อ. ไก่ คนเมืองบัว เสียชีวิตแล้ว

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย เริ่มต้น, 15 ธันวาคม 2009.

  1. หลานหลวงปู่

    หลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,100
    คนเมืองบัวละร่างกายไป มีสาเหตุดังนี้

    คนเมืองบัว ทราบล่วงหน้าโดยมีสิ่งมาบอก จึงเลือกตัดสินใจละร่างกายไป เพราะ ถ้าอยู่ต่อโทษจะหนักมากขึ้น คนเมืองบัวเลือกสละชีวิตตนเอง เพื่อสอนอะไรหลายๆอย่างเเก่คน
    คนเมืองบัวมองเห็นว่า ถ้ามีคนหลายคนตายเพราะสิ่งที่ตนหลงผิดไปชั่ววูบ เค้าจึงเลือกในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสรรพสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2009
  2. Akazaba

    Akazaba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +435
    ร่วมไว้อาลัยกับอาจารย์ครับ ท่านที่ไม่เข้าใจ เรื่องมโนมยิทธิ น่าจะไปอ่าน และศึกษาให้ดีก่อนจะมาพูดอะไร หลวงพ่อฤาาษีท่านชี้แจงไว้หมดแล้ว ทุกอย่างมีเหตุมีผล เทียบเคียงได้หมด


    รู้น้อยพลอย รำคาญ รู้มากจะยากนาน
     
  3. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,278
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,494
    ขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกท่านในการโพสต์เชิงสร้างสรรค์ครับ

    การกล่าวล่วงผู้ตาย ไม่ใช่วิสัยของผู้ประพฤติธรรม

    การกล่าวล่วงผู้ตาย โดยผู้ตายไม่มีโอกาส โต้แย้ง ไม่ใช่เรื่องอันควร

    การกล่าวเสียดสีกัน ผิดกรรมบท 10

    การลบหลู่ครูบาอาจารย์ซึ่งกันและกัน อาจก่อให้เกิดการปรามาสและสร้างกรรมโดยไม่จำเป็น

    ความเห็นและวิจารณญาณในการพิจารณาแต่ละโพสต์ของทีมงาน ถือเป็นข้อยุติตามที่ตกลงกันในการสมัครสมาชิก

    ดังนั้นขอให้สมาชิกทุกท่าน ให้อภัยซึ่งกันและกัน

    แม้นพระเทวทัตยังบรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ในอนาคต

    ดังนั้นอย่าก่อกรรมต่อกันโดยไม่จำเป็นนะครับ

    โมทนา
     
  4. หลานหลวงปู่

    หลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,100
    ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
    การที่คนเมืองบัวละร่างกายไปเเล้ว ให้คติธรรมเเก่คนหลายอย่าง
    *ขันธ์ 5 เป็นเเต่เพียงอาทิสมานกายมาอยู่ชั่วคราว เมื่อถึงวาระก็ต้องไปตามกรรม
    *การเกิด เเก่ เจ็บ ตาย การพรัดพรากจากของรักของชอบใจ เป็นทุกข์ทั้งหมด
    *สุขในกามนั้นไม่มี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2009
  5. หลานหลวงปู่

    หลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,100
    ตาสว่างหรือจะตามืด ก็เพราะปัญญานี้ ฉะเอิ๊กๆๆ
     
  6. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,278
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,494
    เรื่องตายแล้วไปไหนนั้น เป็นเรื่องของความเชื่อเฉพาะบุคคล
    เราควรเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน

    ถ้าเขาไปดี แล้วเรามาด่าเขา เราก็ขาดทุน
    ถ้าเขาไปร้าย แล้วเรามาด่าเขา เราก็ขาดทุน

    สรุปเราขาดทุนทั้งขึ้นทั้งร่อง

    สมเด็จองค์ปฐมท่านสอนเรื่อง "อย่าตำหนิกรรมของคนอื่น"

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านก็เน้นเรื่อง "อย่าเพ่งโทษผู้อื่น"

    หลวงพี่สมปอง ท่านก็เน้นให้ "ระมัดระวังการปรามาส" ซึ่งกันและกัน

    หลวงพี่เล็ก ท่านก็เน้นเรื่อง "อุเบกขา"

    ดังนั้น คุณควรพิจารณาให้ดีว่า ควรจะโพสต์แนวไหน

    ไม่ให้ใจตัวเองเสีย และไม่ให้ใจคนอื่นเสีย

    ลองพิจารณาดูนะครับ

    โมทนา
     
  7. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,278
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,494
    ถ้าไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก ก็ไม่มีปัญหาครับ

    บางทีการอุเบกขา อาจจะดีที่สุดสำหรับคนเห็นต่างนะครับ

    เชื่อในกฎแห่งกรรมครับ

    โมทนา
     
  8. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,278
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,494
    ความยุติธรรมในการดูแลสมาชิก คือ การ "ยุติ" ด้วย "ธรรม" ครับ
    ไม่มีใคร "ผิด" หรือ "ถูก" ครับ

    ขอโมทนากับการอภัยทาน และให้อโหสิกรรมต่อกันในครั้งนี้ครับ
     
  9. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ผู้ประพฤติธรรม ไม่ปล่อยให้โทสะเกาะกินใจนานๆ

    หากรู้แล้ว จงละโทสะ พิจารณาโดยแยบคาย หากยังไม่รู้ว่าโทสะเกาะกินใจ ก็ปฏิบัติให้มากๆ ดูตนให้มากๆ สอนตนให้มากๆ จับผิดตัวเองให้มากๆ จับถูกคนอื่นให้มากๆ

    การชนะกันด้วยคำพูดไม่เกิดประโยชน์อะไร , ไม่มีใครรู้เท่าตัวเราเอง

    คนตายไปแล้ว จะพูดถึง จะเหยียบไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะนั่นคือกรรมไม่ดี ถ้าเคยคิดไม่ดีต่อกัน ก็ควรแผ่จิตที่ผ่องใสดีแล้วขออโหสิกรรมต่อกันและกัน น้อมบุญกุศลอุทิศไปให้ นี่คือวิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม

    ธรรม...ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

    ทำดี...ดี ทำชั่ว...ชั่ว
     
  10. เฉยฉิบ

    เฉยฉิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +251
    นิมิตหลอน มโนมยิทธิเทียม




    กสิณนั้นเริ่มฝึกจากการใช้จิตกำหนดภาพ จนกว่าภาพที่จิตกำหนดสร้างจะเกิด แล้วเกิดการเปิดตาทิพย์จริง ระหว่างก่อนเปิดตาทิพย์นั้น ภาพที่จิตสร้างอาจชัดเจนแจ่มใสราวกับเป็นภาพจริง จนอาจคิดไปว่าตาทิพย์ได้เปิดแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่เปิดจริง ดังนั้น ภาพที่เห็นนั้น เรียกว่า “เห็นจริง แต่ไม่ใช่ของจริง” คือ เป็นภาพที่เกิดจากจิตสร้าง ด้วยพลังจิต ด้วยใจที่มีฤทธิ์ ไม่ใช่ของจริงที่ตาทิพย์ไปเห็นมา นอกจากนี้แล้ว แม้ว่าตาทิพย์เปิดจริง ระหว่างใช้ตาทิพย์ ก็มีนิมิตหลอนเกิดขึ้นได้เช่นกัน เช่น เพียงแค่คิดถึงปากกา ภาพปากกาก็ปรากฏแล้ว ดังนั้น ตาทิพย์ที่เห็นนั้น กำลังเห็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้น ไม่ใช่ของที่มีอยู่จริง นอกจากนี้ แม้ว่าจิตไม่ได้สร้างขึ้น บางครั้ง ภาพต่างๆ อาจปรากฏขึ้นมาเองได้ราวกับเป็นของจริง สิ่งเหล่านั้น อาจเกิดจากนิมิตที่ผู้อื่นส่งมา เช่น เป็นนิมิตจากกระแสจิตของภาคมาร เป็นต้น บทความฉบับนี้ ขอเสนอหลักการแยกแยะนิมิตและของจริง ดังนี้




    ข้อสังเกตในการแยกแยะนิมิตและของจริง

    ๑) หากตาทิพย์ยังไม่เปิด สิ่งที่เห็นทั้งหมดเป็นแค่นิมิตเท่านั้น ไม่ใช่ของจริง เมื่อตาทิพย์เปิดแล้ว จะมีทั้งของจริงและนิมิตปนกัน จะต้องละจากนิมิตให้หมด ทำจิตในว่างเปล่าโปร่งใสไร้การปรุงแต่งเจือปนใดๆ ทั้งสิ้นให้ได้ก่อน จึงจะเห็นของจริงแท้ การสังเกตว่าตาทิพย์เปิดหรือยัง ให้ลองสังเกตว่า เคยเห็นแสงสว่างวาบมากๆ จนเกือบๆ จะแสบตาบ้างหรือไม่ แล้วจากนั้น ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพชัด อาการแสงสว่างวาบมากๆ จะเกิดเพราะตาทิพย์เปิดครั้งแรก แต่หากยังไม่มีอาการนี้ ก็ควรระวังสิ่งที่เห็นด้วยว่า อาจเป็นเพียงนิมิต ไม่ใช่ของจริง ตาทิพย์ยังไม่เปิด เช่นเดียวกับหูทิพย์ เมื่อเปิดครั้งแรก จะมีเสียงแหลมๆ ดังเข้ามาก่อน จากนั้น หูทิพย์จึงเปิดจริง หากหูทิพย์ยังไม่เปิด เสียงที่ได้ยินเป็นแค่เสียงหลอน

    ๒) เมื่อตาทิพย์เปิดแล้ว ต้องผ่านด่านมารทดสอบก่อน คือ นิมิตภาคมารที่ส่งมาเรื่อยๆ ทำให้หลงคิดว่าเป็นความจริง แม้ว่าตาทิพย์จะเปิดแล้ว แต่ภาคมารก็สามารถส่งภาพนิมิตมาปกปิดความจริงให้เราหลงทางได้อีก ดังนั้น เมื่อเห็นภาพเทพเทวดา ให้ลองสนทนากับท่านดู ถามท่านให้กระจ่าง แล้วกลับมาตรวจสอบตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกครั้งว่าตรงกันหรือไม่ ต้องตรวจสอบหลายมุม จนเกิดความแน่ใจว่าตรงจริง ในช่วงใช้ตาทิพย์ ให้ตัดความลังเลเคลือบแคลงสงสัยออกก่อน เรียกว่าไปเอาข้อมูลดิบมาเท่านั้น ไม่ต้องนึกคิดปรุงแต่งสงสัยอะไร แต่ให้ถามเอาข้อมูลให้กระจ่าง การถามนั้นไม่ใช่วิจิกิจฉา แต่เป็นวิปัสสนาญาณ เพื่อให้ได้ข้อมูลถึงแก่นธรรมนั่นเอง เช่นนี้ ค่อยมั่นใจขึ้นได้

    ๓) ตรวจสอบกับญาติธรรมกันเอง เช่น ถอดกายทิพย์ไปหาญาติธรรมสนทนาข้อมูลบางอย่าง แล้วลองถามญาติธรรมทางเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ว่าได้รับการสื่อสารจากเราจริงหรือไม่ วิธีการนี้เหมาะสม เพราะตรวจสอบได้ง่าย เพราะญาติธรรมเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่จริง สามารถบอกได้ว่าได้รับการสื่อสารจากเราจริงหรือไม่ ทั้งนี้ พึงระวังอีกประการว่า บางครั้ง การสื่อสารกับกายทิพย์ กายสังขารเนื้ออาจจะไม่ทราบก็ได้ คือ เป็นความรู้สึกทางจิต เหมือนมีเทพเทวดามาดลจิตดลใจ ก็จะรู้สึกแค่ลางสังหรณ์เท่านั้น ไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าได้รับการสื่อสารจริง ในกรณีนี้ ควรสื่อกับกายเนื้อเขาโดยตรง จะสื่อสารได้ชัดเจนมากกว่ากายทิพย์

    ๔) ฝึกสติปัฏฐานสี่ แยกแยะจิตและใจออกจากกันก่อน (จิตจะคุมกายทิพย์ แต่ใจจะมีความรู้สึกนึกคิดมาปะปน ทำให้ข้อมูลถูกบิดเบือนได้) หรือฝึกอรูปญาณ โดยเฉพาะฌาน ที่กำหนดความว่างเป็นอารมณ์ให้ชำนาญ เมื่อเริ่มจะดูด้วยตาทิพย์ หรือถอดกายทิพย์ ให้เข้าสมาธิทำจิตให้ว่างเปล่าจากการนึกคิดปรุงแต่งใดๆ ก่อน เมื่อจิตมีความพร้อมแล้ว ให้ลองทายของต่างๆ ที่เก็บไว้ในกล่องเป็นต้น เมื่อทายได้ถูกแม่นยำแล้ว จึงถอดกายทิพย์ออกไป ก็จะได้ข้อมูลที่แม่นยำขึ้น ตัดส่วนภาพที่เกิดจากจิตของเรานึกคิดปรุงแต่งเองออกไปได้ส่วนหนึ่ง




    วิธีการฝึกมโนมยิทธิให้แจ่มใส ไร้นิมิตหลอน

    ๑) ขั้นตอนที่หนึ่ง นั่งสมาธิด้วยท่าที่สบาย อย่ารีบถอยกายทิพย์ อย่ารีบคิดถึงนั่นนี่ ให้นั่งให้สบายก่อน วางจิตเบาๆ แล้วค่อยๆ ให้จิตสงบนิ่ง จนจิตเริ่มว่างเบา เลิกคิดสะเปะสะปะ ถึงนั่นถึงนี่ จากนั้น จึงค่อยๆ เข้าสู่สมาธิ เพื่อการถอดกายทิพย์

    ๒) ขั้นตอนที่สอง เมื่อเข้าสู่สมาธิ สิ่งที่เห็นตอนแรกอย่าเพิ่งเชื่อทันที ให้ดูเฉยๆ ไปก่อน แล้วบริกรรม “ภาพจริงจงปรากฏชัด”ๆๆๆๆ ซ้ำๆๆ จากนั้น ภาพต่างๆ ที่เกิดจากการนึกคิดจะปรากฏขึ้นมาก่อน แล้วค่อยๆ สลายไปทีละอย่างๆ จนในที่สุด ภาพต่างๆ มืดดับไปหมด จากนั้น บริกรรมต่อไปเช่นเดิม ภาพจริงจะค่อยๆ ปรากฏเหมือนเปิดม่านจากความมืด จะเห็นลางๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ชัดขึ้นๆ

    ๓) ให้ทดลองทายของในกล่องที่ผู้ฝึกเก็บไว้ หากสามารถทำนายได้สำเร็จ แสดงว่ามโนมยิทธิ หรือตาทิพย์แจ่มใส ไร้ความนึกคิดปรุงแต่งเจือปน อีกกรณีหนึ่ง ให้ท่านที่ไม่ทราบเนื้อหาธรรมในไตรปิฎกเลย ฝึกมโนมยิทธิ แล้วถามข้อมูลที่ได้จากการถอดกายทิพย์ไปนรกสวรรค์มา หากได้ข้อมูลที่ตรงกับพระไตรปิฎกทั้งๆ ที่ไม่เคยอ่านมาก่อน ก็นับว่าน่ารับฟังในระดับหนึ่งได้ อนึ่งภาพที่เป็นของทิพย์ กับภาพที่เป็นวัตถุธาตุสี่นั้น จะแบ่งเขตการรับรู้โดยใจ กล่าวคือ ของทิพย์นั้นจิตรับรู้ แต่หากเป็นวัตถุธาตุสี่ จิตต้องทำงานร่วมกับใจ จึงจะรับรู้ได้ชัด ในขณะที่ใจเต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง จึงจะต้องตัดการปรุงแต่งออกจากใจให้ได้ ภาพที่เป็นวัตถุธาตุสี่ จึงจะแจ่มใสปรากฏชัดเจนถูกต้องแท้จริง ไม่ถูกหลอก




    ภาวะที่เอื้อต่อนิมิตหลอน และมโนมยิทธิเทียม

    ๑) การรีบถอดกายทิพย์โดยจิตยังฟุ้งซ่าน ไม่เรียบนิ่ง หรือจิตยังมีความคิดปรุงแต่งอยู่มาก เมื่อผู้นำ บอกให้คิดถึงสวรรค์ภาพสวรรค์จะปรากฏทันที แต่ไม่ใช่ของจริง เป็นแค่ภาพที่จิตของแต่ละคนสร้างขึ้น เมื่อมาตรวจสอบถามกันว่าภาพที่เห็นเป็นอย่างไร ก็จะได้รับคำตอบคนละอย่างกัน เพราะต่างจิตต่างใจต่างคนคิด อันนี้ เรียกว่า “นิมิต” เป็นธรรมชาติของนิมิต ที่แต่ละคนจะได้ต่างรูปแบบกัน แต่หากอาศัยนิมิตนี้มาตีปริศนาธรรม ด้วยการใช้สติปัญญาพิจารณาสภาวธรรมแล้ว แม้นิมิตแต่ละท่านจะต่างกัน แต่ก็ได้เข้าถึงธรรมได้เหมือนกันได้ เช่น การได้นิมิตเห็นสวรรค์ แม้ไม่ใช่ของจริง แต่หากสรุปแค่ว่าสวรรค์มีจริง บุญกรรมมีจริง แค่นี้ก็พอแล้ว แต่หากไปสรุปเอาว่าสวรรค์ที่เห็นนั้น เป็นอย่างที่ตนเห็นในนิมิต ก็อาจถูกนิมิตหลอกเอาเต็มเปา เรียกว่า สรุปเกินนิมิต เพราะนิมิตนั้น ไม่ใช่ของจริง

    ๒) การถูกนำความคิดให้คิดตาม เมื่อความคิดเกิด ภาพก็ปรากฏ เป็นเพียงภาพนิมิตเท่านั้น ไม่ใช่ของจริงเลย เช่น ผู้นำฝึกมโนมยิทธิ กล่าวว่า เห็นพระพุทธเจ้าไหม พระพุทธเจ้ามาครบทุกพระองค์ไหม สิ่งเหล่านี้เป็นคำถามนำให้ตอบว่า “เห็น” เพราะสิ่งแวดล้อมและสังคม จะหล่อหลอมให้ต้องคล้อยตามกัน ตามทฤษฎีการเหนี่ยวนำโดยสังคม (Mob psychology) สิ่งเหล่านี้ อาจเรียกได้ว่า “อุปทานหมู่” แต่ถึงจะเป็นอุปทานหมู่ก็ตาม หากเป็นนิมิตที่ทำให้คนเชื่อในกฎแห่งกรรม และสวรรค์ได้จริงแล้ว ก็ไม่ต้องไปถกเถียงหรือยึดมั่นถือมั่นในนิมิตที่เห็นมาก เอาแค่สรุปว่าสวรรค์มีจริง บุญกรรมมีผลจริงก็พอ ไม่ต้องเถียงกันว่าลักษณะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ฝึกสอนที่ต้องการให้ผู้เรียนได้มโนมยิทธิของจริง ก็ควรเลือกผู้มีความเพียรมีพรสวรรค์ แล้วนั่งสอบสอนกันให้ได้มรรคผลจริง ไม่ถามคำถามนำ แต่ถามคำถามเพื่อตรวจสอบ เช่น พระเจดีย์จุฬามณีมีกี่ยอด ถ้าตอบถูกก็ลองถามต่ออีกนิดว่า สีอะไร มีเทพเฝ้าอีกองค์ ถ้าตอบได้ถูกต้อง ก็แสดงว่าผ่านการทดสอบได้




    ในกลุ่มผู้ที่ได้มโนมยิทธิเทียม โปรดอย่าได้เสียใจ เพราะในกลุ่มคนที่ได้มโนมยิทธิจริงนั้น ได้พิสูจน์แล้วว่านรกสวรรค์มีจริง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นนิมิตหรือของจริง หากตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ให้ผลเท่ากัน ขึ้นกับการปฏิบัติของแต่ละคน ใครทำได้มากก็ได้มาก ใครทำได้น้อยก็ได้น้อย ส่วนจะเห็นสวรรค์จริงหรือสวรรค์เทียมเพราะนิมิตหลอกนั้น ไม่สำคัญเท่าการทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สาธุ
     
  11. จักรราศี

    จักรราศี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +1,086
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ!!!!!!

    ผู้ประพฤติธรรม ไม่ปล่อยให้โทสะเกาะกินใจนานๆ

    หากรู้แล้ว จงละโทสะ พิจารณาโดยแยบคาย หากยังไม่รู้ว่าโทสะเกาะกินใจ ก็ปฏิบัติให้มากๆ ดูตนให้มากๆ สอนตนให้มากๆ จับผิดตัวเองให้มากๆ จับถูกคนอื่นให้มากๆ

    การชนะกันด้วยคำพูดไม่เกิดประโยชน์อะไร , ไม่มีใครรู้เท่าตัวเราเอง

    คนตายไปแล้ว จะพูดถึง จะเหยียบไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะนั่นคือกรรมไม่ดี ถ้าเคยคิดไม่ดีต่อกัน ก็ควรแผ่จิตที่ผ่องใสดีแล้วขออโหสิกรรมต่อกันและกัน น้อมบุญกุศลอุทิศไปให้ นี่คือวิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม

    ธรรม...ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

    ทำดี...ดี ทำชั่ว...ชั่ว
     
  12. olive36

    olive36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +152
    นิมิตหลอน มโนมยิทธิเทียม

    เคยลองฝึกดูเหมือนกัน

    แต่ มันหลอนบ้าง จิงบ้าง

    เลยเลิกฝึกไป ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
     
  13. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762


    อ๋อ...เขาฝึกกันแบบนี้หรือคะ 55
     
  14. srirote

    srirote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +393
    กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดที่ข้าพเจ้าอาจจะเคยพลาดพลั้งล่วงเกินอาจารย์ไก่ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ รู้เท่าและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน และบุญบารมีที่เข้าพเจ้าได้สั่งสมมาแต่อดีตชาติก็ดี ชาติปัจจุบันก็ดี ขออุทิศให้อาจารย์ไก่ขอให้อาจารย์สู่สุขคติครับ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของอาจารย์ฯมา ณ ที่นี้เช่นกันครับ สาธุ
     
  15. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    รบกวนถามครับ..ตกลงว่า อ.ไก่ท่านไม่กลับมาแล้วใช่ไหมครับ....ช่วยตอบด้วยครับ พอดีไม่ได้ตามข่าวมาหลาบวัน หรือถ้าผู้รู้จะกรุณา ช่วยตอบผมทาง PM ด้วยครับ
     
  16. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
     
  17. k.thongsuk

    k.thongsuk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอกราบแทบเท้าอาจารย์ไก่.ครับ

    ขอให้จิตวิญญาณสู่แดนพระนิพพานด้วยเถิด...สาธุ
     
  18. narz

    narz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +2,659
    [​IMG]



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=wrnApGUJ9UU"]อาจารย์ไก่เพื่อมวลชน[/ame]

    อีก 1 ผลงาน อาจารย์ไก่เพื่อมวลชน ฝากไว้ในอ้อมใจทุกท่านครับ
    กระผมขออโหสิกรรมต่อทุกๆ ท่าน ทุกๆ คนที่เคยปรามาสล่วงเกินอาจารย์ไก่
    หากท่านใดยังไม่เข้าใจในเจตนารมณ์ของอาจารย์ไม่เป็นไรครับ
    ลองอ่านพิจารณาปฏิปทาของอาจารย์โดยแยบคายอีกครั้ง

    " จะเป็นกระโถนให้ท่านได้ถุยถ่ม
    จะเป็นน้ำเพียงหยาดหยดให้ท่านได้แก้กระหาย
    จะเป็นเพียงแผ่นดินผืนน้อยนิดให้ท่านได้ประคองกาย
    ความมุ่งหมายเพื่อให้ท่านเป็นคนดี "

    เมื่อได้พิจารณาโดย อนุโลม ปฏิโลม อย่างแยบคายแล้ว
    ผมคิดว่าสักวันท่านคงเห็นความดีในตัวอาจารย์ขึ้นมาครับ สาธุๆ

    P.E.A.C.E.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2009
  19. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    ตอนอาจารยืยังมีชีวิตอยู่ ไม่เห็นออกมาวิพากษ์วิจารย์กันขนาดนี้เลยคับ แต่พออาจารย์ตายไป มาเป้นแถวๆ เรื่องเข้าเนื้อไม่เข้าเนื้อนั้นสิ่งที่ผมเขียนไปผมรับรองข้อความของผมทุกคำคุณไม่ต้องเป็นห่วงคับ ขอบคุณมาก
     
  20. CHATTHAYA

    CHATTHAYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    453
    ค่าพลัง:
    +323
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ

    ในฐานะที่เป็นศิษย์อาจารย์ไก่ ก็ขออโหสิกรรมต่อทุกๆ ท่าน ทุกๆ คนที่ปรามาสล่วงเกินอาจารย์ไก่ด้วยเช่นกัน

    กราบคาระวะอาจารย์ไก่ด้วยความรักและเคารพยิ่ง ศิษย์คนนี้ขอตั้งปณิธาน จะเป็นคนดีตามที่อาจารย์มุ่งหมายค่ะ... catt24catt26
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...