23.ไหว้หลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล

๒๓

ไหว้หลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล​

​

เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ได้มีโอกาสขับรถไปอัมพวา เพื่อไปทำธุระ หลังจากทำธุระเสร็จแล้ว ก็วางแผนกันว่าจะไปวัดห้วยมงคลกันต่อ เพื่อพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปทำบุญที่วัดแห่งนี้ เพราะเคยคุยกันว่าอยากไป ก็เลยพากันไป

​

ด้วยความที่ไม่ทราบว่าระยะทางจากจังหวัดสมุทรสงครามถึงวัดห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีระยะทางไกลขนาดไหน ก็ขับรถความเร็วเท่ากับขับรถขึ้นภาคเหนือก็ ๑๒๐ เป็นส่วนมาก พอใกล้ๆ จะเข้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อีกประมาณ ๓๐ - ๔๐ กิโลเมตร เป็นทางแยกร่วม ทางด้านขวามือมีขบวนรถบัส V.I.P ๒ ชั้น จำนวน เกือบ ๑๐ คัน เป็นขบวนยาว มีรถตำรวจทางหลวงนำหน้า วิ่งมาด้วยความเร็วจากทางแยกร่วมทางด้านซ้ายมือ ปาดออกมาวิ่งเข้าถนนเพชรเกษมออกมาเลนขวาเลย ซึ่งสร้อยฟ้ามาลาขับรถมาพอดี ทำให้ตรงชะลอความเร็ว ซึ่งขบวนนี้มาเป็นขบวนยาว ทำให้รถท้ายๆ ต้องชะลอกันเป็นแถว รถก็ใหญ่ แล้วออกมาไม่เกรงใจใครแล้วก็วิ่งขวาเลย สร้อยฟ้ามาลาหงุดหงิด เห็นว่ามีรถตำรวจนำหน้าแล้ววิ่งอย่างนี้เหรอ เลยตัดสินใจ ขับรถออกเลนซ้ายแล้วก็เหยียบ! เพื่อเร่งแซงขบวนพวกV.I.P.ทั้งหลาย พอแซงพ้นก็ออกเลนขวา สงสัยรถตำรวจที่นำหน้าเกิดอาการหมั่นไส้หรือเปล่าไม่รู้ ขับมาได้สักพักเลยถูกทางหลวงข้างทางเรียกให้จอด บอกว่าขับรถเร็ว ๑๑๗ กม./ชม. กฎหมายให้รถยนต์ขับที่ความเร็ว ๙๐ กม./ชม. แต่อนุโลมให้ถึง ๑๑๐ กม./ชม.ขับเร็วเกินมา ๗ กม./ชม. แล้วก็เขียนใบสั่ง เลยถามว่า อ้าวแล้วรถที่แซงมามีรถเบนซ์กับแลนครุยเซอร์หล่ะทำไมไม่เรียกเขาขับเร็วกว่าตั้งเยอะ เขาก็บอกว่าก็ตรง ก.ม.๗ มีตรวจจับความเร็วถ้ามาถึงตรงนี้ขับเกินความเร็วก็จะโดนจับ ถ้าพ้นจุดนี้จะขับเร็วขนาดไหนก็ไม่โดนจับ เออ มีอย่างนี้ด้วย ตำรวจก็ให้ลงมาคุยนอกรถ ก็เลยลงไปคุย เขาบอกว่านี่ลดให้นะทุกทีจะปรับ ๔๐๐ บาท เดี๋ยวขีดในใบสั่งให้ ๒๐๐ บาท ก็เลยบอกว่า อ้าวก็ต้องแซงขบวนรถมาเนียะไม่งั้นก็แซงไม่พ้นหน่ะสิ ตำรวจก็เลยบอกว่าเอ้าลดให้ ๑๐๐ บาท เห็นว่าต้องแซงขบวนยาวตรงช่วง ก.ม.๗ พอดี เลย งง ว่าเขายิงเลเซอร์วัดความเร็วฝั่งริมถนนด้านซ้ายหรือตรงริมถนนด้านขวากันแน่ ที่เห็นเขายิงตรวจจับความเร็วด้านขวา เพราะรถเร็วจะวิ่งขวา แต่นี่สร้อยฟ้ามาลาวิ่งแซงจากเลนซ้าย แล้วเป็นไปไม่ได้เลยถ้ายิงเลเซอร์จากด้านขวาเพราะพวกท่านV.I.P วิ่งขวากันรถทุกคันที่วิ่งใช้เส้นทางไม่ให้ใครแทรงมาได้เลย สรุปในใจได้ว่า ตำรวจนำขบวนนั่นแหล่ะที่ ว.จับ สงสัยโทษฐานหมั่นไส้ขับรถแซงขบวน V.I.P ๒ ชั้น นับสิบคัน ซึ่งขับกันมาเป็นเจ้าถนนเลย ตำรวจที่จับเลย ว.ไปบอกว่าเคลียร์ออกจากระบบ ไม่จับ สรุปคือต้องเสียโดยไม่มีบิลล์ ๑๐๐ บาท นี่ขนาด สีกากีเหมือนกันนะเนียะยังโดน...... แล้วชาวบ้านจะเหลืออะไร...... รมณ์เสีย พอออกจากตรงนั้นมาเลยเหยียบซะ ๑๔๐ เลย.... ก็ดันไปเจอกับพวกขบวนนี้ที่วัดอีก.....เซ็ง ไหว้พระทำบุญดีกว่า.......

​

วัดห้วยมงคล นั้นแต่เดิมใช้ชื่อว่า "วัดห้วยคต" ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนามใหม่จาก ห้วยคต เป็น ห้วยมงคล ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียน และโครงการต่างๆ เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก


กว่าสี่สิบปีแล้วที่หมู่บ้านห้วยมงคล เป็นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเยี่ยมประชาชนด้วยโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับพสกนิกรให้มีฐานะดีขึ้น ประชาชนมีสุขกันทั่วหน้าและโครงการต่างๆ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะมีส่วนราชการให้การดูแล รวมทั้งทรงอุปถัมภ์วัดห้วยมงคลไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจสำหรับชาวบ้าน

​

ต่อมาพระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาที่มีศีลจารวัตที่ดีงามเป็นที่เคารพของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุลรองสมุหราชองครักษ์ได้มีดำริที่จะสร้าง “หลวงพ่อทวด” องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ รวมทั้งเผยแพร่และสืบทอดพระพุทธศาสนาอีกทั้งให้เป็นที่เคารพสักการบูชาและเป็นที่พึ่งทางใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน


ด้วยเรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ที่พุทธศาสนิกชนในภาคใต้ให้ความเคารพเลื่อมใสมาเป็นเวลานาน และรู้จักกันเป็นอย่างดี จึงก่อเกิดการร่วมมือร่วมใจจากหลายองค์กรทั้งทางภาครัฐและเอกชนในการสร้างประติมากรรมองค์จำลองหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกาลนี้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร เททองหล่อองค์หลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๗ และพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างอันเชิญพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ขึ้นประดิษฐานที่หน้าองค์รูปหล่อองค์หลวงพ่อทวด

บัดนี้รูปหล่อหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งหล่อด้วยโลหะผสม หน้าตักกว้าง ๙.๙ เมตร สูง ๑๑.๕ เมตร บนฐานสูง ๓ ชั้น ชั้นล่างกว้าง ๗๐ เมตร ยาว ๗๐ เมตร ได้จัดสร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะให้พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศได้เดินทางมานมัสการกราบไหว้ เคารพสักการะ ด้วยเส้นทางที่สะดวกต่อการคมนาคม

​

นอกจากนี้ที่วัดห้วยมงคลแห่งนี้ยังมีหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแกละสลักจากได้ตะเคียนทองขนาดใหญ่อายุกว่าพันปี ที่ฝังอยู่ในทรายใต้แม่น้ำยม จังหวัดแพร่ลึกกว่า ๑๐ เมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่าต้นไม้ที่มีแก่นสูง ๑ คืบขึ้นไปจะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่เพื่อดูแลปกป้องคุ้มครองคนที่มาสักการบูชา เมื่อนำต้นตะเคียนทองมาทำรูปเคารพ เช่นแกะเป็นหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจึงมีอนุภาพและความศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีสิทธิ์ ดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

​

ประวัติหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด​

หลวงพ่อทวด หรือ สมเด็จพะโค๊ะมีนามเดิมว่าปู เป็นบุตรนายหู นางจัน วัน เดือน ปี เกิดของเด็กชายปู บ้างว่าเป็นเดือน ๔ ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ.๒๑๒๕ บ้างว่าปี พ.ศ.๙๙๐ ฉลู สัมฤทธิศก บ้างว่า พ.ศ.๒๑๓๑ โดยอนุมาน เข้าใจว่าคงเป็นปลายสมัยมหาธรรมราชา อาจเป็นปี พ.ศ.๒๑๒๕ หรือ พ.ศ.๒๑๓๑

ตอนเด็กชายปูยังเป็นทารก มีเรื่องเล่าเป็นปฏิหาริย์เอาไว้ว่าหลังจากนางจันเลิกอยู่ไฟก็ออกเกี่ยวข้าวทันที วันหนึ่งนางไปเก็บข้าวก็เอาบุตรให้นอนในเปลใต้ต้นหว้างูบองสลาขึ้นมานอนบนเปลนั้น มารดา บิดาเห็นตกใจ งูก็เลื้อยหายไป แต่ได้คายแก้ววิเศษเอาไว้ให้ เมื่อเด็กชายปูอายุได้ ๗ ขวบ บิดาได้นำไปฝากกับท่านสมภารจวงซึ่งเป็นพี่ชายของนางจันผู้เป็นมารดา (หลวงลุง) วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ เด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมากสามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ ๑๐ ขวบ ก็บวชเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษให้เป็นของประจำตัว ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับพระชินเสนที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงมากมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อได้อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ต่อมาก็ได้เข้ารับการอุปสมบท มีฉายาว่า “ราโมธมฺมิโก” แต่คนทั่วไปเรียกว่า “เจ้าสามีราม” เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆอีกหลายวัด

​

เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอ จึงได้ขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพรเกิดคลื่นลมทะเลปั่นป่วนเรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ ต้องทอดสมออยู่ถึง ๗ วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมด บรรดาลูกเรือจึงตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดอาเพศในครั้งนี้เป็นเพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะ ได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาดขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้นท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในน้ำทะเล ก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วงเจ้าสามีราม จึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืดจึงช่วงกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงนิมนต์ให้ขึ้นสำเภาอีก และตั้งแต่นั้นเจ้าสามีรามเป็นชีต้น หรืออาจารย์ของเจ้าสำเภาอิน สืบมา

​

อภินิหารที่ท่านสามีรามเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นที่โจษขานมาถึงบัดนี้และเหตุการณ์ตอนนี้เล่าเสริมพิสดารขึ้นว่า ตอนแรกนายอินเชื่อมั่นว่าพระสามีรามเป็นกาลกิณีเรือจึงต้องพายุเพราะก่อนมาไม่เคยเป็น เมื่อคลื่นลมสงบจึงคิดจะเอาเจ้าสามีรามปล่อยเกาะ แต่ครั้นเห็นปาฏิหาริย์จึงขอขมาโทษ

ในยุคนี้และสมัยนี้ เกือบจะไม่มีชาวไทยคนใดเลย ที่จะไม่เคยได้ยินชื่อหรือได้ฟังกิติศัพท์เล่าลือเกี่ยวกับ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ความศักดิ์สิทธิ์อันนี้ บ้างก็เป็นเรื่องของความคลาดแคล้วจากอุบัติเหตุสยองจากไฟไหม้หรือจากภัยพิบัติ นานัปการ และหลวงพ่อทวดมิใช่จะคุ้มครองเฉพาะด้านอุบัติเหตุเท่านั้น แม้แต่ในทางโชคลาภ ก็ให้ผลอย่างดีที่สุด ดังที่ได้ประจักษ์แก่ผู้เลื่อมใสมาแล้ว

​

พอทำบุญไหว้พระเสร็จ ก็ขับรถออกมา ก็ดันเจอกับขบวนเจ้าถนนคณะเดิมอีก มีรถตำรวจนำขบวน ๑ คัน และปิดท้ายอีกหนึ่งคัน มองๆ ไปเห็นว่าเป็นขบวนของสำนักส่งเสริมอะไรสักอย่าง ก็ขับกันเกะกะเหมือนเดิมไม่เกรงใจใครเพราะฉานใหญ่ สร้อยฟ้ามาลาไม่สนใจ แซงซ้ายเหมือนเดิม อิอิ ก็เหยียบนำมาขับที่ความเร็วประมาณ ๑๑๐ กม./ชม.บางช่วง ๑๒๐ กม./ชม. อีกประมาณ ๑๐ กม.ถึงเขาวังเห็นจะได้ ขบวนนี้ตามมาทัน นั่นแสดงว่าเขาขับกันเกิน ๑๒๐กม./ชม. เออ มีรถตำรวจนำขบวนถึงขับเร็วเกินกำหนดได้ก็ไม่โดนจับ เจ้าถนน จริงๆ....

...................................................................................

สุดท้ายนี้อันกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์เจ้านายทุกพระองค์ เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ พระยายมราช เจ้ากรรมนายเวร และขอให้ผลบุญจงได้สำเร็จผลแด่เพื่อนๆ สมาชิกในเว็ปพลังจิต ทุกท่าน

ข้อมูลจาก : เอกสารวัดห้วยมงคล
ภาพโดย : สร้อยฟ้ามาลา

.......................​

​

.............​

 

อนุโมทนาบุญครับ
ตำรวจจับความเร็วก็มีเป็นจุดๆน้อยจุด
เที่ยวหน้าถ้าอยากขับ ๑๒๐-๑๕๐ โดยไม่มีมารผจญ ขอแนะนำ
"รู้จักเรดาร์ซักหน่อย"
๑ ตำรวจบอกว่าความเร็ว ๑๑๗ แปลว่าเขาใช้ เรดาร์( doppler radar)
ตำรวจนำกระบวนรถบอกความเร็วเป๊ะๆไม่ได้หร็อกครับ
๒ จะโดนเรดาร์แปลว่าต้องขับเป็นคันแรกนำหน้าชาวบ้าน
อาจจะแป๊บเดียว จังหวะตำรวจเรดาร์ดักอยู่พอดี(ซวย)
๓ น่าจะมีสิ่งสังเกตอื่นแต่ไม่ได้สนใจ
1 อย่าขับเร็วขณะที่เป็นคันหน้า เกาะกลุ่มตามๆพวก High speedเค้าไป
การขับเป็นกลุ่มทำให้เรดาร์แยกเป้าไม่ได้หรือแยกยาก
2 ถ้าคันหน้าโดนเราก็ชลอ
3 ถ้าทั้งถนนมีเราอยู่คันเดียวหรือกำลังนำหน้าคนอื่นเราก็ต้อง ๑๑๐
4 รถที่แล่นสวนทางมาตีไฟสูงมั่งรึเปล่าเพราะเค้าเห็นตำรวจก่อนเรา
5 สำหรับผม ๑๕๐ จงเจริญ เย้!

 

ขอบคุณจ้า ได้ความรู้ใหม่.... ^^ .....

 

อ่านเรื่องเรด้าร์และตำรวจ...ยิ้มเลย
พี่แอ๊ดเคยไปกราบหลวงปู่แล้ว แต่ถ่ายรูปไม่สวยเท่าคุณสร้อยค่ะ อิ อิ

 

คราวหน้าโดนเมลมาบอกพี่ พี่มีญาติเป็น ผบตย (ผู้บัญชาการตำยามแห่งชาติ)

 

ขอบคุณจ่ะพี่แอ๊ด...

ประสบการณ์ ต่อไปจะได้เหยียบไม่ไห้เห็นป้ายทะเบียนเลย...

 

เมลจะถึงช้าไปป่าว.........

 

กราบหลวงปู่ทวด กราบ กราบ กราบ...........

 

เตือนตั้งกี่หนแล้วเรื่องขับรถช้าไม่เป็นเนี่ยะ..เง้อ!!..

 

โห รัยอ่ะ คันอื่นขับเร็วกว่าตั้งเยอะแน่ะ.....

 

อนุโมทนาด้วยจ้ะ วี ไปมา 3 ครั้งแล้วจ้ะ สาธุๆๆ

 

พี่แก้วยังไม่เคยไปเลยค่ะ....ถ้ามีโอกาสคงต้องไปแล้วค่ะ...เรื่องโดนตำรวจจับเรื่องรถพี่แก้วก็บ่อยแต่ยังไม่เคยเสียตังเพราะตำรวจกวักมือเป่านกหวีดพี่แก้วก็ควบรถหนี...เรื่องอะไรจะไปหาเนอะ...ถ้าหนีไม่ทันพี่แก้วก็บอกว่าขอโทษค่ะ....ไม่รู้จริงๆค่ะ..ถ้ารู้ไม่ทำหรอกค่ะ...นะ...นะ..

 

อนุโมทนาสาธุ จ้า

อยากไปไหว้บ้างจังเลย

ถ้าตำรวจเรียกนะจ๊ะ คุณสร้อย บอกเลย "ฉ้านเพื่อนตุ้ม" เดี่ยวตำรวจจะงงสักพัก ให้รีบชิ่งหนีเล้ย
อิอิ (มุขเก่าแล้วเนี่ย)

 

ขนาดคนอ่านยัง งง เองเลยหล่ะคุณหญิ งจัน.....

 

เฮีย ฯ ไปไม่ถึงวัดห้วยมงคลสักที ขับผ่านตลอด


รอบหน้าถ้าไปหัวหิน ต้องแวะไปทำบุญไหว้พระหลวงปู่ทวด สักที

 

อะไรกันจ๊ะพี่ปอฯ
พี่ปอฯ ออกจะลงใต้บ่อยๆ ยังไม่เคยแวะเลยเหรอ
ต้องหาโอกาสไปให้ได้นะ....

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ เพิ่งไปไหว้หลวงปู่ทวดที่วัดห้วยมงคล มา
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นี้ครับ

 

อนุโมทนาด้วยจ่ะ....

 

......................................................................
ตำรวจจะตอบว่า
"ตุ้มถูกจับอยู่ข้างหน้า"
"ตุ้มให้มาเก็บค่าปรับจากเพื่อนที่ตามมา"
"อ๋อ ! คุณนี่เอง จ่ายค่าปรับมาซะ"

 

เคยโดนจับความเร็วที่ด่านนี้เหมือนกัน ตอนไปประจวบ เลยได้รู้ว่าตรงนี้มีด่าน
แต่ยังไม่เคยไปกราบหลวงปู่ทวดเลยค่ะ ตอนนั้นไปกำลังสร้างอยู่

ขอกราบอนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ