ช่อฟ้าวัดป่าโนนจ่าหอม ปัจจัยยังไม่ครอบพอที่จะสร้างร่วมบุญติดต่อ 080-167-5445

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 28 ธันวาคม 2009.

  1. honeysuckle

    honeysuckle สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +23
    อยากทำบุญช่อฟ้าด้วยค่ะ ให้โอนปัจจัยไปที่บัญชีพระชยางกูรเลยหรือคะ แล้วมีใบอนุโมทนามั้ยคะ ขอบคุณค่ะ
     
  2. xsarun

    xsarun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +137
    อานิสงส์ของทานและการชักชวนคนอื่นทำบุญ...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


    สาธุ ๆๆ ครับ วัฏฏะสงสาร ไม่มีที่สุด ขอให้คุณเก๋ ถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันเหมือนกัน ครับ หากยังไม่ถึงพระนิพพานก็ขอให้ "คำว่าไม่มี" อย่าได้เกิดขึ้นในชีวิตคับ

    ออ เป็นผู้ที่ชวนคนทำบุญนี่บุญมหาศาลเลยนะนี่ เลย copy มาให้อ่านเล่นๆ กันจะได้เป็นธรรมทาน ให้กับผู้ที่สนใจถวายปัจจัยสร้างวิหารทาน....

    เครดิต คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->teporrarit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1615370", true); </SCRIPT> (ทีมงานเว็บพลังจิต) คุณบลู คับ

    อานิสงส์ของทานและการชักชวนคนอื่นทำบุญ...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    การให้ทานนี้อย่างลืมนะว่าถ้าใจยังไม่หนักแน่นพอ คนที่เรายังไม่ชอบใจอย่างเพิ่งให้ ให้แต่คนที่เรารักหรือคนที่เราไม่เกลียดต่อไปถ้ากำลังใจสูงขึ้น จิตสบาย มีอุเบกขาดี มีเมตตาบารมีสูง ก็ให้ไม่เลือก ให้เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ คือกิเลสของเรา


    กำลังใจในการให้ทานน่ะเป็นจาคานุสสติ ก่อนที่จะคิดให้เป็นจาคานุสสติ อันนี้อนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้ามีประจำใจแล้วมันก็ตกนรกไม่ได้ จะยกตัวอย่าง มันก็ยาวเกินไป จะขอพูดถึง อานิสงส์การให้ทาน ที่สมเด็จพระพิชิตมารทรงตรัสว่า สมัยพระพุทธกัสสปท่านเทศน์อย่างนี้ ท่านบอกว่า

    บุคคลผู้ใดให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนคนอื่น ตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดใหม่จะมีทรัพย์สมบัติมาก จะเป็นคนร่ำรวย เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แต่ว่าขาดเพื่อน ขาดคนเป็นที่รัก มันก็โดดเดี่ยวแย่เหมือนกัน

    บุคคลผู้ใดดีแต่ชักชวนบุคคลอื่น แต่ว่าตนเองไม่ให้ทาน ท่านบอกว่าตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดชาติใหม่ มีพรรคพวกมาก แต่ยากจน

    บุคคลใดให้ทานด้วยตนเองด้วยแล้วก็ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่ เป็นคนรวยด้วย มีพวกมากด้วย

    บุคคลใดไม่ให้ทานด้วยตนเองด้วย แล้วไม่ชักชวนชาวบ้านด้วย จะไม่มีทรัพย์สมบัติเป็นคนยากจนเข็ญใจ เกิดเป็นคนยากจนไม่มีคนคบหาสมาคม ขอทานก็ยาก เป็นยาจก ขอทาน แล้วขอก็ไม่ค่อยจะได้ ไม่มีใครเขาอยากจะให้ มีแต่คนรังเกียจ

    การให้ทานที่ก่อนจะถึงนิพพานน่ะ เราจะต้องมีความสุขในทรัพย์สมบัติก่อน จะไปคิดว่าการให้ทานเป็นการกำจัดโลภะความโลภ หรือมีผลอันน้อยแค่กามาวจรอันนี้ไม่ถูก ถ้าเราจะไปนิพพาน ถ้าเราลำบากมันไปยาก ใจไม่สบาย จะเล่านิทานสักเรื่องหนึ่ง เอาไหม มันจะช้าก็ช้า จะจบเมื่อไรก็ช่าง ก็เล่าสู่กันฟัง

    ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่มีคนหนึ่งเขามาเกิด แต่คนคนนี้น่ะในชาติก่อนๆ เวลาบำเพ็ญบารมีตัดทานบารมีออกจากใจ แต่ความจริงเขาก็ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของใคร เขามีจาคานุสสติกรรมฐานเป็นปกติ ได้จาคานุสสติกรรมฐาน ตัวนี้เขาไม่ได้ให้ แต่จิตเขาละความโลภ คือละความอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นที่ใครไม่ให้เขาโดยชอบธรรมน่ะเขาไม่เอา เขาไม่อยากได้ แต่ว่าเขาไม่ให้ทาน ที่ว่า "ทานัง สัคคโสน ปาณัง" ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ทานเป็นบันไดให้ไปเกิดบนสวรรค์" เขาบอกว่ามันต่ำไป เอาบุญที่เป็นปรมัตถบารมีดีกว่า คือ

    ๑. มีศีลบริสุทธิ์
    ๒. สมาธิตั้งมั่นก็ระงับนิวรณ์
    ๓. มีปัญญาแจ่มใส เพื่อตัดกิเลส

    ก็เป็นการบังเอิญว่าชาตินั้นเขายังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้าก็ต้องตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดา ก็สงสัยอาจจะเป็นเทวดาคนจนก็ได้ ทิพย์สมบัติอาจจะสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ ทีนี้ก็กลับมาเกิดใหม่ มาเกิดเป็นลูกหญิงแพศยา เป็นโสเภณี
    โสเภณีเวลานั้นถือว่าเป็นตระกูล เป็นอาชีพอาชีพหนึ่งสังคมหรือสมาคมหนึ่ง แต่ว่าโสเภณีน่ะเขาต้องการเฉพาะลูกผู้หญิง เขาไม่เหยียดหยามเหมือนสมัยนี้ว่าโสเภณีเลวไม่ใช่อย่างนั้น เขาถือว่าโสเภณีก็เป็นตระกูลหนึ่งที่มีศักดิ์ศรี พอออกมาเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ต้องการ เขาก็เลยไปหมกป่าไว้ ทิ้งปล่อยให้ตาย ก็สืบตระกูลเป็นโสเภณีไม่ได้
    เวลานั้นโสเภณีผู้ชายยังไม่มี ถ้าบังเอิญมีโสเภณีผู้ชายอย่างสมัยนี้ บางประเทศก็จะหากินคล่องเหมือนกัน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของบุคคลแต่ละคน
    ก็รวมความว่าเขาเกิดมาไม่มีความสุข ถูกปล่อย แต่เขาก็ไม่ตาย เขาไม่ตายเพราะอะไร เพราะว่ามีบุญรักษา เขาจะเป็นอรหันต์ในชาตินี้ เขาถูกหมกอยู่อย่างนั้นไม่ตาย ถูกแวดล้อมไปด้วยสัตว์รักษาไว้ จนกระทั่งเป็นหนุ่มเดินไปเดินมา เดินเที่ยวไปก็ไม่มีอะไรจะกิน แต่บุญรักษาเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องกินอาหาร
    ต่อมาวันหนึ่งเดินเข้าไปชายป่า เห็นคนเขาเอาอะไรมาฝังไว้เป็นลูกเขาออก เอารกมาฝังก็แอบดู พอเขาไปแล้วก็ย่องเข้าไปขุดเห็นรกเด็ก เลยนำรกมากิน ในชีวิตเขาได้กินเท่านั้นอย่างเดียว นี่การขาดทานบารมี หลังจากนั้นก็เดินไปเดินมาเห็นพระท่านมีความสุข เลยขอบวช พระอุปัชฌาย์ก็ให้บวช
    ในเมื่อบวชแล้วเวลาบิณฑบาตตอนเช้า พระใหม่ก็ต้องเดินข้างหลังตามระเบียบ เพราะเดินตามอาวุโส ชาวบ้านใส่บาตรจากหน้า พอจะถึงองค์หลัง ข้าวหมดพอดี นี่อานิสงส์ของการไม่ให้ทาน ท่านก็เดือดร้อน ไม่ได้กินข้าว อุปัชฌาย์ต้องแบ่งให้ ถึงอุปัชฌาย์จะแบ่งให้ หาเองไม่ได้ ใจก็ไม่สบาย
    วันที่สอง ท่านอุปัชฌาย์บอกว่า "วานนี้เขาใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้คุณเดินข้างหน้า ทุกคนใส่จะต้องถึงคุณ" แต่ความจริงพระอุปัชฌาย์เป็นพระอรหันต์ อย่างต่ำก็ต้องเป็นวิชชาสามหรืออภิญญาหกแน่ เพราะรู้เรื่องในใจดี รู้กฎของกรรมดี ท่านต้องการพิสูจน์ผลว่า คนไม่ให้ทานนั้นมันมีผลเป็นอย่างไร
    วันที่สอง ชาวบ้านว่า "วานนี้ใส่หน้าไม่ถึงหลังวันนี้รวมกันใส่จากหลังมาหาหน้า" พอจะถึงองค์หน้าข้าวหมดพอดี แต่ความจริงเขาตั้งใจจะให้ถึง แต่กฎของกรรมมันบันดาลให้ตักข้าวหมด
    วันที่สาม อุปัชฌาย์บอกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณยืนกลาง เขาใส่ทางไหนมันพอทั้งนั้น" เป็นอันว่าท่านยืนกลาง วันที่สาม ชาวบ้านบอกว่า "วันต้นใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันที่สอง ใส่หลังไม่ถึงหน้า วันนี้เราแบ่งเป็นสองพวก ใส่จากข้างหน้ามาหนึ่งพวก ใส่จากข้างหลังมาหนึ่งพวก" เขาก็ทำตามนั้น ปรากฏว่าทั้งสองพวกพอจะถึงองค์กลางข้าวหมดพอดี
    วันที่สี่ พระอุปัชฌาย์บอกว่า "ยืนรองฉัน มันใส่แบบไหนถึงทั้งนั้น
    ในวันต่อมาเขาใสบาตรตามระเบียบ ใส่บาตรที่ ๑ เขาไม่เห็นบาตรที่ ๒ ไปใส่บาตรที่ ๓ พอวันต่อมาอุปัชฌาย์บอกว่า "คุณยืนรองฉัน" ท่านเอามือจับบาตรไว้ เขาจึงเห็นบาตรของท่าน
    นี่การให้ทานถ้าบารมีไม่เต็มจริงๆ ถ้าไปโดนเข้าแบบนี้เราจะถูกความหิวทรมานขนาดไหน แต่นั่นบังเอิญเป็นบารมีของท่านเต็มจะได้เป็นพระอรหันต์ ยังต้องถูกทรมานจิตใจแบบนั้น เห็นโทษเห็นทุกข์แห่งการเกิด อุปัชฌาย์แนะนำไม่นานนักท่านก็เป็นอรหันต์ เมื่อเป็นอรหันต์แล้วชาวบ้านก็เห็นบาตรเพราะเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว

    การให้ทานน่ะมีความสำคัญอย่างนี้นะ จงอย่าคิดว่าเราต้องการเฉพาะนิพพาน เราไม่ให้ทาน เราเอาเฉพาะศีลภาวนาอันนี้ไม่ได้ ท้องไม่อิ่มนี่ มันภาวนาไม่ไหว มันจะตายเอา ดีไม่ดีมันเป็นโจร
    การให้ทานของบรรดาท่านพุทธบริษัทเราจะต้องให้ ถ้าบุญบารมีของเรายังไม่เต็มเพียงใดเราก็เอาละ เราก็จะต้องใช้ต้องกิน แต่ถ้าบุญบารมีเต็ม เราก็จะมีความอุดมสมบูรณ์ อย่างตัวอย่าง ท่านสีวลี

    ท่านพระสีวลีนี้ ชาติหนึ่งเป็นชาวป่า วันนั้นเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสปเทศน์ บอกว่า
    - คนใดให้ทานด้วยตนเอง เมื่อตายไปชาติหน้าจะมีโภคสมบัติมากแต่ไม่มีบริวารสมบัติ (ตามที่เล่ามาแล้ว)
    - บุคคลใดชักชวนบุคคลอื่น แต่ไม่ให้ทานเองจะมีพวกมาก แต่ว่ายากจน
    - ให้ทานเองด้วย ชวนบุคคลอื่นด้วย เกิดไปชาติหน้าเป็นคนรวยด้วย มีพวกมากด้วย
    - แล้วก็ไม่ให้ทานด้วยตนเองด้วย ไม่ชักชาวบ้านด้วยเกิดเป็นคนยากจนไม่มีคนคบหาสมาคม ขอทานก็ยาก

    ชาวบ้านจึงตั้งใจถวายทานกันอย่างหนัก มีทุกอย่าง แต่มันขาดน้ำผึ้งสด หาเท่าไรก็ไม่ได้ ตั้งคนไว้ที่ประตูเมือง ๔ ประตูให้เงินไว้ ๑,๐๐๐ กหาปณะ (เท่ากับ ๔,๐๐๐บาทสมัยนี้) บอกว่า "ถ้าใครเอาน้ำผึ้งสดมา นำรวงผึ้งสดมา จะซื้อจาก ๑ กหาปณะ ไปจนถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ"
    พอดีท่านสีวลีเป็นชาวป่า ท่านจะมาหาเพื่อนในเมือง ไม่มีอะไรติดมือมาก็เลยเอาผึ้งมารวงหนึ่ง พอพวกนั้นเห็นเข้าก็ขอซื้อตั้งแต่ ๑ กหาปณะ ถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ
    ท่านบอกว่า "ฉันจะเอาไปให้เพื่อน" ก็สงสัยว่าผึ้งรวงนี้จริงๆ ราคาไม่ถึง ๑ กหาปณะ แต่เจ้าคนนี้ให้มากๆ คงจะสติไม่ดีหรืออาจจะมีเหตุใดเหตุหนึ่งเกิดขึ้นมีความจำเป็น จึงถามว่า
    "ทำไมพวกท่านสติไม่ดีรึไอ้ผึ้งรวงหนึ่งราคาตั้ง ๑,๐๐๐ กหาปณะ ใครเขาซื้อเขาขายกัน ราคามันไม่ถึง ๑ กหาปณะ"
    เขาก็บอกว่า
    "พวกเราจะทำบุญ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีหมดมันขาดอยู่น้ำผึ้งสดอย่างเดียว เราต้องการมีทุกอย่าง"
    ท่านก็บอกว่า
    "ถ้าซื้อไม่ขาย แต่จะเอาไปให้เพื่อน แต่ว่าท่านจะให้ฉันร่วมบุญด้วย ฉันให้"
    ท่านสีวลีก็ให้เป็นการปิดรายการครบถ้วนพอดี เขาขาดอย่างนั้นท่านปิดพอดี มันก็ปิดให้เต็ม
    หลังจากชาตินั้นมาแล้ว ท่านมาพบองค์สมเด็จพระประทีปแก้วเกิดในชาตินี้ มาเกิดในชาติหลัง นี่เขาบอกว่า ท่านพระสีวลีไม่เคยมีโรคเลย โรคภัยไข้เจ็บไม่เคยมี เป็นพระที่มีลาภจริงๆ จะไปไหนก็ตาม คนก็ดีเทวดาก็ดีปรารภพระสีวลี ถ้าพระสีวลีไปด้วยไม่มีคำว่าอด จะมีความอุดมสมบูรณ์ แม้แต่เดินเข้าไปในป่าที่ไม่มีบ้าน

    ในสมัยที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเข้าไปเยี่ยม พระเรวัตในป่าไม้สะแก ที่ว่าเป็นน้องพระสารีบุตร อายุ ๗ ปี เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เวลาเดินเข้าไป ตอนจะไปเจอะถึงทาง ๒ แพร่ง พระพุทธเจ้าจึงได้ถามพระอานนท์ว่า "อานนท์ทางไปหาพระเรวัตไปทางไหน" ความจริงท่านทราบ
    พระอานนท์บอกว่า "ถ้าไปทางอ้อมทางนี้เดินทาง ๖๐ โยชน์ มีบ้านบิณฑบาตตลอด ทางนี้เป็นทางตรงเดินไป ๓๐ โยชน์ ไม่มีบ้านใส่บาตร
    สมเด็จพระบรมโลกนาถจึงตรัสถามว่า "สีวลีมาหรือเปล่า" แต่ความจริงท่านรู้ว่ามา แต่ต้องการจะประกาศความดี
    พระอานนท์ก็กราบทูลว่า "มาพระพุทธเจ้าข้า"
    "ถ้าสีวลีมาตถาคตจะไปทางตรง"
    พอพระพุทธเจ้าตัดสินใจว่าจะไปทางตรง บรรดารุกขเทวดาและอากาศเทวดาทั้งหลายต่างคนต่างปรารภว่า เวลานี้ หลวงพ่อสีวลี ของเรามา ความจริงพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตรก็ไป พระพุทธเจ้าเสด็จด้วย แต่เทวดาไม่ได้ปรารภถึงเลย ปรารภเฉพาะท่านพระสีวลี จึงเนรมิตเรือนแก้ว กุฏิเป็นที่พัก วัดเป็นที่พัก สำหรับพระ ๕๐๐ รูป เป็นเรือนแก้วไว้แต่ละโยชน์ ๑ โยชน์ มี๑ วัด สร้าง ๓๐ วัด เป็น ๓๐ โยชน์
    เมื่อพระพุทธเจ้าไปถึงวัดต่างๆ เขาก็แสดงตนเป็นคนธรรมดา พระพุทธเจ้าท่านรู้ นิมนต์พักวัดท่านก็พัก ตอนเช้าท่านนำอาหารการบริโภคเนรมิตจากจิตใจของเทวดาไม่ต้องหุง ถวายพระอิ่มหนำสำราญ แต่การที่เขามาถวายน่ะเขาปรารภพระสีวลีว่า "เราจะนำอาหารไปถวายหลวงพ่อสีวลีของเรา" เป็นอย่างนี้จนกระทั่งถึงสำนักของพระเรวัต

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร และญาติโยมพุทธบริษัท ท่านพระสีวลีให้ทานด้วยรวงผึ้งรังเดียวปิดรายการแต่ชาติหลังท่านมีความอุดมสมบูรณ์ คนที่มีความอุดมสมบูรณ์จะปฏิบัติธรรมมันก็ดี ทำอะไรก็ดีทุกอย่าง มีการคล่องตัว รวมความว่ามีความปรารถนาสมหวัง แม้แต่จิตใจคนบางประเภทก็ซื้อได้ แต่บางประเภทเราก็ซื้อใจไม่ได้นะเงินน่ะ แต่บางประเภทเวลานี้ก็ ฟุ่มเฟือยมาก การซื้อก็ซื้อด้วยเงินสะดวกอันนี้มีประโยชน์มาก
    ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัทหรือเพื่อนภิกษุสามเณรจงสนใจในการให้ทานให้มาก เพราะว่าการให้ทานนี่ไม่ใช่จะหวังเฉพาะการร่ำรวยอย่างเดียว การให้ทานเป็นปัจจัยของความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

    การให้ทานนี่ขอพูดถึงอานิสงส์ของการให้ทานสักนิดหนึ่ง คืออานิสงส์ขอทานในชาติปัจจุบันเราจะเห็นได้ชัดๆ จริงๆ นั่นก็คือว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของบุคคลผู้รับ คือว่าคนผู้ให้มีโอกาสชื่นใจว่า เราได้ให้ทาน แต่ว่าบางคนนะ บางพวก จอมอกตัญญูไม่รู้คุณคนนี่เยอะเหมือนกันนะ อย่าลืมว่าผมโดนมาแล้ว โดนมาตลอดชีวิต ให้แล้วมันก็กัด แต่ผมก็ไม่ได้ผูกใจเจ็บ ผมถือว่าเป็นความชั่วของเขา ผมไม่ยอมชั่วด้วย ไอ้ผมนั่นก็เลวอยู่แล้ว ถ้าจะไปโกรธเขาเข้า มันจะเลวมากขึ้น มันจะแบกไม่ไหว เอาแค่ความเลวที่มีอยู่มันก็เดินตุปัดตุเป๋ไปแล้ว เวลานี้ผมเดินตุปัดตุเป๋ไม่ตรงทาง หนักความชั่ว ความชั่วมีเยอะมหาศาลแต่ว่าพวกนั้นเขากลั่นเขาแกล้ง เขากินอิ่มเข้าไปแล้ว เขาคิดจะฆ่าผม คิดจะไล่ผม เขาชุมนุมกันเยอะแยะ เวลาที่พูดอยู่นี่ก็ยังมีร้องเรียนไปที่ไหนๆ ไปลงหนังสือพิมพ์ ด่าบ้าง ฟ้องไปทุกระดับ จนกระทั่งสำนักนายก เขาหาว่าคนของผมโหดร้าย แต่ผมไม่เคยแตะต้องอะไรเขาเลย แต่พวกนี้เป็นอย่างไร ได้ประโยชน์จากผมหมายความว่าคนจะมาหาเขา เขาจะร่ำรวย เขานึกว่าผมรวยก่อสร้างต่างๆ นานา ญาติโยมท่านให้สร้าง ญาติโยมท่านให้เก็บ แต่จริงๆ การก่อสร้างนี่เหน็ดเหนื่อยหนักใจหนักกาย แต่เพื่อความดีของญาติโยมผมไม่เหนื่อย ไม่หนัก ผมปลื้มใจ เพราะญาติโยมทำความดี ทุกคนเขาจะพ้นทุกข์กัน ฉะนั้นเราจะกักให้เขาให้อยู่ในแดนความทุกข์ยังไง ต้องสนองสนับสนุนตามที่พระพุทธเจ้าสนับสนุนแบบไหนเราทำกันแบบนั้น

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทุกท่าน ต้องจำไว้ว่าการให้ทานน่ะ มันก็มีการสะดุดแบบนี้ แต่เราจงอย่าคิด คิดอย่างเดียวว่าจิตใจของเราเป็นสุข สุขเพราะการเกื้อกูลแก่เพื่อนในเมื่อเราให้เขา ถ้ามีคนรัก ไอ้คนรักเรามากๆ ก็มีไม่ใช่เลว คนเลวมันน้อยกว่าคนดี ให้ทานแก่บุคคลที่รู้คุณคนนี่มี แต่เราอย่าไปคิด คิดอย่างเดียว ให้ทานเพื่อเป็นการสงเคราะห์ เรามีน้อยเราให้น้อย เรามีมากเราให้มาก ให้พอควร อย่าให้เกินพอดี อย่าให้เบียดเบียนตนเอง อย่าให้ถึงกับตัวมีความทุกข์ ผลแห่งการให้ทานจริงๆ มันก็มีประโยชน์ใหญ่ ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก ความจริงเราไม่รู้จัก จำเขาไม่ได้หรอก จำเขาไม่ได้จริงๆ อย่างพวกท่านก็เคยไปกับผม ไปถึงญาติโยมก็มาหากัน ไปถึงก็หลวงพ่อหลวงปู่ หลวงน้า ผมก็มองหน้า ผมจำไม่ได้แต่ว่าท่านมาด้วยความดี ผมก็ปลื้มใจ ผมก็ดีใจ บางคราวท่านมากันมาก ในบางแห่งจนกระทั่งผมฉันข้าวไม่ได้ ฉันข้าวไม่ได้ไม่ใช่ญาติโยมจะมากวนใจผมหรอก ผมปลื้มใจในความดีของญาติโยม

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย การให้ทานน่ะชาติปัจจุบันเราก็มีความสุขมาก ทั้งนี้เพราะอะไร มีคนเขาสนใจเรามาก ประคับประคองเรามาก ป้องกันอันตราย แต่อันตรายถ้ามันจะเกิดจาก กฎของกรรมก็อย่าไปโทษว่าทานไม่ช่วยนะ คิดไว้เสมอว่า กรรมที่เราทำไว้ในชาติก่อนมันตามมาเล่นงานเรายังไงก็ช่างมัน ชาตินี้ทำหนีมันไปให้ได้ อันดับแรกเอาทานบารมีเข้าชนกับมันก่อน เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราพอมีความสุข คนที่เขาดีมีความกตัญญูรู้คุณ เขาก็ให้การประคบประหงมเรา ให้ความสนิทสนมกับเรา เป็นที่รักของเรา เราก็ชื่นใจใน


    ความสุข เว้นไว้แต่คนจังไรที่มีความอกตัญญูไม่รู้คุณ เขามีความทุกข์ ปล่อยให้เขาทุกข์ไปฝ่ายเดียว เราอย่าทุกข์กับเขา ถ้ากำลังใจของเราอย่างนี้ก็ถือว่า เป็นทานที่มีกำลังยิ่งใหญ่ ชาตินี้มีความสุข ชาติหน้าจะยิ่งสุขยิ่งไปกว่านี้ ถ้าบังเอิญบารมีของเรายังไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ ก็อาจจะไปตกในชาติหน้าอย่างท่าน มณฑกเศรษฐี กับคณะก็ได้

    จากหนังสือ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
    __________________
    ที่มา
    http://palungjit.org/newreply....reply&t=155104
     
  3. Cartoonzaa

    Cartoonzaa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +511
    อยากจะร่วมทำบุญด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าหมดเขตรับวันไหนค่ะ จะได้ส่งไปให้หลานเป็นธุระให้ค่ะ :d
     
  4. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    มีเรื่อยๆจนกว่าช่อฟ้าจะครบตามจำนวนที่ต้องใช้ค่ะ
    แต่วันมาฆบูชาที่จะถึงจะมีพิธีผ้าป่าถวายปัจจัยส่วนที่ญาติโยมฝาก
    แล้วจะนำภาพมาให้ได้ชมกันนะคะ ถ้าไม่ทันวันมาฆบูชาที่ 28 นี้
    ก็หลังจากนี้ก็ได้ตามที่พี่สะดวกค่า อนุโมทนาค่า
     
  5. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    โอนไปที่บัญชีหลวงพ่อเลยค่ะ
    ส่วนใบอนุโมทนา ร่วมบุญต้งแต่ห้าร้อยบาทขึ้นไปสามารถแจ้งชื่อที่อยู่
    เก๋จะจัดการส่งให้หลังจากกลับจากวัดค่า
    อนุโมทนาค่า
     
  6. หนูมุก

    หนูมุก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +4,056
    อนุโมทนากับทุกท่านที่ร่วมบุญช่อฟ้าพระวิหารค่ะ

    เงินที่พี่โอนไป รบกวนน้องเก๋จัดสรรได้ตามสะดวกเลยนะคะ
    จะลงช่อฟ้า หลังคาพระวิหาร พระตรีมูรติ เวปไซต์ของวัด ส่วนอื่นๆ
    หรือจะเเบ่งๆไปทุกรายการก็ได้ พี่ล้วนยินดีทั้งสิ้น อนุโมทนาค่ะ
     
  7. Oupasene

    Oupasene เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +2,867
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ร่วมบุญช่อฟ้าพระวิหารค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ความไม่ประมาท คือ การมีสติกำกับตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะคิด จะพูด จะทำสิ่งใดๆไม่ยอมถลำลงไปในทางที่เสื่อม และไม่ยอมพลาดโอกาสในการทำความดี

    ขอเรียนเชิญร่วมบุญใหญ่ถวายช่อฟ้ารอบพระวิหารวัดป่าโนนจ่าหอม
    ในวันมาฆบูชาที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553<!-- google_ad_section_end -->


    ท่านที่สนใจร่วมเป็นเจ้าภาพช่อฟ้าสามารถโอนปัจจัยเข้าบัญชีหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดได้ตามรายละเอียดด้านล่างครับ

    บัญชีธนาคารกรุงไทย
    ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง
    สาขา:อุบลราชธานี
    เลขที่บัญชี: 313-048-6607

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญวัดป่าโนนจ่าหอมครับ
     
  9. honeysuckle

    honeysuckle สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +23
    ทำบุญช่อฟ้าเอก ค่ะ กณิกนันต์ และ ครอบครัว 1000 บาท
    ภาวนา และ ครอบครัว 500 บาท

    รายละเอียดของที่อยู่ เดี๋ยวขอส่งให้กับคุณเก๋ณัฐฐาทาง e-mail นะคะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  10. yabo

    yabo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +271
    ได้ฝากเงินเข้า 500.- บาท เข้าบัญชีอาจารย์พระชยางกูร แล้ววันนี้
     
  11. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    งานนี้ขอแจ้งกันเอาไว้ก่อนนะค่ะว่าไม่ได้ครบเก๋ไม่เลิกแน่นอนเนื่องจากพอปั้นพระตรีมูรติและทำพิธีบวงสรวงในวันที่28 มีนา เราจะเริ่มปั้นช่อฟ้าและใบระกาและหลังคาพระวิหารไปในคราวเดียวกัน ดังนั้นขอแจ้งกับทุกภพภูมิว่างานสร้างพระวิหารต้องเดินไปอย่างต่อเนื่องค่ะ เราจะไม่หยุดจนกว่าพระวิหารและวัดนี้จะสร้างสำเร็จเสร็จสิ้นลง



    ช่อฟ้าเอก 100,000 บาท ใช้ 1 ตัว
    ช่อฟ้าโท ตัวละ 50,000 บาท ใช้ 6 ตัว
    ใบระกา ตัวละ 30,000 บาท (จำนวนที่ใช้เช็คกับหลวงพ่อแน่ชัดจะแจ้งอีกครั้งค่ะ)
    กระเบื้องมุงหลังคาแผ่นละ 30 บาท
    ติดต่อเป็นเจ้าโทร 080-772-1000
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านค่า

    บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง สาขา:อุบลราชธานี เลขที่บัญชี: 313-048-6607
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2010
  12. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาค่าเรื่องรายใบอนุโมทนาเดี๋ยวเก๋จัดการส่งไปให้เดือนมีนาคะ

    อนุโมทนาค่าขอให้บุญรักษานะค่ะ

    ช่อฟ้าเอก 100,000 บาท ใช้ 1 ตัว
    ช่อฟ้าโท ตัวละ 50,000 บาท ใช้ 6 ตัว
    ใบระกา ตัวละ 30,000 บาท (จำนวนที่ใช้เช็คกับหลวงพ่อแน่ชัดจะแจ้งอีกครั้งค่ะ)
    กระเบื้องมุงหลังคาแผ่นละ 30 บาท
    ติดต่อเป็นเจ้าโทร 080-772-1000
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านค่า

    บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง สาขา:อุบลราชธานี เลขที่บัญชี: 313-048-6607
     
  13. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    คุณปาลิตา ปั้นคง 100 บาท
    คุณอติพร ภู่บัณฑิตย์ 250 บาท
    คุณภูชิทย์ สฤษดิชัยนันทา 500 บาท

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณปาลิตา คุณอติพร และคุณภูชิทย์ร่วมทำบุญช่อฟ้าในครั้งนี้ ขอให้เจริญยิ่งขึ้นตราบสู่พระนิพพานเถอะค่ะสาธุ
    ช่อฟ้าเอก 100,000 บาท ใช้ 1 ตัว
    ช่อฟ้าโท ตัวละ 50,000 บาท ใช้ 6 ตัว

    ใบระกา ตัวละ 30,000 บาท (จำนวนที่ใช้เช็คกับหลวงพ่อแน่ชัดจะแจ้งอีกครั้งค่ะ)
    กระเบื้องมุงหลังคาแผ่นละ 30 บาท
    ติดต่อเป็นเจ้าโทร 080-772-1000
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านค่า

    บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง สาขา:อุบลราชธานี เลขที่บัญชี: 313-048-6607
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  14. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อนุโมทนาบุญกับคุณสุภา ชูวงศ์ตระกูลและคณะจากฝ่ายพัฒนาระบบงาน ฯ บงล.ธนชาติ ที่ร่วมกันทำบุญช่อฟ้าวัดป่าโนนจ่าหอมวันนี้ 480 บาท (หลังหักค่าธรรมเนียม 20 บาท)

    ขออำนาจพระรัตนตรัย ดลบันดาลให้คุณสุภาและคณะ ท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านและครอบครัวทุกท่าน ประสบแต่ความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรมในชาติปัจจุบัน คำว่า ไม่มี จงอย่ามีแก่ทุกท่านตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานครับ สาธุ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญวัดป่าโนนจ่าหอมครับ
    http://palungjit.org/threads/ครั้งห...ติ-ประดิษฐาน-ณ-วัดป่าโนนจ่าหอม.222010/page-11<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2010
  15. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,239
    ค่าพลัง:
    +17,734
    ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญช่อฟ้ารอบพระวิหาร 300 บาท และขออนุโมทนากับทุกท่านครับ ผมขอให้ทุกท่านพบแต่คำว่ามี คำว่าไม่มีอย่าได้ปรากฏตราบเท่าเข้าสู่นิพพานเทอญ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-3.jpg
      Untitled-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131.3 KB
      เปิดดู:
      44
  16. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ขอบคุณมากครับ อนุโมทนาสาธุ
    ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    บารมีแห่งหลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอาจารย์ชยางกูร
    มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นที่สุด โปรดอำนวยพรให้คุณ siriphan2009 และครอบครัว
    มีแต่ความสุข ความโชคดี มีสุขภาพแข็งแรง คำว่า ไม่มี ไม่ดี ไม่รู้ จงอย่าพึงมี
    แก่ทุกท่าน ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานครับ

    http://palungjit.org/threads/ครั้งห...ติ-ประดิษฐาน-ณ-วัดป่าโนนจ่าหอม.222010/page-11
     
  17. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773

    ขอร่วมอนุโมทนาค่า ขอให้บุญทำชีวิตของพวกเราทั้งหลายให้อยู่บนความดีงาน บนเส้นทางแห่งบุญกุศลตราบสู่พระนิพพานค่ะสาธุ

    ช่อฟ้าเอก 100,000 บาท ใช้ 1 ตัว
    ช่อฟ้าโท ตัวละ 50,000 บาท ใช้ 6 ตัว

    ใบระกา ตัวละ 30,000 บาท (จำนวนที่ใช้เช็คกับหลวงพ่อแน่ชัดจะแจ้งอีกครั้งค่ะ)
    กระเบื้องมุงหลังคาแผ่นละ 30 บาท
    ติดต่อเป็นเจ้าโทร 080-772-1000
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านค่า

    บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง สาขา:อุบลราชธานี เลขที่บัญชี: 313-048-6607

    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  18. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    การโอนบุญ

    การโอนบุญนี่ต้องดูวัตถุประสงค์ในการโอนค่ะ ว่าโอนให้ใครและเพื่ออะไร <O:p</O:p
    (ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต้องบอกชื่อ ที่อยู่ได้ยิ่งดีค่ะ เพราะหลวงพ่อเคยบอกว่าบางครั้งอยุ่ไกลกันมากๆคนละเขตคนละจังหวัด เทวดาเจ้าที่เค้าก็ไม่รู้ว่าคนที่เราจะดอนบุญให้อยู่ที่ไหน หรือชื่ออาจคล้ายกัน ก็ให้เจาะจง ตำแหน่ง บริษัท หรือที่อยู่ไปด้วยจะดีค่ะ เช่น ขออำนาจ พุทธ ธรรม สงฆ์ดลบุญข้าให้แก่เทวดาประจำตัว นาย/นาง/นางสาว ...................บริษัท/ ที่อยู่............................. เมื่อได้รับบุญแล้วให้ช่วยบีบคั้นจิตใจเขาให้ เชื่อฟังข้า/เอ็นดูข้า/ช่วยเหลือ/อย่าก่อกวนข้า(อะไรก็ว่าไปนะค่ะ) แล้วข้าจะให้บุญอีก)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่โดยปกติที่การโอนบุญที่ควรให้ขาดไม่ได้เลยนี่คือ เทวดาที่รักษาเรา และเชื้อโรคนายเวรที่มาถึง โดยคิดในใจว่า ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ ดลบุญข้าจงสำเร็จแก่ ............................. (ของเก๋ก็จะบอกไปเลยว่า ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ ดลบันดาลบุญข้าจงสำเร็จแก่ เทวดาน้อยใหญ่ที่รักษาข้า กายทิพย์ที่ตามข้ามา เชื้อโรคนายเวรที่มาถึง) ต้องให้นะค่ะ เทวดาเราเค้าจะได้มีกำลังปกป้องรักษาเรา ไม่ต้องขอใครค่ะของเก๋มีอะไรขอเทวดาตัวเองนี่แหละค่ะ

    <O:p</O:pเพราะต่อให้เราขอเทพอื่นๆเทพข้างบนเค้าอยู่คนละภพคนละภูมิ เวลาต่างกัน สมมุติขอท่านวันนี้ คิดถึงท่านท่านก็ทราบแล้วค่ะ แต่ท่านมีภารกิจต้องทำอีกครึ่งวันจึงจะมาช่วยเราได้โน่นผ่านไปครึ่งวันเรียบร้อยแล้วค่ะ ครึ่งวันบนโน้นก็ 50 ปีโลกมนุษย์เราก็รอไม่ไหว ท่านก็ช่วยไม่ได้ทันการจริงไหมค่ะ ส่วนสำหรับบางท่านที่ในอดีตชาติเคยเป็นนั่นเป็นนี่เค้าก็จะตามเราอยู่ละค่ะ เคยเป็นบ่าวเคยเป็นนายกันชาตินี้เรามาเกิดเค้าก็ตามมาเหมือนที่เคยตามๆกันชาติโน้นนั่นแหละค่ะก็ต้องให้บุญเค้าก้วย ส่วนเชื้อโรคและนายเวรนี่เค้ามาถึงก็ต้องให้เค้าด้วย ไม่เช่นนั้น เค้าก็จะเล่นงานเราเอาค่ะ ต้องให้พวกที่มาถึงก่อน จากที่จะเล่นงานจากหนักจะได้เบาขึ้น

    <O:p</O:pสำคัญมากเลยนะค่ะเวลาให้ ก็ต้องให้เทวดาน้อยใหญ่ที่รักษาเรา ทำไมต้องเป้นเทวดาน้อยใหญ่ที่รักษาเรา คือ บางคนเนี่ยะเทวดาที่รักษาเค้ามีศักดิ์มีบริวารทีพวกทหารข้าราชบริพารติดตามอย่างที่เก๋เคยบอกไปว่า ดวงธรรมจุดเท่าเส้นผมมีเทวดาอยู่ถึง 3,600 องค์ ดังนั้นยิ่งดวงใหญ่ เทวดาที่รักษาก็คูณเข้าไปละค่ะ เป็นล้านๆองค์ แต่ไม่ใช่ว่าเทวดาเรารักาเราเยอะขนาดนั้นนะค่ะ แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงค่ะ จริงๆคือ เทวดาที่รักษาเราสมมุติว่ามี 5 องค์ ที่แต่ปรากฏดวงธรรมของเทวดาเราใหญ่ นี่คือ เทวดาที่รักษาเรานะจริงก็มีแค่ 5 องค์นั่นแหละค่ะ แต่ที่เหลือนี่คือ บริวาร ของท่าน ก็ตามศักดิ์ของเทวดาที่รักษาเรานะค่ะ
    <O:p</O:p
    ดังนั้นเวลาให้ก็ต้องให้เค้าหมด จากที่เก่งอยู่แล้วจะได้ยิ่งเก่งๆขึ้นไปอีก จะช่วยเหลือเราได้เยอะตามกำลังบุญที่เราให้นั่นแหละค่ะ แต่ต้องไม่เกินกรรมนะค่ะ

    <O:p</O:pในกรณีที่ขึ้เกียจพูดยาวสามารถพูดรวบไปเลยว่า ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ ดลบันดาลบุญข้าจงสำเร็จแก่กายทิพย์ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีให้บุญแก่กายทิพย์ทีเกี่ยวข้องได้รับกันหมดค่ะ ทั้งเทวดาเรา กายทิพย์ที่ตามเรามา เจ้ากรรมนายเวรที่มาถึง กายทิพย์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเราพ่อ แม่หรือญาติในโลกทิพย์ของเราได้หมดค่ะ สะดวกดี แต่ถามว่าผลลัพท์ต่างกันไหม คำตอบ คือ ต่างกันค่ะ เมื่อเราไม่เฉพาะเจาะจงลงไปให้ชัดเจน บุญที่ให้ไปก็ต้องไปเฉลี่ยๆกันค่ะ คือ อาจจะได้ไม่มากก็ต้องขยันโอนหน่อย แล้วผลก็จะช้ากว่าการเฉพาะเจาะจงลงไปเลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้นอย่างที่เก๋เคยบอกไปว่า ต้องดูที่วัตถุประสงค์ในการโอนบุญของเรา เฉพาะเจาะจงไปเลยเค้าจะได้มาก เมื่อได้มาก จากเจ้ากรรมนายเวรที่มาถึง กำลังจะเล่นงานเราแล้ว (ไม่มีใครช่วยได้ค่ะ เทวดาเราก็ช่วยไม่ได้ต่อให้เค้าเก่งแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้ค่ะ สิ่งศักดิสิทธิ์ก็ช่วยไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นกรรมที่เราต้องชดใช้คือเค้าไป ไม่มีอะไรใหญ่เกินกรรมค่ะ) เมื่อได้รับบุญไปเค้าจะได้ถอยห่างออกไป หรืออย่างน้อยจากหนักก็จะเบาลง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่คนโดยปกติมักโทษว่าการโอนบุญไม่ได้ผล แต่ก่อนที่จะพูดหรือคิดเช่นนั้นเก๋ขอถามหน่อยว่า คุณโอนบุญกันถูกต้องถูกวิธีหรือยัง เพราะถ้าคุณโฮนอย่างถูกต้องผลลัพท์มันชัดเจนอยู่แล้วค่ะ อย่างคุณนายนายตำรวจท่านหนึ่งคุณพี่เธอเป้นนายหน้าขายที่ดินอยู่ พอดีที่ที่ขายเนี่ยะเธอขายแพงกว่าอีกเจ้าหนึ่ง ก็ไปปรึกษาหลวงพ่อ บอกว่า หลวงพ่อ เค้าไปแล้วเค้าไม่ซื้อแล้ว ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรก็บอกวิธีการโอนบุญนี่แหละค่ะให้ไป ปรากฏผ่านไปคราวนี้กลับมาที่วัดยิ้มมาเชียวค่ะตกลงขายได้เป้นที่เรียบร้อย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หลวงพ่อมักจะสอนนักสอนหนาว่า บุญน่ะเวลาจะทำ เราคิดจะทำบุญให้ใคร กายทิพย์แค่คิดเค้าก้รู้แล้วค่ะ อย่างเราคิดจะทำบุยให้ปู่ย่าตายายหรือญาติที่ล่วงลับไปแล้ว แค่คิดเค้ารู้แล้วค่ะ พอถึงวันจริง ไปแล้วค่ะนำของไปถวายพระ ปรากฏลืมบอกบุญให้ค่ะ เค้าก็ไปรออยู่ตรงนั้นรแหละค่ะแต่ไม่ได้ สำคัญมากนะค่ะ ของหลุดจากมือปั๊บบุญจะอยู่ประมาณ 3 วิ ให้รีบคิดทันทีว่า บุญนี้ให้แก่ ........................... (มารดาข้า / บิดาข้า เทวดาที่รักษาข้า เป็นต้น)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คิดตรงนั้นให้ตรงนั้นบุญจะถึงเค้าแบบเต็มๆเลยไม่ต้องมานั่งโอนให้ทีหลัง หลายท่านพูดกับเก๋ว่า ตายแล้วคุณเก๋ งั้นบุญที่ทำมาตลอดไม่ได้บอกเลย ไม่เป็นนไรค่ะบุญนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ก็ขึ้นไปอยู่ในบัญชีธนาคารบุญของเรานั่นแหล่ะค่ะ เพียงแต่ถ้าเราคิดตรงนั้นให้ตรงนั้นเค้สจะได้รับบุญแบบตรงๆเต็มๆ เราก็จะได้ไม่ต้องมานั่งโอนให้กันทีหลังก็เท่านั้นค่ะ แต่ของเก่ขอให้ตัวเองก่อนแล้วค่อยมาดอนให้ เพราะบุญก็เหมือนแสงไฟที่จุดบนเทียนนั่นแหละค่ะ จุดต่อกันได้ ยิ่งจุดยิ่งสว่าง เหมือนเวลาเราบอกบุญให่คนมาทำบุญก็เหมือนกัน ก็เหมือนเราช่วยจุดเทียนในโลกให้ยิ่งสว่างขึ้นเรื่อยๆ สว่างไปด้วยแสงบุญไปทั่วทั่งโลก <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หลายท่านบอก เอ้คุณเก๋แล้ว บุญเราก็หมดสิค่ะ ไม่หมดหรอกค่ะไม่ต้องกลัว บุญเราโอนให้แผ่เมตตาให้ไม่มีวันหมดนะ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ จะเหมือนกับกำไรของการโอนบุญนั่นแหละค่ะ ของเก๋มักให้เราก่อนแล้วก็ค่อยดอนเอา เพราะถ้าให้เค้าไปเลยบางทีบุญก็หยุดอยู่แค่นั้นไม่ได้เพิ่มต่อเลย ก็เหมือนจุดเทียนจุดได้เล่มเดียว สว่างอยู่ที่เดียว แต่ถ้าเราให้แก่คนที่รู้จักโอนบุญ แทนที่จะสว่างที่เดียว จุดเทียนได้เล่มเดียวก็สามารถจุดได้หลายเล่ม บุญแผ่บุญจะกระจายสว่างไปทั่วค่ะ แต่ถ้าขึ้เกียจหลังถวายของรีบบอกบุญให้ญาติในโลกทิพย์ของเราทันทีจะได้ไม่ต้องมานั่งโอนให้ภายหลังค่ะ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ของเก๋ภาวนาเอาก็ไม่ค่อยได้โอนนะค่ะ จะโอนทีเดียวหลังภาวนานั่นแหละค่ะ แต่สำหรับท่านที่ไมได้ภาวนาก็ให้โอนให้ได้ทุกอิริยาบทค่ะ(กิน เดิน นั่ง ฯลฯ) ยกเว้นตอนที่ใช้ความคิด ใช้สมอง ดีนะค่ะเป็นการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เปาการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งด้วยค่ะ คิดครั่งนึงได้ครั้งนึง คิดร้อยครั้งได้ร้อยครั้ง คิดมาเท่าไหร่ผลลัพท์ก็จะเร็วมากเท่านั้นค่ะ ต้องเข้าใจนะค่ะว่าการโอนบุญปกติจิตก็จะไม่นิ่งเท่ากับการภาวนาดังนั้น บุญที่โอนให้ในแต่ละครั้งก็จะได้ไม่มากก็ต้องอาศัยความถี่ในการโอนค่ะ

    การให้บุญลูกแก้ว/เพชรพญานาค:ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ ดลบุญข้าจงสำเร็จแก่พญานาคที่มากับเพชร/ลูกแก้วพญานาคที่อยู่กับข้า
    (หรือพญานาคที่ตามข้ามา)
    <O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    ช่อฟ้าเอก 100,000 บาท ใช้ 1 ตัว
    ช่อฟ้าโท ตัวละ 50,000 บาท ใช้ 6 ตัว
    ใบระกา ตัวละ 30,000 บาท (จำนวนที่ใช้เช็คกับหลวงพ่อแน่ชัดจะแจ้งอีกครั้งค่ะ)
    กระเบื้องมุงหลังคาแผ่นละ 30 บาท
    ติดต่อเป็นเจ้าโทร 080-772-1000
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านค่า

    บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง สาขา:อุบลราชธานี เลขที่บัญชี: 313-048-6607
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->__________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  19. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณกุลประภา นาวานุเคราะห์ ที่ร่วมบุญช่อฟ้ารอบพระวิหารวัดป่าโนนจ่าหอม 500 บาท คุณณัฐจิรา เจริญผล ร่วมบุญ 200 บาท คุณกัลยานี ทวีรัตน์และครอบครัว ร่วมบุญ 100 บาท

    ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    บารมีแห่งหลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอาจารย์ชยางกูร
    มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นที่สุด โปรดอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัว
    ประสบความสุข ความโชคดี มีสุขภาพแข็งแรง คำว่า ไม่มี ไม่ดี ไม่รู้ จงอย่าพึงมี
    แก่ทุกท่าน ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานครับ
     
  20. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาคุณพี่จากเดนมาร์กที่ก่อนน้านี้ได้แจ้งเป้นเจ้าภาพช่อฟ้าทุกช่อๆช่อละร่วมเป็น 7000 บาทซึ่งเก๋ได้โพสต์อนุโมทนาในช่วยกระทู้หน้าแรกๆ และได้ร่วมปั้นพระตรีทูรติ 500 บาท ได้แจ้งโอนปัจจัยเข้ามาเรียร้อยแล้วค่าโดยปัจจัยจะมาถึงประมาณวันที่ 24-25 กุมภาค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ สาธุ ขอให้เจริญๆยิ่งๆขึ้นไปค่าสาธุ

    __________________
    ช่อฟ้าเอก 100,000 บาท ใช้ 1 ตัว
    ช่อฟ้าโท ตัวละ 50,000 บาท ใช้ 6 ตัว
    ใบระกา ตัวละ 30,000 บาท (จำนวนที่ใช้เช็คกับหลวงพ่อแน่ชัดจะแจ้งอีกครั้งค่ะ)
    กระเบื้องมุงหลังคาแผ่นละ 30 บาท
    ติดต่อเป็นเจ้าโทร 080-772-1000
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านค่า

    บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง สาขา:อุบลราชธานี เลขที่บัญชี: 313-048-6607
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2010

แชร์หน้านี้

Loading...