บุคคลที่เป็นทอม,ดี้ เกย์,ตุ๊ด ทำกรรมอะไรไว้ และสามารถบรรลุธรรมได้ไหม ?

กราบนมัสการท่านอาจารย์เจ้าขา........
หนูมีคำถามอีกแล้วค่ะ บุคคลที่เป็นทอม,ดี้ เกย์,ตุ๊ด ทำกรรมอะไรไว้คะถึงได้เป็นแบบนี้ และสามารถบรรลุธรรมได้ไหมคะ

 

เจริญธรรมลูกศิษย์มือขวาเอ้ย...ตอบตรงนี้ดีกว่า คนอื่นจะได้อ่านด้วยนะ

ถามว่า

บางคนก็บอกว่า พวกนี้ไม่มีทางบรรลุธรรมหรอก ต้องรอให้พระพุทธเจ้าองค์ใหม่มายกระดับจิตให้ ถึงจะบรรลุได้

การปฏิบัติและฟังธรรมจากรพระหรือแม่ชีรวมทั้งผู้สอนธรรมที่ดีในสมัยนี้นั้น ยากที่จะบรรลุธรรมได้

...เอาเถอะ...ต่างคนก็ต่างความคิด แม่ชีจะขอยกเอาคำที่พระพุทธองค์ทรงประทานเอาไว้มาบอกให้ฟังแล้วกัน

ก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น

พระอานนท์ได้ทูลถามว่า " จะมีอะไรที่จะเป็นสิ่งที่บุคคลและพระสงฆ์ทั้งหลายยึดและปฏิบัติตามได้หลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้ว ใครจะเป็นศาสดาแทน ?"

พระพุทธองค์ทรงตอบว่า "พระธรรมนั่นไงจะเป็นศาสดาของพวกเธอ"

ก็หมายความว่า
หากผู้ใดยึดพระธรรมและทำตามธรรมนั้นได้จริง
บุคคลเหล่านั้นก็ย่อมบรรลุธรรมได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย
พระองค์ไม่ได้ให้ยึดพระองค์ ไม่ได้ให้ยึดพระสงฆ์
เพราะบุคคลทั้งหลายย่อมเปลี่ยนแปลง คือต้องตาย
แต่พระธรรมนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่มีวันตาย
แม้ว่าโลกนี้จะไม่มีใคร ธรรมนั้นก็ยังคงมีอยู่ไม่ได้หายไปไหน
แต่ธรรมทั้งหลายนั้นต้องอาศัยบุคคลเป็นผู้กระทำ...
ธรรมจึงไม่มีวันเสื่อม แต่บุคคลย่อมเสื่อมออกจากธรรมนั่นเอง...


ในสมัยพระพุทธองค์ก็ยังมีพระกระเทย ที่มาหลงรักพระองค์ตามติด ยึดติด พระองค์ก็ทรงเมตตาสั่งสอนจนอินทรีย์แก่กล้าแล้ว จึงด่า ตะคอก ดุ ไล่ต่างๆนานา

พระกระเทยนั้นมีจิตที่แกร่งขึ้นกว่าเดิม จึงคิดว่า "ดีละพระองค์ไม่เมตตาเหมือนก่อนแล้ว งั้นเราจะเร่งปฏิบัติให้จงได้" จึงพากเพียรพยายามปฏิบัติธรรมจนบรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

คนเป็นอรหันต์แล้ว จะเข้าใจอะไรๆได้ดีกว่าบุคคลอื่น นี่คือลีลาการสอนธรรมให้บุคคลบรรลุด้วยพระปรีชาญาณของพระพุทธเจ้า

ก็เหมือนอาจารย์ของแม่ชีนั่นแหละ
ทีแรกก็พูดดี พูดเพราะ เราก็ตายใจ
สุดท้ายท่านด่าต่อหน้าผู้คนมากมาย ให้อายและขายหน้าเลย ใส่ร้ายก็มีนะ
แม่ชีทนไม่ได้ ลาท่านออกมา ไม่อยู่แล้ววัดนั้น อาจารย์ด่าเรา ไม่รักเราแล้ว เราไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย พอจะไปจริงๆทำเป็นพูดดี ไม่เอาด้วยแล้ว ไปดีกว่า มาอยู่ที่พัทลุงเร่งปฏิบัติจนบรรลุธรรมพอสมควร
จึงได้คิดว่า เออ...อาจารย์ทำให้เรามีความเพียร ไม่มัวเกาะแต่อาจารย์เป็นลูกแหง่อยู่อย่างนั้น ท่านทำให้เราแกร่งขึ้น ทนต่อโลกธรรม 8 ให้ได้ จึงกลับไปกราบท่าน

ท่านก็หัวเราะ นี่ไงใครว่าพวกทอม ดี้ เกย์ ตุ๊ดจะบรรลุธรรมไม่ได้ มันอยู่ที่อาจารย์ชี้แนะและลูกศิษย์นำไปกระทำจริงต่างหาก...

ต้องยอมรับตรงนี้เลยนะว่า ตอนเป็นนักเรียนแม่ชีก็เป็นผู้หญิงที่คล้ายผู้ชาย เขาเรียกกันว่า ทอม นั่นแหละ
แต่ยังชอบผู้ชายอยู่นะ แต่ชอบคบผู้หญิงด้วยกันมากกว่า เพราะปลอดภัยกว่าเยอะ ไม่ต้องกลัว
ที่สำคัญ กลัวท้องน่ะ รับไม่ได้

ตอนมาบวชอาจารย์ให้ปฏิบัติแล้วสอนให้ระลึกชาติ
ก็ระลึกไปเรื่อยๆจาก 5 ชาติเรื่อยไป 10 ชาติไปเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าใจว่า
ทำไมเราจึงไม่แต่งงาน ชอบผู้ชายหล่อๆนะ แต่ไม่แต่งเพราะไม่ชอบชายไทย ชอบฝรั่งจ้า...
จึงรู้ว่าชาติก่อนที่จะมาเกิดนี้ แม่ชีเกิดในสมัยรัชกาลที่ 7 มีสามีแล้วสามีเจ้าชู้มีเมียมาก
จึงสาบานและอธิษฐานเอาไว้ว่า "เกิดชาติใหม่จะไม่ขอมีสามีและจะไม่แต่งงานเด็ดขาด จะขอบวชประพฤติธรรม ถือพรหมจรรย์ให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์เลย แล้วก็ตายตอนอายุ 21 ปี "

ฉะนั้นการเกิดมาผิดเพศนั้น ไม่ได้มาจากการเจ้าชู้ ผิดลูกผิดเมียอย่างเดียว
เกิดมาจากความจำเป็นของแต่ละคน บางคนก็เป็นเพราะความจำเป็น บางคนก็เป็นเพราะตั้งใจที่จะเป็น และบางคนเป็นเพราะปกป้องตัวเองเพื่อความบริสุทธิ์โดยแท้
เพราะฉะนั้นใครจะเป็นอะไรก็เป็นไปเถิด ขอให้เป็นคนดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครและไม่ทำร้ายตัวเองเป็นพอ

นี่เป็นที่แรกเลยนะที่กล้าบอกว่าตัวเองก็เคยโดนคนอื่นเรียกว่า ทอมเหมือนกัน
และที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ไห้ผู้ชายมาบวชเป็นพระเพราะ บางคนทำในสิ่งที่เกินความพอดี จะทำให้ศาสนาด่างพร้อย คนจะไม่ศรัทธา เพราะผู้สอนธรรมทำตัวอุบาทว์
แต่พระที่เป็นกระเทยแล้วมาบวช ทำตัวดีก็มีมาก อันนี้มันก็อยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละคน

ถ้าใจกว้างสักนิด ให้โอกาสกันมันก็อยู่กันได้ ที่ปฏิบัติธรรมของแม่ชี มักมีพวกดี้ ทอม เกย์ ตุ๊ดเยอะ แม่ชีเปิดโอกาสให้ทำความดี
บางที่ไม่ให้โอกาสคนเหล่านี้ ถ้าแม่ชีไม่ให้โอกาส แล้วใครจะให้ล่ะ?
คนจะทำความดีมันผิดตรงไหน?

สุดท้ายพวกนี้ก็กลับไปอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ไม่ฆ่ากันเพราะหึง หวงหรอก

เอ้า...ตอบมายาวพอสมควรแล้ว เอวังฯ ก็มีด้วยประการฉะนี้แหละ สาธุ...


ขอบคุณที่ช่วยกันถาม เพราะจะได้เป็นประโยชน์ เป็นข้อคิดที่ดีให้กับผู้อื่นอีกมาก
สำหรับผู้ที่เดียดฉันท์พวกลักเพศ ก็ตรองดูเสียใหม่เถิด
ถ้าเลือกเกิดได้ คงไม่มีใครที่จะเลือกเกิดแบบที่ว่า ไม่เหมือนใครหรอก
บางคนแต่งงานแล้วก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเลย พยายามปิดและซ่อนบังเอาไว้
สุดท้ายแต่งงานไปก็อยู่กันไม่ได้ เลิกลากันไป ปัญหาเลยตกอยู่ที่ลูก
ต้องรับกรรมจากการกระทำของผู้ใหญ่ โทษใครล่ะ?

ผู้หญิงบางคนตัดผมสั้นเหมือนผู้ชายก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นทอมนะ
ดูอย่างคุณหงสนาถสิ ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นทอมเลย
เธอเป็นผู้หญิงแต่ชอบความสบายๆ ตัดผมสั้นเข้าไว้ ถึงเวลาเข้าวัดแบบว่า
อยู่ยาวจะได้ไม่ต้องเสียเวลาโกนผมนานไง


เอ้า...สาธุเจ้าค่ะ

-------------------------------------------
textbase user interface design
ตกแต่ง ตัวอักษร ให้อ่านได้ง่าย และจับใจความได้เร็ว
โดย ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม

 

โมทนาสาธุ เป็นธรรมที่ประเสริฐ และเป็นกลางที่บริสุทธิ์ครับ

 

หนทางหลุดพ้น

นมัสการครับ แม่ชี
ผมสงสัยว่า แล้วพวกเขาเหล่านี้ มีทางหลุดพ้นจากสิ่งนี้หรือไม่ และเขาควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้หลุดพ้นแล้วกลับมาเป็นเพสปกติ ไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติหน้า

 

เจริญธรรม...

เรื่องของเพศชายหญิงนี้ธรรมชาติเป็นตัวแบ่งแยก รวมทั้งสังคมก็เป็นตัวชี้วัดเพศ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ทุกเพศก็คือสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐที่สุด ก็คือมนุษย์ เพราะสามารถพัฒนาความคิดและความสำนึกทางจิตใจได้ดีกว่าสัตว์มีชีวิตอื่น

ถ้าไม่มีการพัฒนาให้สูงขึ้นหรือพัฒนาไปในทิศทางลบ ก็ไม่ต่างจากสัตว์อื่นไป

ฉะนั้นไม่ว่าจะคิดกันว่าเป็นเพศไหน แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องรู้อยู่ดีว่า ร่างกายของตนเป็นเพศไหน?

ร่างกายมันฟ้องบ่งบอกเพศอยู่แล้ว จะปฏิเสธคงยาก แม้ว่าสังคมจะอนุโลม
ด้วยการมีกฏหมายให้เลือกเพศได้ก็ตาม

หลายคนอาจจะบอกว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่สามารถทำปัจจุบันให้ดีได้ นั่นก็นับว่าดีในระดับหนึ่ง

แต่ถ้าทบทวนให้กระจ่างกว่านี้แล้ว เราจะรู้ได้ว่า "เราเลือกเกิดได้ "เพราะเราเป็นผู้เลือกมาเกิดเอง รวมทั้งเป็นผู้กระทำในปัจจุบันเองด้วย ส่วนจะดีหรือไม่ดีนั้นต้องมีการเรียนรู้ และมีการพัฒนาต่อไปโดยลำดับ

การที่กล่าวว่า "เลือกเกิดไม่ได้"นั่นเป็นคำตอบของคนโง่ คือไม่รู้ชีวิต แต่ก็นั่นแหละ โง่ก่อนเป็นสิ่งที่ดี จะได้หาทางป้องกันความโง่ เพราะไม่มีใครฉลาดมาแต่กำเนิดนั่นเอง

ส่วนเรื่องการบรรลุธรรมของพวกที่ถูกเรียกว่า "เพศที่สาม"นั้น สามารถบรรลุได้ถ้าทำได้จริง

การบรรลุหมายถึง สำเร็จตามจุดประสงค์หรือเป้าหมายทั้งทางกาย ทางวาจาและทางความคิด

คือไม่ทำผิดศีล อันได้แก่ ฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์และผู้อื่นรวมทั้งตนเอง
ไม่แย่งหรือขโมยของผู้อื่นและไม่ประพฤติผิดในคู่ครองของผู้อื่นรวมทั้งของตนด้วย

ไม่โกหก หลอกลวงให้เกิดความเสื่อมเสียประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไม่เสพสุราเมรัยอันเป็นที่มาของความประมาทและขาดสติ

ถ้าทำได้ทั้งหมด ความบริสุทธิ์ย่อมบังเกิด สติก็มี ปัญญาก็มา อารมณ์ก็ไม่พลุ่งพล่าน ความสงบย่อมบังเกิดแก่บุคคล
เพราะความคิดไม่สับดน กายไม่ประพฤติผิด วาจาก็ไม่พล่ามลามปามด่าว่าใคร นี่แหละย่อมเป็นที่รักแก่บุคคลทั้งหลาย

มีใจอาสาทำประโยชน์แก่สาธารณะบางโอกาส สันติสุขย่อมเกิดมีแก่ตนโดยลำดับ นี่แหละคือการบรรลุธรรม

บรรลุซึ่งอารมณ์ชั่วต่างๆ โดยไม่กระทำได้ แค่นี้ก็เป็นผู้ประเสริฐหรืออริยบุคคลแล้ว

ไม่ต้องหนีหน้าไปสงบในที่ไกลๆหรืออดข้าวอดน้ำให้วุ่นวายเปล่าๆ
สุดท้ายทุกอย่างก็อยู่ที่ตัวเรา ปากเรา ความคิดของเรานั่นเอง คนอื่นใครเล่าจะทำให้เราได้

วันนี้ทำความดีกันบ้างหรือยัง? รีบทำเสียตั้งแต่วินาทีนี้ มิเช่นนั้นอาจสายเกินแก้ไขได้

บุญรักษา/ธรรมะสวัสดี

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ

[b-wai] [b-wai] [b-wai]

 

อนุโมธนา

เป็นธรรมที่บริสุทธิ์อย่างที่คนว่า.. อ่านแล้วได้ข้อคิดและกำลังใจดีมาก

กำลังมีปัญหา ธรรมนี้เป็นแสงสว่างนำทางให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวตอนนี้ได้มากขึ้นจริงๆ ขอบคุณแม่ชีมากค่ะ

 

อนุโมทนา ในนามตุ๊ดคนนึง
นึกว่าคนเเบบนี้จะบรรลุธรรมไม่ได้ซะอีก
ขอบพระคุณมากจร้า

 

อนุโมทน ครับ คุณแม่ณัฐทิพย์

ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ที่คนทุกคนสามารถบรรลุธรรม สำเร็จมรรคผลนิพพาน ได้ด้วยกันทุกคนโดยมิได้แบ่งแยกเพศ หรือชนชั้น วรรณะ แต่อย่างใด

ขอเรียนถามในความเห็นของคุณแม่ณัฐทิพย์ สัตว์ ที่ไม่ใช่คน สามารถที่จะบรรลุธรรมได้หรือไม่ครับ? ยกตัวอย่างเช่น เห้งเจีย ซึ่งเป็นลิง ตือโป๊ยก่าย ซึ่งเป็น หมู หรือปีศาจ หลาย ๆ ตนในตำนวน ไซอิ๋ว ก็สามารถบำเพ็ญเพียรจิตภาวนา จนบรรลุเป็น เทพเซียน คุณแม่มีความเห็นอย่างไรครับ

 

แม่ชีครับ
ผมว่ามันแปลก ๆ อยู่นะครับ มีในพระไตรปิฏกหรือเปล่า
แต่ผมก็เคารพความคิดส่วนตัวนะมีเหตุมีผลดี
แต่การอธิบายศัพท์บางคำ เช่น "การบรรลุธรรม" ที่เราเข้าใจกันมันคือการเป็นอริยสงฆ์ ตั้งแต่ขั้นโสดาบันถึงพระอรหันต์
และอีกอย่างหนึ่งคนที่มีฌาน สามมารถเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนพระเทวทัตหรือการระลึกชาติได้ก็ไม่ได้หมายความว่าบรรลุธรรม แม้แต่การระลึกชาติพระองค์ก็ทรงห้ามอยู่ถ้าจำไม่ผิดทรงห้ามพระมหากัสสปะเพราะจะทำให้เสียเวลาในการบรรลุอรหันต์ และถ้ายิ่งเป็นพระสงฆ์การอ้างเรื่องสมาธิ ฌาน วิโมกข์ ก็เป็นการอวดอุตริขั้นรุนแรงถ้าไม่มีในตนเป็นปราชิก ขั้นต่ำก็ยังเป็นอาบัติ ท่านก็เรียกบรรลุฌาน บรรลุวิโมกข์ ยังไม่ถึงกับเรียกบรรลุธรรม
ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ

 

เจริญธรรม...
การบรรลุธรรม คือการที่ได้รับรู้ธรรม เกิดเป็นความเข้าใจ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม แค่เพียงเข้าใจเล็กน้อยแล้วนำไปปฏิบัติ จนสำเร็จผลตามนั้น คือสำเร็จทางอารมณ์

จากนั้นพฤติกรรมย่อมเปลี่ยนตาม นี่แหละที่เรียกว่า บรรลุธรรม
คือเปลี่ยนจากการเข้าใจผิดมาเป็นเข้าใจถูกมากขึ้น จึงเรียกว่า อริยบุคคลตามลำดับไปจนถึงพระอรหันต์

ส่วนเรื่องที่อ่านมาที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้สาวกอวดอ้างฤทธิ์เดช ถ้าไม่มีในตนนั้นก็ถูกต้องแล้ว

เพราะคนที่อวดอ้างอภินิหารและฤทธิ์เดชโดยที่ตนทำไม่ได้และไม่มีนั้นเป็นการหลอกผู้อื่นให้หลงเชื่อตาม ผิดศีลข้อมุสาฯ หากเป็นพระจึงต้องปาราชิกเพราะผิดศีล

หากในตัวบุคคลมีสิ่งที่พูดและทำได้จริงก็ไม่ผิด เพราะบางครั้งต้องปราบปรามคนชั่วเพื่อไม่ให้ทำชั่วต่อสาธารณะ

หรือชักจูงบางคนให้หันมาศรัทธาในสิ่งที่ดีจริง อันนี้จัดอยู่ในจริตของแต่ละบุคคล

และที่พระพุทธองค์ทรงห้ามพระบางท่านนั่นก็เพราะพระท่านยังมองการไกลไม่เท่าพระองค์
การเหาะเหินเดินอากาศนั้นมีจริงถ้าทำได้จริงจ้า...

บุญรักษา/ธรรมสวัสดี

 

อนุโมทนาครับ

ผมพึ่งมาใหม่ อ่านแล้วก็ได้แง่คิดดีๆเยอะเลยครับผม

 

ขอร่วมอนุโมทนากับแม่ชีณัฐทิพย์ด้วยคะ สาูธุ สาูธุ สาธุ

 

กราบขอบพระคุณท่านแม่ชี สำหรับธรรมะที่ลึกซึ้ง ที่เข้าใจได้ง่ายเจ้าค่ะ โยมก็คิดเหมือนแม่ชีว่าหากการที่คนเรา เป็น ทอม ตู๊ด ดี้ เกย์ จะไม่สามารถ ปฎิบัติธรรม ไม่สามารถบรรลุได้ อย่างงี้ก็ถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะคนเราทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ไม่เกี่ยงชั้น วรรณะ น่าจะบรรลุธรรมได้ หากเข้าใจธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงสอนอย่างถ่องแท้ แม้แต่สัตว์เล็ก สัตว์น้อย ใหญ่ ยังน่าที่จะบรรลุธรรมได้ ด้วยความศรัทธาในธรรม โยมไม่อยากเห็นการแบ่งแยก หากคิดแบ่งจริงๆอย่างงี้คนจนก็ไม่ต้องเข้าถึงธรรม ไม่ต้องทำบุญ กุศล ไม่ต้องให้ทาน เพราะไม่มีจะให้ ไม่มีจะทำ เงินทองก็ไม่มี อย่างงี้คนจนทุกคนก็ต้องหมดสิทธิ์ที่จะเข้าถึงธรรมะ โยมว่าคนเราทุกคนควรได้รับโอกาสทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เพราะธรรมะของพระพุทธองค์ทรงเปิดกว้างให้ทุกภพได้เข้าถึงกันอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะน้อมนำเข้ามาใส่ตน ขอบพระคุณแม่ชีมากนะค่ะที่ให้ธรรมะอย่างเป็นกลางที่สุด ซาบซึ้งเจ้าค่ะ

 

กราบสวัสดีแม่ชีและคุณหงสนาถนะคะ ยังระลึกถึงทั้งสองท่านอยู่เลยค่ะ สาธุค่ะ

 

โมทนา สาธุ กับแม่ชีณัฐทิพย์

ต้องเกิดเป็นอย่างไร ก็เพราะกรรม
สนใจแต่กรรมตัวดีกว่า สร้างกรรมจากการเพ่งกรรม(โทษ)ของผู้อื่น

 

ตุ๊ด นี้มีมาตั้งเเต่สมัยพุทธกาลเเล้วหรือนี่

 

กราบอนุโมทนาสาธุ ธรรมจากคุณแม่ค่ะ ข้าพเจ้าเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น มีความทุกข์ใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นนี้มาก แต่พอมาปฏิบัติธรรมแล้ว ทำให้เข้าใจอะไรๆ มากขึ้น และได้มาอ่านกระทู้นี้ ได้เห็นว่าความเมตตาของคุณแม่มีมาก ข้าพเจ้า เชื่อในคำสอนของคุณแม่ที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต เพราะคำนี้เป็นคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าข้าพเจ้า มีวาสนา ข้าพเจ้าคงได้ไปปฏิบัติธรรม กัมมัฏฐาน ที่สำนักของคุณแม่นะคะ ข้าพเจ้า เป็นสาวประเภทสองค่ะ

ปล.ชอบความคิดเห็นจากพี่อุ้ม ภัทรอังคารมากค่ะ เปรียบเทียบได้เฉยบคมดีจัง

 

เกิดเป็นอย่างไร ก็เพราะกรรม (ถูกต้อง) อย่าไปสนใจเรื่องเพศเลยครับ เพราะทุกเพศ ล้วนมีสิทธิ์สร้างบารมี และบรรลุธรรมได้ครับ (ถ้าเดินตามทางที่ถูก:d)