ลดความอ้วน...

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Baby_par, 15 พฤศจิกายน 2009.

  1. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ช่วงนี้รู้สึกออยากรีดไขมันออกมา ห้าๆเลยตั้งกระทู้สะเลย เผื่อจะมีประโยชชน์ต่อคนอื่นๆด้วยค่ะ
    กระทู้นี้มีอะไรบ้าง.?

    3.หายใจลดความอ้วน[/U][/B][/COLOR]
    4.อาหารตามกรุ๊ฟเลือดเทคนิคการลดหน้าท้องให้แบนราบ
    5.สูตรลดหน้าท้องพร้อมล้างพิษไปในตัว
    6.5วิธีในการลดหน้าท้อง
    7.ท่าลดต้นแขน
    8.10 วิธี ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
    9.รอบรู้เรื่องการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย (อ.ส.ม.ท.)
    10สูตรลดความอ้วน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2009
  2. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ลดไขมันต้นแขน

    แขนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รูปร่างของเราดูอวบอ้วนมากขึ้นเป็นพิเศษ ดังนั้นเราจึงควรอย่างยิ่งที่จะลดไขมันต้นแขนนี้ออกไปซะ

    วิธีที่ดีที่สุดที่จะลดไขมันต้นแขนนี้ก็คือท่าดันพื้นหรือวิดพื้นนั่นเองค่ะ แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงดีแล้วเท่านั้นจึงจะทำได้ดี

    1. อันดับแรกเลยต้องวอร์มร่างกายก่อนค่ะ ประมาณ 5 นาที ด้วยท่าพื้นฐานสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย จะยิ่งได้ผลดีหากวิดพื้นหลังจากวิ่งออกกำลังกายหรือเดินมาแล้ว

    2. นอนคว่ำลงกับพื้น เอามือสองข้างวางไว้ระหว่างหัวไหล่ แล้วดันร่างกายท่อนบนขึ้น ตั้งหน้ามองตรงไปข้างหน้า หากทำท่านี้ไม่ไหวให้เอาหัวเข่าดันพื้นไว้อีกทางก็ได้ค่ะ

    3. ค่อยๆ หย่อนตัวท่อนบนลงมาจนสุดแต่อย่าให้หน้าอกแตะพื้นเหมือนนอนราบ ให้ห่างพื้นสัก 1 ฝ่ามือ แล้วดันตัวขึ้นไปให้สุดแขนอีก

    หมายเหตุ ให้สูดลมหายใจเข้าเมื่อจะยกตัวขึ้น และหายใจออกเมื่อจะหย่อนตัวลง และอย่ากลั้นหายใจค่ะ


    http://www.ladytip.com/main/content/view/2510/]LadyTip.com


    สลายไขมันบริเวณต้นแขน
    • ในยุคที่สายเดี่ยวอาละวาดทั่วประเทศแบบนี้ นอกจากจะต้องมีหุ่นเพรียวลมแล้ว ต้นแขนก็ต้องเล็กชวนชมด้วย แต่ถ้าหากต้นแขนคุณใหญ่ก็ต้องเปลี่ยนไขมันให้
      เป็นกล้ามเนื้อจะได้ชวนดูขึ้นมาบ้าง วิธีการลดต้นแขน และไขมันบริเวณด้านข้างหน้าอก พร้อมกับบริเวณหลังนั้นมีทั้งหมดสามขึ้นตอน อาจจะดูลำบากเล็กน้อยแต่คุณ
      ต้องอดทนนึกภาพวันที่คุณมีหุ่นสลิมใส่สายเดี่ยวเข้าไว้ มาเริ่มกันเลย
    • วิธีแรก ต้องออกกำลังกายแอโรบิคอย่างน้อยสามครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์ การแอโรบิกจะเผาผลาญไขมันคุณออกทั้งตัว และทำให้ไขมันที่แขนและหลังลดน้อยลงด้วย\
      วิธีที่สอง ต้องออกกำลังกายในจุดที่คุณคิดว่าเป็นปัญหาเป็นพิเศษ สำหรับการสลายไขมันต้นแขนการวิดพื้นถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุด และจะสร้างความแข็งแรง
      ให้กับแขนและกล้ามเนื้อรอบๆ ไปด้วยในทีเดียว เมื่อเริ่มออกกำลังกายคุณควรจะเริ่มด้วยการวิดพื้น 10 ครั้ง สำหรับการละลายไขมันใต้ท้องแขน ให้ใช้ดรัมเบลล์
      น้ำหนัก 3 และ 5 ปอนด์ถือไว้ทั้งสองข้าง หลังจากนั้นยืนหรือนั่งบนเก้าอี้และเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย งอแขนและข้อศอกไปด้านหลังจนกระทั่งแขนเหยียดตรงเป็น
      อันเสร็จ
      ทำซ้ำ ๆ ข้างละ 12 ครั้ง 2 รอบ
      และขั้นตอนสุดท้ายคือต้องลดอาหารเพราะถึงคุณจะออกกำลังกายจนเหงื่อตกแล้วกินเข้าไป โดยไม่ระวังอาหารที่รับประทานก็คงยากที่จะลดน้ำหนักลงได้ อาหาร
      สำหรับผู้ต้องการละลายไขมันยังคงเป็นอาหารที่มีกากเป็นพวกผัก ผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หนังไก่ หนังเป็ด ขาหมู ของทอดต่าง ๆ เอาไว้แล้วคุณจะ
      ได้แขนสวยเรียวงามใส่สายเดี่ยวอวดใคร ๆ ได้อย่างมีความสุข
     
  3. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ลดหน้าท้องอย่างถูกวิธี

    คนอ้วนส่วนใหญ่ มักมีหน้าท้องยื่นออกมา ทำให้ยุ่งยากในการแต่งตัว นุ่งกระโปรงก็ไม่สวย นุ่งกางเกงก็อึดอัด การลดน้ำหนักให้ได้ผล ต้องควบคุมอาหาร ควบคู่กับ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายใช้พลังงาน ที่สะสมไว้อย่างเต็มที่ การออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อเผาผลาญไขมันปรับเปลี่ยน เป็นกล้ามเนื้อให้ร่างกายฟิตและเฟิร์มยิ่งขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ ขอนำเสนอ ท่ากายบริหารเฉพาะบริหารหน้าท้อง ดังนี้



    ท่าที่ 1 กล้ามเนื้อท้องรวม
    ท่าเตรียมพร้อม นอนหงายกับพื้น มือประสานไว้ที่ท้ายทอย งอเข่าเล็กน้อย ยกศีรษะขึ้นในมุมประมาณ 40 องศากับพื้น โดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือควรจะกางออกตึงไว้ แต่ไม่ใช่ห่อ และออกแรงดันศีรษะ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดคอ คอเคล็ดตามมาได้ง่าย


    ท่าที่ 2 กล้ามเนื้อท้องด้านบน
    นอนราบกับพื้น ขายกตั้งฉาก ใช้ช่วงน่องไขว้กัน เพื่อเพิ่มความหนักเวลายกตัวขึ้น มือประสานกันที่ท้าทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้


    ท่าที่ 3 กล้ามเนื้อท้องด้านข้าง
    นอนราบกับพื้น โดยยกเข่าข้างซ้ายขึ้นและพับขาขวาแนวนอนขัดกัน มือประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้ ซึ่งท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านซ้าย และทำท่าเดิม แต่ยกเข่าขวาขึ้นและพับขาซ้ายสลับข้างกันกับตอนแรก เพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านขวา


    ท่าที่ 4 กล้ามเนื้อท้องน้อย
    นอนราบกับพื้น พับขาให้ปลอดภัยบรรจบกัน มือประสานกันรองไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้ง 2 ข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้


    ท่าที่ 5 กล้ามเนื้อท้องส่วนล่าง
    นอนราบกับพื้น ขาเหยียดตรง มือสองข้างวางราบกับพื้น รองใต้สะโพกเพื่อรับน้ำหนักให้ส่วนหลัง เกร็งขาไว้และยกขึ้นตั้งฉาก ค้างไว้นับ 1-10 แล้วเหยียดกลับไปท่าเดิม


    ท่าที่ 6 กล้ามเนื้อท้องด้านบนและล่าง
    นอนราบกับพื้น มือขวารองไว้ที่ท้ายทอยเพื่อพยุงศีรษะ มืออีกข้างเหยียดตรงตั้งฉากกับลำตัว ยกเข่าด้านขวาให้ตั้งขึ้น และยกขาซ้ายพาดคล้ายท่าไขว่ห้าง ใช้กำลังที่หัวไหล่ขวาและหลังยกตัวเฉียงขึ้น ให้ข้อศอกแทบจรดเข่าซ้าย ทำท่าเดิม แต่เปลี่ยนจากใช้มือขวารองและเข่าขวาตั้ง เป็นมือและเข่าซ้ายแทนเพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านตรงข้าม


    แต่ละท่าควรทำซ้ำท่าละ 20 ครั้ง หากเป็นท่าที่ต้องสลับข้าง ให้ทำข้างละ 20 ครั้ง ใช้เวลาในการทำประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดหน้าท้องแล้ว ยังช่วยลดปัญหาอาการปวดหลัง ปวดตามตัวได้อีกด้วย


    ตอนที่3หน้าที่7
     
  4. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    หายใจลดความอ้วน...?!?!!!!

    วิธีทำก็ง่ายคือ นั่งบนเก้าอี้ พยายามให้หลังตรง จากนั้นชูมือทั้งสองข้างขึ้นจนสุด ค่อยๆ ลดแขนลงพร้อมกับหายใจออกยาวๆ จากนั้นหายใจเข้าตามสบาย วางข้อมือทั้งสองข้างไว้ที่ใต้ท้อง หายใจออกแล้วก้มร่างกายท่อนบนลงมา ผ่อนกำลังลงและหายใจเข้าตามสบาย

    หรือจะเลือกใช้วิธีที่สอง คือหายใจโดยกำหนดสะดือเป็นศูนย์กลาง เริ่มจากนั่งไขว้ขา วางปลายนิ้วมือทั้งสองไว้ใต้หน้าอก หายใจออกช้าๆ ยาวๆ พร้อมกับให้ส่วนบนของร่างกายงอไปข้างหน้าเล็กน้อย กะให้ศีรษะตรงกับตำแหน่งของสะดือ แล้วใช้ปลายนิ้วมือวางไว้ที่ปลายหน้าอกนั้นกดลงไป เมื่อหายใจออกจนหมด ให้ยกส่วนบนขึ้นตรงแล้วหายใจเข้าตามปรกติ ในขณะที่ปฏิบัติจะรู้สึกช่วงล่างใต้สะดือจะมีการเคลื่อนไหว เป็นเพราะส่วนท้องไหลเวียนมีการดูดรับและขับของเสียออกทางท่อของลำไส้ใหญ่ ไต และตับอย่างมีประสิทธิภาพ

    LadyTip.com -
     
  5. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    อาหารตามกรุ๊ปเลือด

    กรุ๊ปเลือดไหนควรรับประทานอาหารอย่างไร
    การรับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่รักสุขภาพ เนื่องจากการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดจะเป็นการเสริมสร้างสมดุลที่ดีให้แก่ร่างกาย ภูมิต้านทาน ระบบย่อย รวมถึงการลดน้ำหนัก และช่วยทำให้ไม่แก่เร็วอีกด้วย


    อาหารสำหรับคนที่มี เลือดกรุ๊ปโอ
    นั้น คนกรุ๊ปเลือดนี้ถือว่าเป็นมนุษย์กลุ่มแรกดำรงชีวิตเป็นนักล่า เป็นพวกกินเนื้อสัตว์ ดังนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ จะมีสุขภาพแข็งแรงดีมาก เมื่อรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ต่างๆประเภทเนื้อวัว เนื้อเป็ด เนื้อไก่ และปลาบางชนิด เช่น กลุ่มปลาทู แซลมอน ห้ามรับประทาน เนื้อหมู เนื้อห่าน ปลาดุก และปลาหมึก ส่วนเมล็ดพืช ที่ดีคือ เมล็ดฟักทอง ห้ามรับประทาน ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พีสตาชิโอ ข้าวโพด ข้าวสาลี สำหรับข้าวนั้น ไม่แนะนำให้รับประทานเลย แต่ก็ไม่ถึงกับห้ามเด็ดขาด แต่ห้ามขนมปัง ส่วนน้ำมัน คือ น้ำมันมะกอก ห้ามน้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวันและเนย ผักที่ควรรับประทาน คือ ผักกาดคอส ปวยเล้ง บร็อคโคลี่ อาร์ติโช้ค ฟักทอง มันเทศ หอมใหญ่ และสาหร่ายทะเล ห้ามรับประทาน ผักกาดขาว กวางตุ้ง กระหล่ำดอก ข้าวโพดอ่อน มะเขือ และเห็ด ผลไม้ ที่ดีคือลูกพรุน มะเดื่อ พลัม เชอร์รี่ และสับปะรด ห้ามแอปเปิล ส้ม ส่วนเครื่องเทศ เครื่องปรุงรสคือ พริก ขมิ้น เครื่องแกงกะหรี่ ห้ามพริกไทยดำ น้ำส้มสายชู เครื่องดื่ม ห้ามดื่มกาแฟ นมวัว รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนมวัว ทั้งนี้ คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคแผลเน่าเปื่อย หรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่นๆอีกด้วย


    ส่วนคนที่มี เลือดกรุ๊ปเอ
    เป็นกรุ๊ปที่เหมาะกับการบริโภคปลาและพืชต่างๆ โดยปลาที่ควรรับประทาน เช่น ปลาทู ปลากระพง แซลมอน ซาร์ดีน เต้าหู้ ส่วนผักควรหันมารับประทานอาหารจำพวกผักใบเขียว ใบเหลือง รวมทั้งธัญพืช และถั่วต่างๆ ยิ่งถ้าทานเข้าไปเยอะๆ ก็จะยิ่งมีประโยชน์มาก ควรหลีกเลี่ยงที่รับประทานอาหารสำคัญ เช่น ข้าวสาลี เนื้อแดงไม่ติดมัน และการดื่มนม และไม่ควรรับประทานเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อเป็ด ส่วนเมล็ดพืช คือ ถั่วลิสง เมล็ดฟักทอง ห้ามมะม่วงหิมพานต์ และพิสตาชิโอ ข้าว ให้รับประทานข้าวขาว ขนมปังขาว ห้ามรับประทานขนมปังโฮล์วีท และทุกอย่างที่เป็นโฮล์วีท น้ำมัน คือน้ำมันมะกอก ห้ามน้ำมันงา น้ำมันทานตะวัน และเนย
    >>>
    ผักที่ควรรับประทาน คือ อาร์ติโช้ค บรอคโคลี่ ปวยเล้ง แครอท กระเทียม ผักกาดคอส หัวหอม ห้ามรับประทาน ผักกาดขาว มะเขือ เห็น พริก มะเขือเทศ ผลไม้ ที่ดีคือ เชอร์รี่ แอบปริคอต มะเดื่อ สับปะรด พลัม และพรุน ห้ามกล้วย มะพร้าว มะม่วง แคนตาลูป ส้ม มะละกอเครื่องเทศ ได้แก่ ขิง ซีอิ๊ว ห้ามพริกไทยดำ พริกป่น น้ำส้มสายชู ซอสมะเขือเทศ เครื่องดื่ม ควรดื่ม กาแฟ ไวน์แดง นมถั่วเหลือง ห้ามนมวัว เบียร์ น้ำอัดลม และโซดา



    สำหรับคนที่มี เลือดกรุ๊ปบีนั้น
    คนเลือกดกรุ๊ปบี เป็นกรุ๊ปที่สามารถรับประทานทั้งเนื้อสัตว์และผักต่างๆ ได้ดี นอกจากนั้นยังบริโภดอาหารที่มีส่วนผสมของนม เนย ได้ดีอีกด้วย โดยเนื้อสัตว์ควรรับประทาน เนื้อแกะ และแพะ และควรรับประทานปลาทู ปลาคอด ฮาลิบัต ห้ามรับประทานเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อห่าน ส่วนอาหารทะเลควรรับประทาน หอย ปู กุ้ง และปลาหมึก เมล็ดพืช ไม่แนะนำถั่วลิสง มะม่วงหิมพานต์ พีสตาชิโอ เมล็ดฟักทอง งา เมล็ดทานตะวัน ข้าว คือข้าวกล้อง ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต ห้ามรับประทานขนมปังโฮล์วีท น้ำมัน ที่ดีคือน้ำมันมะกอก ห้ามน้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย และน้ำมันงา
    >>>
    ผัก ที่ดีคือ ครอคโคลี่ ผักกาดขาว แครอท กะหล่ำดอก ผักกาดเขียว พริก มะเขือ เห็ด ห้ามอาร์ติโช้ค ข้าวโพด ฟักทอง มะเขือเทศ และเต้าหู้ ผลไม้ ที่ควรรับประทานคือ กล้วย องุ่น มะละกอ สับปะรด พลัม ห้ามพลับ มะพร้าว มะเฟือง เครื่องเทศ ได้แก่ พริก ขิง ผักชี ห้ามพริกไทยดำ พริกไทยขาว และซอสมะเขือเทศ เครื่องดื่ม ที่ดีคือชาเขียวญี่ปุ่น นมแพะ ห้ามเครื่องดื่นที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และโซดา


    สุดท้ายคนที่มี เลือดกรุ๊ปเอบี
    คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้มีเพียงแค่ 2 % เท่านั้นเอง ซึ่งมีส่วนคล้ายกับกรุ๊ปเลือด เอ และ บี โดยคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้ สามารถรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้ แต่ก็มีจุดอ่อน คือ ระบบย่อยอาหาร มักจะมีกรดเกิดขึ้นมากในท้องส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ ดังนั้น ควรรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณที่น้อยและอย่าบ่อยนัก โดยเนื้อสัตว์ที่รับประทาน ได้แก่ เนื้อ แกะ เนื้อแพะ เนื้อกระต่าย ไก่งวง ปลาทู ปลากระพง ห้ามรับประทานเนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ และเป็ด เมล็ดพืช คือ ถั่วลิสง เกาลัด ห้ามเมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และงา ข้าว ควรรับประทาน ข้าวกล้อง น้ำมัน คือ น้ำมันมะกอก ห้ามน้ำมันข้าวโพด น้ำมันงา น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันดอกคำฝอย ผัก คือ บรอคโคลี่ กะหล่ำดอก แตงกวา มะเขือ กระเทียม เห็ด สาหร่ายทะเล ห้าม อาร์ติโช้ค ข้าวโพด พริก มะเขือเทศ ผล


     
  6. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>คนอ้วนส่วนใหญ่ มักมีหน้าท้องยื่นออกมา ทำให้ยุ่งยากในการแต่งตัว นุ่งกระโปรงก็ไม่สวย นุ่งกางเกงก็อึดอัด การลดน้ำหนักให้ได้ผล ต้องควบคุมอาหาร ควบคู่กับ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายใช้พลังงาน ที่สะสมไว้อย่างเต็มที่

    การออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อเผาผลาญไขมันปรับเปลี่ยน เป็นกล้ามเนื้อให้ร่างกายฟิตและเฟิร์มยิ่งขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ ขอนำเสนอ ท่ากายบริหารเฉพาะบริหารหน้าท้อง ดังนี้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ท่าที่ 1 กล้ามเนื้อท้องรวม

    ท่าเตรียมพร้อม นอนหงายกับพื้น มือประสานไว้ที่ท้ายทอย งอเข่าเล็กน้อย ยกศีรษะขึ้นในมุมประมาณ 40 องศากับพื้น โดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือควรจะกางออกตึงไว้ แต่ไม่ใช่ห่อ และออกแรงดันศีรษะ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดคอ คอเคล็ดตามมาได้ง่าย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ท่าที่ 2 กล้ามเนื้อท้องด้านบน

    นอนราบกับพื้น ขายกตั้งฉาก ใช้ช่วงน่องไขว้กัน เพื่อเพิ่มความหนักเวลายกตัวขึ้น มือประสานกันที่ท้าทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ท่าที่ 3 กล้ามเนื้อท้องด้านข้าง

    นอนราบกับพื้น โดยยกเข่าข้างซ้ายขึ้นและพับขาขวาแนวนอนขัดกัน มือประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้ ซึ่งท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านซ้าย และทำท่าเดิม แต่ยกเข่าขวาขึ้นและพับขาซ้ายสลับข้างกันกับตอนแรก เพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านขวา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ท่าที่ 4 กล้ามเนื้อท้องน้อย

    นอนราบกับพื้น พับขาให้ปลอดภัยบรรจบกัน มือประสานกันรองไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้ง 2 ข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ท่าที่ 5 กล้ามเนื้อท้องส่วนล่าง

    นอนราบกับพื้น ขาเหยียดตรง มือสองข้างวางราบกับพื้น รองใต้สะโพกเพื่อรับน้ำหนักให้ส่วนหลัง เกร็งขาไว้และยกขึ้นตั้งฉาก ค้างไว้นับ 1-10 แล้วเหยียดกลับไปท่าเดิม


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ท่าที่ 6 กล้ามเนื้อท้องด้านบนและล่าง

    นอนราบกับพื้น มือขวารองไว้ที่ท้ายทอยเพื่อพยุงศีรษะ มืออีกข้างเหยียดตรงตั้งฉากกับลำตัว ยกเข่าด้านขวาให้ตั้งขึ้น และยกขาซ้ายพาดคล้ายท่าไขว่ห้าง ใช้กำลังที่หัวไหล่ขวาและหลังยกตัวเฉียงขึ้น ให้ข้อศอกแทบจรดเข่าซ้าย ทำท่าเดิม แต่เปลี่ยนจากใช้มือขวารองและเข่าขวาตั้ง เป็นมือและเข่าซ้ายแทนเพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านตรงข้าม

    แต่ละท่าควรทำซ้ำท่าละ 20 ครั้ง หากเป็นท่าที่ต้องสลับข้าง ให้ทำข้างละ 20 ครั้ง ใช้เวลาในการทำประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดหน้าท้องแล้ว ยังช่วยลดปัญหาอาการปวดหลัง ปวดตามตัวได้อีกด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เทคนิคการลดหน้าท้องให้แบนราบ : อาหารสมอง
     
  7. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    สูตรลดหน้าท้อง พร้อมล้างพิษไปในตัว

    ส่วนผสม
    1. โยเกิร์ตรสจืด ครึ่งถ้วย
    2. นมสดรสจืด 1 กล่อง
    3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
    4. มะนาว 1 ลูก

    วิธีทำ
    นำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ

    วิธีการดื่ม
    ต้องดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล

    มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น

    สรรพคุณ
    ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่จะปรับธาตุ ล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมัน

    กินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อยควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุกวัน

    โทษของไขมัน
    ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

    1. ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย

    2. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศรีษะ

    3. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว

    4. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย

    5. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด

    6. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้

    7. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไปด้วย

    ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

    จะพบว่าในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์ เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
    แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต

    บอกเป็นภาษาโภชนาการมาพอสมควร เรามายกตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ กันดีกว่า ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อยๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่างๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป
    สูตรลดหน้าท้อง พร้อมล้างพิษไปในตัว | .:●
     
  8. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ภาพประกอบ
    [​IMG]

    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
    การลดหน้าท้อง นั้น สามารถทำได้โดยการออกกำลัง กายโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง เช่นการ sit up วิธีง่าย ๆ ก็คือให้อบอุ่นร่างกายก่อนเป็นเวลา 15 นาที อาจจะทำ ได้โดยการวิ่งเหยาะ ๆ หรือเดินเร็วจนเริ่มเหนื่อยนิด ๆ จากนั้นให้นอนหงายลงกับพื้น เอาสองมือประสานไว้ที่ ใต้ศรีษะแล้วยกตัวขึ้นมา 45 องศา ค้างไว้นิดหน่อย ( นับ 1 - 5 ในใจ ) แล้วค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนราบเหมือน เดิม ทำแบบนี้วันละ 10 ครั้ง จะช่วยได้

    วิธีลดไขมันหน้าท้อง

    ปัญหาของไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงอย่างเรา จะสวมใส่เสื้อผ้าที่
    ต้องเลือกแล้วเลือกอีกกว่าจะพรางบริเวณนั้นได้ ช่างเป็นอะไรที่ทรมานจิตใจที่สุดจะไปไหนมาไหนต้องเสียเวลากับเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่อย่าเพิ่งกังวลใจเรามีวิธีลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องมาแนะนำยังไงก็ลองทำดูนะคะ

    1.วิธีการรับประทานอาหารควรเคี้ยวให้ช้า ๆ และค่อย ๆ กลืน การเคี้ยวอาหารอย่างช้าเป็นการช่วยให้ระบบย่อยอาหารไม่มีปัญหา และการกลืนต้องระวังเรื่องอากาศถ้าเข้าท้องมาก ๆ ท้องคุณอาจบวมได้คะ

    2.วิธีดื่มน้ำไม่ควรดื่มน้ำไปทานอาหารไป จะทำให้อาหารที่อยู่ในกระเพาะคุอยู่นานขึ้น การดื่มน้ำควรจะดื่มก่อนหรือหลังสัก 30 นาทีจะมีผลดีกว่าคะ

    3.วิธีการกดเส้น ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยลดอาการบวมหรือการกระตุ้นการย่อยอาหารได้ คุณใช้ปลายนิ้วกดลงที่ใต้เข่าบริเวณหน้าแข้งกดไว้สักประมาณ 1 นาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือออกจะช่วยได้มาก

    4.วิธีเติมน้ำมะนาวลงในเครื่องดื่ม น้ำมะนาวจะช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านระบบในร่างกายของคุณเป็นอย่างดีและถูกต้อง

    5.วิธีแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ คุณหาน้ำว่านหางจระเข้มาดื่มสักแก้ว จะช่วยให้กระเพาะอาหารของคุณดีขึ้นและรู้สึกหายจากอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้มากคะ
    บทความ 5 วิธีในการช่วยลดหน้าท้อง (เอาใจคุณผู้หญิงครับ)
     
  9. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ท่าลดต้นแขน
    ท่าฟิตแขนทั้งบน-ล่าง
    - นั่งขัดสมาธิ หลังตรง ลงบนพื้นราบ กางแขนทั้ง 2 ออกข้างลำตัว พร้อมกับงอข้อศอกตั้งขึ้นมา ให้ท้องแขนขนานกับพื้น ส่วนมือทั้ง 2 ให้กำไว้
    - จากนั้น ให้หุบแขนทั้ง 2 มาชนกันที่ด้านหน้าลำตัวแล้วกางออกสู่จุดเดิม
    - บริหารเช่นนี้ทั้งหมด 10-15 ครั้ง

    ท่าเรียวแขนตึงกระชับ
    - อยู่ในท่าคลานเข่า 4 ขา พร้อมกับตั้งเท้ายันพื้นไว้
    - ให้แขนยืดตรงทั้ง 2 ข้าง เริ่มจากมือขวามาแตะที่เขาซ้าย แล้วแกว่งออกไปด้านขวาให้สูงที่สุด ทำซ้ำเช่นนี้อีก 15 ครั้ง
    - เมื่อครบแล้วจึงสลับข้างทำแบบเดียวกัน
    - บริหารทั้งเซตนี้ตั้งแต่เริ่ม อีก 3 เซต
    ท่าลดใต้ท้องแขน
    - ยืนตรง ใต้บาร์ หรือราวที่จะใช้ดึงตัว
    - เอื้อมมือทั้ง 2 ไปจับบาร์ที่เหนือศีรษะ นั้นโดยให้จับบาร์แบบหันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง
    - ออกแรงที่แขนทั้ง 2 ดึงลำตัวให้ลอยขึ้นจากพื่อนจนคางเลยพ้นบาร์ที่โหน
    - เกร็งในท่านี้ค้างไว้ นับ1-3 จึงค่อยๆ ผ่อนลง นับ1-3 แล้วดึงขึ้นใหม่อีกครั้ง
    - ทำเช่นนี้ต่อเนื่องทั้งหมด 5-10 ครั้ง
    ท่ากระชับต้นแขน
    - นอนหงายลงบนพื้นราบ พร้อมยกขาพาดไว้บนปลายเตียงของคุณ
    - มือทั้ง 2 ถือดัมเบลขนาด 0.5-1 Kg. ไว้ข้างลำตัว
    - จากนั้นให้ยกดัมเบลขึ้นมาจรดที่หัวไหล่ทั้ง2 ข้าง โดยที่ข้อศอกยังคงแตะพื้นอยู่ตลอดเวลา
    - เสร็จแล้วให้ยกดัมเบลลงสู่ท่าเดิม ทำต่อเนื่องเช่นนี้ให้ได้ 20 ครั้ง
    ท่าปั้นเรียวแขนได้รูป
    - นอนคว่ำกับพื้นเรียบ วางฝ่ามือทั้ง 2 ราบไปที่ บริเวณข้างหัวไหล่ ตั้งเท้าทั้ง 2 ให้ห่างเล็กน้อยแล้วยันพื้นไว้
    - จากนั้นให้ออกแรงที่แขน ดันตัวขึ้นจากพื้น ให้แขนนิ่ง แล้วค่อย ๆ ผ่อนลง เกร็งข้อศอกไว้ ลำตัวไม่ลงถึงพื้น(ท่านี้ก็เหมือนกะท่าวิดพื้น ที่พวก รด.ทำอ่ะ อิ๊ก อิ๊ก)
    - ทำเช่นนี้ทั้งหมดต่อเนื่อง 10 ครั้ง
    ท่ากำจัดไขมันทั้งแขน
    - ยืนตัวตรง แยกเท้าออกเล็กน้อย ยกแขนขึ้นมากำหมัดที่บริเวณเอว ให้ท่อนแขนขนานกับพื้น
    - จากนั้นให้ยกแขนขวาขึ้นมาระดับไหล่ แล้วชักลมออกไปทางด้านหน้าให้สุดแขน ดึงกลับ สลับแขนซ้าย ทำเช่นเดียวกัน
    - ชักลมสลับซ้าย-ขวา เช่นนี้ ทั้งหมด 100 ครั้ง
    ท่าฟิตอก ลดต้นแขน
    - นอนหงายกับพื้นราบ พร้อมกับยกขาขึ้นพาดไว้ที่ปลายเตียง มือทั้ง 2 ถือดัมเบล ขนาด 0.5-1 Kg. ไว้ แล้วกางออกไปทางด้านข้าง
    - จากนั้นให้งอศอกยกดัมเบลเข้าหาตัวหร้อมกันทั้ง 2 ข้าง เสร็จแล้วต่อเนื่องด้วยการ ยกดัมเบลชูขึ้นฟ้าให้สุดแขน ข้างไว้ นับ 1-3
    - พลิกมือทั้ง 2 ให้หันออกด้านนอก แล้วลดแขนลงให้ขนานกับพื้นทั้งท่อนแขน มือจะอยู่ในลักษณะคว่ำ
    - สุดท้ายให้พลิกฝ่ามือขึ้น เตรียมพร้อมจะทำซ้ำอีกครั้ง
    - บริหารเช่นนี้ทั้งหมดให้ได้ 10-12 ครั้ง
    ท่ากระชับแขนเรียวสวย
    - นอนหงายบนพื้นราบ ยกขาขึ้นพาดไว้ที่ปลายเตียง พร้อมกับถือดัมเบล ขนาด 1-1.5 Kg. ไว้ทั้ง 2 ข้าง
    - ถือดัมเบลไว้ที่บริเวณหัวไหล่ และต้นแขน ต้องแนบกับพื้น
    - จากนั้นให้ยกดัมเบลช้า ๆ ขึ้น ให้แขนตึงสุด แล้วจึงค่อย ๆ ผ่อนลงในท่าเตรียม
    - ทำต่อเนื่องเช่นนี้ 10-12 ครั้ง
    ที่มา
     
  10. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    10 วิธี ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน

    การเพิ่ม metabolism ทำ ให้มีการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายใช้พลังงานจากอาหารและอาหารเสริมที่คุณทานเข้าไปด้วย ทำให้คุณอยากดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น และน้ำที่คุณดื่มยังช่วยสนับสนุนการขับพิษ การขับถ่ายและการย่อยอาหารในร่างกายอีกด้วย และนี่เป็น 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานค่ะ

    1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
    “ยิ่ง คุณมีกล้ามเนื้อเรียบมาก ร่างกายคุณก็จะเผาผลาญพลังงานมาก” ซึ่งวิธีการทำให้กล้ามเนื้อเรียบก็ไม่ยากค่ะ เพียงแค่ยกดัมเบลล์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มเหมือนกัน แต่ช่วงที่ระดับเมตาบอลิซึ่มคุณพุ่งสุดขีดนั้นน่ะ ไม่ใช่ตอนที่คุณวิ่งหอบแฮกๆ บนสายพานหรอกนะคะ แต่หลังจากนั้นอีกสัก 2-3 ชั่วโมงค่ะ

    2. ขยับตัว
    อยากเผาผลาญแคลอรี่ให้เร็วที่สุดก็ต้องออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นเราต้องทำเป็นประจำ อย่างน้อยที่สุดก็วันละ 30 นาที อย่างปกติก็ 1 ชั่วโมง วิ่งเหยาะๆหรือเต้นแอโรบิกอาทิตย์ละ 3 ครั้ง(แต่ไม่ควรที่จะหักโหมมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้คุณเหนื่อยหอบได้) และไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหนก็ช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มทั้งนั้นล่ะ ให้หัวใจได้เต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ให้ต่อเนื่องนานสัก 30-45 นาที

    3. กิน
    ยิ่งร่างกายคุณขาดสารอาหาร กล้ามเนื้อก็จะล้า การเผาผลาญก็จะน้อยลง ทางที่ดีกินเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 3-4 มื้อ ยังดีกว่าอดอาหารไปเลย แต่อย่าลืมว่า ควรจะเป็นคนเลือกินสักหน่อย ไม่ใช่บอกว่าให้เลือกกินของแพงนะคะ แต่ให้เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า ลดไขมันจากสัตว์ แต่เพิ่มปริมาณผักและผลไม้

    4. งดน้ำตาล
    เหตุผลง่ายๆ ก็คือน้ำตาลที่เหลือใช้แล้ว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นไขมัน เพราะฉะนั้นลดน้ำตาล ก็จะช่วยลดไขมันไปในตัว

    5. อย่าลืมกินอาหารเช้า
    เป็น ความจริงที่ว่าคนที่กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ หุ่นดีกว่าคนที่อดข้าวเช้า และอาหารเช้ายังทำให้ระดับเมตาบอลิซึ่มของคุณวันนั้นพุ่งเป็น 2 เท่าด้วย อีกอย่างอาหารเช้าจะช่วยทำให้สมองปลอดดปร่ง สามารถเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่

    6. กินอาหารเผ็ดร้อน
    เป็น คนไทยแสนจะโชคดี มีอาหารที่รสจัด มีทั้งพริกขี้หนูและพริกไทย แต่อย่าทานที่เผ็ดจนลิ้นชา หน้าแดง น้ำตาไหลนะคะ เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อกระเพาะและลำไส้ได้

    7. ดื่มชาเขียว
    เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่มได้ดีและปลอดภัยกว่ากาแฟ ที่สำคัญตอนนี้หาซื้อได้ง่าย มีหลายรสชาติให้เลือกรับประทานด้วยค่ะ

    8. ดื่มน้ำเยอะๆ
    จะ ช่วยขับสารพิษหลังจากที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานแล้ว น้ำเย็นๆยังช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มกระเตื้องขึ้นอีกนิดหนึ่งด้วยนะ อีกสูตรที่จะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส นั่นคือ 1 2 3 3 1 อย่าเพิ่งงค่ะ เพราะว่า 1 2 3 3 1 ที่ว่านี้คือ หลังจากตื่นนอนให้ดื่มน้ำก่อน 1 แก้ว ตอนสายอีก 2 แก้ว ตอนเที่ยงถึงบ่ายอีก 3 แก้ว ตอนเย็น 3 แก้ว และก่อนนอนอีก 1 แก้ว รับรองว่านอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มแล้ว ผิวพรรณของคุณก็จะดูสดใสไปด้วย

    9. อย่าเครียด
    สำคัญ มาก ๆ เลยค่ะ เพราะขณะนี้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กำลังตกอยุ่ในภาวะของอาการเครียด ซึ่งนอกจากจะทำร้ายจิตใจของเราแล้ว ยังส่งผลถึงร่างกายของเราด้วย เพราะความเครียดทำให้เราอ้วนขึ้น เพราะฮอร์โมนคอร์ติโซนจะไปทำให้อัตราเมตาบอลิซึ่มช้าลง ฉะนั้น สาว ๆ ที่กลัวอ้วน โปรดจงอย่าเครียด

    10. นอนหลับ
    ความ ลับที่เพิ่งจะค้นพบก็ คือ กล้ามเนื้อเรียบในร่างกายเราจะทำงานเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีที่สุดในชั่วโมง หลังๆ ที่เราหลับสนิทเต็มที่ค่ะที่มาจาก ซึ่งร่างกายของคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง

    10 วิธีแสนง่าย ที่จะช่วยในการเผาผลาญพลังงานของคุณค่ะ . . .

    10 วิธี ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน | TARAD Content
     
  11. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    <TABLE cellPadding=5 align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: rgb(204,204,204) 1pt solid; BORDER-LEFT: rgb(204,204,204) 1pt solid; BORDER-TOP: rgb(204,204,204) 1pt solid; BORDER-RIGHT: rgb(204,204,204) 1pt solid" bgColor=white align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>.....
    รอบรู้เรื่องการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย (อ.ส.ม.ท.)

    ในความเป็นจริงเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราจะเผาผลาญแคลอรีลดลง ส่งผลให้ผู้หญิงมักมีน้ำหนักขึ้นเฉลี่ยปีละครึ่งกิโลกรัมเป็นอย่างน้อย ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหานี้ด้วยการปรับตาราง เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มตามอายุ ต่อไปนี้คือคำตอบจะบอกคุณได้

    จริงหรือไม่ที่ว่า การดื่มน้ำปริมาณที่ถูกต้องช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้

    จริง : ปฏิกิริยาสารเคมีในร่างกายทั้งหมดรวมถึงการเผาผลาญพลังงาน ขึ้นอยู่กับน้ำถ้าขาดน้ำก็อาจเผลาผลาญแคลอรีน้อยลงไป 2% การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจากการทดลองกับผู้ใหญ่ 10 คนที่ดื่มน้ำหลากหลายชนิดใน 1 วัน พบว่าคนที่ดื่มน้ำขนาด 8 ออนซ์ วันละ 8-10 แก้วมีอัตราการเผาผลาญพลังงานสูงกว่าคนที่ดื่มแค่ 4 แก้ว

    เคล็ดลับ : ถ้าปัสสาวะเป็นสีเข้มแสดงว่าดื่มน้ำน้อย ให้พยายามจิบน้ำ 1 แก้วก่อนมื้ออาหารทุกมื้อรวมถึงของว่างเพื่อให้มีน้ำในตัวเสมอ

    จริงหรือไม่ที่ การไดเอตลดอัตราการเผาผลาญพลังงานตอนพักผ่อนของคุณลงไป ทำให้ลดน้ำหนักยาก

    จริง : ทุกกิโลที่ลด อัตราการเผาผลาญพลังงานตอนพักผ่อนของคุณลดลงวันละ 2-10 แคลอรี ถ้าลดน้ำหนักไป 4.5 กิโล คุณต้องกินแคลอรีน้อยลงไปอีก 20-100 แคลอรีเพื่อรักษาหุ่นเพรียวเอาไว้ ไม่นับการออกกำลังกาย วิธีลดไขมันโดยรักษากล้ามเนื้อให้คงอยู่ไว้คือ คือลดแคลอรี และเพิ่มการออกกำลังกายแบบแอโรบิก กับออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน การกินแคลอรีน้อยกว่าวันละ 1,000 แคลอรีอาจส่งผลให้สูญเสียกล้ามเนื้อได้

    เคล็ดลับ : ลดน้ำหนักด้วยการลดแคลอรีวันละ 250 และเผาผลาญ 250 แคลอรีด้วยการออกกำลังกาย จะช่วยให้คุณรักษาหรือเพิ่มกล้ามเนื้อได้ขณะลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายออกไปได้มากขึ้นด้วย

    จริงหรือไม่ที่ว่า ร่างกายคุณเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น เมื่อย่อยอาหารและเครื่องดื่มเย็นเฉียบ

    จริง : แต่ก่อนที่จะตรงดิ่งไปกินไอศครีมขอบอกว่าความแตกต่างเล็กน้อยในแคลอรีไม่ส่งผลอะไรใดๆ ในโภชนาการของคุณหรอก มองในแง่ดี มีการศึกษาแนะว่าการดื่มน้ำเย็นอย่างน้อย 6 แก้วต่อวันจะช่วยคุณเผาผลาญแคลอรีได้ 10 แคลอรี ซึ่งเท่ากับครึ่งกิโลต่อปีโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

    เคล็ดลับ : แม้ผลกระทบต่อการกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานจะน้อยนิด แต่ไม่เสียหายจะดื่มน้ำเย็นเพื่อเพิ่มศักยภาพการเผาผลาญพลังงานนี่นา

    จริงหรือไม่ที่ว่า อาหารเผ็ดร้อน จะช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงาน

    จริง : พริกส่งความเผ็ดร้อนวูบวาบสามารถเร่งการเผาผลาญพลังงานและลดความหิวได้ การศึกษาพบว่าการกินพริกสับ 1 ช้อนโต๊ะ (ซึ่งเท่ากับเคปไซซิน 30 มก.) ส่งผลการกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานชั่วคราวได้ถึง 23%

    เคล็ดลับ : เหยาะพริกแดงสับในพาสต้าหรือสตูว์ พริกสดใส่ซัลซ่าได้อร่อยและเสริมรสชาติอาหารหลายจานได้ดีนัก

    จริงหรือไม่ที่ว่า การกินเกรฟฟรุตก่อนอาหารทุกมื้อช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงาน

    ไม่จริง : เกรฟฟรุตไม่ได้สร้างความมหัศจรรย์อันใดกับการเผาผลาญพลังงานของคุณแต่ช่วยลดน้ำหนักได้ เกรฟฟรุตครึ่งลูกก่อนมื้ออาหารช่วยให้ลดน้ำหนักได้ 2 กิโลใน 12 สัปดาห์เพราะกากใยและน้ำทำให้อิ่มและช่วยให้กินน้อยลง

    เคล็ดลับ : กินเกรฟฟรุตสดครึ่งลูกก่อนอาหารจานหลัก

    จริงหรือไม่ที่ว่า การยกน้ำหนักช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานมากกว่าการออกกำลังหัวใจ

    จริง : เมื่อคุณออกกำลังยกน้ำหนักจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ 1.3 กิโล และเพิ่มการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น 6-8% ดังนั้นเท่ากับเผาผลาญแคลอรีเพิ่มพิเศษวันละ 100 แคลอรี แต่การออกกำลังแบบแอโรบิกไม่ได้เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ วิธีเพิ่มมวลกร้ามเนื้อคือ ออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน

    เคล็ดลับ : เน้นการออกกำลังที่กล้ามเนื้อใหญ่สุดซึ่งจะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ ท่าวิดพื้นและท่าที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวทั้งท่อนบนและท่อนล่างเวิร์กสุด

    จริงหรือไม่ว่า เชอเลอรีเป็น "อาหารให้แคลอรีในทางลบ" เพราะการย่อยทำให้ใช้แคลอรีมากกว่าปริมาณแคลอรีที่ได้รับ

    ไม่จริง : การกินอาหารทำให้ร่างกายคุณเผาผลาญแคลอรีไปด้วยขณะทำการย่อยอาหารและเครื่องดื่มต่างๆโดยขึ้นอยู่กับอาหารที่กิน เช่นโปรตีนต้องอาศัยแคลอรีในการย่อยมากกว่าคาร์บ เชอเลอรีขนาดกลางมีแค่ 6 แคลอรี

    เคล็ดลับ : ใส่เซอเลอรีในสลัด ผัดผักหรือซุปเพราะเป็นอาหารมีประโยชน์มีส่วนผสมทาไลด์ที่ลดความดันโลหิตได้

    จริงหรือไม่ที่ว่า ชาเร่งการเผาผลาญแคลอรีได้ตามธรรมชาติ

    จริง : คาทีชินในชาเขียวและชาอูลงช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน การศึกษากับสตรีญี่ปุ่นเทียบผลกระทบจากการดื่มชาเชียว ชาอูลงหรือน้ำในวันต่างๆ พบว่าชาอูลง 1 ถ้วยใหญ่เพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้ถึง 10% ชาเขียว 4% เป็นเวลา 1.30 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าเผาผลาญ 50 แคลอรีต่อวัน

    เคล็ดลับ : ดื่มชาเชียวหรือชาอูลงแทนกาแฟมื้อเช้าเพื่อให้คาเฟอีนปลุกการเผาผลาญพลังงานของคุณ บีบมะนาวใส่แทนนมเพื่อให้ดูดซึมคาทีชินได้มากขึ้นด้วย

    จริงหรือไม่ที่ว่า อาการโหยก่อนมีประจำเดือน เกี่ยวพันกับการกระตุ้นพลังงานเผาผลาญก่อนประจำเดือนมา

    จริง : อัตราการเผาผลาญพลังงานของเราที่พักอยู่จะเพิ่มขึ้นมาในระหว่างวงจรการมีประจำเดือน(วันหลังจากไข่สุกไปจนถึงวันแรกที่ประจำเดือนมา) การเผาผลาญพลังงานที่เราได้รับจากการมี "ฮอร์โมนพุ่ง" เทียบเท่ากับวันละ 300 แคอลรี ซึ่งเป็นเหตุให้ร่างกายเกิดความอยากอาหารขึ้นมาในช่วงนี้

    เคล็ดลับ : จดบันทึกสิ่งที่คุณกินระหว่างสัปดาห์และในช่วงมีประจำเดือนพยายามรักษารูปแบบการกินตลอดทั้งเดือนเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการเผาผลาญแคลอรีที่เกิดจากฮอร์โมนผลักดัน ถ้าอยากอาหารให้ระวังปริมาณที่กินเข้าไป

    จริงหรือไม่ที่ว่า ถ้าคุณมีเวลาจำกัด ควรออกกำลังกายแบบโหมหนักเพื่อให้พลังงานเผาผลาญในภายหลัง

    จริง : คนที่เคยออกกำลังกายแบบโหมหนักพบว่าอัตราการเผาผลาญพลังงานนานมากขึ้นในภายหลังเมื่อเทียบกับพวกที่ออกกำลังแต่พอประมาณ สามารถเผาผลาญแคลอรีได้ 10% ของแคลอรีทั้งหมดที่ใช้ไปในระหว่างการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงหลังการออกกำลังกาย ดังนั้นถ้าคุณออกกำลังคอมโบทั้งเดิน จ๊อกกิ้ง 4 ไมล์(ราว 400 แคลอรี)แทนแค่เดินเฉยๆ ก็อาจเผาผลาญแคลอรีเพิ่มได้ 40 แคลอรีในเวลาอีก 2-3 ชั่วโมงข้างหน้า

    เคล็ดลับ : เติมความเร็วในการอออกกำลังเพิ่มอีกนิด เพิ่ม 3 นาทีสัปดาห์ละ 3 วันโดยหยุดพัก 2 นาที

    จริงหรือไม่ที่ว่า การกินโปรตีนมากขึ้นจะเร่งการเผาผลาญพลังงาน

    จริง : โปรตีนมีข้อดีในการเร่งการเผาผลาญพลังงานเมื่อเทียบกับไขมันหรือคาร์บเพราะร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในกระบวนการย่อย จากการศึกษาบอกว่าคุณอาจเผาผลาญแคลอรีเป็น 2 เท่าในการย่อยโปรตีน ในอาหารทั่วไปแคลอรี 14% มากจากโปรตีน ให้เพิ่มโปรตีนเป็น 2 (แล้วลดคาร์บแทนจะได้ไม่มีแคลอรีส่วนเกินเพิ่มขึ้นมา) แล้วคุณจะเผาผลาญแคอลรีได้วันละ 150-200

    เคล็ดลับ : กินโปรตีนมื้อละ 10-20 กรัม ลองโยเกิร์ตไขมันต่ำกับอาหารเช้า (13 กรัม) กินฮูมูนเป็นอาหารกลางวัน (10 กรัม) และแซลมอนแล่เป็นอาหารค่ำ (17 กรัม)


    ขอบคุณที่มา อสมท.

     
  12. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ดื่มน้ำเยอะๆ
    อย่าขี้ตืดในการดื่มน้ำ แม้ดื่มเข้าไปแล้วจะเพิ่มน้ำหนักตัวขึ้นมาบ้าง แต่มันช่างน้อยนิดและเทียบไม่ได้กับประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการดื่มน้ำอย่างเต็มที่ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว คุณรู้ไหมว่า หากปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ เกลือจะตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อของคุณ และทำให้คุณกระหายน้ำ การดื่มน้ำเปล่าหรือรับประทานผลไม้ชุ่มน้ำ เช่น แตงโม องุ่น ฯลฯ จะช่วยขจัดโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และช่วยยับยั้งความหิวได้เป็นอย่างดี


    ลดการบริโภคเกลือ
    เพราะอาหารโซเดียมสูง เช่น ขนมเพรทเซลส์, มันฝรั่งทอด, โคลด์คัทส์ (เนื้อแช่เย็นหั่นบางๆ) และพิซซ่า ฯลฯ ไม่เพียงทำให้คุณกระหายน้ำ อาหารรสเค็มทั้งหลายยังเต็มไปด้วยแป้งและไขมัน หากคุณอยากจะลดน้ำหนักในฉับพลัน ควรรับประทานกล้วยเป็นประจำ เพราะโปแตสเซียมในกล้วยจะช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกาย


    หลีกเลี่ยงอาหารขัดขาว
    คุณควรรู้ว่าในขนมเค้ก, คุกกี้ และแฟรปปุชชิโนตามร้านกาแฟหรูราคาแพง ล้วนเต็มไปด้วยน้ำตาลทรายขาว ไม่เพียงเท่านั้นของหวานดังกล่าวยังอุดมไปด้วยแป้งขัดขาว ธัญพืช และน้ำสลัด น้ำตาลทรายขาวจะแตกตัวเป็นกลูโคสอย่างรวดเร็ว คุณจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเพราะได้รับพลังงานในทันที และมันจะทำให้คุณอยากบริโภคน้ำตาลมากขึ้น มากขึ้น แทนที่จะหลงเข้าไปติดกับดักความหวานของน้ำตาลและแป้งขัดขาว คุณควรหันมารับประทานขนมปังและเส้นพาสต้าที่ทำจากแป้งโฮลวีต และจำไว้ด้วยว่าผู้ร้ายที่คอยทำลายสุขภาพของคุณไม่ได้มีอยู่เฉพาะในของหวาน ในเครื่องดื่มก็มีเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มกระทิงแดง 1 กระป๋อง มีน้ำตาล 25 กรัม ขณะที่ชาเย็นกระป๋องยี่ห้อหนึ่งมีน้ำตาลสูงถึง 46 กรัม!


    กินทั้งเปลือก
    ไฟเบอร์ช่วยให้ระบบขับถ่ายของคนเราดำเนินไปอย่างราบรื่น แหล่งไฟเบอร์ที่อุดมสมบูรณ์คือผักและผลไม้ รวมทั้งถั่วต่างๆ นอกจากมีไฟเบอร์อยู่ตรงเปลือก เม็ดถั่วยังเต็มไปด้วยโปรตีน ซึ่งจะช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้น คุณจึงไม่ต้องวิ่งหาของกินอีก หลังจากผ่านมื้อเที่ยงไปเพียง 1-2 ชั่วโมง


    กินช้าๆ
    เวลาที่กลืนอาหารลงท้อง คุณกำลังกลืนอากาศลงไปด้วย หากไม่อยากจะท้องป่องเหมือนลูกโป่ง คุณควรกินช้าๆและคำเล็กๆ ลองพยายามวางช้อนลงตอนที่เคี้ยวอาหาร มันจะช่วยให้คุณกินอาหารช้ากว่าปกติ นอกจากท้องไม่ป่อง การกินช้าๆ ยังช่วยให้รับรสอาหารอย่างเต็มที่ รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และได้รับแคลอรี่ลดต่ำลง


    .........อย่างนี้อย่าทำ

    อย่าเคี้ยวอาหารนานเกินไป เพราะมันไม่ช่วยให้หน้าท้องคุณแฟบลง ปล่อยให้การเคี้ยวเอื้องเป็นหน้าที่ของวัวควายต่อไปเหอะ ทางที่ดีคุณควรออกไปวิ่งหรือปั่นจักรยานเพื่อเผาผลาญพลังงาน

    อย่ากินอาหารตามกระแสนิยม เช่น อาหารไขมันสูง (High-fat) หรือคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low-carb) เพราะมันจะกระตุ้นให้คุณสวาปามเนื้อและชีสเข้าไปมากผิดปกติ ทำให้มีแก๊สในท้อง แค่คุณกินอาหารน้อยๆ และกินอย่างฉลาดก็พอแล้ว


    อย่าดื่มเบียร์เหมือนดื่มน้ำ ไม่ว่าเพื่อลืมทุกข์หรือยิ้มรับความสุข เพราะการดื่มเบียร์จะก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในท้อง แม้เบียร์แก้วสองแก้วอาจไม่ทำให้เกิดฟองอากาศในกระเพาะ แต่เบียร์แก้วหนึ่งก็ให้พลังงานสูงถึง 90 แคลอรี ถ้าอยากดื่ม คุณควรตัดปัญหาเรื่องพลังงานส่วนเกิน ด้วยการดื่มค็อกเทลผสมไดเอทโทนิกหรือน้ำแร่จะดีกว่า



    อันนี้เอามาจากเมล์ของเพื่อนที่ส่งมาให้นะจ๊ะ ลองดูนะคะ เห็นเพื่อนหนูนัททำได้ 3 วัน 4 กิโลจ๊ะ

    ลดความอ้วน 8 กิโล ภายใน 7 วัน (ถ้าไม่โกงตัวเอง)
    อาหารลดความอ้วน

    ซุปผลาญไขมัน หอมหัวใหญ่ 6 หัว
    (สำหรับ 1 คน) พริกเขียว 2 เม็ด
    มะเขือเทศหั่น 2 ถ้วย
    คื่นช่าย 1 กำมือ
    กล่ำปลีหัวใหญ่ 1 หัว
    LIPTONONION SOUP MDX 1 Packer หรือซุปก้อนคนอร์หัวหอม
    หรือ PURE ONION STOCK CUBES 2 กล่อง
    ซุปไก่ก้อนคนอร์ 1-2 cubes
    ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ผักชีลาว
    น้ำผัก (มีขายตามซุปเปอร์มาเก็ด)

    วิธีทำน้ำซุป หั่นผักทุกชนิดเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่น้ำให้ท่วมผักเพื่อรสชาติที่ดีขึ้น ต้ม 10 นาทีแล้วหรี่ไฟรุมๆ เคี่ยวจนผักเปื่อย กินให้มากเท่าที่ต้องการ เมื่อไหร่อยากกิน กินได้ทุกเวลา ซุปนี้ไม่เพิ่มแคลลอรี่ กินมากเท่าไหร่ยิ่งลดน้ำหนักได้มากเท่านั้น แต่ถ้ากินซุปนี้ตลอดไปจะทำให้ ขาดสารอาหาร ถ้าไปไหน จะเอาใส่กระติกไปด้วยก็ได้

    เริ่มวันที่ 1 กินผลไม้ทุกชนิดยกเว้นกล้วย แคนตาลูปและแตงโมมีแคลลอรี่ต่ำกว่าผลไม้อื่นๆ กินซุปที่เตรียมไว้ เครื่องดื่มได้เฉพาะ ชาไม่ใส่น้ำตาล น้ำเปล่า
    วันที่ 2 กินผักทุกชนิด ผักสด ผักดิบ หรือผักนึ่ง แล้วแต่กินได้เต็มที่ ที่พยายามกิน ผักใบเขียว ห้ามถั่วแห้ง ถั่ว ข้าวโพด อย่าลืมกินซุปด้วย วันนี้ให้รางวัลตัวเองด้วย มันเผากับเนย วันนี้งดผลไม้
    วันที่ 3 ผสมกันระหว่างวันที่ 1 และวันที่ 2 กินซุปผลไม้ ผัก ตามต้องการ ยกเว้นมันเผา
    วันที่ 4 กินกล้วยกับนมไร้ไขมัน กินกล้วยได้ 8 ลูก ดื่มนมมากๆ เท่าที่จะดื่มได้พร้อมกับซุป กล้วยมีแคลลอรี่และคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และแคลเซี่ยม อาหารนี้จะทำให้ความต้องการของหวานของคุณลดลง
    วันที่ 5 กินเนื้อสัตว์ (วัว หมู ไก่ ปลา) ต้องไม่ติดมัน 10 – 20 ออนซ์ ย่างหรือต้ม กินกับมะเขือเทศ 6 ลูก พยายามดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว เพื่อล้างกรดยูลิคออกจากร่างกาย อย่าลืมกินซุป อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
    วันที่ 6 กินเนื้อสัตว์เหมือนวันที่ 5 กับผลไม้เต็มที่ จะเป็นสเต็กกับผักใบเขียวก็ได้ งดมันเผา อย่าลืมกินซุป
    วันที่ 7 กินข้าวกล้องกับน้ำผลไม้ไม่หวาน (เช่นน้ำมะนาว) และผักตามใจชอบอย่าลืมกินซุป

    เมื่อจบวันที่ 7 แล้ว ถ้าคุณไม่โกงตัวเอง คุณจะลดน้ำหนักไปได้ 8 กิโลกรัม ถ้าคุณลดน้ำหนักเกิน 8 กิโล ถ้ายังอยากจะทำซ้ำ ควรพักอีก 2 วัน จึงค่อยเริ่มทำต่อโดยเริ่มวันที่ 1 – 7 เช่นเดิม การกินทั้ง 7 วันนี้ หากทำได้ตามสูตรถูกต้อง จะเป็นเหมือนระบบการชำระล้างสิ่งสกปรก ภายในร่างกาย และให้ความรู้สึกสบายตัว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    หลังจากกินตามสูตรนี้ 2-3 วัน คุณจะเริ่มรู้สึกสบายตัวเบาและมีพลังมากมาย จะทำกี่ครั้งก็ได้ แล้วแต่คุณต้องการ การลดน้ำหนักนี้เป็นการเผาผลาญไขมัน อย่างรวดเร็ว และความลับก็คือคุณสามารถเผาผลาญแคลลอรี่ได้มากที่คุณกินเข้าไป สิ่งที่ต้องห้ามคือ แอลกอฮอล์ เพราะทำให้สร้างไขมันอีก

    เนื่องจากระบบการย่อยของแต่ละคนแตกต่างกัน การลดน้ำหนักจึงมีผลต่างกัน หากหลังจากคุณลดน้ำหนักได้หลายวันแล้ว พบว่าระบบการขับถ่ายเปลี่ยนไป ให้กินซีเรียล 1 ถ้วย กับผลไม้มีเส้นใยถึงแม้ คุณจะกินกาแฟดำได้ขณะลดน้ำหนัก แต่คุณก็จะรู้สึกว่าไม่อยากรับคาเฟอีนอีกเลยหลังจากวันที่ 3

    สิ่งที่ห้ามเด็ดขาด คือ ขนมปัง ข้าว แอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ น้ำอัดลม อาหารทอด ส่วนเครื่องดื่มควรดื่มชาไม่ใส่น้ำตาล กาแฟดำ และนมไร้ไขมัน ถ้าไม่กินเนื้อวัว ให้ใช้ไก่ย่าง แต่ต้องไม่กินหนัง หรือใช้ปลานึ่ง – เผา แทนวันที่ 5-6 กินเผื่อสำหรับวันอื่น ที่จะต้องการโปรตีน ซุปนั้นกินได้ทุกเวลาที่หิว กินมากๆ กินบ่อยๆ ตามต้องการ กินมากเท่าไหร่ลดมากเท่านั้น

    ในกรณีที่ต้องกินตามคำสั่งแพทย์ ก็กินตามปกติ ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เริ่มทดลองดูกี่ครั้งก็แล้วแต่ จะรู้สึกถึงความแตกต่างของร่างกายและจิตใจ ว่าดีกว่าแต่ก่อนมาก







    อีกสูตรโครงการควบคุมอาหาร 13 วัน
    จุดประสงค์ของโครงการนี้ เพื่อปรับปรุงการเผาผลาญอาหารของร่างกาย หลังจากครบ 13 วันแล้วจะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักจะไม่ขึ้นมาอีกเลยเป็นเวลา 2 ปี ข้อสำคัญ หากทำตามตารางนี้ได้อย่างเคร่งครัดจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 7-20 กิโลกรัม ปริมาณอาหารในช่วงควบคุมอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่ท่านไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้เสียสุขภาพ เพราะส่วนที่ขาดภายในร่างกายจะทำปฏิกิริยาการเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ตามร่างกายมาใช้เป็นพลังงานทดแทน
    ระยะเวลา 13 วันนี้ ห้ามดื่มเบียร์ ไวน์ สุรา ขนมหวาน เคี้ยวหมากฝรั่ง ลูกอม หรืออาหารอื่น ๆ แม้แต่เพียงเล็กน้อย การควบคุมอาหารครั้งนี้จะไม่บังเกิดผลใด ๆ เลย และถ้าจะเริ่มต้นใหม่ ต้องกระทำหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว แต่ถ้าควบคุมได้ถึง 6 วัน ก็สามารถเริ่มต้นควบคุมใหม่ได้หลังจาก 3 เดือนไปแล้ว
    หากคุณรู้สึกหิวนอกเหนือจากเวลาที่กำหนด ให้ดื่มน้ำมาก ๆ ห้ามดื่มหรือทานอย่างอื่นแทน ถ้าเป็นคนที่ทานอะไรง่าย ๆ ไม่ต้องเพิ่มเติมอะไร คือทำตามสูตรเป๊ะ จะลดได้มาก แต่ถ้าเป็นคนทานยาก แล้วไม่ทานในแต่ละมื้อที่กำหนด คือไม่ชอบอะไร แล้วข้ามไป เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ไม่สามารถควบคุมต่อได้ในมื้อต่อไป
    ตารางควบคุมอาหาร 13 วัน

    วันที่ 1 เช้า กาแฟดำ 1 ถ้วย + น้ำตาล 1 ก้อน กลางวัน ไข่ไก่ต้มแข็ง 2 ฟองผักกาดขาวต้ม 3 ขีดมะเขือเทศ 1 ผล เย็นเนื้อไก่อบ 2 ขีดผักสลัดน้ำใสน้ำมะนาว 2 ผล
    วันที่ 2 เช้า กาแฟดำ 1 ถ้วย + น้ำตาล 1 ก้อน กลางวัน เนื้อหมูอบ 2.5 ขีดโยเกิต 1 ถ้วย เย็น เนื้อไก่อบ 2 ขีดผักสลัดน้ำใสน้ำมะนาว 2 ผลผลไม้สด 1 ผล (แอปเปิ้ล)
    วันที่ 3 เช้า กาแฟดำ 1 ถ้วย + น้ำตาล 1 ก้อนขนมปังปิ้ง 1 แผ่น กลางวัน ไข่ต้มแข็ง 2 ฟองหมูอบ 1 ขีดผักสลัดน้ำใสน้ำมะนาว เย็นขึ้นไถ่ต้มสุก 3 ขีดมะเขือเทศ 1 ผลแอปเปิ้ล 1 ผล
    วันที่ 4 เช้า กาแฟดำ 1 ถ้วย + น้ำตาล 1 ก้อนขนมปังปิ้ง 1 แผ่น กลางวัน น้ำส้มค้น 1 แก้ว โยเกิต 1 ถ้วย เย็น ไข่ต้มแข็ง 1 ฟองแครอทสด 1 หัวนมโฟโมสต์รสจืด 1 กล่อง
    วันที่ 5 เช้า แครอทสด 1 หัวราดด้วยน้ำมะนาว กลางวัน เนื้อปลากระพงขาว 2 ขีด นึ่ง ด้วย-น้ำมะนาวใส่ขึ้นไถ่ 1 ต้น เย็น เนื้อไก่อบ 2 ขีดผัดสลัดน้ำใส
    วันที่ 6 เช้า กาแฟดำ 1 ถ้วย + น้ำตาล 1 ก้อนขนมปังปิ้ง 1 แผ่น กลางวัน ไข่ต้มแข็ง 2 ฟองแครอทสด 1 หัว เย็น เนื้อไก่อบ 2 ขีดผัดสลัดน้ำใสน้ำมะนาว
    วันที่ 7 เช้า ชา 1 ถ้วย ไม่ใส่น้ำตาล กลางวัน น้ำเปล่าอย่างเดียว เย็น หมูย่าง 2 ขีดแอปเปิ้ล 1 ผล
    วันที่ 8-13 เหมือน 1-6

    หมายเหตุ
    1. ผักต้มถ้าใช้ผักขมไทยจะดีมาก (ใช้ผักกาดขาว หรือกวางตุ้งแทนได้)
    2. มะเขือเทศผลใหญ่ 1 ผล ถ้าผลเล็กใช้ 2-3 ผล
    3. เนื้อไก่อบ ใช้เนื้อสัน หรือเนื้อหน้าอกไม่ติดมัน ชั่ง 2 ขีด
    4. ผักสลัดใช้ผัดกาดหอม 1 ต้นเล็ก หอมใหญ่ครึ่งหัว แตงกวา 2 ผล (หั่นรวมกันได้ผัก 1 จาน)
    5. น้ำมะนาว ใช้มะนาวสด 1-2 ผล ชงน้ำร้อนใส่เกลือเล็กน้อย ใส่น้ำแข็งดื่มได้เลย
    6. โยเกิต ถ้ามีรสจืดจะดีมาก ถ้าหาไม่ได้เลือกรสที่ชอบได้ หรือ ถ้าปกติเป็นคนไม่ชอบโยเกิต ให้ซื้อ โยเกิต ยี่ห้อ เมจิ รสจืด ซึ่งไม่มีกลิ่นคาว ทานง่าย
    7. ผลไม้สด 1 ผล เช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ มะม่วง ส้มเขียวหวาน กล้วย
    8. ปลากระพงขาว ใช้ปลาช่อนแทนได้
    9 ถ้าไม่ดื่มกาแฟ ให้ดื่มชาลิปตันแทนได้ แต่ถ้าพยายามได้ ให้ดื่มกาแฟโดยใส่ปลายช้อนนิดเดียว
    10. ไข่ต้มต้องต้มให้แข็ง เพราะเป็นยางมะตูมจะให้แคลอรีค่อนข้างมาก
    11. น้ำสลัดใช้ 1 ถ้วย (3-4 ช้อนโต๊ะ) หรือใช้สลัดน้ำขุ่นแทนก็ได้
    น้ำสลัดอย่าใช้น้ำใส เพราะมีน้ำตาลมาก ให้ไปซื้อ น้ำสลัดยี่ห้อ Best Foods Light Lemon Salad Dressing สลัดครีมมะนาว สูตรไลท์ จะให้ไขมันต่ำ และอร่อยด้วย
    12. มื้อไหนที่มีสลัดผัก ผลไม้ ไก่ อยู่ด้วยกัน จะนำมาผสมกัน แล้วทานก็ได้ ไม่ห้าม ถ้าชอบ
    13. ขึ้นไฉ่ต้มสุก ให้ต้มใส่เกลือไปเล็กน้อย เพื่อดับความเผ็ด และถ้าย้งทานไม่ไหวเพราะเผ็ดมากให้ จิ้มน้ำจิ้มยี่ห้อซันซอล สัก ต้นละ 1 หยด ห้ามจิ้มมาก ผิดสูตร ให้จิ้มเพื่อให้ทานให้ได้
    14. แครอท ราดน้ำมะนาว จะทานยาก ให้ทานแครอทก่อน แล้ว ดื่มน้ำมะนาวเพียว ๆ ตามได้ ให้ผสมกันเองในท้อง (ถ้าลำบากมากสำหรับคนไม่ชอบแครอท ก็ให้จิ้มน้ำสลัดสัก หยดสองหยดก็คงช่วยได้บ้าง)
    15. น้ำส้มคั้น ใช้ 5 ลูก อย่าใส่น้ำตาล โดยเด็ดขาด
    16. น้ำเปล่า ดื่มได้ทั้งวัน วันละ 2-3 ลิตร (นอกเหนือจากรายการอาหารนี้ ถ้าหิวให้ดื่มน้ำเปล่าแทนได้อย่างเดียว)









    สูตรพระเทพ
    วันที่ 1
    เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
    กลางวัน - ไข่ต้ม 2 ฟอง
    เย็น - สลัดผัก

    วันที่ 2
    เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
    กลางวัน - ไข่ต้ม 2 ฟอง
    เย็น - โยเกิร์ต 1 ถ้วย

    วันที่ 3
    เช้า - กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
    กลางวัน - เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ, หมู)
    เย็น - สับปะรด 1 ชิ้น

    วันที่ 4
    เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟและขนมปัง 1 แผ่น
    กลางวัน - สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
    เย็น - โยเกิร์ต 1 ถ้วย

    วันที่ 5
    เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
    กลางวัน - ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
    เย็น - สลัดผัก

    วันที่ 6
    เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
    กลางวัน - ปลานึ่ง หรือ ปลาเผาไม่จำกัด
    เย็น - นมสด 1 แก้ว

    วันที่ 7
    เช้า - ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1 ฟอง
    กลางวัน - เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ, หมู)
    เย็น - สับปะรด 1 ชิ้น


    สูตรนี้บางคนทำแล้วสามารถลดได้ถึง 9 กิโลกรัมใน 7 วันเลยนะคะ ลองเอาไปทำตามดู
    แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับภาวะร่างกายของคนเราด้วยนะคะ ถ้าหากน้ำหนักมากๆ เกิน 80 กิโลกรัมขึ้นไป หากทำตามสูตรนี้ได้ เชื่อว่าน่าจะลดได้ 9 กิโลแน่ๆ ค่ะ ใจแข็งพอรึเปล่าคะ


    วันที่ 1
    มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
    มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับผักต้ม
    มื้อเย็น : สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้

    วันที่ 2
    มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
    มื้อกลางวัน : สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้ กับสลัดผักเขียวและผลไม้
    มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

    วันที่ 3
    มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น
    มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และสลัดกับแครอท
    มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

    วันที่ 4
    มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
    มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้ม
    มื้อเย็น : ผลไม้และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ

    วันที่ 5
    มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
    มื้อกลางวัน : ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้ม
    มื้อเย็น : สเต็ก หรือเนื้อย่างไม่ติดมัน กับสลัดผักสดน้ำใส

    วันที่ 6
    มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
    มื้อกลางวัน : ไก่ย่างไม่ติดหนัง
    มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับแครอทต้ม

    วันที่ 7
    มื้อเช้า : กาแฟหรือชาบีบมะนาว แต่ไม่ใส่น้ำตาล
    มื้อกลางวัน : ผลไม้อะไรก็ได้ในปริมาณต้องการ
    มื้อเย็น : อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทาน ไม่จำกัดปริมาณ

    Ŵ
     
  13. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    ไอ้ที่โพสต์มานะหนูทิพย์ เจ๊รู้หมดแหละ แต่ขี้เกียจอ่ะ กลับถึงบ้าน นอนสวดมนต์ นอนสมาธิ ป๊อก หลับเฉยเลยหว่ะ เป็นงี้ทุกวัน

    มะมีซิ๊กแพ็คกะเขาหรอก มีวันแพ็ค หนาๆ นุ้ยๆ เอาไว้ให้ลูกกอดอุ่นๆ หนุนหัวลูกตอนดู casper แล้วเอาไว้ลอยตัวตอนว่ายน้ำอ่ะ ไม่มีก้อนนี้นะ โห...ชีวิตลำบาก เมื่อก่อนเคยเป็นผีดิบ ผอมแบบซอมบี้ แรงไม่มี โดนลมพัดแรงๆ เฮ้ย...ปลิวจริงๆ นะ มาตอนนี้ ฮะ ฮา..ตราช้างครับ อย่างหนา ลมมาไม่สะท้าน ยืนบังลมให้เพื่อนๆ ได้อีก แมนหว่ะ
     
  14. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    รู้ค่ะว่ารู้แล้ว แต่กอปรวมมเกบไว้อ่านค่ะ
     
  15. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ขออนุญาติก๊อปเก็บนะจร้า
    อนุโมทามิ
     
  16. ทิกเกอร์_ทิกเกอร์

    ทิกเกอร์_ทิกเกอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +914
    เรามาพยายามลดน้ำหนักด้วยกันนะ ...


    ไฟท์โตะ!!!~
     

แชร์หน้านี้

Loading...