ทำไมใช้คาถาไม่ได้ผล

ก่อนอื่นสวัสดีชาวสมาชิกทุกท่านและเวปมาสเตอร์ด้วย ที่หายไปนานเลย ผมเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ
ทำไมใช่คาถาไม่ได้ผล
ท่านที่ใช้คาถาไม่ได้ผลหรือหลายๆคนที่ท่งคาถาแล้วไม่ขึ้นบ้างคือใช้ไม่ได้ผมนั่นแหละ หากทำหลายๆคน ทุกคนจะตอบว่าอยู่ที่จิต ทำให้เราท่านๆทั้งหลายก็งงกันไม่รู้ว่า จิตเรามันเป็นอย่างไรหนอ ทำไมมันท่องไม่ขึ้นซักที หรือไม่ได้ผลซักที การใช้คาถาให้ได้ผมนั้นน่ะ มันต้องกำหนดจิตเป็นคับ การกำหนดจิตคือความตั้งใจอยู่สิ่งๆหนึ่ง แล้วไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ มันมีข้อแตกต่างที่ว่า ของพุทธคุณนั้นเวลาสวดใจต้องนิ่ง แต่ในส่วนของคาถาอาคมหรือพระเวทนั้น มันอยู่ที่การกำหนดจิต อย่างเช่น เวลาที่คุณกำลังเสกแป้งแล้วแป้งอยู่ในมือคุณก็ต้องนึกถึงมือข้างที่มีแป้งอยู่ พอท่องคาถาเสร็จก็อธิษฐานเอา ว่าจะให้เป็นไปในทางไหน แล้วเป่าไปที่มือที่ถือแป้งอยู่เบาๆ นี่แหละจึงจะใช้ได้ ไม่ใช่ท่องไปแบบนกแก้วนกขุนทองแล้วเสกอย่างนี้ไม่ได้ หรือถ้าจะใช้คาถาธนูมือ ก็ต้องนึกถึงมือข้างนั้นๆ ยิ่งนึกเห็นมือเราชัดเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วอธิษฐานให้มือเรา เหมือนกับธนูหรือค้อนก็ได้หรือกงจักรก็ได้ นี่ล่ะคับ ทำไมท่านอาจารย์ถึงต้องหัดให้ทำสมาธิเป็นพื้นฐาน ก็เพื่อให้ใจเราสงบ แล้วที่ท่านบอกว่าอย่าลังเลสงสัยก็เพราะว่า เวลาที่ท่องคาถาจิตใจมันจะคิดว่อกแว่ก ทำให้ใจมันสงบ เพราะความลังเลสงสัยว่าคาถาจะได้ผลมั้ย นี่ล่ะคับการใช้คาถาให้ได้ผล คราวหน้า ผมจะเอาเรื่องคาบมาเล่าให้ฟังกันอีกครั้งนึงนะคับ ผมเคยโพสไปแล้ว แต่คงยังมีคนอื่นที่ยังไม่ได้อ่านกัน สวัสดีคับ
Magic99

 

ขอบคุณครับ

 

ชอบเรื่องนี้ครับ ขอบคุณครับ

 

อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้จากคุณแต่ติดต่อคุณได้เลยค่ะพยายามมาหลายครั้งแล้ว ขอความกรุณาด้วยค่ะ

 

คาถาไม่ได้ผล เพราะจิตยังไม่อยู่ในฌาณครับ อย่างน้อยอุปจารสมาธิก็ยังดี

 

หายไปนานเลยนะนี่ คุณเมจิก เอ ...กว่าครึ่งปีแล้วเป็นอย่างน้อย

วิทยายุทธคงก้าวหน้าไปเยอะ

แอบไปซุ่มกับครูอาจารย์ที่ไหนมาครับ

(f) (verygood)

 

จากประสบการณ์ของผม....
ลูกของผมจะมีไข้บ่อย มีหลายครั้งที่อาราธนาพระมาทำน้ำมนต์ แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายตอนนั้นได้ แต่พอผมเปลี่ยนมาอีกวิธีหนึ่งคือ กำหนดจิตเห็นพระพุทธรูปให้ชัดให้นานที่สุด แล้วก็อาราธนาทำน้ำมนต์ ตอนนี้แหละครับ ที่ว่ามีไข้หายโดยฉับพลัน
หรืออีกวิธีที่ผมใช้ คือ กำหนดจิตเห็นพระพุทธรูปให้ชัดให้นานที่สุด แล้วว่า "นะโมพุทธายะ" โดยให้เห็นตัวอักษรเป็นสีแดงไหลลงไปในหัวของลูก...เชื่อไหมครับว่า ตัวลูกของผมเย็นโดยฉับพลัน เหงื่อก็ค่อยๆซึมออกมาเลยครับ
ลองไปไปทำดูนะครับ หรือใครมีวิธีใดก็เล่าสู่กันฟังนะครับ

 

(verygood)

 

โมทนาครับ

 

ขอบคุณคับกับการตอบรับของท่านทั่วๆไป ที่หายไปเนื่องจากมีกิจต้องทำน่ะแต่ผมตั้งปณิธานไว้แล้ว ว่าจะไม่ไปไหน จะมาเรื่อยๆแหละคับ ขอขอบพระคุณมากๆคับ ที่ยังจำกันได้

 

คาถา

ผมมีประสบการณ์อาธนาหลวงปู่ปานขอให้แผ่บารมีทำน้ำมนต์รักษาไข้ให้
ลุกชายซึ่งกำหนดจะต้องเข้าสอบเข้า ม. ๑. ในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฎว่าคืนนี้เป็น
ไข้ตั้งแต่ตอนบ่าย ตัวแดง ตัวร้อน ไข้สูงมาก ผมไม่มีทางเลือก คาถาก็ไม่
เป็น จึงเชิญรูปหลวงปู่ปานมาตั้ง เอาน้ำมาเต็มแก้วตั้งตรงหน้ารูป จุดธูป
เทียนบอกกล่าวท่าน ขอบารมีให้ช่วยทำยาหรือน้ำมนต์ที่แก้วน้ำให้ด้วย เพราะ
ไม่สามารถหาทางอื่นใดแล้ว ขอให้หายทันสอบ เพราะเตรียมตัวมาดีแล้ว
จากนั้นสวดมนต์ นั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมง ลาน้ำมนต์แล้วปลุกลูกมา
ดื่มแล้วกราบพระ น่าอัศจรรย์ ตื่นเช้าลูกตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น หายแล้ว
และสอบเข้าได้ด้วยครับ ขออภัยที่ยาวหน่อย เพื่อประโยชน์คนที่ไม่มีคาถาครับ

 

อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแระ

 

สำหรับ คน บางคน มีของเดิม ติดตัวมา แต่ บางอย่างยังไม่ถึงเวลา

เมื่อถึงเวลา ของที่มีอยู่ ก็ จะ ออกมาเอง เป็น ปัญญา โดย ไม่รู้ตัว

(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)

 

ขออนุโมทนาครับ โดยส่วนตัวแล้ว ปกติผมจะมีเคล็ดลับ(เปิดเผยไม่หวงวิชาครับ ^ ^) อยู่ที่การน้อมกระแสจิตออกไปจากกายก่อนน่ะครับ เช่น สมมติว่าเราจะนึกถึงสิ่งของหรือบุคคลภายนอก แทนที่เราจะส่งกระแสจิตออกไปที่สิ่งนั้นโดยตรงเลย ก็ให้เราเริ่มต้นที่การมีสติระลึกรู้อยู่ในกายก่อน จากนั้นก็อยู่ที่ว่าเราจะน้อมความรู้สึกออกไปจากส่วนไหนของร่างกาย ก็ให้กำหนดจิตที่ร่างกายส่วนนั้นก่อนเหมือนเป็นฐานส่งความรู้สึกออกไปภายนอกน่ะครับ บางครั้งเราอาจจะรู้สึกทั้งร่างกายแล้วก็น้อมความรู้สึกออกไปจากร่างกายพร้อมๆกันเลยก็ได้ครับ ให้มีความรู้สึกว่าความรู้สึกทั้งร่างกายของเรากำลังส่งออกไปยังสิ่งนั้นๆ หรือบางครั้งเราจะรู้สึกแค่เฉพาะที่ฝ่ามือหรือที่นิ้วแล้วก็น้อมส่งกระแสจิตออกไปก็ได้ครับ

ปล.หรือเวลาเราสวดมนต์หรือภาวนามนต์บทใดก็ตาม ถ้าไม่ได้คิดจะส่งกระแสจิตออกไปหาสิ่งใด ผมก็จะสวดให้กระแสมนต์แผ่กระจายอยู่ในร่างกายทั่วตัวทั่วพร้อมไปด้วยไม่ส่งจิตออกไปภายนอก จนต่อมาหลังๆผมก็ไม่ค่อยได้ใช้บทสวดภาวนาอะไรแล้วล่ะครับ เพียงแค่น้อมนำเอาสติมาระลึกรู้อยู่ในกาย แผ่ความรู้สึกไปทั่วร่างกายจากนั้นก็ทำจิตให้เป็นสมาธิก็ใช้ได้แล้วล่ะครับ