การสอนดูจิตตอนนี้ ไม่ต่างไปจากท่านสัญชัยปริพาชกในครั้งพุทธกาล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 6 พฤศจิกายน 2009.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024

    จิตมีดวงเดียวแต่ไม่เป็นนิรันดิ์ แปรสภาพโดยกรรม เกิดโดยกรรม จิตมีอยู่ ไม่ตาย มีสถานะของมันอยู่ตลอดเวลา

    จิตไม่เป็นอาตมัน จิตไม่ได้เป็นอัตตา อัตตาคือทิฐิ อัตตาคือกิเลส อัตตาคือการยึดมั่น

    จิตมีหนึ่งเดียว ไม่มีดวงหน้าดวงหลัง จิตไม่มีสอง จิตที่มีสองนั่นคืออาการของจิต

    ความคิดเกิดดับและอาการเกิดดับของขันธ์ไม่ใช่จิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ธันวาคม 2009
  2. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    พระพุทธศาสนาสอนให้ถึงซึ่งพระนิพพาน ซึ่งฤาษีชีไพรไม่มี

    นิพพานจึงเป็นทั้งอัตตาและอนัตตา และ ไม่เป็นอัตตาและอนัตตา

    นิพพานคือนิพพาน

    นิพพานไม่ได้เป็นอนัตตาไม่ได้ตกอยู่ใต้กฏไตรลักษณ์ ตามที่ครูบาบางท่านชี้ชัดไว้
    นิพพานอยู่เหนือโลก อยู่เหนือกฏไตรลักษณ์ เป็นโลกุตระธรรม ธรรมเหนือโลก
     
  3. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256

    หมายความว่าอย่างไรครับ

    อธิบายให้ฟังง่ายหน่อยครับ......
     
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    จิตนี้ไม่เคยตายไง แปรเปลี่ยนสภาพโดยกรรม ไม่ได้คงที่


    แต่ไม่ใช่อัตตา อัตตาคือทิฐิไง คือกิเลส คือความยึดมั่น ไม่ใช่จิต


    ที่เกิดดับก็เพราะจิตเข้าไปยึดมั่นสิ่งที่เกิดดับหลงว่าเป็นตัวเป็นตนเมื่อยึดมั่นก็ให้ผลเป็นทุกข์ แต่จิตก็ยังคงอยู่ไม่ได้ตายไปตามสิ่งเกิดดับ เมื่อยังรู้ไม่ถึงมีอวิชชาอยู่ก็ยังยึดมั่น ยังมีอัตตา ให้ผลเป็นทุกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ธันวาคม 2009
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตคือพุทธะ มีคนบอกว่า ธรรมะจากหลวงปู่ดูลย์ จริงล่ะหรือ

    อ่านดู จิตคือพุทธะ

    มีการยัดเยียดข้อความบางส่วนว่าเป็นของหลวงปู่ดูลย์

    ท่านครับ ผมขอเถอะนะ แค่นี้หลวงปู่ดูลย์ท่านก็เสียหายมากแล้ว
    อาจมีคนที่ไม่รู้เข้าใจผิดได้ มีคนลอกธรรมมาจากหนังสือคำสอนของฮวงโป
    แล้วมายัดเยียดข้อความเหล่านั้นใส่ปากหลวงปู่ดูลย์ มันน่าอายนะ

    ผมขอความกรุณาเลยนะ ว่าอย่าเอามาเผยแพร่อีกเลย เจอที่ไหนช่วยบอกต่อด้วย
    โดยปรกตินั้นหลวงปู่ดูลย์ท่านเป็นผู้ไม่พูดหรือพูดน้อยที่สุด
    พูดสั้นๆย่อๆ แต่แฝงความหมายไว้อย่างสมบูรณ์

    เพราะฉะนั้นอะไรที่ยาวๆ แล้วบอกว่าเป็นของหลวงปูดูลย์ ควรพิจารณามากๆหน่อย

    ;aa24<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ขณิกสมาธิสามารถเอามาเดินปัญญาได้ครับ เพราะสามารถเห็นไตรลักษณ์ได้ในขณิกสมาธิ
    แต่ยามใดที่จิตมันรวมจะตัดสังโยชน์ก็ต้องมีกำลังเพียงพอถึงขนาดเป็นฌาณ ซึ่งวันใดเหตุปัจจัยพร้อม จิตก็รวมลงไปเอง แบบเรียกว่าแนวทางแบบปัญญานำสมาธิ หรือสุขวิปัสกะ

    ท่านใดได้ธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเจริญสติปัฎฐานแบบใด ย่อมประกอบครบหมดทั้งสมาธิและปัญญา
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ที่สุดของจิต โดย พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน

    ยิ่งทำจิตใจให้บริสุทธิ์ด้วยแล้ว ก็อยู่ในมนุษย์นี้แหละ เป็นมนุษย์ทั้งคนนี้แหละ แต่จิตก็เป็นอริยจิต เป็นวิสุทธิจิต จิตสบายไม่กระทบกระเทือนกับอารมณ์อะไร อะไรก็เข้าไม่ถึง มีแต่ความสบายอยู่ทั้งวันทั้งคืนยืนเดินนั่งนอน หากจะมีอยู่บ้างก็เพียงธาตุเพียงขันธ์มันรบกวน เพราะความเจ็บนั้นปวดนี้ ตามเรื่องของธาตุขันธ์ที่ว่า อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา มันก็แสดงไปตามเรื่องของมัน ส่วนจิตใจนั้นไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นความผาสุกเย็นใจ หากว่าร่างกายไม่แตก อยู่ตั้งกัปตั้งกัลป์ก็อยู่ไปได้ ไม่คิดอยากตายเพราะไม่มีทุกข์อันใดมาบีบบังคับ

    http://palungjit.org/threads/ที่สุดของจิต-โดย-พระอาจารย์มหาบัว-ญาณสัมปันโน.216449/

    ****************
    ^
    ^
    แม้ท่านที่เป็นสุขวิปัสกะ ท่านเหล่านั้นก็ต้องผ่านฌานมาแล้วจนชำนาญทั้งสิ้น
    มิเช่นนั้นแล้ว อริยมรรค๘จะสมังคีกันไม่ได้ ถ้าขาดสัมมาสมาธิฌานที่๔เป็นองค์ประกอบ
    เมื่ออริยมรรคสมังคีไม่ได้ ย่อมบรรลุมรรคผลไม่ได้เช่นกัน

    ไม่ว่าสมาธินำปัญญาหรือปัญญานำสมาธิ
    แม้ทั้งสองสิ่งทำหน้าที่ต่างกัน แต่ต้องทำงานร่วมกันเกื้อกูลกันเท่านั้น จึงจะบรรลุมรรคผลได้.....

    ;aa24
     
  8. peach-1974

    peach-1974 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    สวัสดีครับ เออ...ผมลองเข้ามาอ่านถึงต้องได้สมาธิ ได้ฌาณ ก่อนแล้วจะบรรลุธรรมนะครับ ผมเลยสงสัยนะครับแล้วพระอรหันต์บางรูปที่ท่านฟังธรรมครั้งเดียวแล้วก็ได้เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นพระอริยสงฆ์ แล้วนะครับ ทั้งๆที่บางท่านยังไม่บวชเลย ในสมัยพุทธกาล เพราะอะไรหรือครับผม เรียนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายให้ผมได้เข้าใจบ้างครับ ขอบคุณครับ
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณpeach1974ครับ
    ก่อนอื่นเราต้องศึกษาให้รู้ว่า ในสมัยครั้งพระพุทธกาลนั้น คนส่วนใหญ่เป็นพวกจิตนิยม
    มีการฝึกฝนอบรมจิตกันมาแต่เล็กแต่น้อยกันเสียส่วนใหญ่โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในวรรณะสูงๆ
    แม้แต่พระพุทธองค์ของเราท่านเอง ก็นั่งสมาธิเป็นตั้งแต่อายุเพียง๗พรรษาเท่านั้น

    เราลองคิดถึงหลักความจริงให้รอบคอบสิครับ พระพุทธองค์ของเราท่านทรงเป็นจอมปราชญ์
    ยังต้องใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะได้ตรัสรู้ ต้องออกเที่ยวหาครูบาอาจารย์จนชำนาญ ในรูปฌานและอรูปฌาน
    ท่านอาจารย์ทั้งสองของพระองค์ อาฬารดาบสและอุทกดาบสถึงกับออกชมเชยพระองค์
    ขนาดพระพทุธองค์ท่านยังต้องลองผิดลองถูกมาตั้งหลายปี
    เพราะพระองค์ท่านมีพระปรีชาญาณ บวกพระบารมีที่สั่งสมมาอีก
    และพื้นฐานทางจิตเป็นอย่างดีทั้งรูปฌานและอรูปฌาน

    และเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานทางจิตที่ดีมาก่อน ฟังธรรมครั้งเดียวก็บรรลุได้
    แสดงว่าคนๆนั้นต้องมีมหาปัญญากันเลยที่เดียวใช่มั้ย? ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยนะ
    อย่างน้อยต้องมีการอบรมฝึกฝนทางจิตมาอย่างชำนิชำนาญเป็นพื้นฐานมาก่อน
    แต่ขาดผู้ที่จะชี้ทางให้เห็นเท่านั้น อย่างเช่นต้องที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ใหม่ๆนั้น
    พระพุทธองค์ทรงปรารภถึงท่านอาจารย์ทั้งสองว่าเป็นผู้มีกิเลสเบาบางอยู่แล้ว
    เพียงฟังธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนก็จะบรรลุธรรมได้เลยใช่มั้ย?


    ธรรมภูต

    <!-- End Comment 9-->
     
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เห็นแบบนี้ เวลาปฎิบัติ ทำอย่างไรเหรอครับ
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ลองยกธรรมมาให้ดูกันครับ

    http://palungjit.org/threads/ธรรมเป็นของลำบากมาก-โดย-หลวงปู่หล้า-เขมปัตโต.226057/
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    คุณเกิด ก็เอาแต่ศึกษาธรรมะแบบใช้ตรรกะ เอาแต่คิด อาจารย์คุณก็เตือนแล้ว
    แต่พวกคุณเกิด คุณพ่อมดOz ก็ยังแต่ทำไปคิดไป สรรหาตรรกะสรุปมาเป็นความรู้
    เลยทำให้ เข้าสำนักไหน ก็ฆ่าอาจารย์(ไม่เชื่อฟังคำสอน)ของสำนักนั้น

    ทีนี้ เวลาฆ่าอาจารย์สำนักไหน หากคุณไม่ลำพังฆ่าแค่ในใจคุณที่คิดคด แต่ยังคดคต
    (ชี้ทางงอขอดงอขิง)ของตนออกมาด้วย ก็รู้ไม่เท่าทันกรรม ที่ไปบีบหัวจิตหัวใจเพื่อน
    ทุกข์เพื่อนสุข(สรรพสัตว์ก็เรียก) ไอ้กรรมที่เที่ยวไปบีบหัวใจชาวบ้านนี่แหละ มันจะ
    ส่งผลให้เป็นโรคหัวใจวายตายไปในสักวันหนึ่ง ....คุณเคยได้ยินข่าว นักปฏิบัติชั้น
    แนวหน้าด้านสมาธิที่ตายด้วยโรคหัวใจเฉียบพลันไหม ...ไม่ต้องไปคิดไหนไกลหลอก
    มองที่ตัวคุณนั่นแหละ

    ทีนี้ ธรรมะ เขาไม่ได้ศึกษาด้วยตรรกะ หากศึกษาด้วยตรรก ก็จะกีดกันสรรพสัตว์ออกจาก
    ความมีฐานะเป็นผู้ถึงธรรม ด้วยการอ้าง วาสนาบารมีของเขา แบบสุ่มสี่สุ่มห้า

    คนทำบุญสุนทานมาดี ประกอบกิจด้วยปัญญามาดี มีวาสนาได้ใช้ปัญญาบารมีของตน
    มาขัยเคลื่อนองคาพยพของชาติในตัวเมือง เพื่อเลี้ยงคนทั้งชาติ รวมถึงคนในชนบทนั่น
    ด้วย แต่คุณยกเขาขึ้นเป็นผู้มีฐานะน่ารังเกลียด ห่างไกลธรรมะ นี่มันอกตัญญใช่แค่ต่อ
    ครูบาอาจารย์ แต่กำลังทรยศต่อชาติพันธ์ตามวาระกรรมของตนด้วย

    การเข้าถึงธรรมะนั้น ไม่ใช่การดูกาลเวลายาวนาน ไม่ได้ดูการสะสม เพราะมันเป็นเรื่องพ้น
    อดีตและอนาคต สิ่งที่ทำให้เข้าถึงธรรม คือเหตุปัจจัยในปัจจุบันธรรม คนศึกษาธรรมะ
    ด้วยตรรก อนุมาน ก็มองไม่พ้นเรื่องการสะสม การคลุกคลี กาลเวลา เข้าข่ายทิฏฐิเห็น
    การบรรลุด้วยเหตการสะสมบุญ นั่งใกล้บุญ......คิดแบบโหลยโถ่ย

    พิธีรีตรอง ก็อ้างขึ้น เพื่อความเป็น ตันตระ กลายลัทธิไปเป็นพวกตันตระ แทนที่จะดู
    ว่า เขามีพิธีรีตรองก็เพื่อการเป็นสังคมย่อย สังคมเมือง ก็ทะลึ่งยึดเป็นการดูศีลพรต
    อะไรคือวินัยเพื่อสังคม อะไรคือวินัยเพื่อความพ้นทุกข์รายบุคคล แยกแยะไม่ออก

    คุณว่าคนอื่นเขาเสพติดกามคุณ ชื่อเขาบอกอยู่แล้วว่าเป็นกามคุณ หากใช้เป็นมันก็ขับ
    เคลื่อนบริษัท4ไปได้ หากใช้ไม่เป็น แต่หันมาเสพติดการบริภาษ แบ่งแยก หัวใจคุณหนะ
    ไม่ควรมีไว้ใช้หลอก เพราะมันดำสนิทเหมือนนิโคตีนที่ค่อยๆแผ่จากหัวใจมายังหน้าของคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2010
  13. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    คัดลอกธรรมมาให้ดูกันครับ

     
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    มันไม่ได้ยากเย็นอะไรหลอก สำหรับคุณเกิด ผู้พร้อมอกตัญญู

    คุณก็แค่ใช่ หิริ โอตัปปะ พิจารณา เจตนาในการกระทำกิจของคุณ ว่า
    มันก่อกรรมอะไรอยู่บ้าง กรรมชนิดนั้นๆ จะส่งผลต่อคุณอย่างไรบ้าง

    หากปฏิบัติมาจริง หิริ โอตัปปะ มันต้องเกิด และเกิดแล้ว มันก็ต้องรู้ว่าได้
    รับกรรมอะไรบ้าง มันถึงจะสะดุ้งเป็น

    แต่หากปฏิบัติแล้วนะ ได้อะไรมา ก็เอามาเทียบคำครูคนนั้น เทียบลงโอเค
    ก็มานั่นอวดตรรกะการเปรียบเทียบ เกิดมานะแบ่งอดีตอนาคต แล้วก็หันไป
    ต่อว่าอดีตอันโหลยโถ่ยของตนแล้วพาลไปถึงครูในอดีตนั้นๆ ทิ้งคำครูไป
    เรื่อยๆแบบบัวริดใบ ริดรากเง้า มันคงเจริญได้จริงหลอก
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    คุณพ่อมด Oz

    คุณแน่ใจเหรอว่า คุณธรรมภูติได้อะไรมา

    คุณเคยเข้าไปในเว็บบล๊อกกบฏศาสนาของเขาหรือเปล่า ไปดูการจั่วหัว
    ของเขานะ

    เนื้อหาของเขา ไม่ได้มุ่งเจาะจงภิกษุเพียงรูปเดียว เออ...แล้วเจาะจงกี่ท่าน
    หละนั่น

    แล้วจิตเป็นวิญญาณขันธ์นี่ ในนิพนธ์ของพระสังฆราชสกลมหาปรินายก ก็ยก
    ขึ้นกล่าว เพราะพระองค์ท่านก็ถนัดที่จะบรรยายธรรมะจากฝากปริยัติอภิธรรม

    ก็ไตร่ตรองเองละกันว่า คำประกาศไม่เจาะจงภิกษุรูปเดียวของเขาหนะ ก่อกบฏหรือยัง

    แต่ผมเริ่มเห็น คนบางคนในพันทิพย์นี่ เขาเริ่มพูดแล้วนะว่า พระธรรมขันธ์ในพระไตร
    ปิฏกมีเพียง 42000 พระธรรมขันธ์เท่านั้น เป็นผลงานกบฏศาสนาที่คุณกบฏธรรมภูติ
    ได้ฝากไว้
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เก่งนี่ ที่เห็นว่า สวมรอย

    ว่าแต่ว่า เห็นเป็น รอยมือ หรือ รอยอะไรหละ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เอ้า ดูไม่ออกอีกหรือ

    มานี่ มานี่ คุณเกิด

    อย่าพึ่งเดือดดาลเพราะความคิดไป

    คุณถามผมแต่เช้าว่า เห้ยคนเราจะเป็นโรคหัวใจเพราะความคิด มันเป็นไฉนหนอ

    ผมก็เลย อวตาร เป็นสองร่างยามสบช่อง พาคุณไหลไปกับควาคิดที่ผมหยอด
    คำแบบค้างๆ คาๆ ให้คุณลั่นความคิดไปเป็นคำผรุสวาทด้วยตัวคุณเอง

    ก็จะเห็นว่า เวลาเราหลงไปคิด เราก็ต้องบีบจิต บีบใจ เค้นมันออกมา

    แล้วหากความคิดนั้นมันเทไปทางอกุศล ผลของความคิดนั้นก็ บีบจิต บีบใจ
    เข้าไปอีก

    แต่คุณเกิด....หากคุณภาวนามาอย่างถูกต้อง คุณจะเห็นทันทีว่า คุณทุกข์
    เพราะตัวคุณเอง ไม่ใช่ทุกข์เพราะผมเป็นคนสร้างเงื่อนไข แต่เงื่อนไขของ
    กรรมที่มีอยู่ในคุณนั่นแหละ ที่เป็นช่องให้ผมเข้าเล่นงานเอาได้

    นี่ก็แปลกๆหน่อยนะ มันเหมือนมาหลอกสอน

    คุณจะคิดว่าไม่ใช่การสอนก็ได้ หรือ จะเลยเถิดไปผูกใจเจ็บก็ยังได้ ไม่แปลกอะไร

    เพราะการที่คุณยังเป็นอย่างนั้น ยังไหลไปตามโลกได้ อย่าลืมว่า มันเป็นเพราะ
    ตัวคุณเองที่ภาวนาได้ยังไม่พ้นโลก

    * * * *

    คนในเว็บส่วนใหญ่ เขารู้ว่า ผมใช้ไอดีอะไรบ้าง :)

    * * * *

    ปล. คุณเกิดลองนึกภาพ คนหลายๆคน ที่เขาปฏิบัติธรรมอยู่นะ มีฌาณ หรือไม่มีฌาณ กี่คนยกไว้
    เสร็จแล้ว คุณเกิดก็เข้ามาบริภาษครูของเขา คนหลายๆคนนั้นเกิดอะไรขึ้น เขาเหมือนถูกบีบหัวใจ
    ใช่ไหม บางคนร่ำไห้ นึกออกไหม นั่นแหละ ผลกรรมอันคุณก่อไว้กับพวกเขา มันจะย้อนมาส่งถึงคุณเกิดนะ

    ทุกข์เพราะความคิดทั้งขึ้น ทั้งล่อง หัดสะดุ้งบ้างได้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2010
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    นั่นไงๆ ผมปรักปรำคุณOzหรือเปล่าหละว่า คุณศึกษาธรรมะแบบใช้คิด ...โหลยโถ่ยหนา อย่าพูดอะไรเลย
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    น้าน มาเน้นย้ำอีกให้ใช้ คิด แสวงหาปัญญา

    ไม่เอานา......หัดไตร่ตรอง โยนิโสมนสิการ บ้างสิคุณ
    มันถึงจะเข้าใจปัญญาที่มีอยู่โดยพ้นคิดนะ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ก็ว่ากันไปตามวาระหนะ

    จริงๆ ไม่ได้คิดจะคุยธรรมะกับคุณอีกแล้ว เพราะเนื้อหาที่เป็นธรรมะนี่เสวนาด้วยไปหมดแล้ว พูดแบบพระคือ สมมติมาโกหกให้คุณฟังจนหมดพุงไปแล้ว

    ทีเหลือ หากเสวนากันอีก จะเป็นเรื่อง ทริก เรื่อง อุบาย แปลกๆ แผลงๆ ของผม
    ตามความถนัด

    แต่ทราบมาว่า คุณเคยบอบช้ำมาก่อนจากเว็บอื่น ก็เลยเกรงใจอยู่ ไม่อยาก
    เล่นมาก เดี๋ยวจะติดแต้มเพิ่ม ก่ออกุศลให้กันเปล่าๆ

    ถ้าจะให้มีประโยชน์ก็เลี่ยงๆ กันเนาะ คุณไม่ต้องเลี่ยง ผมจะพยายามเลี่ยงเอง :boo:

    ที่ต้องเลี่ยง ก็เพราะ คุณเกิดเป็นคนฉลาด ผมหลอกซ้ำไม่ค่อยได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...