ว่าด้วยเรื่องของกรรม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ปีศาจร้าย, 28 มิถุนายน 2006.

  1. ปีศาจร้าย

    ปีศาจร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +1,240
    ลางแห่งกรรม

    เมื่อเราได้ศึกษาถึงขบวนการแห่งกรรมในเบื้องต้นแล้วก็คงพอจะเข้าใจว่า อะไร ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราก็เป็นมาจาก วิบากแห่งกรรมนั่นเอง ดังนั้นชะตาชีวิตของคนเราจึงขึ้นอยู่กับ "กรรมลิขิต" แต่ชะตาชีวิตของคนเรานั้นสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ หาใช่สิ่งตายตัวแต่อย่างใดไม่ มันย่อมเป็นไปตามดุลยภาพแห่งการกระทำและแรงปฏิกิริยาของผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง นั่นคือมันสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นหรือเลวร้ายลงกว่าเดิมก็ได้ ชะตาชีวิตของคนเราจึงขึ้นอยู่กับ กรรมเก่าและกรรมใหม่

    การที่เราจะแก้ไขปัญหาชะตาชีวิตของตนเองจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ด้วยการพัฒนาและปรับปรุงค้นคว้าหาวิถีทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงหาทาง สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา ตัดกรรม โดยไม่พึ่งพาตนเอง เพราะถึงเราจะมีเงินทองก็คงจะซื้อบุญหรือกรรมไม่ได้แน่นอน แต่ถ้ารู้จักพิจารณาถึงสาเหตุหรือองค์ประกอบดังกล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ตนเองมีเวรกรรมใดผูกพันอยู่ ก็จะสามารถลดแรงกรรมเหล่านั้นได้โดยไม่ยาก


    ความเชื่อในเรื่องกรรม

    หลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงความศรัทธาของชาวพุทธไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง 4 ประการด้วยกัน

    ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้จริง เป็นผู้ประกอบด้วยพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ

    กัมมสัทธา เชื่อเรื่องกรรม คือเชื่อว่ากรรมมีจริง

    วิปากสัทธา เชื่อเรื่องผลของกรรม คือเชื่อว่ากรรมที่บุคคลทำไม่ว่าดีหรือชั่วย่อมให้ผลเสมอ

    กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตนเอง คือเชื่อว่าผลที่เราได้รับ เป็นผลแห่งการกระทำของเราเอง ซึ่งอาจจะเป็นกรรมที่ทำในปัจจุบันชาติหรืออดีตชาติ

    ความเชื่อหรือความศรัทธาในพระพุทธศาสนาทั้ง 4 ประการนั้น เป็นความเชื่อในเรื่องของกรรมเสีย 3 อย่าง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กฏแห่งกรรม จึงเป็นหลักคำสอนที่สำคัญยิ่งในทางพระพุทธศาสนา ที่ชาวพุทธทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะผู้ที่เชื่อกฏแห่งกรรมย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม ย่อมสามารถทำใจได้ในทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าชีวิตจะทุกข์ยากลำบาก ผิดหวังขมขื่น โรคภัยไข้เจ็บจะมาเบียดเบียน ถือว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรในอดีตมาเบียดเบียน ไม่ตีโพยตีพายโวยวายเรียกร้องหาความยุติธรรม


    กรรมให้ผลตามกาล

    1
    ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาตินี้
    2
    อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า
    3
    อปราปรเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป
    4
    อโหสิกรรม กรรมที่เลิกให้ผล หรือยุติการให้ผลต่อไป


    กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่

    1
    ชนกกรรม
    กรรมที่แต่งมาดีหรือชั่ว
    2
    อุปถัมภกรรม กรรมที่สนับสนุน คือ ถ้ากรรมเดิมหรือ ชนกกรรมแต่งดี ก็ส่งให้ดียิ่งขั้นไป ถ้าชั่วก็ส่งให้ชั่วยิ่งขึ้น

    3
    อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้นหรือขัดขวางกรรมเดิม คอยเบียดเบียนชนกกรรม เช่นเดิมแต่งมาดี เบี่ยงเบนให้ชั่ว เดิมแต่งมาชั่ว ก็เบี่ยงเบนให้ดี
    4
    อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน เป็นกรรมที่พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เช่นเดิมชนกกรรมแต่งไว้ดีเลิศ กลับที่เดียวเป็นขอทานหรือตายทันที หรือของเดิมแต่งไว้เลว ก็กลับทีเดียวเป็นมหาเศรษฐีไปเลย


    กลไกแห่งกรรม

    เมื่อเราได้ศึกษาในกลไกแห่งกรรมจนพอจะเข้าใจแล้วว่า อำนาจแห่งกรรมสามารถจะส่งผลต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การก่อเกิดภพชาติของคนเราได้ ถ้ากรรมดีให้ผลก็แล้วไป แต่ถ้าวิบากกรรมให้ผลที่ไม่ดีต่อเราแล้ว เราจะมีหนทางใดในการเบี่ยงเบนวิบากกรรมที่ไม่ดีออกไปให้พ้นตนได้ นั่นก็คือเราต้องรู้เหตุเบื้องต้นเสียก่อนว่า เรากำลังตกอยู่ในเหตุการณ์ที่ผิดปกติ โดยอาศัยสิ่งที่เราเรียกว่า
     
  2. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    สาธุ..........ท่านว่านั้นชอบแล้ว
    แต่ติดใจตรงสองวรรคสุดท้าย

    ท่านทั้งหลายอ่านมาถึงตรงนี้ คงจะมีคำถามมากมายว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เจ้ากรรมนายเวรยอมอโหสิกรรมให้ ถ้าท่านอยากทราบคำตอบสุดท้ายตรงนี้ ก็ต้องติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ทุกตัวอักษร แล้วท่านจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมที่ท่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง แล้วจะเข้าใจเรื่องราวของ “กรรม” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาจทำให้ท่านเกิดความรู้สึกกลัว “กรรม” กว่าที่เคยกลัวมาว่า “เจ้ากรรมนายเวร” ไม่ใช่แค่คำพูดที่ไว้หลอกคนให้กลัว แต่เป็นเรื่องจริง ๆ ที่ยังไม่เคยได้รับคำอธิบายให้ชัดเจนจากที่ไหนมาก่อนเท่านั้น


    เจ้ากรรมนายเวร ก็คือ ดวงจิตดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาทกันมาแต่อดีตถึงปัจจุบัน จะมากหรือน้อยก็ย่อมขึ้นอยู่กับ บุพกรรม ของแต่ละคน บางดวงจิตดวงวิญญาณหากมาจุติเป็นมนุษย์เหมือนกัน ก็จะคอยจองล้างจองพลาญ หาทางทำลายเราในทุกโอกาสทุกสถานที่ในรูปแบบต่าง ๆ กัน ต่างกรรมต่างวาระ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเราแปรเปลี่ยนไป หมุนเวียนกันไป ดีบ้างแย่บ้าง สุดแท้แต่กรรมดีหรือกรรมชั่วจะส่งผล ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท เราจึงควรสั่งสมบุญไว้ หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เอาบุญเป็นตัวนำ เพื่อถ่วงดุลความชั่วให้ส่งผลช้าหรือไม่สามารถให้ผลได้ทัน เพราะน้ำหนักบุญมากกว่าน้ำหนักบาปนั่นเอง


    แล้วเราจะรู้จักชื่อเจ้ากรรมนายเวรเราได้อย่างไร จะได้อุทิศส่วนกุศลไปให้ถูกฝา ถูกตัว เปรียบเหมือนเราจะใช้หนี้แต่หนหลัง เช่น จะเอาเงินที่จะชำระหนี้ไปโปรยทางสามแพร่งแล้วเรียกเจ้ากรรมนายเวรมารับ เค้าจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าที่เค้าต้องการหรือไม่ และแน่ใจได้อย่างไรว่า คนอื่นจะไม่มาตัดหน้าไป

    อยากฝากหาคำตอบผู้รู้ในเวปพลังจิตด้วยครับ
     
  3. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    ผมขอเล่าประสบการณ์บางส่วนที่กระผมประสบมานะครับ
    หลายคนคงจำได้ว่าผมเคยตั้งกระทู้ในเวปพลังจิตนี้ว่า
    ตามตัวของผมมีอาการคันโดยไม่มีสาเหตุ และหนักมากจนกระทั่ง
    รู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ้มแทงตามตัว ซึ่งรักษาไม่หายในช่วงปีก่อน
    ตอนปลายปีที่ผ่านมา ผมลองตั้งใจบวชอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
    ไล่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุับันทั้งหมดเท่าที่สามารถจะระลึกได้
    เป็นเวลา 2 อาทิตย์ (มีความจำเป็นทำให้ไม่สามารถปฏิบัติได้นานกว่านี้ครับ)
    ปรากฏว่าอาการคันที่เป็นมากว่า 10 ปีเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
    ถึงแม้จะยังไม่หายขาดก็ตาม คิดว่าเจ้ากรรมนายเวรคงเห็นถึงความตั้งใจยอมผ่อนผันให้น่ะครับ
    ทำให้สาเหตุแห่งความผิดปกติจางหายไปบางส่วน (จนถึงบัดนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจในสาเหตุอยู่ดี)
    ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่มีเจ้ากรรมนายเวรกำลังให้ทุกข์อยู่ครับ
    สรุปคือ หากเราตั้งใจจริง ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของเจ้ากรรมนายเวร
    พวกเขาก็สามารถรับกุศลที่เราตั้งใจอุทิศให้ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2006
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    สายใยแห่งพันธะกรรม

    1. จิตผูกพัน ----------ความรักความผูกพัน มักเกิดจากคนใกล้ตัว,สัตว์เลี้ยง
    2. จิตฝังจำ ----------เกิดจากการไม่รักษาสัจจะ (เกิดสัญญา)
    3. จิตเคืองแค้น --------ถูกทำให้เจ็บช้ำ จิตเสียสมดุล
    4. จิตอาฆาตมาดร้าย ---บาดเจ็บสาหัส จนเกือบไม่รอด
    5. จิตผูกพยาบาท-------ถูกกระทำถึงขั้นเสียชีวิต

    ระดับของกรรมมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับ "เจ้ากรรม" หรือ "นายเวร"
    ถึงเราไม่เจตนาก็เป็นกรรมเหมือนกันนะครับ ต้องแก้ไขชดใช้อยู่ดี
    หากเขาไม่เอาผิด เพราะจิตเขาสูงกว่าไม่โกรธหรืออาฆาตเรา ก็ถือว่าโชคดีไป
    แต่เราก็ควรสำนึกผิดอย่างแท้จริง และจะไม่ทำผิดซ้ำอีก ผลกรรมก็เบาบางลงได้


    การจัดการ "ผลกรรม" ให้เป็นกลาง ด้วยพลังแห่งการมีสำนึก

    1. ร้องขออโหสิกรรมต่อกัน
    - รู้จริงในสิ่งที่ตนทำผิด
    - รับว่าผิดจริงในสิ่งที่ตนทำ
    - หลาบจำจะไม่ทำผิดนั้นกับใครอีก
    *ต้องมีสัจจะต่อเขาอย่างแท้จริง แล้วอำนาจในการกระทำนั้นจะสัมฤทธิ์ผล


    2. การยอมชดใช้กรรมนั้น
    - ไม่ต่อสู้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้าน
    - ไม่หลีกเลี่ยง *


    3. การทำ "โมฆะกรรม"
    - สำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
    - สำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2006
  5. mayongnes

    mayongnes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,449
    ขออนุโทนา ครับ กระทู้ดี มีประโยชน์
     
  6. NJ042529

    NJ042529 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +247
    สาธุเจ้าค่ะ
     
  7. คน153

    คน153 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2006
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +280
    สาธุ ร่วมอนุโมทนาแก่เจ้าของกระทู้ อ่านแล้วดี ได้ประโยชน์จริงๆ
     
  8. a5g1

    a5g1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +384
    (verygood) สาธุ เชื่อจริงๆเพราะเคยปวดหัวไหล่ขวาเรื้อรังจึงไปปฎิบัติธรรม และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรพวกเขาคงให้อภัย จึงหายปวด ขออนุโมทนา สาธุๆๆๆด้วย(verygood) (verygood) :cool: :cool: :cool:
     
  9. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    กระทู้นี้โดนใจจัง เดี๋ยวอ่านต่อก่อนครับ
    ขอบคุณมาก
     
  10. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    ขออนุโมทนาสาธุกระทู้นี้ด้วย

    เขียนได้ดีคะ
     
  11. chue27

    chue27 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,358
    กระทู้ยาวมากครับ แต่คุ้มค่ากับการตั้งใจอ่าน
    โมทนาครับ
     
  12. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    682
    ค่าพลัง:
    +1,025
    อ่านจนเมื่อยเท้า (เกี่ยวไหมนี่) แต่ก็ได้ความรู้เยอะจริงๆ ผมก็กรรมเยอะ ไม่รู้จะขอโทดเจ้ากรรมนายเวรยังไง มองเค้ายังไม่เห็นเลย
     
  13. ปราณยาม

    ปราณยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอบพระคุณสำหรับกระทู้นี้มากครับ ตรงจริงๆ ตอนนี้ผมกำลังรับกับเรื่องสุขภาพนื่องจากกรมนายอดีตชาติครับ
     
  14. ดอกอูน

    ดอกอูน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +48
    อยากถามเรื่องกรรมของการฆ่างูร้ายที่มีพิษ

    มีญาติที่มาอาศัยอยู่ในบ้าน ได้ฆ่างูเห่าตายในบริเวณบ้านของเรา ไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรในการขออโหสิกรรมฯ และวิธีที่ไม่ให้ญาติ ของเราต้องรับกรรม ที่สำคัญเราจะมีส่วนร่วมกรรมอันนี้หรือไม่ ขอทราบจากผู้รู้ด้วย....
     
  15. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,148
    มีคนบอก ว่า คนที่ฆ่าพวก สัตว์เล็ก พวกมด หนู แมลงต่างๆ
    เป็น กรรมเบา จะส่งผล ให้หน้าเป็นสิว หนอง เจ็บปวด

    ถ้าฆ่างู ฆ่าสัตว์ต่างๆ จะทำให้ ไม่สบาย ล้มป่วยเป็นคนขี้โรค คะ

    คนที่ ขี้โรค เหตุปัจจัย ส่วนใหญ่มาจากการ รังแกสัตว์ และ ทรมานสัตว์นี่แหล่ะคะซึ่งเห็นมาแล้ว ข้างบ้านเขาแอบวางยาเบื่อหนูกับ สุนัข ตอนแรกก็แข็งแรงดี ตอนหลังๆ กลายเป็นคน 3 วันดี 4 วันไข้ไปเลยนะคะ

    ตอนเด็กๆชอบ ตีหัวแมว ไม่ได้เจตนานะ ก็เวลาทานอะไรมันไม่มีมารยาทชอบมาแย่ง เลยตี มันส์เลย เอามือตบหัว แรงๆ กรรมมันก็มีจริงนะ
    เคยมีคนแกล้งเอา มือมาตบหัวเหมือนกัน ทะเลาะกัน ลั่นบ้านเลย
    ญาติเราไม่ดีไง มันโรคจิตไง เพื่อนมันเป็นโรคชักกระตุกถ้ามีคนไป จี้ มันจะตีคนข้างๆ เราก็นั่งของเราดีๆ มันก็ไป จี้เอวเพื่อนมัน แล้วเพื่อนมัน ก็เอามือมาตีหัวเรา ปั่บๆเรา งง เลย มันก็เจ็บนะ แต่ก็แค้นมากกว่า หลังจากนั่นก็ทะเลาะกันแล้วก็ ไม่คุยอะไรกันเลยเราไม่เข้าใจไง เขาคิดอะไรในใจ แต่ตอนนั้นก็ยังเด็กๆกันอยู่ มันคง บ่งบอก จิตใต้สำนึกของคนหน่ะแหล่ะ เพราะ ลึกๆมันก็นิสัยไม่ดี มีปมด้อย มาแต่เด็ก คงกรรมเก่าด้วยแหล่ะทำให้เขาเกิดมาจน สวยก็ไม่สวยยังขี้อิจฉาอีก ก็สมแล้วหล่ะ ได้ดี แค่เป็น เมียน้อยคนอื่นเงินก็ไม่ค่อยมีไม่แน่ใจนะว่าบาปเปล่าที่สมน้ำหน้า แต่เราเชื่อนะ ว่ากรรมมีจริง มันเลยโน้มให้เราเจอตีที่หัว แทนที่ไหล่ หรือที่อื่นๆ
     
  16. cheterk

    cheterk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +1,568
    พระนิพพาน จากคำครูอาจารย์
    http://www.geocities.com/pranipan/

    VDO ของสัตว์ต่างๆ ที่จะต้องถูกนำมาเป็นอาหารให้เราได้กิน เรื่องจริงที่หลายคนไม่เคยเห็น ว่าน่าสงสารแค่ไหน
    อานิสงส์ ๑๐ ประการ ของการไม่กินเนื้อสัตว์ ( อันนี้ผมผิมตามหน้าปก CD นะครับ )
    1. เป็นที่รักของบรรดาเทพพรม ตลอด จนมนุษและสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์ เหี้ยมโหดเคียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราสจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
    7. ยามหลับนิมิครเห็นแต่สิ่งที่ดีงาม เป็นศิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ้งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่คติภพ

    เปิด
    http://thaihotbiz.com/dmc/ก&#3...6;น2.wmv

    Save
    http://thaihotbiz.com/dmc/ก&#3...6;น2.zip

    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุสุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้าขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุสุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวงขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุสัพเพ เปตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวงขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุสัพเพเวรี
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตาโหนตุ สัพเพ สัตตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขออนุโมทนาค่ะ</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ขออนุโมทนาครับ สำหรับผมให้ความสำคัญกับกรรมในปัจจุบันมากที่สุด เพราะกรรมในอดีตและอนาคตแก้ไขและบังคับกะเกณฑ์อะไรไม่ได้ และก็จะสนใจแต่กรรมของตนเองเป็นหลัก เพราะกรรมหรือวิบากกรรมของคนอื่นผมไม่ทราบว่ามีอะไรบ้างน่ะครับ (ดูแล้วอาจดูเหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่ว่าปลอดภัยครับ)
     
  19. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    682
    ค่าพลัง:
    +1,025
    แล้วพวกยุงมันมากัดผมเรื่อยเลยอา บ้านผมอยู่ชนบท ยุงงี้เพียบ ไม่ตบมันก็กัดเรา ถ้าเราตบด้วยความจำใจนี้จะบาปมากมั๊ยครับ
     
  20. ปีศาจร้าย

    ปีศาจร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +1,240
    บทสวดมนต์สอนเจ้ากรรมนายเวร
    และเพื่อให้เกิดพลังคุ้มคลองตัวเองและผู้ป่วย

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    (สวด ๓ จบ)

    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุธโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
    อะนุตตุโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญู**ติ (อ่านว่าวิญญูฮีติ)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฎฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
    สัพเพสัตตา อเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานังปะริหัรันตุ(เมตตา)
    สัพเพ สัตตา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ (กรุณา)
    สัพเพ สัตตา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ (มุทิตา)
    สัพเพ สัตตา กัมมัสสกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมพันธู กัมมะปฏิสสะระณา
    ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ(อุเบิกขา)
    ทุกกะโต ทุกขะฐานันติ วะทันติ พุทธา
    นะ หิ เวเรนะ เวรานิ สะมันตีธะ กุทาจะนัง อะเวเรนะ จะ สัมมันติ เอสะ ธัมโม สะนันตะโนฯ
    พุทโธ พุทธัง รักษา ธัมโม ธัมมัง รักษา สังโฆ สังฆัง รักษาฯ พุทโธ
    พุทธัง อะระหัง ธัมโม ธัมมัง อะระหัง สังโฆ สังฆัง อะระหังฯ พุทโธ พุทธัง กัณหะ
    ธัมโม ธัมมัง กัณหะ สังโฆ สังฆัง กัณหะ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง ภะวันตุ เม
    (สวดเพื่อผู้อื่น ภะวันตุ เต)
    นะสาเปเส พุรุอะกัง ปะริปัตตัง ปะริขันตัง มัจจุราชา นะภาสะติ มัจจุราชา นะ
    ปัสสะติฯ
    สุญญะโต โลกัง อะเวกขัสสุ บุญชู (สมมุติคนป่วยชื่อ บุญชู)
    สะทา สะโต(คาถาที่สมบูรณ์มีคำว่า “อัตตานุทิฏฐิง อูหัจจะ” เอวัง ถอนความเห็นที่ผิดที่ว่ามีตัวตนออกเสีย) โลกัง อเวกขันตัง มัจจุราชา นะ ปัสสะติฯ
    อิมัง สัจจะวาจัง อะธิฏฐามิ ทุติยัมปิ อิมัง สัจจะวาจัง อะธิฏฐามิ ตะติยัมปิ อิมัง สัจจะวาจัง อธิฏฐามิ
    โย ทัณเฑนะ อะทัณเฑสุ อัปปะทัฏเฐสุ ทุสสะติ ทะสันนะ มัญญัต ตะรัง ฐานัง
    ขิปปะเมวะ นิคัจฉะติ เวทะนัง ผะรุสัง ชานิง สะรีรัสสะ วะเภทะนัง คะรุกัง วาปิอาพาธัง จิตตักเขปัง วะ ปาปุเณ ราชะโต วาอุปะสัคคัง อัพภักขาณัง วะ ทารุณัง ปะริกขะยัง วะ ญาตีนัง โภคานัง วะปะภังคุณัง อะถะวาสสะ อะคะรานิ อัคคิ ฑะหะติ ปาวะโก กายัสสะ
    เภทา ทุปปัญโญ นิระยัง โส อุปปะปัชชติฯ
    หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว ขะยะ วะยะ ธัมมา สังขารา อัปปะมาเทนะ
    สัมปาเทถาติ อะยัง ตะถาคะตัสสะ ปัจฉิมา วาจาฯ
    อุททิฏฐัง โข เตนะ ภะคะวะตา ชานะตา ปัสสะตา อะระหะตา สัมมา สัมพุทเธนะ โอวาทะ ปาฏิโมกขัง ตีหิ คาถาหิ ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา นิพพานัง ปะระมัง
    วะทันติ พุทธา นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง กุสะลัสสูปะสัมปะทา สะจิตตะปะริโยทะปะนัง เอตัง พุทธานะสาสะนังฯ อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง ปันตัญจะ
    สะยะนาสะนัง อะธิจิตเต จะ อาโยโค เอตัง พุทธานะสาสะนันติฯ







    เมตตานิสังสะสุคตะปาโฐ

    เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวเน
    อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเมฯ ตัตระ โข ภะคะวา ภิกขู อามัน เตสิ ภิกขะโวติฯ ภะทันเตติ เต ภิกขู ภะคะวะโต ปัจจัสโสสุง ภะคะวา เอตตะทะโว จะ
    เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ
    กะตะเม เอกาทะสะฯ สุขัง สุปะติ สุขัง ปะฏิพุชฌะติฯ นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติฯ
    มะนุสสานัง ปิโย โหติฯ อะมะนุสสานัง ปิโย โหติฯ เทวะตา รักขันติฯ นาสสะ อัคคิ วา วิสังวา สัตถัง วา กะมะติฯ ตุวะตัง จิตตัง สมาธิยติฯ มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติฯ
    อะสัมมุฬโห กาลัง กะโรติฯ อุตตะริง อัปปะฏิวิชเฌันโต พรัหมะโลกุปะโค โหติฯ
    เมตตายะ ภิกขเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ
    วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาติฯ
    อิทะมะโวจะ ภะคะวาฯ อัตตะมะนา เต ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุนติฯ
    อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก ยะสะวัฑฒะโก พะละวัฑฒะโก
    วัณณะวัฑฒะโก สุขะวัฑฒะโก โหตุ สัพพะทาฯ ทุกขะ โรคะภะยาเวรา โสกา สัตตุ
    จุปัททะวา อะเนกา อันตะรา ยาปิ วินัสสสันตุ จะ เตชะสา ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิ ภาคะยัง สุขัง พะลัง สิริ อายุ จะ วัณโณ จะโภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา สะตะวัสสา จะ
    อายู จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เตฯ (เพื่อตัวเรา สวด ภะวัน ตุ เม *เต เพื่อผู้อื่น)
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ


    คำแปลบทสวดมนต์สอนเจ้ากรรมนายเวร
    และเพื่อให้เกิดพลังคุ้มครองตัวเองและผู้ป่วย

    ขอให้สรรพสัตว์ผู้เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่ามีเวรต่อกันเลย อย่าพยาบาทปองร้ายกันเลย อย่ามีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย ขอให้มีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัย ทั้งสิ้นเถิด (แผ่เมตตา)
    ขอให้สรรพสัตว์ ฯลฯ จงพ้นจากความทุกข์โดยประการทั้งปวงเถิด(แผ่กรุณา)
    ขอให้สรรพสัตว์ ฯลฯ อย่าได้ปราศจากและอย่าได้พลัดพรากจากสมบัติและบุคคลที่รัก
    ที่ตัวมีอยู่เถิด (แผ่มุทิตา)
    สรรพสัตว์ ฯลฯ มีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ทำกรรมใดไว้จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม จักได้รับผลแห่งกรรมนั้น (แผ่อุเบกขา)
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างตรัสสอนไว้ว่า ทำทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นจะมาถึงตน
    เวรจะไม่ระงับด้วยการจองเวร มันเป็นเช่นนี้ไม่ว่าในกาลเวลาใดก็ตามหรือไม่ว่ากาลไหนๆ ก็ตาม เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เท่านั้น ที่กล่าวมานี้เป็นคำสอนที่สืบต่อกันมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลแล้ว(ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างก็ทรงยอมรับว่ามันเป็นจริงอย่างนั้น)
    ขอคุณพระศรีรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ปกป้องคุ้มครองรักษา ทั้งคุณญาณบารมีของพระอริยะผู้ทรงอภิญญาทั้งหลายช่วยปกป้องคุ้มครอง ช่วยให้มีอายุยืนยาว มีผิวพรรณผ่องใส มีความสุข และมีพลังคุ้มครอง เป็นเหตุให้เกิดความปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลาย ทั้งเป็นเหตุปัจจัยช่วยให้เกิดพลังปาฏิหาริย์อันเป็นอัศจรรย์ ทำให้พญามัจจุราช (เจ้ากรรมนายเวร) ไม่พูดถึง และมองไม่เห็น (ข้าพเจ้าหรือผู้ป่วย)
    นี่แน่ บุญชู (สมมุติว่าคนป่วยชื่อ บุญชู) เธอจงมองโลกหรือตัวเองให้ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน เมื่อเข้าใจมองโลกหรือตัวเองว่า ว่างเปล่า (ไม่มีตัวตน) มัจจุราช(เจ้ากรรมนายเวร) จะมองไม่เห็น
    ขอกล่าวย้ำ อธิษฐานขอให้เป็นจริงอย่างนั้นอย่างแท้จริง ขอกล่าวย้ำเป็นครั้งที่ ๒ เป็นครั้งที่ ๓
    ผู้ใดประทุษร้ายหรือคิดร้ายต่อผู้ไม่เคยคิดร้ายต่อ ลงโทษผู้ที่ไม่เคยทำความผิดย่อมได้รับภัยร้ายแรง ๑o ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างทันตาเห็น คือ
    ๑. ได้รับทุกขเวทนา หรือทุกข์ทรมานอย่างแรงกล้า
    ๒. สรีระร่างกายถูกทำลาย
    ๓. เจ็บป่วยอย่างหนัก
    ๔. มีจิตฟุ้งซ่านอย่างหนัก อาจถึงกับเป็นบ้า
    ๕. ถูกทางราชการทำโทษอย่างรุนแรง
    ๖. ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดอย่างร้ายแรง
    ๗. ญาติเสียชีวิตแทน
    ๘. ทรัพย์สมบัติมีอันพินาศฉิบหาย
    ๙. ไฟป่าหรือไฟไหม้บ้านชนิดไม่ทราบสาเหตุทั้งไม่น่าจะเกิดภัยเช่นนั้น
    ๑๐. ตายไปแล้วยังตกนรกชดใช้กรรมต่อ

    มานี่ซิ ภิกษุทั้งหลาย มา ณ บัดนี้ ฉันขอเตือนพวกเธอทั้งหลายว่าสังขารทั้งหลาย (คือสิ่งที่ประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณปรุงแต่งให้เป็นตัวตน) มีความเสื่อมสิ้นสลายไปเป็นธรรมดา พวกเธอพึงดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท (คือให้มีสติควบคุมเสมอ อยู่กับปัจจุบันด้วยความมีสติเสมอ)
    นี้เป็นคำสอนครั้งสุดท้าย ก่อนที่พระพุทธองค์จะปรินิพพานซึ่งตรัสสอนด้วยความเป็นห่วง
    พระพุทธองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณ ทรงตรัสรู้เห็นแจ้งกำจัดกิเลสโดยพระองค์เอง ได้ทรง แสดงโอวาทปาฏิโมกข์ คือหลักคำสอนสำหรับผู้จะปฏิบัติตนเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลส เป็นหลักการโดยย่อว่า ผู้ที่มุ่งต่อพระนิพพาน อันเป็นบรมสุข ต้องมีความอดทน เพียรพยายามเผาทำลายกิเลสให้สิ้นไป เพียรพยายามด้วยความอดทนอดกลั้นอย่างแรงกล้าจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย(หากจะเร่งปฏิบัติตนเพื่อบรรลุเป้าหมาย) บำเพ็ญตัวเป็นนักบวชก็ขอให้เป็นนักบวชที่แท้จริง ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน สงบกาย วาจา ใจ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำบาปโดยประการทั้งปวง ทำแต่กุศล ชำระจิตใจให้สะอาดผ่องใส ทั้งไม่กล่าวใส่ร้ายใครไม่ทำร้ายใคร รักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์ รู้จักประมาณตนในการฉัน การบริโภค (ใช้สอยปัจจัย ๔) ยินดีอยู่อาศัยในที่เงียบสงัด เพียรพยายามบำเพ็ญภาวนาให้เกิด ภาวนามยะปัญญา ที่แท้จริง
    นี่แหละคือคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    ข้าพเจ้า (พระอานนท์เถระ) ได้สดับมาอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน พระอารามสร้างถวายโดยเศรษฐีอนาถะปิณฑิกะ ครั้งนั้น พระพุทธเจ้า พระผู้ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณ ได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมารับฟัง เมื่อพระภิกษุทั้งหลายได้มาแล้ว พระพุทธองค์ตรัสสอนดังนี้
    ภิกษุทั้งหลายผู้เจริญเมตตา จนกระทั่งข่มนิวรณ์ได้ เสพเสวย อบรมตนทำให้มากนำมาใช้เป็นประจำ ทำให้เกิดเป็นรูปธรรม กระทำด้วยความเพียรไม่ย่อท้อ สะสมเมตตาธรรมไว้เสมอ บำเพ็ญเพียรพยายามด้วยดี ย่อมได้รับอานิสงส์ ๑๑ ประการ เป็นแน่แท้ คือ
    ๑. หลับก็หลับอย่างเป็นสุข
    ๒. ตื่นมาก็เป็นสุข
    ๓. ไม่ฝันร้าย
    ๔. เป็นที่รักของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย
    ๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลายด้วย
    ๖. เทวดาคุ้มครองรักษา
    ๗. ปลอดภัยจากไฟฟ้าไหม้ ปลอดภัยจากพิษ ปลอดภัยจากของมีคม
    ๘. จิตเป็นสมาธิได้เร็ว
    ๙. สีหน้าผ่องใส
    ๑๐. ตายไปไม่หลงทาง (คือเป็นไปตามกรรมที่ได้ทำมา)
    ๑๑. หากไม่สามารถบรรลุความเป็นพระอริยะ อย่างน้อยก็จะได้เกิดเป็นพรหม

    ขอให้ท่านมีอายุยืน มีทรัพย์สมบัติ มีสิริ มียศ มีพลัง มีผิดพรรณที่ผ่องใส มีความสุขทุกเมื่อ ปราศจากทุกข์ โศก โรคภัย ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู ปราศจากอุปัทวอันตรายทุกประการ ขอให้มีอำนาจ มีชัยชนะ มีทรัพย์ มีลาภ มีความสวัสดี มีแต่ความดีงาม มีความสุข มีพลัง มีสิริ มีอายุมั่นยืนยาว มีผิวพรรณผ่องใส มีโภคะสมบัติเจริญรุ่งเรือง มียศ มีอายุยืน มีความสำเร็จในชีวิต จงทุกประการเทอญ.
    ด้วยอนุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ขอสรรพมงคลจงเกิดมี ขอปวงเทพปกป้องคุ้มครองรักษา
    ด้วยอนุภาพแห่งพระธรรม ขอสรรพมงคลจงเกิดมี ขอปวงเทพปกป้องคุ้มครองรักษา
    ด้วยอนุภาพแห่งพระอริยสงฆ์ ขอสรรพมงคลจงเกิดมี ขอปวงเทพปกป้องคุ้มครองรักษา
    ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการสวดมนต์เพียงแต่บทสวดมนต์ย่อที่พระอาจารย์ได้จัดให้ลูกศิษย์พิมพ์แจกผู้ที่สนใจ และตั้งใจสวดมนต์อย่างจริงจัง เพียงแต่บทสวดมนต์อย่างจริงจังเพียงแต่สวด (แต่เดิมถึงโอวาทปาฏิโมกข์ คือ พุทธานะสาสะนันติ เท่านั้น) ก็ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์ขึ้นถึง ๓ ครั้ง ทั้งได้รับทราบข่าวในวันเดียวกัน คือ วันเดียวกันคือ เดินทางไปประกอบพิธีให้ คุณหมอบรรจบ และ คุณหมอลลิตา ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๗ มี ๓ เรื่อง ๓ เหตุการณ์ คือได้รับทราบพร้อมกัน ในวันเดียวกัน
    ๑. คุณอภิญญา แห่งเมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์ได้โทรเล่ารายละเอียดถึงปาฏิหาริย์ของบทสวดมนต์ดังกล่าวว่า ของมีน้ำหนักเกิน ๒oo กว่ากิโลด้วยอานิสงส์ของบทสวดมนต์ พอไปทำบัตรที่นั่งปรากฏว่าทั้ง ๔ ท่าน คือ คุณอภิญา, คุณศศิธร, คุณเพ็ญ ที่เดินทางไปด้วยกัน ต่างได้เลื่อนชั้นจากชั้นธรรมดาเป็นชั้นธุรกิจอย่างไม่คาดฝัน เรื่องน้ำหนักเกินก็พลอยหมดปัญญาไปด้วย นับว่าเป็นปาฏิหาริย์จากการสวดมนต์
    ๒. คุณอภิญญา ยังเล่าต่อไปอีกว่าได้รับการบอกเล่าจาก คุณญาณรวี ซึ่งเป็นหัวหน้าทัวร์นำคณะไปแสวงบุญที่อินเดีย ไปเจอกันที่เมืองเดลฮี ก่อนจากกันได้รับบทสวดมนต์ไปหนึ่งแผ่น คณะของ คุณญาณรวี กลับเมืองไทยก่อนขณะอยู่บนเครื่องบินผู้ร่วมคณะท่านหนึ่ง ชื่อ มยุรี เกิดอาการช็อกน้ำลายฟูมปาก ได้พยายามโดยเอาสร้อย เจ้าแม่อุมา แขวนให้ปรากฏสร้อยขาดทั้งเหรียญเจ้าแม่อุมาก็หลุดออกมาชนิดที่ไม่น่าจะหลุดได้ ได้อธิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย ครั้นแล้วก็นึกถึงแผ่นกระดาษที่ได้รับจาก พระอาจารย์สิงห์ทน จึงเอาออกมาดู ปรากฏว่า เป็นบทสวดมนต์สอนเจ้ากรรมนายเวร และเพื่อให้เกิดพลังคุ้มครองตัวเองและผู้ป่วย จึงได้นำมาสวดภาวนา ก็ปรากฏผลว่า คุณมยุรีฟื้น อย่างน่าอัศจรรย์ ถ้าไม่เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว จะเรียกว่าอะไร
    ๓. และก็วันนั้นเอง ขณะนั่งรถไปด้วยกัน เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ ศูนย์บัลวี กำลังจะสร้างขึ้นใหม่ บ่อน้ำร้อนเวียงป่าเป้า จ.เชียงราย คุณหมอบรรจบและ คุณหมอลลิตา ก็เล่าให้ฟังถึง ปาฏิหาริย์ของบทสวดมนต์ ดังกล่าวว่า มีปลาพิเศษราคาเป็นหลายหมื่น เกิดอาการหงายท้องทำท่าจะตาย พอนึกถึงบทสวดมนต์ดังกล่าว เมื่อสามารถเกิดปาฏิหาริย์ช่วยให้คนสลบฟื้นได้ คงจะใช้กับปลาได้ จึงนำบทสวดมนต์ดังกล่าวมาสวดภาวนา พอสวดภาวนาไปพร้อมกับเอามือวางไว้ในอ่างใกล้ตัวปลา พร้อมกับสวดภาวนาไปเรื่องๆก็ เกิดปาฏิหาริย์อย่างไม่คาดฝัน ปรากฏว่า ปลาถ่ายออกมาแล้วพลิกตัวแหวกว่ายไปได้ คืนสู่สภาวะปกติ แต่ก่อนปลาตัวนั้นพอเห็น คุณหมอบรรจบ จะหนีหลังจากคุณหมอช่วยให้มันหายป่วย พอคุณหมอบรรจบเข้าไปหามัน มันจะมาหาให้ลูบคลำอย่างมีความสุข จะไม่เรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์จากบทสวดมนต์ดังกล่าวแล้ว จะเรียกว่าอะไร เพียงแต่สวดสั้นๆยังมีปาฏิหาริย์ดังกล่าวหากสวดใช้เวลาถึง ๒ ชั่วโมง ดังที่พระอาจารย์สิงห์ทนเคยสวดสืบชาตา แล้วมันจะไม่เกิดปาฏิหาริย์ได้อย่างไร
    ล่าสุดเมื่อเวลา ๑๙.๓๓ น. ของวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๗ ก่อนที่จะจบเรื่องในเล่ม พระณรงค์ วุทธเสถียร ปริญญาโทวิศวเคมี โทร. o๑-๘๒๕-๒๗๑๓ ได้โทรมาแจ้งว่า มีเรื่องด่วนจะแจ้งให้ทราบ เรื่องนั้นก็คือ เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ทุกข์ทรมานมาหลายปี เมื่อสวดมนต์ภาวนาบทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร ปรากฏว่าหายจากความเจ็บป่วยอย่างไม่น่าเชื่อตามปกติ พระณรงค์ ท่านชอบสงสัย ชอบพิสูจน์ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
    พระอาจารย์สิงห์ทน ยังเล่าให้ฟังว่า ระยะนี้มีแต่คนมาเล่าถึง ปาฏิหาริย์ของการสวดมนต์ให้ฟัง
    บางท่านที่เล่าถึงความสำเร็จที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เช่น คุณละออ ที่อาร์ลิงตัน เท็กซัส บางท่านก็เล่าถึงความคลาดแคล้วจากอุบัติเหตุ ซึ่งมีมากมายหลายตัวอย่าง
    เมื่ออ่านในหนังสือ ใครคือยอดพระเกจิ และ ธรรมะของพระแท้ แล้วน่าเป็นห่วงผู้ที่คิดในทางอกุศลต่อพระอย่างอาจารย์สิงห์ทน ว่าจะเกิดขึ้นเป็นผลตามา ถ้าอยากรู้แจ้ง ขอโปรดได้อ่านหนังสือ ธรรมะของพระแท้ และ ใครคือยอดพระเกจิ ก็จะเข้าใจด้วยตนเองว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อผู้ที่คิดไม่ดีต่อพระอาจารย์สิงห์ทน
     

แชร์หน้านี้

Loading...