มีใครเป็นลูกหลานเสด็จปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราชบ้างครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วรุณบุตร, 9 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392


    เปลี่ยนรูปอีกแระ...อย่าบอกนะว่าที่โน่นอากาศเปลี่ยน จนได้ใบไม้สีนี้มาหน่ะ...(k) ช็อกโกแลต...อย่าลืมนะคะ กลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่ จะไปรับของกินก่อนเลย อิ อิ..
     
  2. tamroy

    tamroy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอตอบเเบบสนุกๆน๊ะค๊ะ ไข่ แต่ไม่ทราบว่าไข่อะไรเพราะ จะตอบไข่พญานาคก็ดูเล็กเกินไป(ไม่เคยเห็นไข่พญานาคเดาเอาเอง)
     
  3. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392
    เรื่องตาที่สาม..สี่..ห้า... ว่าจะไม่พูดแล้วเชียวหนา...

    มันเปนดาบหลายคมค่ะ คุณน้อง...ส่วนใหญ่ที่ได้ มีหลายประเภท อาทิ ฝึกได้ญาณสมาบัติทางปฏิบัติโดยตรง และอีกประเภท ขันธ์ธาตุแตกดับ สลาย... และเกิดใหม่ ด้วยจิตใหม่ แต่สังขารเดิม การมองเหนดังกล่าว จึงมาพร้อม "ตัวกรรม" นั่นคือ เหน...เขาเหนจริงแบบทะลุทะลวง แต่เปนการเหนที่ต้องแลกด้วย... ความเหนื่อยและการสูญเสีย มันไม่ได้มาง่ายอย่างที่หลาย ๆ คนคิด...และบางท่าน ที่โลดแล่นอยู่ในห้องนี้ก็ได้ตาที่สามจริง แต่จะนิ่งเงียบกันเสียมากกว่า...แบ๊ะ แบ๊ะ..({)

    สมัยที่ผู้พูดไปนั่งเรียนวิชาพลังจักรวาล เมื่อ 3 ปีที่แล้ว อาจารย์ผู้สอนเปนศาสดราจารย์ ท่านพูดได้กระแทกใจผู้เรียนได้อย่างน่าสนใจว่า.... มีตาที่สาม แล้วเปนยังไง เหนโน่น เหนนี่ ...แต่...แค่ตัวทุกข์ตัวเดียว ที่อยู่ในร่างกายเรา กลับมองไม่เหน ถือเปนการเหนที่ไร้ประโยชน์ ไร้ค่า.... การเหนที่แท้จริง คือการเหนด้วยปัญญา เหนในหลักคำสอน เข้าใจในอริยสัจ 4....ผู้เรียนหลายคน นั่งก้มหน้างุดงุด เพราะส่วนใหญ่ที่มานั่งเรียน มาแบบกำลังภายในเยอะค่ะ...เพราะก่อนเรียน ให้กำหนดการรับพลังจากผู้สอน เปนพลังความรัก ความเมตตา แบบไม่มีประมาณ ดังนั้นสิ่งที่หลายคนสัมผัสได้ การรู้..และเห็น ด้วยตาเนื้อ จึงไม่เหมือนกัน..

    ทีนี้... ไอ้การการปวดตุบ ตุบ ที่บริเวณหว่างคิ้ว ในศาสตร์ เขาเรียก จักระ 6 กลางกระหม่อม คือ จักระ 7 .... เวลาไปในดินแดนต่าง ๆ หรือเวลานั่งสมาธิ แล้วมีอาการปวดบริเวณจักระ 6 (กลางหน้าผาก) นั้น ทางจิตญาณกล่าวกันว่า ... เปนปฏิกิริยาของดวงจิตที่อยู่ในสังขารเรา กะ ไอ้วิญญาณที่อยู่ตรงนั้นหล่ะ ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกว่า รู้จักกัน ทักทายกัน ในรูปแบบของอณูพลังงาน พอมากระทบร่างกาย และบางคนกำหนดการเพ่งที่ตาที่สามมากไป คืออยากเหนใจแทบขาด.. พลังงานดังล่าว จึงรวมตัวกันกระทบร่างกาย ก่อให้เกิดความรู้สึกในหลาย ๆ อาการของผู้ปฏิบัติ.... ซึ่งในทางพระ ท่านบอก อย่าได้ใส่ใจในสิ่งที่รู้สึก แต่ให้พิจารณาการตาย ด้วย เนื้อหนัง มังสา เล็บ ขน รูป เวทนา สัญญา ....และท่านก็ได้กล่าวไว้ดีแล้ว แต่หากเอาคำถามดังกล่าว ไปถามคนที่มีองค์ ร่างทรง (สายเทพ)... คำตอบที่ได้คงไม่ใช่แบบนี้....

     
  4. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071
    เห็นแต่ไม่รู้ รู้แต่ไม่เห็นเด้อ

    บางครั้งการที่เราสามารถพบเจอสิ่งใดที่เป็นสิ่งน้อยคนนักจะได้รู้ การรู้ล่วงหน้าก็ดี หรือรู้ในสิ่งที่ล่วงมานานแล้วก็ดี ถ้ารู้แล้ววางได้ สิ่งที่เรารู้นั้นจะเป็นประโยชน์กับชีวิตอย่างยิ่ง

    บางที การรู้ในสิ่งที่วิเศษ เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นนั้นเป็นสิ่งสนุก และตื่นเต้น

    แต่บางหน การรู้ในสิ่งที่วิเศษนั้น เป็นสิ่งที่เราไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็น และัเป็นสิ่งที่เจ็บปวด
    ซึ่งเป็นบททดสอบให้เราผ่านไปให้ได้ และเพื่อให้เราเห็นสิ่งที่เรียกว่าทุกข์ได้อย่างถ่องแท้ที่สุด

    หากเราผ่านไปไม่ได้ ก็จะจมอยู่อย่างนั้น และไม่สามารถเดินก้าวต่อไปพบเจอกับสิ่งที่เป็นที่สุด และเป็นหนทางดับทุกข์ให้เราได้

    มันเป็นดาบหลายคมอย่างที่แม่ย่าพิชญ์บอก

    "การเห็นที่แท้จริง คือการเห็นด้วยปัญญาเห็นในหลักคำสอน เข้าใจในอริยสัจ "

    นั่นล่ะเป็นการเห็นจริงที่ยอดเยี่ยมที่สุด โมทนาสาธุทุกประการจ้ะ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2010
  5. มนตรา_นาคี

    มนตรา_นาคี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +179
    ขออนุญาติประชาสัมพันธ์งานบุญนะค่ะ

    งานมาฆปูระมีศรีปราจีน ประจำปี ๒๕๕๓

    งานจัดที่วัดสระมรกต อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี

    งานจัด ๙ วัน ๙ คืน ค่ะ

    เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม

    แต่ไฮเลทงานอยู่ที่ 3 คืนสุดท้ายค่ะ

    วันที่ 26 - 27 กุมภาพันธ์

    มีทานพาแลงร่วมกันชมแสง สี เสียง และโขนค่ะ

    เมื่อปีที่แล้วนำเอาโขนคณะโจหลุยส์มาเล่น..สนุกมาก..ชอบหนุมานค่ะ

    วันที่ 28 กุมพาพันธ์

    ร่วมกันเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่

    และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยค่ะ

    และวันนี้มีการปล่อยโคมประทีปลอยฟ้ากันด้วยค่ะ

    ขอเชิญมาร่วมงานกันนะค่ะ

    ในตอนกลางวันมีรถนำชมเมืองโบราณศรีมโหสถ

    ไปไหว้ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ ตอนจากกิ่งต้นโพธิ์ตรัสรู้จากลังกา

    และหลวงพ่อทวารวดี คู่บ้านคู่เมืองศรีมโหสถ มากว่า 2000 ปี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.3 MB
      เปิดดู:
      47
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      49
  6. พรหมพร

    พรหมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +457
    น้องๆในที่นี้หลายคนคงใกล้สอบแล้ว อย่าอ่านหนังสือซะจนดึกดื่นนักก็แล้วกันนะ รักษาสุขภาพด้วย
    ถ้านอนน้อย ถึงอ่านหนังสือมากๆมันก็ไม่ค่อยเข้าหัวหรอก สมองไม่ปลอดโปร่ง พักสายตาบ้าง
    อย่างเข้ามาเม้นส์ที่กระทู้แห่งนี้เป็นต้น :d อิอิ เม้นส์วันละนิดจิตแจ่มใส ช่วงนี้พี่ตามอ่านสถานเดียว
    อยากจะเล่าเรื่องที่ไปเที่ยวงานกราบนมัสการพระธาตุพนมอยู่เหมือนกัน แต่ เล่าไปมันก๊ะเท่านั้น
    เก็บไว้คิดเอง รู้เองมั่งดีกว่า ความรู้เรามันก็เท่าหางอึ่ง พี่ๆน้องๆเค้าเจอมาเยอะกว่าเราเค้าก็ยังไม่พูดเลย~

    คิดถึงนะคะ คุณพี่คุณน้องทั้งหลาย ซึ่งเราไม่อาจเอ่ยขานรายนามมาได้ทั้งหมด ถ้าตกหล่นกลัวจาน้อยในเอา :'(
     
  7. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351



    มีแต่ต่อมฮาอ่ะคับคุณเบนซ์ ฝึกได้ป่าวฮะ.....555
     
  8. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    แวะมาเยี่ยม แวะมาเยือน เพราะเห็นแม่พิชญ์ ธ ส่งข่าวว่ามีแขกจากต่างแดนเข้ามาทักทายชาวบึงฯ ในกระทู้นี้

    กับเตรียมส่งกำลังใจให้กับเหล่านาคา นาคีที่ สว. มั่ก ๆ อีกหลายท่าน ที่เตรียมจะเลื้อยขึ้นเขาคิชฌกูฎ ลงคลองลำนารายณ์ และลงทะเลภูเก็ตกันในเร็ววันนี้ จะได้มีแรงเลื้อยกันคล่อง ๆ ถ้าไม่งานเข้าเสียก่อน ฮิ ฮิ ฮิ (f)(f)(f)
     
  9. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    พระคาถาเปิดทิพจักขุญาณ ที่ให้ท่องภาวนาก็คือ

    สหัสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ ....
     
  10. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    หลายครั้ง ที่ มีโอกาส ใด้รับ ฟัง สนทนาธรรม กับหลวงพี่ ท่านหนึ่ง วัดหลวงปู่สุภา ท่านผ่านด่านๆ ต่างๆ มาก เพียงแค่ ไม่กี่เดือน ที่บวช ครับ จากในพรรษา 2552

    ครูอาจารย์ ท่านคุมดูแล ตลอด แม้กระทั่งการเดินจงกรม จะมีเสียงเข้ามาในจิต ให้ รับทราบ และ ทำตาม เดินตามตามอารมณ์
    ก่อนหน้านี้ ท่านเป็นเซียนพระ ตัวจริง แม้กระทั่ง รูปผ้ายันต์ เสด็จปู่พระอินทร์ ท่านเขียนเอง

    ช่วงนี้ ท่าน เพียงแต่ ละ การมองเห็น ,สัมผัสอายตนะทั้ง 5 ปล่อย เดินอย่างเดียว คือ....

    อุเบกขาฌาณ

    ยินดี ต้อนรับทุกท่าน แสวงบุญทางใต้ ครับ ภูเก็ต หลวงปู่สุภา ,กราบรอยพระพุทธบาท นัมทานที่ รอยที่ 5 เกาะแก้วพิสดาร ภูเก็ต (นั่งเรือ ) 13 มีนา ร่วมบวงสรวง ย่าจัน ย่าเมือง (เมือง 2 ย่า วีรสตรี ถลาง )
     
  11. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    อุเบกขา

    ทำไหม ต้อง อุเบกขา

    เพราะ เรา ยึดมั่น ถือมั่น ใน ตาเห็น หูใด้ยิน สัมผัส ใด้ ดังเช่น ตาทิพย์ ,หูทิพย์ ,เตโช รู้จิตผู้อื่นใด

    เล่น ฤทธิ์ กสิณ ใด้ ....แต่ ...ไมใช่นิพพาน... ( แต่ นำมาช่วยสังเคราะห์ ผู้อื่นใด้ นับเป็น บารมี ถ้า ใช้ให้เป็น )

    สังเกตุไหม

    - พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

    - บารมี 10 ทัศ , 30 ทัส

    <CENTER><TABLE style="LINE-HEIGHT: 200%" borderColor=#079676 cellSpacing=4 cellPadding=3 width="96%" border=5><TBODY><TR><TD vAlign=top width="18%">ทานบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">จิตพร้อมในการให้ทานเป็นปกติ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">ศีลบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">จิตพร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">เนกขัมมะบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">จิตพร้อมในการถือบวชเป็นปกติ ในที่นี้หมายถึงบวชใจ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">ปัญญาบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหารอุปาทานให้พังพินาศไป </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">วิริยะบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">มีความเพียรในทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">ขันติบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">มีความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งอันเป็นปฏิปักษ์ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">สัจจะบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">ทรงตัวไว้ว่าเราจะทำจริงทุกอย่างในด้านของการทำความดี ไม่มีคำไม่จริงสำหรับใจเรา </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">อธิษฐานบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">เมตตาบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="18%">อุเบกขาบารมี</TD><TD vAlign=top width="82%">การวางเฉยในกาย เมื่อมันไม่ทรงตัว </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>


    <CENTER><TABLE width="96%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">องค์สมเด็จพระสวัสดิโสภาคย์ได้แสดงกฎของการปลดทุกข์ คือ ปลดอารมณ์แห่งความทุกข์ สร้างอารมณ์ความสุขให้เกิดขึ้นกับใจ มีอยู่ ๑๐ อย่าง ด้วยกันคือ
    ๑ ทานบารมี
    ๒ ศีลบารมี
    ๓ เนกขัมมะบารมี
    ๔ ปัญญาบารมี
    ๕ วิริยะบารมี
    ๖ ขันติบารมี
    ๗ สัจจะบารมี
    ๘ อธิษฐานบารมี
    ๙ เมตตาบารมี
    ๑๐ อุเบกขาบารมี

    คำว่า บารมี นี่แปลว่า เต็ม เมื่อเต็มแล้วก็ต้องเต็มจริงๆ เป็นอันว่าถ้าบารมีทั้ง ๑๐ ประการนี้เต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ที่เรียกว่า ปรมัตถบารมี สำหรับพระสาวกนะ ไม่ใช่อันดับขั้นพระพุทธเจ้า สำหรับขั้นพระสาวกนี้ใช้อารมณ์ต่ำ อารมณ์ไม่สูงนัก ไม่ใช่ขั้นพระพุทธเจ้า
    ถ้าหากว่าบารมีทั้ง ๑๐ ประการนี้เป็น ปรมัตถบารมี (คำว่า ปรมัตถบารมี หมายความว่า มีอารมณ์ทรงสูงอย่างยิ่ง คำว่า อย่างยิ่งก็หมายความว่าไม่เคลื่อนไป อารมณ์ที่มีอาการตรงกันข้ามไม่เกิดขึ้นกับจิตใจของเรา)
    ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ครบถ้วนบริบูรณ์ ทุกท่านก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นพระอรหันตผล
    นี่เดิมทีเดียวเราก็สอนกันมา แนะนำกันมาในหลักการทั่วๆ ไป แต่จะเห็นว่ากว้างเกินไปในการปฏิบัติ และเวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัท มีทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่มีกำลังใจคือ บารมีแก่กล้านี้มีอยู่ หรือว่าบางท่านที่ยังอ่อนยังย่อหย่อน ก็จะได้มีความเข้าใจในการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติจริงๆ เพื่อมรรคเพื่อผล ถ้าขาดบารมีทั้ง ๑๐ ประการแล้ว ทำอย่างไรมันก็ไม่มีผล ถ้าผลที่จะมีกับกำลังใจก็ได้แค่ผลหลอกๆ คือ อุปาทาน คำว่าหลอกลวงนี่ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาไปโกหกมดเท็จใคร แต่ว่ากำลังใจมันไม่จริง
    ที่เรียกว่าหยุดได้จากความโลภ ความโกรธ ความหลง อาจจะหยุดไปเพราะอารมณ์สบายชั่วคราว แต่ทว่าข้างหน้าต่อไปคลายไปก็มีทุกข์ มีความโลภ ความโกรธ ความหลง หรืออาจจะหยุดได้ด้วยกำลังของฌาน เช่น ฌานโลกีย์ กำลังใจยังดีไม่พอ ก็เอากำลังเข้าไปกดความโลภ ความโกรธ ความหลง นี่ถ้าหากว่าจะตัดกันตรงๆ ก็ต้องมาพิจารณาขันธ์ ๕ ว่ามันเป็นทุกข์ (ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
    นี่ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์เพราะอะไร เพราะว่าเราขาด ทานบารมี ขาดศีลบารมี ขาดเนกขัมมะบารมี ขาดปัญญาบารมี ขาดวิริยะบารมี ขาดขันติบารมี ขาดสัจจะบารมี ขาดอธิษฐานบารมี ขาดเมตตาบารมี ขาดอุเบกขาบารมี
    และที่พูดวันนี้อาจจะมีหลายท่านจะตอบว่า บารมีทั้งหลายเหล่านี้มีครบถ้วนแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าบารมีนี้จัดเป็น ๓ ชั้น คือ
    • บารมีต้น เรามีทานมีศีลเหมือนกัน แต่ว่าทาน ศีลมันบกพร่อง มันไม่ครบถ้วนบริบูรณ์
    • ถ้าหากว่าบารมีอันดับที่ ๒ ที่เรียกว่า อุปบารมี ทาน ศีล ของเราดีครบถ้วนแต่จิตใจยังไม่สะอาดพอ ยังไม่รักพระนิพพาน
    • ถ้าหากว่าเป็น ปรมัตถบารมีแล้ว ไม่มีการหวังผลใดๆ ในโลกีย์วิสัย จะเป็นชาตินี้หรือว่าชาติหน้าก็ตามที กำลังใจของเราไม่มีการเกาะ การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระนิพพานโดยเฉพาะ ทำด้วยจิตบริสุทธิ์
    คัดมาจากweb: banfun.com

    คัดย่อ จากหนังสือบารมี ๑๐, หนังสือ เร่งรัดการปฏิบัติ และหนังสือศิวโมกข์ ๔ ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    ท่านสามารถอ่านเรื่องบารมี ๑๐ เพิ่มเติมได้ที่ http://praruttanatri.com/special/books/barame10/ ขออนุโมทนาบุญกับผู้จัดทำด้วยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  12. พรหมพร

    พรหมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +457
    เหรอ ? ที่จริงก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นคาถาทิพจักขุญาณ เห็นอ่านเจอในหนังสือบทสวดมนต์เก่าๆ
    บอกว่าเป็นคาถาเสกน้ำล้างหน้า ใช้เสกน้ำหยอดตาแก้เจ็บตา บอกว่าถ้าใช้เสกน้ำล้างหน้าทุกวันจะไม่เป็นโรคตา
    ที่จริงก็เสกน้ำล้างหน้าทุกวันแหละ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เอาซะหน่อย ทำจนชินเป็นกิจวัตรประจำวัน
    หุ หุ มีอยู่วันนึงนะ เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยความที่รีบเร่งทำเวลา ก็เลยไม่ได้เสกน้ำล้างหน้าด้วยพระคาถานี้
    วันนั้นทั้งวันรู้สึกเคืองที่ตาขวา พอถึงวันรุ่งขึ้นก็มีตุ่มแดงที่เปลือกตา โหย~เป็นตากุ้งยิงเฉยเลยอ่ะ
    เจ็บๆคันๆ พอทนได้ ฝีไม่แตกแต่ค่อยๆยุบตัวลงไปเอง เป็นอยู่ 10 วันจึงได้หาย เฮ้อ~จะไม่ลืมอีกเลย
     
  13. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    ไม่ได้เข้ามาโพสเสียนาน งั้นวันนี้ขอฝากข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ไว้แล้วกันนะครับ

    "ความทุกข์มาจากไหน..?<O:p</O:p

    คนส่วนใหญ่ไม่รู้ที่มาของความทุกข์ จึงคิดว่าทุกข์มาจากผู้อื่นกระทำ บางคนก็คิดว่า ทุกข์มาจากเราทำเอง<O:p</O:p

    "ทุกข์มาจากความไม่รู้ ตามความเป็นจริง"<O:p</O:p

    "ชีวิตคืออะไร..?"<O:p</O:p

    หากเรารู้ว่าชีวิตคืออะไร? เราจะปฏิบัติต่อชีวิตอย่างถูกวิธี<O:p</O:p

    ความจริงในธรรมชาติของจักรวาล มีแค่รูปและนาม เพราะรูปคือมวลสารต่างๆ ที่หมุนรอบตัวเองในที่ว่าง จึงเกิดสนามพลังของนามธรรม อยู่รอบรูปธรรมนั้น สมมุติเรียกว่า "จิต" คือธรรมชาติแห่งการรับรู้ เพราะธาตุต่างๆ ที่รวมตัวอยู่ด้วยกันไม่คงที่ ความรับรู้ที่เกิดขึ้นในช่องว่าง รู้สึกถึงการจะแตกสลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเติมเต็ม (โลภะ) เกิดความรู้สึกขัดขวาง (โทสะ) เกิดความไม่รู้ที่แฝงตัวมา (โมหะ)

    <O:pเมื่อมันมาก่อตัวกันเข้า เป็นโครงสร้างของรหัสดีเอ็นเอ ที่จะสมานตัวให้ทรงตัวอยู่ได้ จึงพยายามที่จะรักษาสถานภาพนั้น ด้วยการแสวงหาสิ่งที่จะมาเติมเต็ม แก้ปัญหาความพร่องของธาตุสี่ เกิดสภาวะการดิ้นรนของนามธรรม ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกนี้<O:p</O:p
    สิ่งทั้งหลายไม่มีอยู่โดยตัวของมันเอง ไม่มีความคงที่อยู่อย่างเดิม แม้แต่ขณะเดียว จึงเป็นสภาวะที่พร้อมจะก่อให้เกิดทุกข์แก่ผู้ไม่รู้เท่าทัน<O:p</O:p

    สิ่งต่างไม่มีตัวตนด้วยตนเอง อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น

    เพราะความไม่รู้ตามความเป็นจริง จึงเกิดความคิดปรุงแต่ง

    เพราะเกิดความคิดปรุงแต่ง จึงรับรู้ถึงความรู้สึก

    เพราะการรับรู้ถึงความคิดนั้น จึงส่งผลถึงอารมณ์และบุคลิกภาพ

    บุคลิกภาพนั้น ส่งต่อให้เครื่องมือการรับรู้ทำงาน

    เพราะการรับรู้ทำงาน จึงเกิดการกระทบระหว่างภายในภายนอก

    เพราะการกระทบ จึงทำให้เกิดอารมณ์สุข-ทุกข์ และเฉยๆ

    อารมณ์ที่สุขก็อยากได้ อารมณ์ที่ทุกข์ก็อยากผลักไส

    เพราะความอยาก จึงเข้าไปยึดกับสิ่งที่ต้องการ

    เพราะยึดกับสิ่งที่ต้องการ จึงลงมือก่อพฤติกรรม

    เมื่อก่อพฤติกรรมดีหรือเลว จึงเกิดคำว่า “เราดีหรือเลว” ขึ้นในใจ

    แต่สิ่งเหล่านั้นก็เสื่อมสลายไปตามเหตุปัจจัย

    แต่เพราะความไม่รู้ก็หลงปรุงแต่ง แสวงหาสิ่งเหล่านั้น วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    "ทุกข์มาจากความไม่รู้ ตามความเป็นจริง"

    "แล้ววันนี้ คุณรู้เท่าทันตามความเป็นจริง หรือยัง??? "
    </O:p
     
  14. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    สาธุ .....จ้าคุณเทียน หายไปซะนานนะ สบายดีเน้อ;k05
     
  15. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634

    เกือบทุกคนในกระทู้นี่ละมั้ง:z6
     
  16. ikkuety

    ikkuety สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +10
    รบกวนถามผู้รู้หน่อยครับ.....มีท่านใดรู้จัก พญานาคมุจรินทร์ (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) บ้างครับขอข้อมูลเชิงลึกหน่อยก็ดี..ขอคุณครับ
     
  17. วรุณบุตร

    วรุณบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +1,018
    ท่านเข้านิพพานแล้วครับ ถ้าต้องการรายละเอียดลองอ่านประวิติพระอาจารย์วราห์ เพิ่มเต็มนะครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2010
  18. วรุณบุตร

    วรุณบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +1,018
    ถึงพี่นาคา (ถ้ามาแอบอ่าน)

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนะครับฝันไปว่าได้เจอพี่ที่ใดสักแห่งกับคณะ10-15 คนหน้าตาคุ้น ๆ ทั้งนั้นและมีเสียงที่ไร้รูปบอกมาว่าต้องมีงานให้ทางคณะช่วยสงเคราะห์ ระหว่างเดินทางเหมือนเดินป่าที่คุ้นเคย พบศาลาที่มีรูปเคารพหลวงปู่ทวดเท่าองค์จริง ทั้งหมดก็หยุดสวดมนต์บูชาโดยได้เป็นผู้นำสวด และ ได้สังเกตไปที่รูปหลวงปู่จากที่เป็นโลหะท่านค่อย ๆ ยิ้มแล้วจากรูปเคารพโลหะก็เป็นองค์จริงท่าน และ ได้เข้าไปกราบท่านท่านได้หมอบพระผงไห้หนึ่งองค์บอกว่านี่เป็นของเจ้านะ แล้วท่านก็บอกว่าให้ทำหน้าที่ในครั้งนี้ให้ดีนะ แล้วก็สะดุ้งตื่นตอนเช้า มันเป็นอะไรที่ตรึงตาตรึงใจอยู่เลย อยากจะทราบว่าพี่นาคาจะพาไปไหนเหรอครับ
     
  19. azuminami

    azuminami เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +230
    สวัสดีพี่น้องแห่งสายน้ำ

    ไม่พบกันนาน คิดถึงจัง
    ซำบายดีกันบ่

    ^^
     
  20. veera_veera1508

    veera_veera1508 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +43
    ครั้นล่วง ๗ วันหลังตรัสรู้แล้ว องค์สมเด็จสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิยังร่มไม้จิก อันมีนามว่า "มุจลินท์" อันตั้งอยู่ในทิศบูรพาหรือทิศอาคเนย์ แห่งไม้มหาโพธิ์ เสวยวิมุติสุขอยู่ ณ ที่นั้นอีก ๗ วัน [​IMG]ในกาลนั้นฝนตกพรำตลอด ๗ วัน พญานาคมีนามว่า "มุจลินท์นาคราช" มีอานุภาพมาก อยู่ที่สระโบกขรณี ใกล้ต้นมุจลินท์พฤกษ์นั้น มีความเลื่อมใสในพระศิริวิลาศ พร้อมด้วยพระรัศมีโอภาสอันงามล่วงล้ำเทพยดาทั้งหลาย จึงเข้าไปใกล้แล้วขดเข้าซึ่งขนดกาย แวดวงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ๗ รอบ และแผ่พังพานอันใหญ่ ป้องปกเบื้องบนพระเศียร มิให้ลมและฝนถูกต้องพระกายพระผู้มีพระภาคเจ้า

    ครั้งล่วง ๗ วัน ฝนหายขาดแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมานพ เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานวาจาว่า "ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง" ครั้นล่วง ๗ วันแล้ว เสด็จออกจากร่มไม้มุจลินท์ ไปยังร่มไม้เกตุ อันมีนามว่า "ราชายตนะ" อันอยู่ในทิศทักษิณ แห่งต้นมหาโพธิ์ เสวยวิมุติสุข ณ ที่นั้น สิ้น ๗ วัน เป็นอวสาน ในกาลนั้น ท้าวสักกะอมรินทราธิราช ทรงดำริว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้เสวยพระกระยาหารนับแต่กาลตรัสรู้มาได้ ๔๙ วันแล้ว จึงได้เสด็จลงมาจากเทวโลก น้อมผลสมออันเป็นทิพยโอสถเข้าไปถวาย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับผลสมอเสวย แล้วทรงสรีระกิจลงพระบังคม ทรงสำราญพระกายแล้ว เสด็จเข้าประทับยังร่มไม้ราชายตนะพฤกษ์นั้น.
    <!-- google_ad_section_end -->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...