เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981

    <table id="post2109912" class="tborder" border="0" align="center" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">[​IMG] 17-05-2009, 09:10 AM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #7922 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->JINTAWADEE<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2109912", true); </script>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 731
    Groans: 0
    Groaned at 4 Times in 4 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,918
    ได้รับอนุโมทนา 9,262 ครั้ง ใน 708 โพส
    พลังการให้คะแนน: 240 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2109912" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->สวัสดี ค่ะ จินตวดีได้รับงานให้ผ่านข้อความจาก ลิตเติ้ลดั๊ก มายังกระทุ้เขากระลาแห่งนี้ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยหากก่อให้เกิดการรบกวนแก่ท่าน

    CODE
    <o>:p
    ASTRO NEEMO AN 114
    LITTLE DUCK LD 411
    O.A.T OAT 433
    --------- --- 444 ผู้ได้เลขรหัสนี้ กรุณาติดต่อ ลิตเติ้ลดั๊กด่วน บุคคลสำคัญ<o>:p></o>:p>
    JAKSAWAT JJ 455
    --------- HO 477
    SUKUNYA SK 488
    --------- JP 499
    <o>:p
    รหัส ระดับอาวุโส
    <o>:p
    MOUNTAIN MP 478
    ---------- -- 678
    <o>:p
    <o>:p
    หากท่านใดมีคำถาม หรือข้อสงสัย ให้ติดต่อโดยตรงกับคุณลิตเติ้ลดั๊ก ผุ้ทำหน้าที่ แปลรหัส ส่วนจินตวดีทำงานแค่รับสาร-ส่งสาร เท่านั้น
    <o>:p></o>:p>
    ขอบคุณค่ะ<o>:p></o>:p><!-- google_ad_section_end --> </o></o></o></o></o>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย JINTAWADEE : 17-05-2009 เมื่อ 09:14 AM
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px 1px;"> [​IMG] [​IMG] <script type="text/javascript"> vbrep_register("2109912")</script> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 0px 1px 1px 0px;" align="right"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> </tr> </tbody></table>

    <table id="post1407481" class="tborder" border="0" align="center" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">[​IMG] 05-08-2008, 07:07 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #56 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Little Duck<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1407481", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: May 2008
    ข้อความ: 438
    Groans: 0
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 2,851
    ได้รับอนุโมทนา 7,904 ครั้ง ใน 435 โพส
    พลังการให้คะแนน: 63 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_1407481" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->;aa8 >> GO = G+O = 7+15 = 22 = V

    HAPPY BIRTHDAY KHUN KANANUN..

    HAPPY = 8+1+16+16+25 = 66 = 12 = 3
    BIRTHDAY = 2+9+18+20+8+4+1+25 = 87=15 = 6
    KHUN = 11+8+21+14 = 54 = 9
    KANANUN = 11+1+14+1+12+21+14 = 76 = 13 = 4

    3+6+9+4 = 22 = V

    V = VICTORY = ชัยชนะ
    GO = ผ่านพ้น, การบรรลุ..


    ขอนำพร แด่ อาจารย์ คณานันท์ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ขอให้มีชัยชนะ ผ่านพ้นอุปสรรค
    และ บรรลุผลในงานทั้งหลายทั้งปวงเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ ..

    ขออนุโมทนา ค่ะ


    Little Duck .. [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px 1px;"> [​IMG] [​IMG] <script type="text/javascript"> vbrep_register("1407481")</script> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 0px 1px 1px 0px;" align="right"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]</td></tr></tbody></table>


    ขออนุโมทนา และขอบคุณพี่จินต์อย่างมากที่ได้นำมาโพสตฺ์ให้ เนื่องจากเมื่อวานนี้ (22 /11/ 2009)

    มีข้อมูลมา และขณะนั้น มีภารกิจอื่นเข้ามาต้องรีบไปทำเช่้นกัน นึกพี่จินต์ทัืนที และพี่จินต์ก็โทรมาทันที..


    KK = 1111

    Number 1 = อันดับ 1, ยอดเยี่ยมที่สุด
    KK = 444 KANANUN No. 1 :cool:
    22 = V = Victory = 22+9+3+20+15+18+25= 112 = 4
    44 =DD = Doctor of Divinity = ปริญญาเอกทางศาสนศาสตร์บัณฑิต
    ซึ่งหมายถึง นักปฎิบัติธรรมชั้นเอก


    ขออนุโมทนาอย่างสูง ..


    แจ้งมาเพื่อทราบ

    LD411
    ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2009
  2. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    อ่านข้อความนี้ เลยนึกถึงอันนี้

    ความเชื่อในแง่ลบ-ความคิดในแง่ลบ-ประสบการณ์ชีวิตในแง่ลบ-กรรม<!-- google_ad_section_end -->



    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->สาระที่ถูกต้อง ที่พี่นักเขียนมักนำมากล่าวไว้ตามข้อมูลความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากท่านอาจารย์อนาลัย ซึ่งปรากฏในหนังสือหลายเล่มของท่านอาจารย์อนาลัยคือ:
    เธอไม่จำเป็นต้องพยายามเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติโลกอื่น มิติอื่น ชาติภพอื่น หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ เพราะการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะเป็นไปอยู่แล้วตลอดวันเวลาอย่างเป็นธรรมชาติ หากแต่ว่าสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้คือ การฝึกให้มีสติสัมปชัญญะที่คมชัด เพื่อที่จะติดตามรู้ตามเห็นว่า จิตวิญญาณของเธอเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะเมื่อไร อย่างไร และเผชิญกับประสบการณ์ใด

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้สอนว่า ให้เราหมั่นฝึกฝนที่จะมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดทั้งยามตื่น ยามหลับ ยามฝัน เพราะไม่ว่าร่างกายของเราจะหลับหรือตื่น จิตวิญญาณของเราก็ตื่นอยู่เสมอ จิตวิญญาณไม่เคยหลับ จิตวิญญาณไม่เคยหยุดใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด แม้ร่างกายของเราจะนอนหลับ-แต่ในความฝัน เรามีอารมณ์รัก อารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด หรืออารมณ์เมตตามากมาย ที่มักเป็นไปอย่างลุ่มลึกจนบ่อยครั้งเราตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอารมณ์นั้นๆที่ยังคงค้างอยู่ในสติสัมปชัญญะของเราไม่มากก็น้อยเสมอๆ

    ในความฝันเราเต็มไปด้วยจินตนาการกว้างไกล เกินขอบเขตของโลกทางกายภาพ ความฝันทำให้เราเผชิญกับประสบการณ์มากมายนอกกรอบอันจำกัดของโลกยามตื่น นอกจากนี้เรายังมีความรู้สึกนึกคิดที่แยบยลในความฝัน เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เราแก้ไม่ตกในยามตื่นได้ในความฝันด้วยซ้ำไป ความเป็นจริงอันเป็นธรรมชาติเหล่านี้ เป็นข้อพิสูจน์ที่น่าจะทำให้เราตระหนักได้ว่า สติสัมปชัญญะของเราดำเนินต่อไปในความฝันเสมอ ไปรู้เห็น ไปมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกในความฝัน ไม่น้อยกว่ายามตื่น

    ดังนั้นเมื่อท่านอาจารย์อนาลัยสอนว่า เราจะต้องฝึกฝนที่จะมีสติสัมปชัญญะที่คมชัด ท่านได้กล่าวครอบคลุมไว้ว่า ให้เราเริ่มต้นจากการสำรวจความเชื่อของตนเองเสมอ เพราะอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรามักคล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ เราสำรวจตนเองได้ไม่ยากว่า เมื่อใดที่เราตกอยู่ในความรู้สึกที่ไม่ดี กลัดกลุ้ม จมอยู่กับปัญหา ทุกข์ มองไม่เห็นทางแก้ไข มองโลกในแง่ร้าย มีอารมณ์ขุ่นมัว อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกของเรากำลังเป็นไปตามความเชื่อที่ผิด ที่ทำให้เราขาดสติที่จะตระหนักได้ว่า เราคือผู้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเอง สถานการณ์เลวร้ายทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ร้ายของตนเอง ก่อนหน้าที่เราจะเผชิญกับความเป็นจริงที่เลวร้ายทั้งหมด ดังนั้นการจะเอาตนเองออกจากสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่พึงปรารถนาได้นั้น ก็ทำได้ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อ ที่จะเหนี่ยวนำให้เรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ดีเกิดขึ้น

    การควบคุมความคิดเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เราจะไม่อาจควบคุมความคิดได้หากเราไม่เปลี่ยนความเชื่อที่ผิดเสียก่อน ตราบใดที่เราไม่สำรวจความเชื่อ หาความเชื่อที่ผิดไม่พบ จิตวิญญาณของเราก็จะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่คล้องจองกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดในแง่ลบเสมอๆ และเราก็จะไม่มีวันรู้ได้ว่าประสบการณ์ชีวิตที่ตกต่ำ หนี้สิน สุขภาพไม่ดี สัมพันธภาพอันเลวร้ายทั้งหลายมาจากไหน

    เรามักจะตามไม่ทันว่าความคิดและความรู้สึกที่ไม่ดีทั้งหมด ไม่ได้เกิดขึ้นภายหลังจากที่เราได้เผชิญกับประสบการณ์ชีวิตที่ไม่พึงปรารถนา หนี้สิน สุขภาพไม่ดี หรือสัมพันธภาพอันเลวร้าย ฯลฯ ในทางตรงกันข้าม ความคิดและความรู้สึกที่ไม่ดีเหล่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าประสบการณ์เลวร้ายทั้งหมด แต่เราขาดสติที่จะควบคุมความคิด และขาดสติที่จะติดตามความคิดของตนเองหรือหยุดยั้งมันได้ก่อนหน้าที่มันจะแปลงสภาวะจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเรา หากเราขาดสติที่จะติดตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของตนเอง เรามักจะโทษว่าปัญหาชีวิตและอุปสรรคทั้งหมด เกิดจากเหตุหรือปัจจัยที่อยู่ภายนอกตัวตนของเราเสมอ

    จุดเริ่มต้นของการฝึกตนเองให้มีสติสัมปชัญญะที่คมชัด จึงเกิดขึ้นได้ด้วยการสำรวจความเชื่อของตนเองเสมอๆ ท่านอาจารย์อนาลัยได้แนะนำว่า ให้เราตั้งคำถามกับตนเองเสมอๆว่า สิ่งที่เราเข้าใจว่าคือความรู้นั้น ใช่ความรู้ที่แท้จริงหรือเป็นเพียงความเชื่อในแง่ลบของตนเอง เพราะหากว่ามันคือความรู้ที่แท้จริง เราจะพบว่าเรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นแง่บวกเสมอ ความรู้ไม่เคยทำให้เราตกอยู่ในภาวะขุ่นมัว จมอยู่กับปัญหาจนหาทางออกไม่ได้ ความรู้ทำให้เรามีแสงสว่างแห่งปัญญาและมองเห็นทางออกหรือทางแก้ไขปัญหาได้เสมอ หากเราเชื่อว่าปัญหาทั้งหมดมาจากภายนอก มาจากสภาพเศรษฐกิจ มาจากบุคคลอื่่น มาจากสถานการณ์บ้านเมือง หรือมาจากสิ่งต่างๆที่เราควบคุมไม่ได้ เราควรจะถามตนเองว่า เหล่านี้คือความเป็นจริง-คือความรู้ หรือเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล

    ความเชื่อที่ผิดทำให้เราตกอยู่ในภาวะไร้พลังอำนาจ และทำให้เรารู้สึกว่าเราตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์เลวร้าย ตกเป็นเหยื่อของความไม่ชอบธรรมของผู้อื่น ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่เราไม่ต้องการ-แต่ควบคุมไม่ได้ ความเชื่อในทางที่ผิดมักทำให้เรามองข้ามจุดเริ่มต้นของความผิดทั้งหมด ที่เกิดขึ้นจากความเชื่อที่ผิดของตนเอง-ตามด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบ และผลลัพธ์ที่เราได้ก็คือ เราต้องเผชิญกับความเป็นจริงในแง่ลบที่คล้องจองกับความเชื่อของตนเอง

    หากเราสำรวจความเชื่อของตนเองได้เสมอๆจนเป็นนิสัย เราจะพบว่า เมื่อใดก็ตามที่เราพบว่าตนเองมีความเชื่อในแง่ลบผุดขึ้นมา เราจะหยุดมันได้ ทำให้เราสามารถหยุดอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อนั้นๆได้ก่อนหน้าที่เราจะสร้างแบบพิมพ์เขียวโลกแห่งความเป็นจริงอันไม่พึงปรารถนาขึ้นมาในจินตภาพ การเปลี่ยนความเชื่อ จะเปลี่ยนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราได้อย่างฉับพลัน ทำให้เรารู้จักสร้างแบบพิมพ์เขียวโลกแห่งความเป็นจริงอันพึงปรารถนาขึ้นมาแทนที่ในจินตภาพ และทำให้ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเราพลิกผันได้ในที่สุด

    เราเปลี่ยนความเชื่อ-เปลี่ยนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราได้มากเท่าไร
    ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเราก็พลิกผันได้เร็วขึ้นเท่านั้น

    ความเป็นไปในความฝันทำให้เราควรตระหนักได้ว่า แม้ว่าร่างกายของเราจะนอนหลับ และดูเสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่จิตวิญญาณของเราก็ทำกิจกรรมมากมายต่อไปไม่เคยหยุด และกิจกรรมของจิตวิญญาณอันเป็นจินตภาพในความฝันก็ล้วนเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่ง เพราะท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า มันคือแบบพิมพ์เขียวที่สร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงยามตื่นของเรา บ่อยครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกทางจินตภาพในความฝัน-มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดได้ ก็ต่อเมื่อเรารู้จักสำรวจความเชื่อ และเปลี่ยนความเชื่อในแง่ลบให้เป็นความเชื่อในแง่บวกได้เสมอ

    ความสำคัญของการควบคุมความคิดด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นสาระที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้เสมอๆ พี่นักเขียนขอคัดลอกจาก หนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ หน้า 33-34

    หากเธอทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าเธอจะรู้ว่า ความรู้สึกนึกคิดของเธอมีส่วนร่วมในการสร้างสถานการณ์ต่างๆให้เกิดขึ้นกับเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความอยากได้หรือไม่อยากได้ ความกลัวหรือความท้าทาย ความกังวลหรือความรอบคอบ ความรักหรือความเกลียด สุดแท้แต่เธอจะเรียกมัน ความรู้สึนึกคิดทุกลมหายใจของเธอแปลงสภาพกลายเป็นวัตถุธาตุและประสบการณ์ทุกอย่างในชีวิตของเธอ จินตนาการ-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเธอจึงเปรียบเสมือนวงมโหรีที่เธอแต่งเพลงขึ้น และบรรเลงชีวิตของเธออยู่ตลอดวันเวลาในแต่ละชาติภพ ความรู้สึกนึกคิดของเธอเป็นพลังงานที่ถูกส่งกระแสออกไปและไม่มีวันที่จะถูกดึงกลับคืนมาได้ ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าเธอจะนึกคิดสิ่งใด ความนึกคิดของเธอเป็นพลังงานที่จะแปลงสภาพเป็นวัตถุธาตุและความเป็นจริงในชาติภพใดชาติภพหนึ่งเสมอ ความรู้สึกนึกคิดที่ปราศจากสติ จึงเป็นดาบสองคมที่สร้างสรรค์และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอได้เสมอ

    จากหน้า 48-49
    มันอาจจะเป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเธอหากฉันจะบอกว่า การกระทำทั้งหลายนั้นเป็นการกระทำทางจิตหรือเป็นการกระทำของจิต สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นถูกสร้างขึ้นจากความรู้สึกนึกคิด ธรรมชาติความเป็นจริงทั้งหลายของเธอก็เกิดจากความรู้สึินึกคิดของเธอเอง และเธอก็เป็นผู้รับรู้วัตถุธาตุและประสบการณ์ทั้งหลายที่เธอสร้างขึ้น แต่เธอไม่เข้าใจถึงที่มาและสัมพันธภาพของความรู้สึกนึกคิดของเธอเองกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอรวมทั้งตัวตนของเธอเองด้วย

    คุณสมบัติของสรรพสิ่งทั้งหลายอันเกิดจากความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ เป็นคุณลักษณะจำเพาะของจิตวิญญาณ ในโลกมนุษย์และโลกอื่นๆที่เป็นกายภาพ-ความรู้สึกนึกคิดสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายที่เป็นกายภาพขึ้น แต่ในโลกอื่นๆที่แตกต่างไปจากโลกของเธอนั้น สรรพสิ่งถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีการที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง โลกบางโลกก็ปราศจากสรรพสิ่งทั้งหลายที่เป็นกายภาพ

    จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
    สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายขึ้นในแต่ละวัน
    จากความรู้สึกนึกคิดและความคาดหวัง

    หน้า 154-155
    ปัจจุบันไม่ใช่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต นอกเสียจากเธอจะเชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น หากเธอรู้และเข้าใจในอำนาจแห่งปัจจุบันอย่างแท้จริง เธอจะตระหนักว่า ความคิดและการกระทำในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอดีต-ความเชื่อในอดีต ตลอดจนการตอบสนองทั้งหมดในอดีตด้วย ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เธอเปลี่ยนความเชื่อ เธอก็พลิกผันประสบการณ์ในอดีตของเธอทั้งหมด อนาคตหรือเส้ทางแห่งความเป็นไปได้ในอนาคตของเธอก็พลิกผันไปตามความเชื่อของเธอเช่นกัน

    ความเช่ื่อของเธอในปัจจุบันนี้ กำหนดทิศทางให้กับตัวตนทั้งหมดในทุกชาติภพ และจัดการกับประสบการณ์ในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตพร้อมกันหมด เพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อนี้

    การมองย้อนอดีตกลับไปหาต้นกำเนิดของปัญหาในปัจจุบัน มักทำให้เธอค้นหาสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต มันทำให้เธอค้นหาต้นกำเนิดของอนาคตที่สดสวยไม่พบ เมื่อเธอจดจ่อคิดคำนึงถึงแต่อดีตอันล้มเหลวหรือทุกข์ระทม เธอจะไม่สามารถดึงดูดและถ่ายทอดความสำเร็จและความสุขไปสู่อนาคตของเธอได้ การจดจ่อคิดคำนึงถึงอดีตและต้นเหตุของปัญหา เป็นการสร้างโครงสร้างของอนาคต และทำให้ปัญหาที่มีอยู่นั้นมีความแข็งแกร่งที่จะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต


    สรุปได้ว่า : ท่านอาจารย์อนาลัยสอนให้เราฝึกฝนให้มีสติสัมปชัญญะที่คมชัดเพื่อใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อในแง่บวก ความเชื่อที่ถูกต้องหรือความรู้ เพื่อสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของตนเอง ที่จะทำให้เราได้มี-ได้เป็น-ได้ทำสมความปรารถนา

    แต่ก็มีหลายคนที่เมื่อเรียนรู้ว่าความเชื่อในปัจจุบันคือพลังอำนาจที่ทำให้ชีวิตของเราเป็นไป และตระหนักได้ว่าอำนาจแห่งปัจจุบัน หรืออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่บวกในปัจจุบัน สามารถทำให้เราแก้ไขอดีตและอนาคตของเราได้ แต่เข้าใจความหมายเหล่านี้ผิดเพี้ยนไปว่า ท่านอาจารย์อนาลัยสอนไม่ให้เชื่อเรื่องกรรม หรือสอนว่ากรรมไม่มีจริง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วท่านกล่าวว่า สิ่งที่เราเรียกว่ากรรม หรือบาป หรือโทษ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อที่ผิด ซึ่งยังไม่เปลี่ยนเป็นความรู้

    กรรมดีหมายถึงความรู้สึกนึิกคิดในแง่บวกที่คล้อยตามความเชื่อที่ถูกต้องหรือความรู้
    กรรมชั่วหมายถึงความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบที่คล้อยตามความเชื่อที่ผิด


    ทั้งกรรมดีกรรมชั่วเหนี่ยวนำประสบการณ์ชีวิตที่คล้องจอง
    จากเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสมอ

    เมื่อจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป-พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน ทุกชาติภพ ทุกมิติ ทุกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ หมายความว่าความคิดและการกระทำทั้งหมดของเราส่งผลกระทบต่อทุกชีวิต ทุกชาติภพ ทุกมิติ ทุกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้-อย่างเป็นปัจจุบันทันด่วน ผู้ที่คิดดี-ทำดี-ย่อมได้รับผลจากกรรมดี-อย่างเป็นปัจจุบันทันด่วน และในทางตรงกันข้าม ผู้ที่คิดไม่ดี-ทำไม่ดี-ย่อมได้รับผลจากกรรมไม่ดี-อย่างเป็นปัจจุบันทันด่วนด้วยเช่นกัน โดยไม่ต้องมีการคอยรับรางวัลหรือรับโทษในชาติภพหน้า

    เมื่อท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่าเราไม่ได้ถือกำเนิดมาเพื่อรับโทษกรรมหรือบาปที่เราเคยกระทำในชาติภพก่อน ชีวิตก่อน ก็เพราะท่านกล่าวว่า อดีต-ปัจจุบัน-อนาคตมีอยู่เป็นอยู่ดำเนินไปพร้อมกันเป็นปัจจุบัน แต่ท่านก็ไม่ได้หมายความว่าผลของการทำชั่ว-ไม่มี หรือผลของการทำดี-ไม่มี

    ในทางตรงกันข้ามท่านกล่าวว่า ผลของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบที่คล้อยตามความเชื่อในทางที่ผิด ส่งผลกระทบต่อทุกตัวตน ทุกชีวิต ทุกชาติภพ ทุกมิติ เสมือนน้ำฝนที่กระทบยอดเขาและซึมลงไปสู่ชั้นหินต่างๆที่เปรียบเสมือนชาติภพต่างๆที่ปรากฏอยู่รวมกันเป็นภูเขาทั้งลูก และภูเขาทั้งลูกเปรียบเสมือนตัวตนรวมของเรา ซึ่งต้องมีอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตอยู่พร้อมกันหมด มิฉะนั้นภูเขาจะเป็นภูเขาอยู่ไม่ได้หากปราศจากชั้นหินเก่าแก่ ที่เปรียบเสมือนอดีตชาติ และชั้นหินใหม่ๆที่เปรียบได้กับปัจจุบันและอนาคตชาติ ซึ่งต้องมีอยู่พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน (จากหนังสือ? โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ)

    จากหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา หน้า 72-73
    เธอควรจะตระหนักว่า ประสบการณ์ทางกายภาพและสภาพแวดล้อมของเธอ คือผลลัพธ์ของความเชื่อที่แปลงสภาวะเป็นวัตถุธาตุ-ประสบการณ์ตลอดจนร่างกายเนื้อหนังของเธอ ดังนั้น-หากประสบการณ์ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความสมบูรณ์พูนสุข มีสุขภาพดี เธอทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ใบหน้าของเธอและผู้คนที่เธอพบปะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอสามารถรับเอาได้โดยปริยายว่า ความเชื่อของเธอเป็นไปในทิศทางที่ให้ผลกำไรกับเธอ

    แต่ถ้าหากประสบการณ์ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความยากลำบาก สุขภาพไม่ดี การงานของเธอไร้ความหมาย ชีวิตของเธอขาดความมั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุข โลกของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ความเลวร้าย เธอสามารถรับเอาได้โดยปริยายว่า ความเชื่อของเธอเป็นไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง มันถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะเริ่มสำรวจตรวจสอบอารมณ์-ความรู้สึกนึกคิดและความเชื่อของเธอ เธอมีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ชีวิต-<!-- google_ad_section_end -->

    http://palungjit.org/752815-post2254.html
     
  3. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    พี่นักเขียน มักสอนและย้ำเสมอ ให้ทบทวนแลพิจารณาความเชื่อของตนเอง
    เมื่อใดที่เกิด ความรู้สึกในแง่ลบ แสดงว่ามีความเชื่ออะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น
    จากสถานการณ์รอบตัว สิ่งที่เข้ามากระทบ

    การกดทับพลังงานในแง่ลบ ไม่ได้เป็นผลดี และไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา
    การปล่อยให้พลังงานด้านลบเข้าควบคุมสติ ก็จะเกิดพลังงานของการทำลายล้าง
    แต่เราสามารถแปรเปลี่ยนพลังทำลายล้างนี้ให้กลับกลายเป็นพลังงานที่สร้างสรรได้
    สร้างสรรชีวิต สร้างสรรผลงาน การวาดรูป ร้องเพลง งานศิลปะ_ฯลฯ
    เป็นการปรับเปลี่ยนพลังทำลายล้างเหล่านี้ ไปในแง่ของการสร้างสรร

    ถ้าพลังทำลายล้างมีกำลังมหาศาลเท่าใด พลังสร้างสรรก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น

    เรามักพิจารณาคนอื่นๆว่าเค้าเป็นไง แต่เราลืมไปเสมอว่า เค้าเป็นแค่กระจกส่องเรา
    เมื่อเรามีความสุข เราก็มองเห็นคนอื่นมีความสุข และสวยสดงดงามไปหมด
    และมองข้ามข้อเสียของเค้าไป
    แต่เมื่อไหร่มี ความรู้สึกไม่ดีต่อคนอื่น เราจะเห็นข้อไม่ดีในตัวผู้อื่น
    ซึ่งมันคือข้อไม่ดีของเรานั่นเอง
    และนั่นหมายความว่า เราต้องย้อนกลับมาพิจารณา ตัวเราแทนไม่ใช่ไปพิจารณาเค้า

    เราต้องไม่ใช้ความพยายาม ที่จะมองโลกให้ดี คิดให้ดี พูดให้ดี หรือต้องเป็นคนดี
    เราแค่ยอมรับความจริง กับสิ่งที่เราคิด พูด ทำ เราก็จะรู้จักตัวตนจริงๆของเราเอง
    เมื่อรู้แล้ว มันก็จะปรับเปลี่ยนเข้าสู่ธรรมชาติที่แท้จริง อย่างไม่เสแสร้ง

    เมื่อเราเชื่อว่าใครเป็นอย่างไร เค้าก็จะเป็นอย่างนั้น ในสายตาเรา
    เมื่อเราคิดว่าคนอื่นโกหก นั่นหมายความว่าเราก็เป็นคนโกหก
    เมื่อเราคิดว่าผู้อื่นทรยศ-หักหลัง เราก็เป็นคนทรยศ-หักหลัง ด้วย
    เมื่อเราเกลียดใคร เค้าก็เกลียดเรา

    ถ้าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ขาด อยาก
    เพราะเราคิดแต่จะเอา

    แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมเรา มีแต่การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พรั่งพร้อม สมบูรณ์ และมั่งคั่ง
    เพราะเราคิดแต่จะให้...นั่นเอง
    เมื่อเราคิดว่าคนอื่นน่ายกย่องนับถือ เราคือผู้ควรค่าแก่การนับถือ

    และเมื่อเรารักใคร เค้าก็รักเราเช่นกัน ...[​IMG]

    เราจะเลือกอะไร ระหว่างพลังที่สร้างสรร หรือพลังทำลายล้าง
    ขึ้นอยู่กับเราแต่เพียงผู้เดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2009
  4. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    *0* ตั้งแต่เห็นโพสต์ของคุณเดรดมา โซ่ชอบโพสต์นี้(#8476)ที่สุดเลย เยี่ยมไปเลยค่ะ

    ปล.ขอแอบมาก่อกวนบอร์ดนี้บ้างนะคะ *0*
     
  5. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    ชอบความหมายของการอธิบายอุปาทานของพี่นักเขียนที่คุณmead ยกขึ้นมากล่าวมากค่ะ ทำให้ตระหนักว่าไม่ว่าเสียงใดจะดังขึ้นในใจ ขอให้เราเงี่ยหูฟังแล้วใช้สติกำกับเสียงในใจเรา

    สำหรับตัวเองแล้วยังชอบสุขสนุกอยู่ แล้วได้พิจารณาแบบเข้าข้างตัวเองแล้วว่าเราเกิดมาเพื่อแสวงหาประสบการณ์และการสร้างสรรค์ด้วยเจตน์จำนงเสรี เพราะจักรวาลคือการสร้างสรรค์ จึงเลือกแสวงหาแต่ประสบการณ์เปี่ยมสุข สร้างสรรค์และด้วยความรัก จริงจริ้งค่ะ

    ชีวิตจึงสุขล่วงหน้าก่อนอีกค่ะ

    มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ วันนี้คุยกับเพื่อนที่อ่านหนังสือแนวเดอะ ซีเคร็ตแล้วอะไรทำนองนี้แบบกว้านซื้อยกแผง ก่อนหน้านี้หลายปีก่อนเคยคุยเรื่องนี้กับเขา ตอนนั้นเมื่อสิบปีที่แล้วมีหนังสือทำนองนี้ออกมาหลายเล่มแต่เขาไม่เคยอ่านแม้จะแนะนำให้อ่าน

    จนวันนี้เขาอ่านแล้วทุกเล่มที่ออกมาในช่วงสามสี่ปีนี้ ปัญหาคือเขาไม่เชื่อว่ามันทำได้ หลังจากได้ลองทำแล้วทุกอย่าง รวมถึงการไปนั่งสมาธิที่สำนักสงฆ์แถวเมืองชลตามนักเขียนท่านหนึ่ง เรียกง่ายๆว่าทำทุกอย่างแล้ว วันนี้มีโอกาสได้ไปคุยกันแล้วพูดคุยถึงเรื่องนี้ เขาหมดศรัทธา เขาบอกคิดและทำอย่างที่บอก ทำบอร์ดเพื่อดูความปรารถนาทุกวัน คิดบวก คิดดีก็แล้วยังไม่วี่แวว

    ริสาเลยสอบถามเขา ก็สอบถามแบบงูๆปลาๆ ความรู้ตื้นเขิน ถามว่าเธอปรารถนาอะไร เขาว่าทำธุรกิจตอนนี้แย่มาก วิ่งไปต่างประเทศแล้วออร์เดอร์ก็ยังไม่เข้าเป้า รายได้น้อยแบบนี้อาจต้องเลิกกิจการ ภาระเขาก็มาก(ลูกเขาอยู่ในภาวะสมองไม่พัฒนา) เขามองเห็นแต่ความฝัน อยากแบบนั้นแบบนี้แต่ที่ยังป็นเช่นนี้สรุปว่าคงเพราะเขามีกรรม

    เราเลยบอกว่าลองหยุดความอยากเธอสิ วิธีการหยุดความอยากเริ่มต้นด้วยการพิจารณาสิ่งที่เธอต้องการจริงๆจังๆสิว่าเธอต้องการอะไร จงระบุอย่างชัดเจนแล้วปล่อยมันให้เป็นหน้าที่ของจักรวาลเถอะ แล้วฉลองล่วงหน้ากับสิ่งที่ได้ล่วงหน้าก่อน จงคิดว่านี่คือโลกอันไร้ขอบเขตในทุกสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับเธอและอย่างไม่มีตรรกะและเหตุผล มันเป็นของมันเช่นนั้น ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เธอปรารถนา เหมือนเรื่องคนถูกล๊อตเตอรี่ มันดูแทบเป็นไปไม่ได้เลยในคนหลายๆสิบล้านที่ซื้อจะถูกที่คนๆนี้ เพราะคิดด้วยเหตุผลเธอจึงไม่ถูกเสียตั้งแต่ยังไม่ซื้อ

    จงสุขกับชีวิตและสูดลมหายใจเข้าด้วยความรักอันไร้เงื่อนไข
    แนะนำให้เขามาอ่านกระทู้นี้ หวังว่าเพื่อนอ่านข้อความบางตอนที่ตัดมาจากหนังสือโนวา อนาลัย เพื่อนจะได้พบกุญแจไขปริศนาแห่งความเป็นเธอที่เกิดมางดงามและมีค่า เธอไม่ได้บังเอิญเกิดมาด้วยกรรม หากแต่เธอเกิดมาจากความรักนะจ๊ะ
     
  6. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน ตามอ่านแทบไม่ทัน
    ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ

    รูป avatar ของคุณ matdred และ คุณ meadonhand ก็เปลี่ยนแปลงไป
    ชอบทั้งสองรูปเลย

    ข้อความของพี่นักเขียน อ่านอีกที ก็ได้อะไรๆกลับไปทุกที ขอบคุณ messenger ครับ

    เรื่องรูปสัตว์เลี้ยง เคยเอามาโชว์แล้ว เหลือแต่คุณหงบ เฮ้อ..รอดตัวไป อิอิ..

    รออ่าน part2 จากคุณริสานะครับ
    เป็นประสบการณ์ ที่น่าติดตามจริงๆ

    ทุกอย่างต้องใช้สติพิจารณาความเชื่ออยู่เรื่อยๆจริงๆ ว่าเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลหรือเปล่า
    ความเชื่อส่วนบุคคล ก็ช่วยกันสร้างความเชื่อของสังคม
    หากเราไม่ใช้สติ และปัญญา พิจารณา เราก็จะรับเอาความเชื่อของสังคม มาสร้างความเป็นจริงในชีวิตเราได้เช่นกัน
    และหากเราไม่พิจารณาความเชื่อของเรา เราก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อของสังคมเช่นกัน

    มีประสบการณ์มาแชร์ ในเรื่องมุมมอง ในเรื่องเดียวกัน ของเพื่อน 2 คน
    แอบเอามานินทารึเปล่าหว่า เอิ๊กๆ ขออภัยไว้ล่วงหน้า เป็นวิทยาทานละกันนะเพื่อนๆ

    เพื่อนคนนึง มีภรรยาเป็นโรคหัวใจ แต่ทั้งคู่อยากมีลูกมาก ก็เลยไปปรึกษาหมอ
    หมอบอกว่า ให้มีก่อน แล้วค่อยผ่าตัดหัวใจ ไม่งั้นจะเสี่ยงมาก
    ทั้งคู่เลยตัดสินใจที่จะมี
    โดยไม่ได้คิดไปในแนวทางเลวร้ายว่า ลูกจะผิดปกติ หรือเป็นอะไรหรือไม่ และภรรยาจะเป็นอะไรหรือไม่จากการมีบุตร
    แล้วทั้งคู่ก็มีลูกออกมา สมบูรณ์แข็งแรงดีทุกประการ ตัวภรรยาก็ไม่เป็นอะไร

    อีกครอบครัวนึง สุขภาพแข็งแรง ไม่เคยเป็นอะไร
    วันนึงตัดสินใจมีบุตร
    ตอนนี้ก็กำลังท้องอยู่ แต่แนวความคิด ค่อนไปทางลบ โดยกลัวว่า ลูกที่เกิดมาจะไม่สบาย ลูกที่เกิดมาจะไม่ครบ 32
    และเค้าก็เล่าให้ฟังว่า เพราะเห็นญาติสนิทคนนึง เค้ามีความพร้อมทุกอย่าง
    แต่ลูกคนที่สองเกิดมา เป็นโรคหัวใจไม่สมบูรณ์ และเค้าก็เห็นภาพว่า ตัวแม่เด็ก รู้สึกสงสารลูกทุกครั้ง ที่หมอเอาเข็มจิ้ม และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด
    หมอก็บอกให้ทำใจ ว่าเค้าอาจจะอยู่กับเราได้ไม่นาน
    เพื่อนก็เลยกลัวว่า ลูกเค้าถ้าคลอดออกมา จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดแบบนี้มั๊ย แล้วถ้าเกิดขึ้นมาแล้ว เค้าจะทำยังไง
    ก็เลยพูดคุย และเล่าให้เค้าฟัง ถึงเรื่องเพื่อนอีกคน ที่ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งๆที่ภายนอกดูแล้ว มีความเสี่ยง เพื่อให้เห็นว่า
    ปัญหา และประสบการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดนั้น ก็เริ่มจากการแนวความคิดของเรา ณ ปัจจุบันแล้ว
    ตอนนี้ สุขภาพจิตก็ดีขึ้น และ baby ที่จะเกิดมา ต้องมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์อย่างที่หวังแน่นอน

    [​IMG]
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    Power of NOW:cool:
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    พวกเรายินดีให้ก่อกวนอย่างยิ่งครับ
    จะได้มีลำแสงใหม่ๆมาส่องกันให้สว่างไสวยิ่งขึ้นไงครับ อิอิ
    โพสคุณเดรดยอดเยี่ยมจริงๆ เรื่องจากพี่นักเขียนฯและกระจกส่องเราเป็นธรรมะที่ใกล้ตัวมากๆอย่างที่คุณสงบบอกครับ เหมือนเรามองผ่าน"กระจกความเชื่อ"ของตัวเอง จะเห็นสิ่งใดขุ่นจะมัวหรือขัดเจนเป็นธรรมชาติ ก็เกิดจากความเชื่อของเราทั้งสิ้นครับ

    ความเชื่อทิศทางหนึ่งๆอาจเสมือนทุ่งกว้าง
    ความเชื่อหรือทัศนคติอีกทิศทางหนึ่งก็อาจเสมือนถ้ำ

    จากความรู้สึกนึกคิดสู่ความเชื่อ จากความคิดสู่การกระทำ นำไปสู่ประสบการณ์ชีวิต
    พี่นักเขียนฯถึงย้ำพวกเราบ่อยๆว่าเราต้องสำรวจความเชื่อของตนเองเสมอๆ หากรู้สึกเป็นลบก็"หยุด"ก่อนที่ความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้นจะนำพาประสบการณ์เลวร้ายมาสู่.. เมื่อค้นพบที่มาของความเชื่อผิดๆเหล่านี้แล้ว ก็พลิกผันความเชื่อนี้ให้เป็นบวก โดยการขยายคลื่นที่พร้อมด้วยสติปัญญากับความรักให้แรงกว่าเดิมเพื่อเบี่ยงเบนความเชื่อที่เป็นลบนะครับ แล้วจะพบว่าในทุกๆจุดของความเชื่อก็ล้วนเต็มไปด้วยความรู้ที่เราเก็บเกี่ยวได้เสมอๆ ดีที่นำมาทบทวนกันครับ
    โทรหาพี่เค้าบ่อยๆมีอะไรดีๆก็นำมาแชร์อีกนะครับคุณเดรด :VO
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2009
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    จักรวาลคือการสร้างสรรค์จริงๆครับ เมื่อเราส่งความปรารถนาออกไปก็จะได้รับกลับคืนมานะครับ
    การใช้ชีวิตที่สุขและสนุกแบบคุณริสาก็มีทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ที่อ่านแล้วรู้สึกสนุกไปด้วยเลยครับ อิอิ

    ส่วนใหญ่คนเรามักโทษกรรมอยู่บ่อยๆ แต่มารู้ความจริงทีหลังว่าความเชื่อและการกระทำของเราในปัจจุบันนี้ต่างหาก ที่สามารถกำหนดทิศทางให้กับตัวตนทั้งหมดในทุกภพชาติได้ รวมทั้งจัดการหรือพลิกผันประสบการณ์ในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตได้พร้อมๆกัน ด้วยพลังจากความเชื่อในแง่บวกและพลังความรู้ตามธรรมชาติ มีพลังยิ่งกว่าการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ครับ

    หนังสือ THE SECRET หรือหนังสือในแนวนี้ก็มีผลลัพท์ที่เป็นจริงได้ครับถ้าเข้าใจในกฎของแรงดึงดูดในมิติทางพลังงาน คุณริสาใช้ได้ผลเพราะเข้าใจจนหมดเปลือก ความลับมันอยู่ตรงนี้เองครับ
    และที่ Power Of Now ได้ผลก็เพราะจิตวิญญาณดำเนินไปในมิติที่ปราศจาก ช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลานั่นเองครับ


    ( เห็นคุณเซลล์ ยกตัวอย่างครอบครัวเพื่อนๆมาให้อ่านกัน ป่านี้คงนั่งสะดุ้งกันอยุ่ อิอิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2009
  10. kaga

    kaga สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +15
    ชอบคำนี้มากค่ะเฮีย mead
    จาก "อิสระแห่งความปรารถนา" ของท่านโนวา

    ....."การยอมรับตนเองอย่างแท้จริง เป็นการยอมรับร่างกาย
    จิตใจ และจิตวิญญาณของตนเอง เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อชีวภาพ
    และแสดงให้เห็นถึงการชื่นชมในเกียรติศักดิ์ของการเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง"
    ........

    ....."บุคคลที่กล่าวว่า "ฉันเกลียด.... "
    อย่างน้อยก็แสดงถึงความสามารถที่จะเกลียด
    แต่บุคคลที่กล่าวว่า "ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเกลียด..."
    เป็นบุคคลที่ไม่ยอมเผชิญกับการเป็นบุคคลหรือตัวตนจำเพาะ"..


    ..มันโดน...

    ..มีแต่รู้ กับยังไม่รู้ เท่านั้น...
     
  11. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ขอบคุณคุณ Mead ค่ะ *0*

    555 ถ้าโซ่หรือใครก็ตาม เป็น ทำ มี ทุกอย่างเหมือนคุณสงบ ก็ไม่ได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างน่ะซิคะ ไม่แตกต่าง การวิวัฒน์ก็เป็นไปไม่ได้ การรับรู้ประสบการณ์ของจิตเดิมแท้ก็ไม่เกิด ดังนั้นจะเห็นว่า ความไม่เท่ากัน ไม่เสมอกัน ความแตกต่าง มีความสำคัญมากทีเดียว เป็นการดีมากเลยค่ะ ที่เราแตกต่างกัน *0*



    โดนด้วยคนค่ะ แล้วสรุปไปที่คำว่า "อย่างไม่เสแสร้ง" *0*
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2009
  12. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    [​IMG]
     
  13. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    โพสต์ของคุณโซ่ แต่ละอัน ก็น่าสนใจใช่น้อย จริงจัยดี...ชอบค่ะ

    เมื่อสองคืนที่แล้วมีฝัน ว่ามีการรวมทีมในห้องวิทย์(วันนี้เฉลยแระสมาชิกเต็มเลย)
    เพื่อไปเที่ยวผจญภัยอะไรซักอย่าง ต้องค้างคืน1คืน
    แต่ข้าพเจ้าวุ่นวายกับการ จัดกระเป๋ามากมาย แล้วมานึกได้ว่า
    เออ...ไปแค่คืนเดียวจะเตรียมอะไรหนักหนา
    มันเป็นแค่นิสัยส่วนตัวหน่ะค่ะ ที่ให้ความสำคัญมันไปหมดทุกเรื่องนั่นเอง
    คือทำไร ก็มักจะทุ่มเท...จนบางที เกินเหตุ อิอิ

    งั้น.....ขอเป็นทางการหน่อยละกันนะคะ

    ยินดีต้อนรับ คุณโซ่ ,คุณkaga
    และสมาชิกทั้งเก่าและใหม่ทุกท่าน
    เข้าสู่ห้องวิทย์ฯค่า...

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2009
  14. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ไม่ค่อยได้โทรบ่อยหรอกค่ะ ตั้งแต่พี่เค้ากลับมาโทรคุยกันแค่ สามสี่ครั้งเอง

    ปกติ ถ้าคิดถึง เดรดใช้ฝันเอา...ซึ่งข้าพเจ้าก็รู้เรื่องอยู่คนเดียว...555

    ที่โพสต์ๆ ก็เก็บเล็กผสมน้อย จากเพื่อนๆที่นี่แหล่ะค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ
     
  15. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ซาบซึ้ง และขอบคุณคุณเดรดมากๆค่ะ *0*
     
  16. kaga

    kaga สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอบพระคุณที่ต้อนรับ..

    จริงๆ แล้วแอบเข้ามาอ่านเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เม้นท์สักที..
    วันนี้ชอบ หลงรักตัวหนังสือของ kindred *8465
    ก็เลย อดใจไว้ไม่ไหว..เข้ามาเม้นท์ด้วย
    ขออนุญาตเกาะก๊วนนี้ไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ ..
    เพราะยังตามอ่านไม่ทันอ้ะ..
    ณ ขณะเดียวกันก็ยังตามอ่าน ผลงานของ ป้านักเขียนไม่จบด้วย
    หลายมือจริงๆ เล๊ยเรา.. 5555
    ...............................

    ชื่นชมคุณๆ อยู่ทุกขณะจิต..นะ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2009
  17. kung

    kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +770
    แวะมารับสาสน์ครับ ขออนุญาติก็อปไปอ่าน เพราะตอนนี้ต้องเป็น
    เสือปืนไว ข้ามา ข้าก็อป ข้ากลับ ฮิฺฮิ

    avatar ชุดใหม่ของ คุณมี้ด และ คุณเดรด สวยมากครับ โดยเฉพาะ
    ของคุณ ทรินิตี้เดรด ชอบครับชอบ

    :cool:
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>mead* kung</TD></TR></TBODY></TABLE>

    คว้าตัว "เสือกุ้งปืนไว" ไว้ได้ทัน
    ทีหลังจะก๊อปต้องยกเครื่องถ่ายเอกสารมาด้วยครับจะได้ไวหน่อย อิอิ

    พูดถึง avatar ของแต่ล่ะท่านนี่ก็ดูสะท้อนความเชื่อของพวกเราได้เหมือนกันนะครับ
    อย่าง avatar รูปต้นไม้ของคุณกุ้งก็ดูเป็นพลังที่สมดุลย์ ขยายและสร้างสรรค์เสมอ
    ถึงแม้จะโดดเดี่ยวไปนิดก็ตาม
    พอเหลือบไปมองแววตาสีฟ้าๆของเอฟล์หรือของคุณโซ่ทีไร ก็รู้สึกถึงพลังเย็นๆในอีกมิติหนึ่ง
    เหมือนเข้าไปท่องแดนมิดเดิลเอิร์ธเลยครับ มันเย็นใสราวกับมีมนต์สะกด
    ของ ทรีนิตี้เดรด ก็เด็ดเดี่ยว เข้มข้น ซ่อนความอ่อนไหว (ออกแนว Action Drama อิอิ )
    พร้อมด้วยพลังที่ล้นเหลือ..มีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ จริงป่ะคับ...
    โลกและมือของคุณเซลล์ ก็ดูอบอุ่นกว้างใหญ่หลายมิติ ละเอียดละออมีเงื่อนงำ ออกแนวอ่านใจยากนิดๆ 555
    ของคุณสงบก็มีพลังแห่งศรัทธา รักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความงดงามบริสุทธิ์ ฯลฯ
    พระอาทิตย์ของคุณ falkman ก็ดูอารมณ์ดี๊ดี ยิ้มแฉ่งได้เสมอเลย แม้สถานการณ์จะขับขัน อิอิ
    ดูแบบสนุกๆครับอย่าคิดไปไกลเน้ออออ ***

    และขอค้อนรับ เอิ๊ย ต้อนรับคุณโช่ และคุณน้อง Kaga สู่ห้องวิทย์ด้วยครับ
    มีอะไรก็มาพูดคุยแบ่งปันกันบ้างนะครับ ห้องวิทย์นี้ก็เสมือนโต๊ะกลมๆที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดครับ

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.770980/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2009
  19. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    กระทู้นี้คึกคักจัง เข้ามาอ่านที่ไรอบอุ่นทุกครั้งเลยครับ อิอิอิ

    oishi_
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    [​IMG]

    มรณานุสติจากโอวาทของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Macintosh - Pixar
    : Stay Hnugry , Stay Foolish

    โอวาทที่ Steve Jobs ผู้สร้าง Macintosh แสดงในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้แก่บัณฑิตจบใหม่ในวันนั้น แต่ยังรวมไปถึงโลกคอมพิวเตอร์ที่ Silicon Valleyและยังคงได้รับการชื่นชมและกล่าวขวัญไปทั่วโลกจนถึงวันนี้

    สุนทรพจน์วันนั้น Jobs เพียงแต่เล่าถึงบทเรียนในชีวิตของเขา 3 บท แต่เป็น 3 บทที่ทำให้เขาซึ่งแม้แต่แม่ที่แท้จริงก็ไม่ต้องการ กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

    บทเรียนบทแรกของ Jobsซึ่งเขาเรียกมันว่าการลากเส้นต่อจุดเริ่มต้นด้วยการเล่าว่า ตัวเขาเองไม่เคยเรียนจบมหาวิทยาลัย เพราะได้ลาออกหลังจากเรียนในมหาวิทยาลัย Reed Collegeไปได้เพียง 6 เดือน ส่วนเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนั้น Jobs กล่าวว่า มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เขายังไม่เกิด

    แม่ที่แท้จริงของเขาซึ่งเป็นนักศึกษาสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ต้องการเลี้ยงดูเขา และตัดสินใจยกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นตั้งแต่เขายังไม่ลืมตาดูโลก แต่เธอมีเงื่อนไขว่า พ่อแม่บุญธรรมของลูกของเธอจะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย Jobs เกือบจะได้เป็นลูกบุญธรรมของนักกฎหมายที่จบมหาวิทยาลัยและมีฐานะ ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายว่า พวกเขาไม่ต้องการเด็กผู้ชาย

    กว่า Jobs จะได้พ่อแม่บุญธรรม ซึ่งต่อมาเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ ก็อีกหลายเดือนหลังจากเขาเกิด เนื่องจากแม่ที่แท้จริงของเขาเกิดจับได้ว่า ว่าที่พ่อแม่บุญธรรมของ Jobs ได้ปิดบังระดับการศึกษาที่แท้จริงซึ่งไม่ได้จบมหาวิทยาลัย และพ่อบุญธรรมของ Jobs ไม่ได้เรียนมัธยมด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอก็ได้ยอมเซ็นยก Jobs ให้แก่พ่อแม่บุญธรรม เมื่อพวกเขารับปากว่าจะส่งเสียให้ Jobs ได้เรียนมหาวิทยาลัย

    17
    ปีต่อมา Jobs ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสมตามความต้องการของแม่ที่แท้จริง ผู้ไม่เคยเลี้ยงดูเขาแต่กลับต้องการกำหนดชะตาชีวิตของลูกที่ตนไม่เคยเลี้ยงดู เพียง 6 เดือนในมหาวิทยาลัย Jobs ใช้เงินเก็บที่พ่อแม่บุญธรรมซึ่งเป็นเพียงชนชั้นแรงงานได้สะสมมาตลอดชีวิต หมดไปกับค่าเล่าเรียนที่แสนแพง Jobs ตัดสินใจลาออก เพราะเขามองไม่เห็นคุณค่าของการเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่สามารถช่วยให้เขาคิดได้ว่า เขาต้องการจะทำอะไรในชีวิต

    แม้ว่าตอนนี้เมื่อมองกลับไปเขาจะรู้สึกว่า การตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา เพราะการลาออกทำให้เขาไม่ต้องฝืนเข้าเรียนในวิชาปกติที่บังคับเรียนซึ่งเขาไม่เคยชอบหรือสนใจ แต่สามารถเข้าเรียนในวิชาที่เขาเห็นว่าน่าสนใจได้

    แต่เขาก็ยอมรับว่านั่นเป็นชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อเขาไม่ได้เป็นนักศึกษาจึงไม่มีห้องพักในหอพัก และต้องนอนกับพื้นในห้องของเพื่อน ต้องเก็บขวดโค้กที่ทิ้งแล้วไปแลกเงินมัดจำขวดเพียงขวดละ 5 เซ็นต์ เพื่อนำเงินนั้นไปซื้ออาหาร และต้องเดินไกล 7 ไมล์ทุกคืนวันอาทิตย์ เพื่อไปกินอาหารดีๆ สัปดาห์ละหนึ่งมื้อที่วัด Hare Krishna

    อย่างไรก็ตามเขาชอบที่หลังจากลาออก เขาสามารถที่จะไปเข้าเรียนวิชาใดก็ได้ที่สนใจและวิชาทั้งหลายที่เขาได้เรียนในช่วงนั้น ซึ่งเขาใช้เวลาทั้งหมด 18 เดือน โดยเลือกเรียนตามแต่ความสนใจและสัญชาตญาณของเขาจะพาไป ได้กลายมาเป็นความรู้ที่หาค่ามิได้ให้แก่ชีวิตของเขาในเวลาต่อมา และหนึ่งในนั้นคือ วิชา ศิลปะการประดิษฐ์และออกแบบตัวอักษร (calligraphy)

    Jobs
    ยอมรับว่า ในตอนนั้นเขาเองก็ยังมองไม่ออกเช่นกันว่า จะนำความรู้ที่ได้จากวิชานี้ไปใช้ประโยชน์อะไรได้ในอนาคตของเขา แต่ 10 ปีหลังจากนั้น เมื่อเขากับเพื่อนช่วยกันออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh เครื่องแรก วิชานี้ได้กลับมาเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไม่เคยนึกฝันมาก่อน และทำให้ Mac กลายเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่มีการออกแบบตัวอักษรและการจัดช่องไฟที่สวยงาม

    ถ้าหากเขาไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็คงจะไม่เคยเข้าไปนั่งเรียนวิชานี้ และ Mac ก็คงไม่อาจจะมีตัวอักษรแบบต่างๆ ที่หลากหลาย หรือ font ที่มีการเรียงพิมพ์ที่ได้สัดส่วนสวยงาม รวมทั้งเครื่องพีซี ซึ่งใช้ Windows ที่ลอกแบบไปจาก Mac อีกต่อหนึ่งก็เช่นกัน คงจะไม่มีตัวอักษรสวยๆ ใช้อย่างที่มีอยู่ในตอนนี้

    อย่างไรก็ตาม Jobs บอกว่า ในเวลาที่เขาตัดสินใจลาออกนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถลากเส้นต่อจุดหรือหยั่งรู้อนาคตได้ว่า วิชาออกแบบและประดิษฐ์ตัวอักษร (คอลิกราฟฟี่) จะกลายเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ในการออกแบบ Mac เขาเพียงสามารถจะลากเส้นต่อจุดระหว่างวิชาลิปิศิลป์กับการคิดค้นเครื่อง Mac ได้อย่างชัดเจน ก็ต่อเมื่อมองย้อนกลับไปข้างหลังเท่านั้น

    ในเมื่อไม่มีใครที่จะลากเส้นต่อจุดไปในอนาคตได้ ดังนั้นคำแนะนำของ Jobs ก็คือ คุณจะต้องไว้ใจและเชื่อมั่นว่า จุดทั้งหลายที่คุณได้ผ่านมาในชีวิตคุณ มันจะหาทางลากเส้นต่อเข้าด้วยกันเองในอนาคต ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา โชคชะตา ชีวิต หรือกฎแห่งกรรม ขอเพียงแต่คุณต้องมีศรัทธาในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่

    บทเรียนชีวิตบทที่สองที่ Jobsเล่าต่อไปคือ ความรักและการสูญเสีย Jobs อายุเพียง 20 ปี เมื่อเขาเริ่มก่อตั้ง Apple กับเพื่อนที่โรงรถของพ่อ เพียง 10 ปีให้หลัง Apple เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์และพนักงานมากกว่า 4,000 คน

    แต่หลังจากที่เขาเพิ่งเปิดตัว Macintosh ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของเขา ได้เพียงปีเดียว Jobs ก็ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเองกับมือ เมื่ออายุเพียงแค่ 30 ปี หลังจากเขาทะเลาะถึงขั้นแตกหักกับนักบริหารมืออาชีพ ที่เขาเองเป็นผู้ว่าจ้างให้มาบริหาร Apple และกรรมการบริษัทกลับเข้าข้างผู้บริหารคนนั้น

    ข่าวการถูกไล่ออกของเขาเป็นข่าวที่ใหญ่มาก และเช่นเดียวกัน มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา Jobs กล่าวว่าเขาได้สูญเสียสิ่งที่เขาได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา และเขารู้สึกเหมือนตัวเองพังทลาย เขาไม่รู้จะทำอะไรอยู่หลายเดือน และถึงกับคิดจะหนีออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต

    แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งกลับค่อยๆ สว่างขึ้นข้างในตัวเขา และเขาก็พบว่า เขายังคงรักในสิ่งที่เขาทำมาแล้วความล้มเหลวที่ Apple มิอาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่อสิ่งที่ได้ทำมาแล้วแม้เพียงน้อยนิด เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งต่อมาเขาพบว่า การถูกอัปเปหิจาก Apple กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะความหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จได้ถูกแทนที่ด้วยความเบาสบายของการเป็นมือใหม่อีกครั้ง และช่วยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ จนสามารถเข้าสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุดในชีวิตของเขา

    ช่วง 5 ปีหลังจากนั้น Jobs ได้เริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และ Pixar และพบรักกับ Laurence ซึ่งต่อมาเป็นภรรยาของเขา Pixar ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลกนั่นคือ Toy Story และขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

    ส่วน Apple กลับมาซื้อ NeXT ซึ่งทำให้ Jobs ได้กลับคืนสู่ Apple อีกครั้ง และเทคโนโลยีที่เขาได้คิดค้นขึ้นที่ NeXT ได้กลายมาเป็นหัวใจของยุคฟื้นฟูของ Apple

    Jobs
    กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นยาขมแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไข้ เมื่อชีวิตเล่นตลกกับคุณ จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรัก Jobs เชื่อว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขาลุกขึ้นได้ในครั้งนั้น คือเขารักในสิ่งที่เขาทำ ดังนั้นคุณจะต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ เพราะวิธีเดียวที่จะทำให้คุณเกิดความพึงพอใจอย่างแท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันยอดเยี่ยม และวิธีเดียวที่คุณจะทำให้คุณสามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ และถ้าหากคุณยังหามันไม่พบ อย่าหยุดหาจนกว่าจะพบ และคุณจะรู้ได้เองเมื่อคุณได้ค้นพบสิ่งที่คุณรักแล้ว

    ส่วนบทเรียนชีวิตบทสุดท้ายในโอวาทของเขาคือ ความตาย เมื่ออายุ 17 ปี Jobs ประทับใจในข้อความหนึ่งที่เขาได้อ่านมาซึ่งเสนอแนวคิดให้คนมีชีวิตอยู่โดยคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต และตลอด 33 ปีที่ผ่านมา Jobs จะถามตัวเองในกระจกทุกเช้าว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาจะยังคงต้องการทำสิ่งที่เขากำลังจะทำในวันนี้หรือไม่ ถ้าหากคำตอบเป็น ไม่ติดๆ กันหลายวัน เขาก็รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง

    Jobs
    กล่าวว่า วิธีคิดว่าคนเราอาจจะตายวันตายพรุ่ง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมา ซึ่งได้ช่วยให้เขาสามารถตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ ในชีวิตได้ เพราะเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แทบทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังของคนอื่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ความกลัวที่จะต้องอับอายขายหน้าหรือล้มเหลว จะหมดความหมายไปสิ้น เหลือไว้ก็แต่เพียงสิ่งที่มีคุณค่าความหมายและความสำคัญที่แท้จริงเท่านั้น

    วิธีคิดเช่นนี้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกลงไปในกับดักความคิดที่ว่า คุณมีอะไรที่จะต้องสูญเสีย เพราะความจริงแล้ว เราทุกคนล้วนมีแต่ตัวเปล่าๆ ด้วยกันทั้งนั้น

    เมื่อปีที่แล้วเขาได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ตับอ่อนชนิดที่รักษาไม่ได้ และจะตายภายในเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน แพทย์ถึงกับบอกให้เขากลับไปสั่งเสียครอบครัวซึ่งเท่ากับเตรียมตัวตาย

    แต่แล้วในเย็นวันเดียวกัน เมื่อแพทย์ได้ใช้กล้องสอดเข้าไปตัดชิ้นเนื้อที่ตับอ่อนของเขาออกมาตรวจอย่างละเอียด ก็กลับพบว่า มะเร็งตับอ่อนที่เขาเป็นนั้นแม้จะเป็นชนิดที่พบได้ยากก็จริงแต่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด และเขาก็ได้รับการผ่าตัดและหายดีแล้ว

    นั่นเป็นการเข้าใกล้ความตายมากที่สุดเท่าที่ Jobs เคยเผชิญมา และทำให้ขณะนี้เขายิ่งสามารถพูดได้เต็มปาก เสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่เขาเพียงแต่ใช้ความตายมาเตือนตัวเองเป็นมรณานุสติว่า ไม่มีใครที่อยากตาย แม้แต่คนที่อยากขึ้นสวรรค์ก็ยังไม่อยากตายก่อนเพื่อจะไปสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครหลีกหนีความตายพ้น และเขาคิดว่า มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น Jobs เห็นว่า ความตายคือประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของ ชีวิตความตายคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ความตายกวาดล้างสิ่งเก่าๆ ให้หมดไปเพื่อเปิดทางให้แก่สิ่งใหม่ๆ

    ดังนั้น Jobs บอกว่า เวลาของคุณจึงมีจำกัด และอย่ายอมเสียเวลามีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอื่น และอย่ายอมให้เสียงของคนอื่นๆ มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปตามที่หัวใจคุณปรารถนาและสัญชาตญาณของคุณจะพาไป เพราะหัวใจและสัญชาตญาณของคุณรู้ดีว่า คุณต้องการจะเป็นอะไร
    [/b]
    Jobs
    ปิดท้ายสุนทรพจน์ของเขา ด้วยการหยิบยกวลีที่อยู่ใต้ภาพบนปกหลังของวารสารฉบับสุดท้ายของวารสารเล่มหนึ่งที่เลิกผลิตไปตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งเขาเปรียบวารสารดังกล่าวเป็น Google บนแผ่นกระดาษและเป็นประดุจคัมภีร์ของคนรุ่นเขา วารสารดังกล่าวมีชื่อว่า The Whole Earth Catalog จัดทำโดย Stewart Brand ส่วนวลีนั้นคือ

    จงหิวโหย จงโง่เขลาอยู่เสมอ

    ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหวังจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา


    นำมาจาก: www.positioningmag.com
    ที่มา: Fortune ฉบับเดือนกันยายน 2548
    แปลและเรียบเรียงโดย: เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...