพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา มีการปฏิบัติดีปฏิบัติตรงตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งมีความเชื่อมั่นต่อพระรัตนตรัยอย่างแน่นแฟ้นแล้ว เวลานั้นแหละหลวงปู่เทพโลกอุดรก็จะปรากฏออกมาให้เราชาวพุทธได้เห็นและสัมผัส ด้วยจักษุทันที แล้วท่านก็จะทราบเองว่าหลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นเทวดา พรหม หรือเป็นมนุษย์ที่มีกายเป็นเหมือนกับเรา เพียงแต่ได้เจริญอิทธิบาท 4 ประการตามที่กล่าวแล้ว ขอให้ทุกท่านหมั่นเจริญอิทธิบาท 4 ให้ถึงจุดหมายเถิด

    พบได้ที่ใจตนเอง
    ผู้ที่ศรัทธาในหลวงปู่เทพโลกอุดร มีความปรารถนาจะได้พบ ก็นมัสการองค์ท่าน ด้วยการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของท่าน อย่าได้ไปไขว่คว้าจากผู้อื่น แต่จงไขว่คว้าเอาที่จิตใจของตนเองจึงจะสมปรารถนา

    สมเจตนารมณ์
    จากการค้นคว้าเรื่องราวของหลวงปู่ ทำให้แน่ใจว่าการปฏิบัติตามหลวงปู่ ทำให้ศีลบริสุทธิ์ จิตบริสุทธิ์ จึงจะได้พบเห็นท่าน หากใครมีศรัทธาแท้จริง ก็ต้องปฏิบัติจริงจึงจะสมเจตนารมณ์

    วิธีการนั่งกรรมฐาน
    วิธีปฏิบัติกรรมฐานนั้น โดยนั่งตัวตรง ดำรงสติให้มั่นคง สตินั้นให้กำหนดอยู่ที่ฐานใดฐานหนึ่ง เช่น ที่ปลายจมูกที่ลมเข้าออกหรือที่หน้าผาก ระหว่างคิ้วก็ได้ คำบริกรรมนั้น ท่านให้เลือกเอาตามสะดวก เช่น พุทโธ ท่านให้ใช้ปลายลิ้นกดเพดานเบาๆ เพื่อให้เสียงว่า พุทโธ เป็นการนึกอยู่แต่ในใจ หรือจะใช้กำหนดลมเข้าออกก็ได้ คือให้รู้ว่าเข้า และรู้ว่าออกเท่านั้น ไม่ต้องส่งจิตตามว่าเข้าถึงไหนออกถึงไหน กำหนออยู่แค่เข้าและออกเท่านั้น เมื่อมีสติรู้อยู่ว่า จิตเป็นหนึ่งเดียว คือเป็นเอกัคคาตาแล้ว หรือ เข้าสู่อุเบกขาว่างวางเฉยไม่มีอารมณ์กิเลสวิ่งเข้าวิ่งออกแล้ว ก็ให้ใช้สติมองดูต่อไป เมื่อเห็นว่างจริงแล้วอธิษฐานจิตถึงหลวงปู่เทพฯ ก็ได้ถ้าวาระจิตได้จังหวะพอดี ก็จะเห็นได้ แต่การปฏิบัติจริงต้องใช้เวลาพากเพียรพยายามมากพอสมควร แท้จริง ความมุ่งหมายของการทำสมาธินั้น ก็เพื่อทำจิตใจเป็นอิสระมีความว่างเป็นกลางอยู่ให้ได้เท่านั้น ท่านไม่ให้อยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อยากเห็นส่งนั้นสิ่งนี้ เช่น เห็นนิมิตต่างๆ เพราะความอยากจะไม่ทำให้เราสมความปรารถนา ต้องใช้จิตเป็นกลาง ว่างไม่เห็นอะไรเลย จึงจะเป็นการทำสมาธิที่ถูกต้อง ส่วนปัญญานั้น ก็จะเกิดขึ้นมาเอง เป็นตัวปัญญาที่ได้จากการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานโดยตรงไม่ต้องไปหาจากสิ่งภายนอกมาใส่เข้าไปแทน ดังนั้น การทำวิปัสสนากรรมฐานให้เกิดปัญญาขึ้นนั้น ก็จะเป็นการดีสำหรับผู้ปฏิบัติที่ชี้แนะให้สร้างนิมิต หรืออุปทานขึ้นมาเป็นเครื่องล่อ ครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติตรงท่านจึงบอกว่า ปัญญาจะเกิดขึ้นมาเอง

    ปฏิบัติอย่าให้ขาดตอน
    แนวการปฏิบัติของหลวงปู่เทพฯ ท่านมุ่งหมายอย่างนี้ อาศัยศีลบริสุทธิ์เป็นเบื้องต้น แล้วทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้วก่อน การอธิษฐานที่จะเห็นหลวงปู่ฯ หรือจะเห็นนิมิตอย่างอื่นก็ตาม เป็นเรื่องตามมาภายหลังข้อสำคัญต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องกันไป

    จิตไม่บริสุทธิ์
    ถ้าจิตยังไม่บริสุทธิ์ ยังไม่ว่างวางเป็นกลางจริงๆแล้ว ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะอธิษฐาน และจะไม่ประสบผลสำเร็จ

    ฝึกให้ชำนาญก่อน
    ท่านที่มีตบะมั่นคงได้นั้น ต้องฝึกฝนให้คล่องแคล่วชำนาญในกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน เช่น กสิณ อนุสติ เป็นต้น จึงจะอธิษฐานให้นิมิตเกิดขึ้นได้ตามต้องการ ฉะนั้น การปฏิบัติกรรมฐานจึงต้องค่อยๆทำไปอย่างใจเย็น ที่ละขั้นตอน เพื่อชำระจิตให้สะอาด สว่าง และสงบ

    ตามรอยบาทพระศาสดา
    หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านได้เร่งบำเพ็ญเพียรตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเคร่งครัด

    กลับสู่มาตุภูมิ
    เมื่อหลวงปู่มีอายุได้ 80 ปี หลังจากที่ได้ธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ แล้ววัยชราก็เข้ามาเยือนจึงได้กลับไปยังวัดสันป่ายางหลวง เมืองลำพูนตามเดิม

    คงเหลืออยู่แต่คุณธรรม
    ในช่วงนั้น ก็มีสามเณรน้อยอายุ 7 ขวบ ได้เข้ามาปรนนิบัติหลวงปู่ ท่านก็ได้พร่ำสอนธรรมะ โดยให้หมั่นเจริญภาวนามองเห็นภัยในวัฏสงสาร และเมื่อ พ.ศ. 1920 ระหว่างที่หลวงปู่เทพโลกอุดรมีอายุได้ 86 ปี ก็ได้ละอัตภาพวางภาระไว้คงเหลือแต่คุณธรรมเท่านั้น

    คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน หลวงปู่เทพโลกอุดร
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
    http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007625.htm
     
  2. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]

    Response no.1 From: Mr.Vichai
    6 Aug 2004 20:23 #626485 delete

    หลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นพระภิกษุผู้เป็นอมตะนิรันดร์กาล บางท่านบอกว่าท่านมี10 ชื่อ ผมเคยรวบรวมชื่อของท่านที่ผู้คน พระเรียกกันมีกว่า 20ชื่ออีกครับ ลองเข้าดูเว็บบอร์ดของ buddhapoem.comซีครับ มีเยอะมาก.......บ้างก็ว่าเป็นพระอุตตระเถระที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเป็นพระธรรมทูตพร้อมคณะ5องค์เผยแพร่พุทธศาสนาในสุวรรรภูมิคือประเทศไทย.....บ้างก็ว่าเป็นหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย.....บางคนก็บอกว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นพระอรหันต์มหาโพธิสัตว์ผู้มีอาวุโสสูงสุดขณะนี้ เมื่อพระสังกัจจายน์ลาพุทธภูมิไปเมื่อไม่นานมานี้ หลวงปู่ฯก็ได้เลื่อนขึ้นไปรอเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไปจากองค์ปัจจุบัน(โคตมะ)......หนังสือมีเขียนถึงหลวงปู่มากมายหลายสิบเล่ม หลากหลาย เป็นองค์นั้นองค์นี้ เป็นพระลาว พระธิเบต พระอีสาณ พระอยุธยากรุงเก่าก็มี.....เชื่อได้ว่าหลวงปู่มีอายุหลายพันปีแน่นอน ปรากฏตัวอยู่เกือบทุกยุคทุกสมัยส่วนใหญ่จะมีบทบาทช่วยเหลือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไทยมาโดยตลอด กล่าวกันว่าหลวงปู่ได้รับมอบหมายจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพิเศษให้ดูแลรักษาพระพุทธศาสนาต่อเนื่องไปจนถึงอายุ5,000ปีเพื่อส่งต่อช่วงให้กับพระศรีอาริยเมตไตรย์ต่อไป หลวงปู่จึงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์มากมาย เรียกว่าจะไปไหนมาไหน เมื่อไร แบบไหน อย่างไรเป็นไปได้หมดครับ....เรื่องของหลวงปู่คุยได้ทั้งปีไม่มีจบครับ สนุกมากด้วยครับ.....ผมจะหาเกร็ดข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังนะครับ แต่จะถือเป็นจริงเป็นจังนักไม่ได้ เพราะหลวงปู่เป็นพระอริยเจ้าชั้นสูง ประวัติหลวงปู่นั้นคงจะยืดยาวมากจนหลวงปู่เองก็คงจะจำไม่ค่อยได้แล้วกระมังครับ......



    Response no.2 From: Mr.Vichai
    6 Aug 2004 20:48 #626517 delete

    เมื่อไม่กี่วันมานี้ พระอาจารย์วสันต์ฯแห่งวัดภูอินแปง อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย(อินแปงเป็นชื่อเดิมของหลวงปู่ฯ)ลงมากรุงเทพฯ ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับท่านหลายวัน ได้สอบถามถึงเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านบอกว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรเข้านิพพานไปนานมากแล้ว แต่วิญญาณอมตะของหลวงปู่จะไปไหนมาไหน ทำอะไรได้หมดเพราะหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ผู้มีอภิญญาสูงสุด หลวงปู่ไปพร้อมกับเอาร่างไปด้วย ไม่มีใครเห็นศพของท่านเหมือนๆกับหลวงปู่แสง(อาจารย์สมเด็จโตฯ)และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่ขณะนี้อยู่ที่ถ้าวัวแดง จ.ชัยภูมิ มีหลายคนเคยไปหาหลวงปู่มาแล้ว เช่นคุณแม่มณีจันทร์ หลวงปู่ละมัย เป็นต้น ยังมีคนชวนผมเลยนะว่าถ้าอยากไปพบหลวงปู่ที่ถ้ำวัวแดง หลวงปู่ละมัยจะพาพวกเราไปปฏิบัติธรรมในถ้ำ แต่ต้องลางานไปอย่างน้อย7วันนะ.....(เลยยังไม่ได้ไปซะที)......ท่านยังบอกว่าผมเองในอดีตชาติเคยไปพบหลวงปู่เทพโลกอุดรมาแล้วที่ถ้ำวัวแดง ผมเองเดิมมีพระของหลวงปู่1องค์จำไม่ได้ว่าได้มาจากไหน เมื่อไหร่ แต่คิดว่าได้มาหลายสิบปีแล้ว เอาไปให้ผู้มีตาทิพย์ดูบอกว่าเป็นพระของหลวงปู่เทพโลกอุดรจริงเก่ากว่ากรุวังหน้าอีก ทำปลุกเศกที่ถ้ำวัวแดงเลย มีพลังออร่าออกกว่า30เมตร(มีพลังแรงที่สุด).......บางคนบอกว่าหลวงปู่เป็นพระมหาโพธิสัตว์ผู้มีบารมี30ทัศเต็มแล้วจะแบ่งภาคลงมาช่วยคนที่ไหน กี่คนก็ได้ ผมจึงไม่สงสัยแล้วละนะว่าหลวงปู่จะเป็นใคร แต่สังหรณ์อยู่ในใจลึกๆว่าผมคงจะได้พบหลวงปู่สักวันหรืออาจเคยได้พบมาแล้วหนหรือหลายหน โดยที่ผมไม่รู้ตัวก็ได้ มีความรู้สึกแปลกๆว่าหลวงปู่ก็อยู่ใกล้ๆเรานี่เอง เอาพระดังกล่าวไปให้เขาดูเขาก็บอกว่ามีองค์หลวงปู่อยู่ด้วย(ท่านอธิษฐานจิตไว้)และก็มีเทพชั้นสูงดูแลรักษาอยู่ด้วยนะ.....

    Response no.3 From: Mr.Vichai
    6 Aug 2004 21:13 #626552 delete


    ผมถามพระอาจารย์วสันต์ฯต่อไปว่าหลวงปู่พุทธะอิสระคือ หลวงปู่เทพโลกอุดรใช่หรือไม่? ......ท่านตอบว่าไม่ใช่ เป็นคนละองค์ เป็นพระโพธิสัตว์เหมือนๆกัน แต่หลวงปู่พุทธะอิสระท่านบอกว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำเรียกท่านว่า พระองค์ที่10 เรียกว่าอาจารย์ปู่ หลวงปู่แหวน หลวงปู่อะไรอีกหลายองค์ก็เรียกท่านว่า หลวงปู่เหมือนกัน......หลวงปู่พุทธะอิสระ ท่านบอกอีกว่า รูปร่างหน้าตาอย่างหลวงปู่น่ะมีอีก 3 องค์นะ อยู่ประเทศใกล้เคียงไทยแถบสุวรรณภูมินี่แหละ เวลาหลวงปู่ป่วยหนัก ลูกศิษย์ใกล้ชิดเคยเห็นว่ามีหลวงปู่อีก3องค์มาช่วยถ่ายพลังให้(ไม่ทราบว่ามาทางไหน อาจเหาะหรือหายตัวมาก็ได้)บนหลังคากุฏิสว่างโพลงไปหมด พอหลวงปู่หายดีแล้ว ท่านก็หายตัวไปหมด เรียกว่าท่านมาช่วยเหลือกันได้.......ธรรมญาณบอกว่า4องค์นี้คือตัวจริงคือธาตุ4ของหลวงปู่คือ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ หลวงปู่เป็นองค์ที่สำคัญที่สุดคือ ธาตุลม....เพราะลมคือชีวิต ขาดลมก็ขาดใจครับ......หนังสือบางเล่มบอกหลวงปู่ขณะนี้สอนหนังสือพระสงฆ์อยู่ที่ประเทศลาวโน่น ผมไม่แปลกใจเลยอย่างที่กล่าวแล้ว และเชื่อสนิทใจว่าหลวงปู่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปรักษาศาสนาครบห้าพันปีเมื่อไหร่ หลวงปู่ก็จะได้เลื่อนขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปทันทีเมื่อถึงเวลาของท่าน นี่คือหน้าที่และการปูนบำเหน็จความชอบที่สมควรที่สุดแล้วใช่ไหมครับ.....หลวงปู่จะเป็นใคร ที่ไหน กี่องค์ๆ ทำหน้าที่สอนเผยแพร่ธรรมในถ้ำในป่าในเขาหรือในโรงเรียนวัดวาอารามที่ไหน เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะพระโพธิสัตว์แบ่งภาคไปช่วยทำงานกันได้อย่างที่รู้ๆกันอยู่แล้วทั่วไปครับ......ดังนั้นถ้าผมจะสรุปว่าที่ใครๆพูดกันว่าหลวงปู่เป็นองค์โน้นองค์นี้ ที่นั่นที่นี่ ผมว่าอาจเป็นจริงทั้งหมดนั่นแหละครับ เพราะภาระหน้าที่ของหลวงปู่นั้นเป็นภาระกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามโลก ผมภูมิใจในตัวหลวงปู่มากครับและผมน้อมรับคำสั่งสอนแนะนำของหลวงปู่เสมอไม่ว่าทางไหนๆ

    Response no.5 From: Mr.Vichai
    9 Aug 2004 21:22 #629671 delete




    ท่านธรรมญาณเคยบอกผมว่าพระศรีอาริยเมตไตรย์ก็คือ อริวังโสภิกขุ แห่งอุทยานเจ้าแม่กวนอิม แก่งกระจาน เพชรบุรี โดยให้ดูจากภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ ความรู้ ความสามารถของท่าน ในฐานะทูตสันติภาพแห่งโลก.....แต่ขณะเดียวกันก็บอกว่าหลวงปู่พุทธะอิสระก็ดูเหมือนจะใช่หลวงปู่เทพโลกอุดร ดูจากคำสอนของท่านใกล้เคียงกันมากจนเหมือนกับถอดแบบกันมาก็ได้......ในทัศนะภายในจิตลึกๆของผมบอกว่าชื่อทั้งหลายของหลวงปู่เทพโลกอุดรนั้นกว่า 20 ชื่อ พระโพธิสัตว์วัชรปาณีก็ดี พระอุตตรเถระก็ดี มิลาเรปะก็ดี สำเร็จลุนก็ดี จริงๆแล้วก็เป็นภาคๆหนึ่งของหลวงปู่ผู้อยู่เหนือโลกเหนือธรรมองค์นี้ทั้งสิ้น เป็นความจริงที่เหนือความจริง จริงจนพูดอธิบายอะไรไม่ได้ พูดไปคนก็ไม่เชื่อ จะเป็นบาปกรรมกับเขาเสียเปล่าๆ นี่เป็นเหตุผลที่ผมเข้าใจเองว่า เป็นเหตุผลที่หลวงปู่ไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอก ไม่ยอมให้ใครมาถามว่า ท่านเป็นใคร มาจากไหน เพราะถ้าย้อนอดีตไปไกลๆ หลวงปู่ท่านก็วนเวียนเกิดมาช่วยดูแลพระพุทธศาสนา อุ้มชูช่วยเหลือประเทศไทยมาตั้งแต่อดีตกาลนานโพ้น ทุกยุคทุกสมัยเรื่อยมาจนทุกวันนี้ ท่านก็ยังช่วยอยู่ และช่วยหนักหน่วงกว่าเดิมเสียอีก ยิ่งกว่านารายณ์4 กรอีกครับ......ผมเองนั้นไม่แปลกใจและไม่ประหลาดใจอะไรอีกแล้ว แม้ว่าผมจะเคยพบหลวงปู่มาแล้วหลายครั้งหลายหน ต่างสถานที่ต่างเวลา ต่างฐานะ เพราะผมรู้แล้วว่าหลวงปู่เป็นใคร กำลังทำอะไร มีหน้าที่อย่างไร แล้วผมก็พยายามช่วยเหลือหลวงปู่ทุกทางเต็มที่ตามศักยภาพ/ความสามารถที่ผมมีอยู่ และผมเชื่อว่าหลวงปู่ไม่เคยคลาดสายตาไปจากผมเลยครับ......เผลอๆท่านก็คอยช่วยแบ็คอัพผมอยู่ข้างหลังโดยที่ผมไม่รู้ตัวก็ได้ครับ......สาธุ ๆ ๆ


    ที่มา
    http://www.buddha-dhamma.com/webboard/show.php?No=348054
     
  3. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ท่านที่เป็นโลกอุดรนั้นมีไม่น้อย มีทั้งพระและฆราวาส แต่ที่คนพบเจอกันนั้น ส่วนใหญ่เป็น "พระครูโลกอุดร" ส่วน "หลวงปู่ใหญ่" นั้น ท่านเป็นพระสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ท่านอยู่มานานมากแล้ว อย่างน้อยตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ากกุสันโธ ในสมัยพระพุทธเจ้ายุคก่อนๆนั้น คนจะมีรูปร่างใหญ่โต เอาเป็นว่า หูของหลวงปู่ใหญ่ นั้นยาวประมาณ 3 เมตร (คนที่ไปพบเจอหลวงปู่ใหญ่ก็ยังมีชีวิตอยู่ทั้งพระ ทั้งฆราวาส) หลวงปู่ใหญ่ท่านปรารถนาเป็นอัครสาวกองค์หนึ่งของพระศรีฯ และผู้ที่เป็นใหญ่สุดในบรรดาผู้ที่เป็นโลกอุดรนั้น คือพระมหาโพธิ อันดับหนึ่ง คือ พระศรีอริยเมตตรัยโยโพธิ

    หากใครได้อตีตังญาณมาก่อน เมื่อปฏิบัติเข้าเขตบารมีของตัวเอง ศีลธรรมเขาก็จะเปิดให้เห็นร่างเก่าๆ ในยุคต่างๆของตน

    การเป็นโลกอุดรนั้น ต้องผ่านภูมิธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง อย่างน้อย โสดาปัตติผล(โสดาบันฤทธิ์)และมักมีอภิญญาขั้นสูงสุด ผู้ปฏิบัติในขั้นต้นจะมีเทวตานุสติเป็นพื้นฐาน จนกระทั่ง นาค ครุฑ เทวดา ฯลฯ เขาให้สิทธิ์ในศาสตร์ศิลป์ของเขา ว่ากันง่ายๆก็คือต้อง ผ่านภพ ผ่านภูมิ ต่างๆให้ได้ ในการปฏิบัติเขาจะทดสอบทั้งภายนอกและภายใน ปฏิบัติจากนอกสู่ใน ปฏิบัติจากในสู่นอก และวิธีนี้ผู้ที่ถอดจิตไม่ได้ ก็จะปฎิบัติไม่ได้ เพราะการปฏิบัติจากในสู่นอกนั้น ต้องมีพลังบุญบารมีมากพอที่จะนำพาจิตไปเรียนรู้ศาสตร์และศิลป์ ในภพภูมิต่างๆ ซึ่งเขาจะทดสอบต่างนานา คล้ายๆไปตีศึกนั่นแหละ แต่เมื่อผ่านได้เขาก็จะอนุโมทนา เป็นลำดับไป เรื่องนี้อธิบายยาก เป็นปัจจัตตังน่ะ

    เรื่องโลกอุดรนั้นเป็นเรื่องการปฏิบัติของผู้ปรารถนามาทำบารมีเฉพาะ และมักทำบารมีต่อเนื่องมาอย่างเข้มข้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก


    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 22/12/2546 0:14:29


    ผู้ที่เป็นโลกอุดรหมายความว่า "ผู้ถึงโลกุตรธรรม" (ทั้งเข้าเป็นภูมิธรรมและผ่านภูมิธรรม) ซึ่งถือว่าเหนือโลกแล้วและมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีบุญญฤทธิ์ขั้นสูง สามารถแสดงฤทธิ์ได้อย่างพิสดารด้วยอำนาจของอิทธิบาทสี่ ซึ่งภพภูมิต่างๆเขาอนุโมทนาและสามารถใช้วิชาที่เป็นศาสตร์ศิลป์ของภูมินั้นๆได้ อย่างเช่น วิชาย่นย่อแผ่นดินนั้น อาจจะเดินแค่ 3 ก้าวคือ เดินจากมิติมนุษย์ ไปสู่บังบดจากบังบดก็เดินออกมาสู่มิติมนุษย์ ไม่ได้ย่อแผ่นดินโลกมนุษย์เดินอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน

    พระมหาโพธิ ก็มีคุณสมบัติเป็นโลกอุดรครบถ้วน แต่ท่านจะแสดงหรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง

    ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโลกอุดรท่านมักจะไปอยู่ในภูมิบังบดและป่าหิมพานต์กัน เพราะมนุษย์โลกส่วนใหญ่มีศีลธรรมต่ำ นานๆท่านเหล่านั้นจะออกมาโปรดลูกหลานหรือบริวารครั้งหนึ่ง

    ที่จริงหากปฏิบัติยังไม่ถึงระดับและยังถอดจิตยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ ก็อย่าไปสนใจมากเรื่องโลกอุดร เพราะจะเป็นเรื่องไกลตัวไป แต่เมื่อมีคุณสมบัติพื้นฐานพร้อมแล้ว หากมีวาสนาบารมีมา ก็คงได้สัมผัสเองแหละ

    ส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์ระดับนี้ ท่านจะส่งกระแสจิตมาสอน ผู้ที่ทำตรงนี้ได้ก็มักจะทำโทรจิตได้เช่นกัน หากยังรับส่งกระแสจิตยังไม่แจ่มชัด ยังแยกแยะไม่ได้ว่า สิ่งที่สื่อมานั้นเป็น ผี นาค ครุฑ เทวดา พระ ฯลฯ ก็ยังถือว่ายัง งไกลกับการเข้าถึงผู้ที่เป็นโลกอุดร

    ที่จริงมีเรื่องราวอีกมากเกี่ยวกับโลกอุดร หากเล่าไปก็จะยิ่งสงสัยกันไปใหญ่ และจะขอยุติไว้แค่นี้เพราะเป็นมรรควิถีเฉพาะของผู้ที่มีบุญญฤทธิ์และทรงอิทธิบาทสี่ เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีน้อยมากในโลกมนุษย์แห่งนี้

    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 28/12/2546 5:23:56


    หลวงปู่พุทธอิสระ ภายในท่านดีนะ เราพบท่านภายใน ประมาณสามครั้ง เรื่องถึงไม่ถึงโลกอุดรนี่ เราไม่ขอตอบ เพราะว่ายากที่จะหยั่งถึง แต่ในรูปของศีลธรรมก็พบเจอท่านอยู่ในโลกทิพย์

    ท่านเป็นพระมหาโพธิ องค์หนึ่งแหละ มีคุณความดีต่อการได้รับการกราบไหว้อยู่มาก

    บางทีพระมหาโพธิ ท่านก็อาจจะว่ากล่าวพระสาวก เป็นบางครั้ง ในทางธรรมท่านอาจจะไม่เป็นไรเพราะบุญบารมีบารมีท่านมากแล้ว แต่อย่างเราๆนี่ที่ยังไม่เห็นหัวเห็นหางตัวเอง ก็อย่าไปริทำ เพราะแบกรับบารมีพระเหล่านั้นไม่ไหวหรอก จะทำให้การปฏิบัติติดหล่มซะเปล่าๆ

    เรื่องโลกอุดรนั้นตำราพอมีอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ผู้ปฏิบัติที่ท่านเป็นพระ ท่านมักจะไม่เปิดเผยมาก ท่านจะบังๆไว้เป็นปริศนาธรรม ของเราเรียนรู้เรื่องโลกอุดร จากการปฏิบัติน่ะ และก็ไม่สามารถบอกทั้งหมดได้ นักปฏิบัติปากโป้งมากก็ไม่ได้ หากเทวดาเขาติแล้วจะเสียหาย คล้ายๆจะโดนตัดคะแนนในการปฏิบัตินั่นแหละ เรื่องลึกๆเกี่ยวกับภพภูมิ ก็มักเปิดเผยมากไม่ได้เช่นกัน พระพุทธเจ้าท่านจึงบัญญัติเรื่องปัจจัตตังไว้ไงล่ะ

    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 30/12/2546 16:35:55


    เราเองไม่ได้เป็นศิษย์หลวงปู่ฤษีลิงดำ ก็เลยไม่รู้จะตอบอย่างไร ว่าทำไมเขาคิดกันแบบนั้น ก็ให้ลูกศิษย์หลวงปู่ฤษีช่วยอธิบายก็แล้วกัน

    เอาเป็นว่า คนเรา ทำบุญบารมี ทำกรรมมาแตกต่างกัน ก็ย่อมรู้เห็นเข้าใจ ในเรื่องต่างๆแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ก็ให้สำรวม กายกรรม วจี มโน เพราะหากพลาดพลั้งและว่าตามเขาว่าบ่อยๆ ก็จะเป็นโทษแก่ตนเองเปล่าๆ หากรู้นอกแต่ไม่รู้ในนี่ต้องระวัง

    คนเรานั้นสำคัญอยู่ที่ภายในแหละ และทุกภพภูมิเขาก็วัดกันที่ภายใน ว่าใครสั่งสมความดีมามากน้อยแค่ไหน เมื่อปฏิบัติถึงกันก็จะรู้กันเอง ว่าบุญบารมีของตนมีขนาดไหน

    สำหรับเรื่องคุณความดี หรืออิทธิฤทธิ์ ปาฎิหาริย์ ก็ไม่ใช่ว่าจะนำเอามาใช้ได้โดยง่าย อย่างสมัยปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ สิ่งวิเศษในโลกที่เทวดาเขาปิดบังไว้มีอีกมาก เพราะไม่ใช่ยุคสมัยที่จะนำเอามาใช้ได้ เนื่องจากยุคสมัย ความเป็นไปในแต่ละยุค จะเป็นไปตามบารมีที่พระพุทธเจ้าท่านปรุงโลก ปรุงศาสนาคือท่านทำบารมีมาแบบไหนมา โลกในสมัยศาสนาของท่านก็จะแปลตามเป็นแบบนั้น ดังนั้น ผู้ที่เดินอากาศได้ ในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มายุคสมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องมาเดินดินกัน เป็นต้น



    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 6/1/2547 22:26:41


    จาก
    http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=511
     
  4. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ข้อความที่ 1

    ก็ขอยืนยันตามนั้นครับ มีพยานบุคคลที่พบและได้ยินได้ฟังพระครูโลกอุดรท่านพูดเรื่องนี้ ต่อหน้าครูบาอาจารย์ อีกหลายคน

    แต่ท่านกลับขึ้นไปชั้นดุสิตแล้วครับ เมื่อสี่ปีก่อน แต่ท่านสั่งไว้ว่า ท่านจะกลับลงมาใหม่ ภายในปี 25.... ให้รักษาสังขารท่านไว้ตามแนวทางที่ท่านบอก ท่านแบ่งจิตส่วนหนึ่งรักษาสังขารของท่านไว้ และท่านจะกลับมาได้สองแนวทางคือ แนวทางแรกท่านจะกลับมาปรากฏโดยใช้สังขารแบบโลกอุดรและท่านก็ได้แสดงรูปหน้าของท่านให้ปรากฏแก่ผู้ใกล้ชิดหลายๆคนไว้แล้ว ส่วนแนวทางที่สอง คือท่านจะเอาสังขารเก่ากลับมาใช้อีก ท่านว่าสำหรับท่าน ตายเหมือนไม่ตาย

    และเท่าที่สังเกตดู สังขารของท่านมีความอัศจรรย์มากและเท่าที่ทราบ ยังไม่มีสังขารของพระสงฆ์รูปใดในประเทศไทยหรือในโลกที่มีความอัศจรรย์แบบนั้น เราขออนุญาตทำสิริมงคลกับสังขารของท่านครั้งสุดท้ายเมื่อวันออกพรรษา ได้สังเกตเห็นว่าเคราของท่านยาวออกมาประมาณ หนึ่งคืบ พร้อมทั้งมีความอัศจรรย์อื่นๆกับสังขารของท่านอีกมาก แต่จะไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้ ขอเก็บไว้เป็นเรื่องภายใน เฉพาะสำหรับผู้ที่ท่านมอบให้ทำหน้าที่ดูแลสังขารของท่านก็แล้วกัน หากเปิดเผยไปในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เพราะเมื่อถึงเวลาท่านก็จะมาเปิดเผยตัวท่านเองอยู่แล้ว แค่เราเร่งทำบารมีกับสิ่งที่อยู่เฉพาะหน้า ตามที่ท่านสั่งไว้ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

    และเมื่อใดที่ท่านกลับมา บนโลกมนุษย์แห่งนี้ก็จะเหลือเฉพาะผู้ที่มีบุญบารมี มีศีล 5 ครบถ้วน ส่วนผู้ที่ศีลธรรมต่ำกว่าศีล 5 จะอันตรธานหายไปหมด ท่านว่าเขาจะกวาดลงนรกไป และยุคแห่งการรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาของพระโคดม ก็จะกลับมาอีกวาระหนึ่งทั้งนี้เพื่อยังพระศาสนาให้ครบ 5000 ปี

    และสถานที่ ที่ๆท่านจะกลับมานั้น ท่านว่าในระบบของพุทธศาสนา ที่แห่งนี้จะเป็นใจกลางโลกหรือใจกลางพุทธศาสนา ผู้ที่ทำบารมีมากับท่านย่อมจะได้พบเจอ ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับท่านโดยตรง เทวดาเขาก็จะคัดออก ใครจะไปทำบารมีในสถานที่แห่งนั้นได้ต้องสร้างทำบารมีร่วมมากับท่านโดยตรง ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเทวดาเขาก็จะปิดไปเอง

    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 1/12/2547 20:04:21



    ข้อความที่ 3

    ไม่เกิน ปี 2560 ครับ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น (แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าจะเร็วกว่านั้น) เพราะก่อนที่ท่านจะไปชั้นดุสิต ท่านก็มาบอกในสมาธิ ว่าจะทำอะไรก็ให้รีบทำปู่จะกลับขึ้นไปทำธุระข้างบน และหลังจากท่านถอดจิตไป ได้ประมาณ 3 ปี ท่านก็มาบอกว่าอีกไม่นานปู่จะกลับลงมาแล้ว และจากการที่ปัจจุบันศีลธรรมภายในเร่งให้ทำนั่น ทำนี่หลายอย่าง และสุดท้ายผู้ใหญ่สำคัญหลายพระองค์ภายใน ท่านเพิ่งจะให้พรแก่หมู่คณะเมื่อออกพรรษาที่ผ่านมานี่เอง รวมระยะเวลาที่ทำบารมีอยู่ในเขตของครูบาอาจารย์มา 8 ปีจึงจะได้พรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คิดดูต้องทำอิทธิบาทสี่ในการทานบารมีทั้งภายในและภายนอกมาเป็นเวลาถึง 8 ปี เทวดาเขาจึงจะให้สิทธิในบางเรื่อง แต่ก็เป็นเพียงแค่เศษธุลีของบารมีเมื่อเทียบกับชาติก่อนๆ

    สำหรับหลวงพ่อฤษีลิงดำ ที่ท่านเคยคุยกับพระศรีฯนั้น ก็คงจะเป็นพระศรีฯองค์เดียวกันนั่นแหละ เพราะหลวงพ่อฤษีเป็นอรรคสาวกเบื้องซ้ายองค์หนึ่งของพระศรีฯและโดยระบบของศีลธรรมสามารถพูดคุยกันภายในได้แม้ว่าจะมีธาตุสี่อยู่บนโลกมนุษย์ ก็เหมือนกับที่นักปฏิบัติคุยกับ นาค ครุฑ เทวดาฯ ก็ใช้หลักการสื่อทางจิตแบบเดียวกัน ครูบาอาจารย์ท่านเคยชี้ให้เราดูเลยว่าวิมานของหลวงพ่อฤษีลิงดำอยู่ตำแหน่งไหน แต่พระศรีฯเองท่านปิดบังเรื่องของท่านมาก เพราะท่านต้องระวังพญามารเช่นกัน

    ผู้ที่ท่านทำบารมีถึงขั้นสูงๆ แล้วจะสามารถใช้ความอัศจรรย์ของจิตได้มากขึ้น บางครั้งศีลธรรมของพระศรีฯท่านอาจจะแยกไปสงเคราะห์พระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จนพระสงฆ์เหล่านั้นหลงคิดว่าตัวเองเป็นพระศรีฯไปก็มี และเมื่อไหร่ที่พระสงฆ์เหล่านั้นปฏิบัติไม่ดี ศีลธรรมนั้นก็ถอดออกกลับไปรวมกับองค์พระศรีฯ เช่นเดิม

    ที่จริงครองของพระศรีฯโพธิสัต-ว์นั้นพิจารณาไม่ยาก แต่ต้องมีปัญญา คืออย่างแรกพระศรีฯนั้นจะเกี่ยวข้องหรือมีสัญญลักษณ์ของพาหนะชั้นสูง คือม้าพลาหก(ม้าที่พระเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงขี่ตอนออกผนวชคือม้าพลาหก ม้านี้มีฤทธิ์เหาะได้ - ในไตรภูมิพระร่วงก็มีชื่อม้านี้) หรืออย่างน้อยๆก็ต้องมีสัญญลักษณ์ของม้าแก้วมณีกาพย์(เป็นรองจากม้าพลาหก) และพระศรีฯท่านเป็นองค์ปิดกัปป์ก็ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า 5 พระองค์โดยตรง ดังนั้นสถานที่ที่ท่านอยู่นั้นต้องมีสัญญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์อยู่ด้วยเช่นกัน รวมทั้งต้องมีสัญญลักษณ์อย่างอื่นๆด้วย เช่น จักรพระโพธิสัตว์ แม่พระธรณีผู้รองรับกองบุญหรือพยานบุญ รวมทั้งมีสัญญลักษณ์ของพ่อพระอินทร์ผู้ทำหน้าที่ให้พรแก่พระโพธิสัตว์ที่ลงมาทำบารมี เป็นต้น

    และสัญญลักษณ์บางอย่างมีอาถรรพณ์ เช่น สัญญลักษณ์ ม้าพลาหก หรือม้าแก้วมณีกาพย์ก็ตาม หากผู้สร้างบารมีไม่ถึงที่จะควบคุมเขา จะสร้างไม่ได้ เพราะได้สิทธิเฉพาะพระมหาโพธิสัตว์อันดับหนึ่งเท่านั้น สำหรับพระมหาโพธิสัตว์องค์ที่รองๆลงมา ท่านจะยังไม่มาทำระบบสัญญลักษณ์สิ่งเหล่านี้ เพราะต้องรอตามคิวและบางอย่างเทวดาเขาจะยังไม่ให้สิทธิ์จนกว่าจะทำบารมีถึง เป็นพระมหาโพธิสัตว์อันดับหนึ่ง


    ข้อความที่ 15

    พระโพธิสัตว์ บารมีเต็มแล้ว ท่านมาเกิดเพื่อทำหน้าที่ได้ครับ ชาติที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้านั้น ท่านไม่นับเป็นชาติที่ทำบารมีครับ ถือว่าเป็นชาติที่มาบรรลุธรรม ไม่นับอยู่ในพระเจ้าสิบชาติครับ พระโพธิสัตว์บารมีเต็ม องค์อันดับหนึ่งท่านจะรับทำหน้าที่แทนพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นประเพณีของพุทธภูมิครับ เขาทำกันมาแบบนั้นครับ

    ก่อนพระพุทธเจ้าท่านเข้าพระนิพพาน ท่านจะเสด็จไปมอบหน้าที่ให้แก่พระมหาโพธิสัตว์อันดับหนึ่งดูแลพระศาสนาต่อไปและเมื่อทรงเข้าพระนิพพานแล้ว จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับสามโลกนี้อีก และไม่มีใครในสามโลกจะได้เห็นพระพุทธองค์อีกแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านว่า ธาตุนิพพานเป็นแบบนั้น นี่ยังไม่กล่าวถึงเรื่องการ "ปรุงโลก ปรุงพระศาสนา"ของพระมหาโพธิสัตว์องค์ถัดๆมา ที่มีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนอีกมาก เช่นอย่างพระศรีฯ ท่านจะปรุงยุคศาสนาท่านตามบารมีที่สั่งสมมา ท่านจะจำลองยุคศาสนาของท่านไว้ ใน 6 หมู่บ้าน มีในไตรภูมิพระร่วง เป็นต้น คนในยุคศาสนาของท่านจะเป็นแบบนั้นครับ ครูบาอาจารย์ท่านเคยถามผมว่าจะไปไหม มีทางเข้าอยู่ที่ถ้ำแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ท่านว่าถ้าจะไปก็ให้บอกพญานาคที่นั่นว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่แล้วเขาจะให้เข้า ผมทราบว่าอยู่เขตป่าหิมพานต์ชั้นนอกแต่ก็เข้าไปได้ยาก มีพระลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์รูปหนึ่งเคยที่จะเข้าไป แต่ไม่สามารถผ่านพญานาคที่เฝ้าปากทางเข้าถ้ำได้ ก็เลยกลับมา ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าเขาบารมียังไม่ถึง แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะออกมาไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะถึงยุคพระศรีฯ ภพภูมิจะมารวมกัน

    เรื่องดอกดาวเรืองกับดอกบานไม่รู้โรยนั้น เป็นดอกไม้ของพวกยักษ์เขาครับ ในทางปรมัตถ์ถ้าใช้ดอกไม้นี้บูชาหรือบวงสรวง ถือว่าเป็นการเชื้อเชิญพวกยักษ์และบริวารเข้ามาในพิธี เขาจะได้สิทธิ์ในการเข้ามา เนื่องจากมีสัญญลักษณ์ ดอกไม้ของพวกเขาครับ หากแยกแยะไม่ได้ ก็ให้ใช้ดอกไม้หอมได้ทุกชนิดครับ

    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 3/12/2547 19:25:56
     
  5. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ข้อความที่ 18

    พระโพธิสัตว์ บารมีเต็มแล้ว ท่านมาเกิดเพื่อทำหน้าที่ได้ครับ

    1...เมื่อบารมีหรือภาระหน้าที่สูงสุดเต็มแล้ว ท่านจะเกิดมาเพื่อทำหน้าที่อะไรอีกครับ?
    2..โลภโกรธหลง จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ เราจะรู้จักมันลึ๊กซึ้งได้ดีขนาดใหน?
    3...ผมจะเชื่อใครดี ระหว่าง ผู้ที่รู้อนาคตจริงๆ กับผู้ที่คุยเรื่องมิติลี้ลับที่คนอื่นไม่สามารถสัมผัสได้?
    4....ดวงจิต หรือจิตวิญญาณ มีวันที่จะบรรลุถึงนิพพาน จนหมดทุกดวงจิตใหม (ไม่เกี่ยงว่าจะใช้เวลากี่อสงไขย์)?
    5....ต้นกำเหนิดปฐมเหตุที่ทำให้เกิดดวงจิต หรือวิญญาณตัวตน ครั้งแรกเลยคืออะไร?อะไรเป็นสาเหตุ
    6....ตัวเราจริงๆแล้วคืออะไรกันแน่มีเพศผู้เพศเมียมาแต่ต้นหรือเปล่า?
    7...อะไรที่ทำให้ เกิดการรู้ได้ คิดได้ จำได้ กระบวนการของสิ่งที่ว่ามานี้มการทำงานที่ชัดเจน เป็นลำดับขั้นตอนอย่างไร??

    จากคุณ ย่ำรุ่ง เมื่อวันที่ 5/12/2547 6:05:55






    ข้อความที่ 19

    เราจะเลือกตอบแค่บางข้อนะ

    เรื่องบารมีเต็มนั้น ยังมีข้อปลีกย่อยอื่นๆที่คนทั่วไปไม่รู้อีกมาก
    พระโพธิสัต-ว์บารมีเต็ม(แต่ยังมีขั้นของการที่จะมีคุณสมบัติที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ตามลำดับ)บางองค์ท่านมีหน้าที่มาทำครับ บางองค์ท่านก็ลงมาโปรดสัต-ว์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นญาติๆของท่าน ที่ยังมีกรรมและขาดหนทางที่ถูกต้องในการทำบารมี บางองค์ก็ลงมาสร้างเสริม เติมแต่งหรือทำบารมีเพื่อบารมีในการปรุงศาสนาในยุคสมัยของท่านให้ดียิ่งๆขึ้นไป และแต่ละพระองค์ก็มีเหตุผลของการลงมาทำบารมีที่แตกต่างกัน

    อย่างเช่นพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านบำเพ็ญบารมีมาแบบหนึ่ง สิ่งต่างๆบนโลกในยุคศาสนาท่านก็เป็นอย่างที่เห็น แต่ในสมัยหรือยุค มนุษย์หรือสิ่งต่างๆบนโลกในยุคพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ก็แตกต่างกัน ยุคพระศรีฯ ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง เอาง่ายๆ แค่อายุคน 80 ปีในสมัยพระโคดม กับอายุ 80,000 ปี นี่ก็ต่างกันมากแล้วครับ ก็ลองถามตัวเองว่าทำบารมีอย่างไร ถึงจะสามารถไปเกิดเป็นมนุษย์ สูง 80 ศอก มีหน้าตาสวยงาม มีเครื่องทิพย์ครบครัน และมีอายุถึง 80,000 ปี หรือถ้าหากคิดว่าจะไปพระนิพพานในชาตินี้หรือในยุคสมัย ภายในศาสนา 5,000 ปีนี้ สิ่งที่ต้องพิจารณา เช่นจะปฏิบัติไปยังไง ไปได้จริงหรือ มีบารมีมามากพอแล้วยัง เป็นต้น หากตรงนี้ยังรู้ของตัวเองยังไม่ได้ อย่าว่าแต่พระนิพพานเลยครับ แค่สวรรค์ชั้นดุสิตนี่ก็แทบจะไม่มีสิทธิ์คิดเลย ครูบาอาจารย์ยังเคยบอกว่าสวรรค์ชั้นดุสิตนี่ยังไปได้ยากมากๆ ท่านเองต้องบำเพ็ญมาอย่างหนักเพื่อไปสวรรค์ชั้นนั้น เอาเป็นว่าสวรรค์นั้นเป็นทางผ่านไปพระนิพพาน ไม่ผ่านสวรรค์แล้วจะไปพระนิพพานกันอย่างไร สำหรับโลกมนุษย์นั้นเป็นที่มาทำบารมี ครับ

    และผู้ที่บารมีเต็มขั้นจริงๆนั้น คือพระมหาโพธิสัต-ว์อันดับหนึ่ง เพราะได้สิทธิ์ทุกประการ เป็นรองก็แต่พระพุทธเจ้า ส่วนพระโพธิสัต-ว์อันดับสองก็มีอีก 1 ขั้น ตามลำดับ ครูบาอาจารย์ท่านว่าขั้นของการที่จะเป็นพระพุทธเจ้า นั้นมีอยู่และก็เป็นไปตามลำดับบารมี อย่างในขั้นสิทธิที่เป็นของพระมหาโพธิสัต-ว์อันดับหนึ่ง พระมหาโพธิสัตว์อันดับสองก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้ เพราะต้องรอคิวของตนมาเป็นอันดับหนึ่งเสียก่อนเป็นต้น

    ยิ่งในยุคที่พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานไปแล้วก็แย่หน่อย ทุกสำนักก็อ้างว่าวิธีการของตนเองถูกต้อง เพราะปฏิบัติไปแล้วเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ของจริงๆ แท้ๆ ที่พระพุทธเจ้านำพาทำนั้นคืออย่างไร ผู้ที่สามารถรู้จริงถึงขั้นนั้นได้นั้นมีใครบ้าง และผู้มี "หน้าที่"มาทำบารมีตามแนวทางของพระพุทธองค์เพื่อดำรงครองเก่าๆของพระพุทธศาสนานั้น เป็นใครอยู่ที่ไหน โดยเฉพาะเรื่องการทำบารมีเฉพาะนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีบารมีมาก่อนถึงจะทำบารมีนั้นๆได้จริง

    สำหรับเราไม่ต้องการให้ใครมาเชื่อ ให้ทุกท่านอ่านอย่างพินิจพิจารณา และใช้ปัญญาให้ถึงที่สุด

    แค่เรื่องของพระพุทธเจ้า คนสมัยนี้ก็ไม่ค่อยเชื่อแล้วหรือแม้จะเชื่อก็เชื่อแบบไม่สนิทใจเพราะมีความสงสัยในเรื่องของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นเรื่องปราสาท 3 ฤดูที่ผุดขึ้นรองรับพระพุทธเจ้า และเมื่อพระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานปราสาทนั้นก็เคลื่อนลงทะเลไป เรื่องม้าพลาหกที่ท่านทรงขี่ออกผนวช เรื่องวัดเชตวันที่มีพระอรหันตสาวกจำวัดอยู่ถึง 20,000 รูปแต่คนทั่วไปที่ไม่มีบุญ ไม่สามารถมองเห็นได้และคิดว่าเป็นวัดร้างเป็นต้น และเรื่องราวอีกต่างๆนานา ที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าที่คนปัจจุบันไม่รู้และไม่เข้าใจ เป็นต้น

    เรื่องที่เกี่ยวกับพระโพธิสัตว์และพระพุทธเจ้านั้น เราได้ยินได้ฟังมามามาก จากครูบาอาจารย์ ก็ได้บันทึกเป็นความทรงจำไว้ ทั้งในรูปของการจดบันทึกและในเทป เพื่อเก็บไว้สอนตัวเองเป็นหลัก

    ส่วนเรื่องอื่นๆที่ถามมานั้น บางเรื่องต้องประจักษ์ด้วยตนเองและบางเรื่องก็เป็นเรื่องเข้าข่ายอาจินไตย หากต้องการจะรู้ก็ต้องศึกษาด้วยตนเองแล้วล่ะครับ ทางที่ดีน่าจะศึกษาเรื่องแนวทางที่จะปฏิบัติให้เจริญก้าวหน้าดีกว่าเพราะอายุแต่ละคนไม่ได้ยืนยาวมากมายแต่อย่างใด ครับ

    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 5/12/2547 22:06:28


    ข้อความที่ 21

    คุณคนไกลครับไม่ทราบว่าศพพระศรีอาริย์ท่านอยู่จังหวัดอะไรครับแล้วท่านมรณภาพเมื่อปีพศ อะไรครับ
    ท่านเป็นคนจังหวัดไหนครับ
    แล้วปี2560ท่านมาเกิดที่จังหวัดอะไรครับ
    กราบขอบพระคุณล่วงหน้า

    จากคุณ ปุถุชน เมื่อวันที่ 6/12/2547 14:28:36






    ข้อความที่ 22

    เรียนคุณ ปุถุชน

    สังขารท่านอยู่ที่จังหวัดหนองคายครับ ท่านละสังขารเมื่อ 7 มีนาคม 2544 ท่านเกิดที่บ้านพระเจ้า จังหวัดร้อยเอ็ด ในราวปี 2457

    ท่านบวชเณร ตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก จากนั้นก็อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในปี 2477 บวชได้ 2 พรรษาท่านมาอยู่กับ หลวงปู่เสือโก้ก(พระครูสุนทรสาธุกิจ) ที่ จ. มหาสารคาม ในสมัยนั้นในวัดมีพระสงฆ์อยู่ประมาณ 700 รูป

    เมื่อไปจำพรรษาที่นั่น หลวงปู่เสือโก้กให้พระสงฆ์ 40 พรรษามาปรนนิบัติ ไม่ให้ท่านออกบิณฑบาตร แต่ให้พระสงฆ์ในวัดบิณฑบาตรมาให้ฉันท์ เมื่อมีการชุมนุมสงฆ์ในวัด หลวงปู่เสือโก้ก จะปูอาสนะแยกต่างหากให้นั่งเป็นประธานสงฆ์ ทางขวามือของหลวงปู่เสือโก้ก ท่านเล่าว่าในสมัยนั้นพระครูลุน(สำเร็จลุน) ท่านจะนั่งอยู่แถวข้างหน้า

    จากนั้นท่านก็ธุดงค์ไปในที่ต่างๆ ผ่านภูทอก และภูต่างๆมากมาย ในฝั่งไทย และท่านก็ข้ามไปฝั่งลาว ปู่ฤษีประไลยโกฏิท่านมารับไปภูเขา ไปปฏิบัติอยู่ที่นั่นนานหลายปี ท่านปฏิบัติหนักๆหลายอย่างเช่น ท่านบำเพ็ญอดอาหารเป็นเวลา 4 ปี และท่านบอกว่าบางครั้งท่านได้ลงไปโปรดสัตว์ในนรก เมื่อท่านลงไปไฟนรกจะดับ ครับ

    เมื่อสำเร็จขั้นโลกอุดร ทุกประการตามบารมีแล้วท่านก็เข้าไปปฏิบัติธรรมต่อในภูเขา ชั้นใน ซึ่งต้องอาศัยบารมีและฌานสมาบัติอันแก่กล้าจึงจะผ่านภูเขากระเดื่องเข้าไปได้ ท่านว่าถ้าบารมีไม่ถึง ไม่มีฌานสมาบัติก็ตายสถานเดียว มีพระสงฆ์ไทยเพียงไม่กี่รูปที่ท่านว่าผ่านเข้าภูเขา ชั้นในได้ เช่น หลวงปู่ทวด หลวงปู่สีทัตย์ หลวงปู่ยี และรวมถึงพระสงฆ์บางรูปในฝั่งลาว เราจำชื่อไม่ได้แล้วครับ

    เมื่อสำเร็จธรรมขั้นของพระมหาโพธิสัตว์แล้วท่านก็ไปโปรดสัตว์ อยู่ในฝั่งลาวหลายปี รวมทั้งไปอธิษฐานเปิดพิพิธภัณฑ์ ที่พระธาตุหลวงฝั่งลาว ที่ในอดีตกษัตริย์องค์สำคัญของลาวคือพระไชยเชษฐาธิราช ท่านสร้างและอธิษฐานไว้ว่า พิพิธภัณฑ์ที่ท่านสร้างซึ่งมีผนังเป็นหินนั้น ห้ามผู้ใดเปิดได้ ยกเว้นเมื่อผู้สร้างเขามาเกิดใหม่แล้วเขาจะเป็นผู้เดียวที่สามารถเปิดพิพิธภัณฑ์นั้นได้ หลวงปู่บอกว่าท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ท่านแค่ยื่นมือไปขางหน้า ประตูลับก็เปิดออก

    ก่อน พ.ศ. 2500 ท่านก็ข้ามมาฝั่งไทย แล้วธุดงค์โปรดสัตว์ไปเรื่อยๆจาก จ.นครพนม จนมาอยู่ ณ ที่วัดปัจจุบันของท่าน ที่ จ. หนองคาย จนกระทั่งท่านละสังขารไป

    เอาเป็นว่าครูบาอาจารย์ท่านไม่เกิดแบบคนทั่วไปแล้วครับ พระสงฆ์เมื่อสำเร็จธรรมระดับโลกอุดร ตายไม่เป็นแล้ว เพราะฉะนั้นท่านสามารถกลับมาในร่างของโลกอุดรที่ท่านใช้อยู่ถึง 12 ร่างได้ทุกเวลาที่ท่านต้องการ ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2549 - 2560

    ที่จริงอยากจะลงภาพต่างๆของครูบาอาจารย์ให้ดู เพราะน่าสนใจที่ท่านมีภาพปาฏิหาริย์มากที่สุดเท่าที่เราเคยพบเจอมา รวมทั้งภาพสิ่งวิเศษบางอย่างของโลกที่เป็นสมบัติของพระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ เมื่อท่านอธิษฐานถึงสิ่งใด หากใครถ่ายภาพท่านในขณะนั้นก็จะติดภาพสิ่งต่างๆที่ท่านอธิษฐานออกมาด้วย ที่น่าอัศจรรย์มากก็เห็นจะเป็น "ไม้เท้าวิเศษหรือกกชี้ตาย ปลายชี้เป็น " ซึ่งเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ ในกัปป์นี้ เป็นของอัศจรรย์ เรานำมาบูชาไว้ในห้องพระ ครับ เป็นมงคลดีครับ

    เฉพาะภาพปาฏิหาริย์ของท่านอย่างเดียวเรามีสะสมอยู่ประมาณหนึ่งอัลบั้ม แต่น่าเสียดายว่าเป็นสิ่งต้องห้าม ท่านสั่งไว้ว่าไม่ให้เผยแพร่ เพราะภาพท่านทุกภาพจะมีญาณท่านอยู่ ท่านกลัวคนเขาจะไปปรามาทเข้าก็จะเป็นเวรเป็นกรรม ครับ

    เอาเป็นว่าสิ่งต่างๆ เราได้ยินได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์มีมากมาย เพราะเทียวไปเทียวมา ไปปรนนิบัติท่าน ทำธุระต่างๆ ให้ท่านมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี และในช่วงเวลานั้น ขับรถจาก กทม-หนองคาย มาไม่น้อยกว่า 200,000 กิโลเมตรครับ และในหลายๆครั้ง ท่านจะเทศให้ฟังตั้งแต่ประมาณ 1 ทุ่มถึงเที่ยงคืน(ส่วนใหญ่เราจะอยู่กับท่านเพียงลำพัง) ถ้าหันไปอีกทางแล้วพูดเบาๆก็คือสอนพวกไม่เห็นตัว แต่ถ้าพูดเสียงดังแสดงว่าสอนเรา หลังเที่ยงคืนท่านก็ปิดมุ้งปฏิบัติของท่าน เราก็คลานออกมาจากเพิงพัก(ไม่เรียกกุฎีเพราะไม่มีสภาพเป็นกุฎี)ครูบาอาจารย์ท่านนั่งอยู่บนเตียงติดกับพื้นดินและมีมุ้งครอบ ท่านไม่ได้อยู่กุฎีแบบพระสงฆ์ทั่วไป

    เราก็ไปปฏิบัติภาวนาของเราต่อ และส่วนใหญ่ก็ต้องออกมานั่งเป็นเพื่อนสนธนาธรรมกับพระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติอดอาหารเป็นเวลาร้อยวันหรือมากกว่านั้น ท่านจะไม่ค่อยนอน ส่วนมากก็มักจะสนทนากันถึงรุ่งเช้า ท่านปฏิบัติสัจจะและขันติบารมี ส่วนเราเน้นทานบารมีและสัจจะบารมี ก็สนทนากันได้อรรถรถหน่อย ปฏิบัติไปรู้เห็นมาคล้ายๆกันก็มาแลกเปลี่ยนกัน และธรรมะชั้นลึกๆนี่จะหลั่งไหล ในเวลาหลังเที่ยงคืนจนถึงรุ่งเช้า

    ดังนั้น เราจึงมีพระสงฆ์ที่ท่านทำบารมีปฏิบัติภายในและมีผลการปฏิบัติคล้ายๆกันเป็นคู่สนทนาธรรมมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่จริงเรื่องที่เราเล่ามานั้นส่วนใหญ่พระที่ท่านปฏิบัติเอาจริงเอาจัง ก็ไปพบเจอมาคล้ายๆกันแหละ เพียงแต่พระนั้นท่านมีศีล 227 ข้อคุมอยู่ เลยพูดมากไม่ค่อยได้ แต่เราศีล 5 พูดได้สะดวกกว่า

    และขณะที่คนทั่วไปเขานอนหลับสบาย เราก็ตื่นสบายเหมือนกันครับ เมื่อถึงเวลานอนลงไป กายหลับแต่จิตก็ออกทำงานอีก นักปฏิบัติก็เป็นอย่างนี้ละครับ ต้องเป็นผู้ตื่นให้มากที่สุด และก็คงจะต้องทำต่อไปเรื่อยๆ หาที่สิ้นสุดยังไม่ได้ เพราะยังมีหน้าที่ทำบารมีถวายครูบาอาจารย์อยู่ครับ

    จากการปฏิบัติก็พบว่าความเป็นพระนั้นไม่ได้อยู่ที่ผ้าภายนอก แต่อยู่ที่ผ้าภายในแหละ หากภายในเป็นพระแล้ว จะศีลอะไรก็พระคือกันนั่นแหละ ผู้รู้เรื่องภายในเขาก็จะเคารพกันที่บารมีภายใน และความแก่คุณแก่ชาติที่แต่ละคนสั่งสมมานี่มันไม่เข้าใครออกใครครับ








    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 7/12/2547 3:43:52


    ข้อความที่ 24

    เรื่องพระมหาโพธิสัต-ว์ ญาณท่านแบ่งไปทั่ว ครับ อย่างเราๆ ไม่สามารถเข้าใจระบบของท่านได้เองหรอกครับ เอาเป็นว่าท่าน บอกเราว่า ท่านอวตาร(แบ่งญาณ) ลงมารักษาศาสนา

    หากคุณมีความเชื่อว่าชื่อซ้ำกัน ก็เชื่อไปตามนั้น แล้วกันครับ ไม่เสียหายอะไรหากเป็นศรัทธาพื้นฐานในการปฏิบัติของคุณได้



    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 7/12/2547 10:32:37


    จาก
    http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=2426
     
  6. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]


    ข้อความที่ 29

    ดิฉันได้พิมพ์ แจกจ่ายเป็นธรรมทานค่ะ มีทั้งพระคาถา และการอธิฐานจิตเพื่อขอพบหลวงปู่ให้มาโปรดถ้าตั้งใจจริงค่ะ
    พระคาถาบูชา
    หลวงปู่ บรมครู พระครูธรรมเทพโลกอุดร ผู้ใดมีพระคาถา ของหลวงปู่ใหญ่ ไว้บูชาตามบ้านเรือน จะคุ้มครอง ปกปักษ์รักษา จะเกิดมงคล พร้อมทั้งจะอยู่เย็นเป็นสุข พ้นจากวิบากกรรมต่างๆ หมั่นสวด ภาวนา ทุกค่ำคืน มีศีล 5 เคร่งครัด จะสัมฤทธิ์ผลทุกประการเทอญ
    ตั้งนะโม 3 จบ
    โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร
    ปะฏิสัมภิทัปปัตโต เตวิชโช พุทธะสาวะโก
    พะหู เมตตาทิวาสะโน มะหาเถรานุสาสะโก
    อะมะตัญเญวะ สุชีวะติ อะภินันที คุหาวะนัง
    โส โลกุตตะโร นาโม อัมเหหิ อะภิปูชิโต
    อิธะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเล โน นิโยชะเย
    ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสิ มัคคะผะลัง วะ เทสสะติ
    ปะระมะสารีริกะธาตุ วะชิรัญจาปิวานิตัง
    โส โลเก จ อุปปันโน เอเกเนวะ หิตังกะโร
    อะยัง โน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ
    สาธุกันตัง อะนุกะริสสามะ ยัง วะเรนะ สุภาสิตัง
    โลกุตตะโร จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต
    โลกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    มะหาเถรานุภาเวนะ สุขัง โสตถี ภะวันตุ เม
    คำภาวนาระลึกถึงหลวงปู่ใหญ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2005
  7. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ท่านอาจารย์คนเมืองบัว ตอบไว้ดังนี้ครับ
    ....." ท่านหลวงปู่เทพโลกอุดร " ตามที่ท่านผู้มีพระคุณได้บอกกล่าวมา ว่าให้ค้นคว้า
    .....จากหนังสือ " พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ " ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย ( หน้าที่ 428 ถึง หน้าที่ 443 )
    .....ได้กล่าวถึง พระอรหันต์เถระ 5 องค์ที่มีความโดดเด่นที่พร้อมไปด้วย ปฏิสัมภิทาญาณ ได้แก่
    .....1.ท่านพระโสณเถร
    .....2.ท่านพระฌานียเถร
    .....3.ท่านพระภูริยเถร
    .....4.ท่านพระอุตตรเถร
    .....5.ท่านพระมนียเถร
    .....เมื่อมีหลักฐานเท่าที่จะพออ้างอิงได้ว่า
    " ท่านพระอุตตรเถร คือ หลวงปู่เทพโลกอุดร " นี้เอง
    .....การทรงอารมณ์ในสมัยนั้น คือพระอรหันต์ที่พร้อมไปด้วย ปฏิสัมภิทาญาณ
    .....ท่านบรรลุแล้วแน่นอน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเกิดทำบารมี อีกต่อไป
    ---------------------------------------------------------------------------
    พี่หมูติดยันต์ ตอบไว้ดังนี้ครับ
    หลวงพี่เล็กเล่าว่าพระโพธิสัตว์ 5 องค์ที่ลงมาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมี
    แต่เปลี่ยนใจลาพุทธภูมิ แล้วเป็นพระอรหันต์
    ทำให้ญาติสนิทมิตรสหายที่ติดตามมากลับตัวตามไม่ทัน
    ท่านทั้งห้าจึงอธิษฐานให้ขันธ์ทรงอยู่เพื่อรอโปรดลูกหลานที่ติดตามมา

    จากคุณ กสิณ เมื่อวันที่ 30/8/2547 17:50:40




    ข้อความที่ 5

    หาอ่านจากหนังสือมาแล้วลองมาดูของจริงกันบ้างว่าเป็นไง มีครูบาอาจารย์ท่านเคยกล่าวไว้ว่า ผู้ที่เข้าถึงโลกอุดรนั้นมีมาก พระก็มี ฆราวาสก็มี แต่การที่เราจะพบเจอท่านเหล่านั้นเป็นของยาก สำหรับพระครูโลกอุดรนั้นท่านมีบุญบารมีมาก ท่านมีบุญญฤทธิ์พิสดาร ไปได้ อยู่ได้โดยไร้ร่องรอย ถ้าหากมีวาสนาบารมีทำมากับท่านก็คงจะได้เจอท่าน ถ้าปฎิบัติธรรมด้วย ทาน ศีล ภาวนาได้ดี ลองอธิษฐานขอพบท่าน โดยจุดธูปกลางแจ้งเก้าดอก อาจจะได้พบท่านหรืออะไรดีๆได้ ผู้ที่เข้าถึงโลกอุดรก็มี สมเด็จโต หลวงปู่ทวด สำเร็จลุน หลวงปู่ยี หลวงปู่สีทัตย์ หลวงปู่คำศรี หลวงปู่กุ้น ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเป็นพระสายภูเขา และมักจะเป็นภูมิพระโพธิสัตว์ ท่านต้องได้ฌานสมาบัติชั้นสูง ประกอบกับต้องมีบุญบารมีมาก และท่านนั้นๆ สามารถผ่านเขากระเดื่องซึ่งหมุนอยู่ตลอดเวลาได้ เขากระเดื่องนี้เป็นปากทางเข้าภูมิภายในภูเขา ที่ภูเขานี้พระธุดงค์ไปอธิษฐานบารมีกันมาก ในเหวลึกหน้าเขากระเดื่องมีกองกระดูกและบาตรพระเป็นล้านๆ เพราะถ้าหากพระรูปใดบุญบารมีไม่ถึง ผ่านเขากระเดื่องไม่ได้ก็จะเข้าเขตภายในภูเขา ไม่ได้ จะตกลงเหวไปครับ รวมทั้งถ้าหากเข้าไปในเขตภายในภูเขา แล้ว ถ้าหายตัวไม่ได้ หรือเดินอากาศไม่ได้ก็ไม่รอดเหมือนกัน ท่านว่ามีสัตว์ร้ายและอันตรายต่างๆมาก
    รายละเอียดเรื่องภูเขา มีมาก ไม่น่าเล่ามากนักเพราะจะดูเป็นแฟนตาซีไปสำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ ร วมทั้งมีผู้ที่สามารถปลอมแปลงเป็นพระครูโลกอุดรได้ก็มี เขาก็แสดงอิทธิฤทธิ์ได้ ที่อยู่ในผ้าเหลืองก็มี แยกแยะได้ลำบากครับ สำคัญที่เราต้องรู้ว่าภายในเขาว่าเป็นอย่างไร ต้องฝึกอายตนะภายในให้ได้ก่อนถึงจะไปเรียนรู้ระบบนี้ได้ ถ้าใช้แค่อายตนะภายนอกกับความรู้สึกนึกคิดมีโอกาสหลงทางในการปฎิบัติได้ง่ายครับ ภายนอกกับภายในแตกต่างกันมากนัก ธรรมภายนอกส่วนใหญ่มาจากสัญญาการเรียนรู้ ธรรมภายในต้องไปเรียนจากระบบจิตภายใน
    ธรรมภายในเป็นของยากต้องต่อสู้กับมารทั้งห้าอยู่ตลอดเวลา บารมีก็ต้องแก่กล้า ต้องรู้บารมีตัวเอง ต้องปฎิบัติจนผลปรากฎออกมาภายนอกนั่นแหละจึงจะเชื่อถือผลการปฎิบัติได้ นักปฏิบัติจำนวนมากจะถูกระบบมารไปดักทางเอาไว้ทำให้เกิดมานะทิฏฐิ หลงทางในการปฏิบัติ ไม่สามารถเจอทางในการปฏิบัติที่แท้จริงของตัวเองได้ ก็น่าเสียดายมาก
    บางกลุ่มปฎิบัติธรรมไป สอนกันไปโดยไม่รู้ว่าเป็นการปรามาทธรรมของพระพุทธเจ้าเข้าให้แล้ว ผู้รู้จริงๆนะหายากมากๆ การสอนธรรมะนั้นอันตรายมาก ถ้าหากสอนผิดแม้จะเจตนาดีก็จะต้องลงนรกไปก่อน ธรรมทานนั้นมีคุณอนันต์ แต่ถ้าสอนผิดก็มีโทษมหันต์เช่นกัน
    ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นส่วนใหญ่เป็นหลักธรรมที่สายพระครูโลกอุดรท่านปฏิบัติกัน...

    จากคุณ บัวญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6/10/2547 20:58:26


    จาก
    http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=1824
     
  8. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,776
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]


    เรื่องเล่า ตำนาน เป็น น้ำ จิ้ม ครับ เจตนาดี เผื่อมีคนชอบเรื่องแบบนี้ หาอ่านอยู่ ถ้าผม ใส่ หัวข้อธรรมเพียวๆ กลัวคนอ่านน้อย เลย เอา มาอ้างอิง ประกอบ ครับ ตำนาน การวิวาทะ เป็น เพียง น้ำจิ้ม หัวข้อธรรมนี่แหละ สำคัญ สาธุ
     
  9. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    อืมมมม พ.ศ. รึ ค.ศ. น่ะ พ.ศ. 1834 มันมีลำพูนรึยังน่ะ ตอนนั้นยังเป็นล้านนาล้านช้างอะไรอยู่ม๊างงง ( แถวบ้านตัวเองไม่ได้รู้เรื่องไม่ได้สนใจเลยแฮะ -"- )
    (b-ng)
     
  10. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ขอบคุณค่ะ...ที่นำมาโพส...

    สองวันก่อนจิตประวิงอยากได้รายละเอียด เพราะศรัธาและค้นหาท่านตามรอยท่าน ไปสุดท้ายก้อเพียงตั้งจิตถึง ก้อปลื้มสุขแล้ว

    คืออ่านหลักธรรมของท่านอ่านแล้วนำน้อมใส่ใจ แค่นี้ก้อเหมือนได้กราบท่านด้วยตัวเองแล้วไม่ต้องดั้นด้นหา

    Ps...อย่างไรถ้าน้องที่ทำเอกที่ออสเตรเลียเข้ามาช่วยเพิ่มเติมเรื่องราวของท่านด้วยนะคะ?

    จะเข้าพลังจิตอีกอาทิตย์นี้หล่ะคะ เพราะคิวงานป้อนมาแล้ว ชีพจรลงเท้าอีกแล้วค่ะ!!!

    THANK YOU INDEED
     
  11. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    ขอให้ไว้อีก version หนึ่ง

    หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ พระอุตตรเถระ ผู้เป็นหนึ่งในห้าพระธรรมทูตที่เข้ามาสุวรรณภูมิสมัยพระเจ้าอโศกฯ ด้วยเหตุที่หลวงปู่บำเพ็ญพุทธภูมิมาเนิ่นนาน มีบริวารตกค้างอยู่มาก เมื่อตัดสินใจตัดตรง จบกิจแล้ว หลวงปู่จึงอธิษฐานอิทธิบาทสี่อยู่ต่อเพื่อสงเคราะห์บริวารที่มีวาสนาความเนื่องกับหลวงปู่ เพราะหากทิ้งไปเลย บริวารเหล่านี้ก็จะหาครูบาอาจารย์สงเคราะห์ไม่ได้ ต้องเริ่มต้นสร้างวาสนาความเนื่องกับผู้ที่อาจจะเป็นครูบาอาจารย์ได้ในอนาคตอันไกลโพ้น ซึ่งก็จะเสียเวลาและต้องทนทุกข์ทรมานไปอีกนานแสนนาน

    พระอมตะเถระเฉกเช่นหลวงปู่มีอีกหลายองค์ จึงอาจเป็นที่สับสนนึกว่าองค์นั้นองค์นี่เป็นหลวงปู่เทพโลกอุดร สำเร็จลุนแห่งจำปาศักดิ์ก็เป็นอีกองค์หนึ่ง ท่านมหาคุรุบาบาจีก็เป็นอีกองค์หนึ่ง ปัจจุบันเชื่อว่ามีมากกว่าสิบองค์แล้ว
     
  12. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ท่านคนเก่า...มาเพิ่มให้สุดๆ เลยนะ?...

    อย่าให้คอยเก้อนะ! นะคะ ...กราบงามๆ ล่ะ...
     
  13. mikky

    mikky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    894
    ค่าพลัง:
    +577
    ผมเคยอ่านจากหนังสือโลกทิพย์ เขาบอกว่า แท้จริงแล้วคือหลานของพระมหากัสปะศิษย์พระพุทธเจ้าสายอรัญวาสี มีอายุ 700 กว่าปี ทุกคนที่เห็นท่านเป็นร่างที่นิรมิตรด้วยอภิญญา ร่างจริงขอท่านอยู่ในถ้ำวัวแดง มีสภาพของความแก่ขนาดที่ ผิวหนังใต้คาห้อยลงมายาวมาก หนวดผม ทุกอย่างยาวหมด นั่งนิ่ง ไม่เคยขยับไปไหนประดุจดังกับว่า ท่านไม่ได้ใช้ร่างนี้แล้ว สาเหตุที่ท่านเจริญอายุขัยได้มาก เนื่องจากบำเพ็ญอิทธิบาทสี่ ท่านอยู่เป็นกับป์ได้สบาย ๆ
     
  14. เด็กบ้านยางสีสุราช

    เด็กบ้านยางสีสุราช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +48
    เรื่อง หลวงปู่เทพโลกอุดร เด็กบ้านยางเคย พิมพ์ลงเว็บพลังจิตนี้ละ จำได้ ตอนปีที่แล้ว ปี2547 ส่วนช่วงเดือนไหน จำไม่ได้ และเว็บพลังจิต ตอนที่เด็กบ้านยางพิมพ์ เว็บก็ล่มไปเรียบร้อยแล้วด้วย ข้อมูลก็กลายเป็นอนัตตาไปแล้ว

    แต่ตอนพิมพ์ก็มีคน เขาเข้ามาโพส บอกว่า หลวงพ่อเทพโลกอุดรเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แล้วก็ชี้แจงรายละเอียดได้ดีพอสมควร

    แต่เด็กบ้านยาง ก็ไม่ได้เชื่อว่า ท่านมีจริง หรือ ไม่มีจริงนะ เด็กบ้านยางทำใจกลาง ๆ เพราะว่าท่านจะมี หรือ ไม่มี ก็ไม่ได้ทำให้กิเลสในตัวเด็กบ้านยางลดลงได้เลยนี่ซี เผื่อเกิดท่านมีจริง กลายไปเป็น เด็กบ้านยางไปปรามาสท่าน จะซวยเข้าอีกล่ะ ก็เลย ขอกลาง ๆ ล่ะกัน ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่
     
  15. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เรื่องจริงจากคนที่มีบารมีได้พบค่ะ ...100%

    แต่มีบางสำนักนำกล่าวอ้างบิดเบือนเพื่อประโยชน์องตนและพวกค่ะ !!!
     
  16. เด็กบ้านยางสีสุราช

    เด็กบ้านยางสีสุราช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +48
    ครับ ไงไง เด็กบ้านยางขอกลาง กลาง แล้วกันครับ

    แต่ที่แน่แน่ พระที่เด็กบ้านยางเคารพสุดขั้วหัวใจ ก็มี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อชา หลวงตามหาบัว หลวงปู่เทศก์ หลวงปู่ขาว หลวงปู่มั่น ฯลฯ ( ไล่ไม่หมด ได้เกิดในประเทศไทย โชคดีมากครับ ) สำหรับเด็กบ้านยาง ก็ได้อาศัยธรรมจากหลวงพ่อหลาย หลายรูปพอสู้กับกิเลสอันดักดานในใจตัวเองไปเรื่อย ๆ สักวันคงถึงมรรคผล เฮ้อ เหนื่อย.....( กิเลสเยอะนัก ตัวเรานี้ )
     
  17. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    ยายจะให้เพิ่มอะไรอีกละจ๊ะ สภาวธรรมของท่านเป็นปัจจัตตัง ยิ่งพูดมากก็ยิ่งผิด เพราะไม่รู้จริง จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อครูบาอาจารย์เมตตาบอกเล่า ซึ่งก็เป็นเรื่องเฉพาะกาลเฉพาะบุคคล บอกเล่าต่อก็เพี้ยนง่ายเพราะคนเล่าก็ไม่ได้สภาวธรรมนั้น

    อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุง ผมก็เชื่อว่าท่านมีสภาวธรรมเหนือโลกเช่นนี้ บางคนโชคดีได้หลวงพ่อเมตตามาโปรดในกายเนื้อเลยก็มี
     
  18. nong0063

    nong0063 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +81
    สาธุ...คุณคนเก่า

    ผมได้ข่าวจากคนรู้จัก....ว่าเจอในกายเนื้อ เหมือนกัน
     
  19. มีน

    มีน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +72
    เรียน คุณคนเก่า
     
  20. มีน

    มีน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +72
    เรียน คุณคนเก่า
    อยากถามว่าใช่คนเดียวกับที่เขียนตอบกระทู้ที่ ห้องเรื่องลึบลับ ที่พันธ์ทิพย์หรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะสำหรับทุกสาระที่เติมเต็มให้สมบรูณ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...