ไอ้แหบ หัวรถจักรไอน้ำอาถรรพ์

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย F-5E, 15 มีนาคม 2010.

  1. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    ที่หนังสือผมมีเขาเขียนลักษณะคล้ายๆนิยายครับ ไม่ได้บอกเล่าว่าไอ้แหบเป็นรถแบบไหน
    แต่ในหนังสือบอกว่าไอ้แหบโดนแยกชิ้นเรียบร้อยแล้ว
    วันนี้พยายามนั่งพิมพ์ตามหนังสือ ได้มาแค่ 3หน้าเอง จากที่ผมประมาณดูว่าน่าจะราว 15 หน้า
     
  2. LittleBuddha

    LittleBuddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุณมากครับ รอติดตามอ่านอยู่ครับ
     
  3. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    353
    ค่าพลัง:
    +964
    รถพ่วง ที่ดัดแปลงเป็น ยานเกราะ พ่วงไปกับรถไฟ
    [​IMG]
     
  4. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    353
    ค่าพลัง:
    +964
    ไอ้เจ้านี่ก็ แม้ว่าเป็นรถขักรดีเซลล์ แต่ว่า ได้ข่าวว่า เวลาวิ่งผ่านชานลาหรือ คนยืนใกล้ๆ มักโดนลมปะทะ ดูดเข้าไป แล้ว โดนมันวิ่งทับ มา เยอะพอควรครับ พขร เอง ติดเครื่องยนตืทิ้งไว้ ระหว่าง ทำการต่อพ่วงตู้สินค้า เกิด ปวดท้องเบา เลยลงมาทำธุระข้างทาง จู่ๆ มันก้คำราม เร่งเครื่อง แล่น เข้าไป ขน ตู้สินค้า ในโรงงาน ซะงั้น ดีไม่มีใครตาย
    ดูหน้าตา มันก้น่าขนลุก แล้วครับ
    [​IMG]
     
  5. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    353
    ค่าพลัง:
    +964
    ตู้โบกี้ ที่ใช้พ่วง กับรถจักรไอน้ำ สมัยก่อน โดนอุบัติเหตุ มา ยังเก้บไว้ที่นี่ครับ เบี้ยว ไปข้างนึงเลย ไม่รู้ใช่ ฝีมือไอ้แหบหรือไม่
    [​IMG]
     
  6. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    353
    ค่าพลัง:
    +964
    เหตุ ที่ กระแสลมของ หัวรถจักร ดูด คนเข้าไป โดนรถจักรทับตาย ก็ เพราะว่า พัดลม ที่ติดตั้งที่ ช่องระบายความร้อนนี้ จะดูดลม ข้างตัวรถ แล้ว พัดความร้อน ระบายออกด้สน บน เพราะอย่างนี้ เราจึงได้ยินกันว่า ลมมรณะจากหัวรถจักร ดูดคนเข้าไป โดนรถไฟทับ

    ช่องแผงระบายความร้อนครับ พัดลมโดนรื้อ ออกไปแล้ว
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. หญิงจัน

    หญิงจัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +2,655
    o_O สภาพน่ากลัว แค่วางไว้เปล่าๆก็น่ากลัวแล้ว ยิ่งมีประวัติ สยองอีกยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

    อืม ตำลึงกำลังขึ้นงามเชียว แต่ไม่ไปเก็บหรอกนะ 555 กลัว เอาตำลึง คืนมา.....
    V
    V
    [​IMG]
     
  8. dorammon

    dorammon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +6
    น่ากลัวจังเลยค่ะ นี่รถไฟผีสิงแล้วล่ะ
     
  9. Daran

    Daran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดี ๆ ให้รับทราบ
     
  10. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    พิมพ์เสร็จแล้วครับ เรื่องของอีแหบที่มีผู้เขียนไปลงหนังสือตายแล้วไปไหน ต้องขอบคุณผู้เขียนด้วยครับ (คุณอมรชาติ อิทธิเดช)
     
  11. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    ลองอ่านเนื้อเรื่องดูนะครับ
    อาถรรพณ์หัวรถจักร
    เขียนโดยคุณอมรชาติ อิทธิเดช
    ตีพิมพ์ในหนังสือ ตายแล้วไปไหน มกราคม 2532
    เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2460 ในสมัยนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าเช่นขณะนี้ สถานีปลายทางที่รถไปสิ้นสุดก็เพียงแค่จังหวัดอยุธยาเท่านั้น และที่สถานีปลายทางนี้แหละ บรรดาหัวรถจักรทั้งหมดได้ถูกนำมาจอดพักเพื่อเติมน้ำมันและเติมฟืน
    สถานที่ที่การรถไฟฯ ได้ใช้เป็นโรงจอดหัวรถจักรอยู่ทางใต้ของสถานี ในบรรดาหัวรถจักรทั้งหมดที่จอดพักรวมกันอยู่ในโรงนั้น มีหัวรถจักรคันหนึ่ง ซึ่งบรรดาครฟ.ทั้งหมดต่างพากันขนานนามมันว่า “อีแหบ”
    การที่หัวรถจักรคันดังกล่าวถูกขนานนามว่า “อีแหบ” ก็เนื่องจากหวูดสัญญานของมัน หาได้ดังกังวานกึกก้องเช่นกับบรรดาหัวรถจักรทั้งหลายไม่ แต่เสียงของมันกลับดังแหบแห้งคล้ายกับคนที่ป่วยหนักกำลังจะสิ้นใจ
    ฟังดูเกือบจะไม่ใช่เสียงหวูดรถไฟทั้งๆที่แรกเริ่มเดิมที เจ้าหัวรถจักรคันนี้ก็มีเสียงกึกก้องกังวานไปไกล
    การที่มันมีเสียงวิปริตไปอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากเหตุการณ์อันสยดสยอง ซึ่งได้อุบัติขึ้นในคืนหนึ่ง
    คืนนั้น เป็นคืนแรมแก่...ท้องฟ้ามืดครึ้มไปทั่วบริเวณสถานีบางปะอิน สถานีซึ่งขบวนรถสินค้าจากกรุงเทพฯจะต้องผ่านไปในเวลา 23.00 น. อันเป็นเวลาวิกาลที่ดึกสงัดแล้ว
    คืนนี้แม้จะเป็นคืนแรมแก่ แต่น้ำก็เจิ่งนองไปทั่วฝั่งคลอง เพราะเป็นหน้าน้ำเดือน 12
    ร่างตะคุ่มๆของชาย 3 คนในท่ามกลางความมืดสลัวของอากาศที่ปกคลุมไปทั่ว กำลังเดินลัดเลาะอยู่ริมฝั่งคลองด้านซึ่งอยู่เลยจากสถานีบางปะอินไปเล็กน้อย
    เจ้าของร่างตะคุ่มๆทั้งสามนี้ถ้ามองดูและพิจารณากันแต่เพียงผิวเผินก็จะต้องลงความเห็นว่า เป็นพวกทุจริตที่กำลังวางแผนมิดีมิร้ายอะไรสักอย่างหนึ่ง ในยามวิกาลอันดึกสงัดนี้ใครๆต่างก็พากันหลับนอนหมดสิ้นแล้ว...
    แต่โดยแท้จริง เจ้าของร่างทั้งสามหาใช่พวกทุจริตไม่ เขาทั้งสามเป็นลูกบ้านในย่านบางปะอินนี้เอง และพฤติการณ์ของพวกเขาที่กำลังด้อมๆมองๆอยู่ริมฝั่งคลองในขณะนี้ แท้ที่จริงก็คือ การวางเบ็ดราวเพื่อล่อปลาซึ่งมีอยู่ชุกชุมในฝั่งคลองด้านนี้ให้มากินเบ็ดนั่นเอง
    เจ้าเด็กหนุ่มทั้งสามซึ่งหวังจะมาหารายได้พิเศษจากสินในน้ำคืนนี้ได้เริ่มมาวางเบ็ดตั้งแต่พลบค่ำ จนขณะนี้เป็นเวลา 3 ทุ่มเศษแล้ว จะมีปลาที่เคราะห์ร้ายตัวหนึ่งตัวใดมาติดเบ็ดของพวกเขาก็หาไม่
    “เออ...คืนนี้มันเป็นยังไงโว๊ย!” เจ้าคนหนึ่งในจำนวนสามคนบ่นขึ้นดังๆ “ตั้ง 3 ทุ่มกว่าแล้ว ยังไม่ได้ปลาเลยซักตัว...”
    “นั่นนะซี่ ข้าก็ชักแปลกใจเสียแล้ว” อีกคนหนึ่งคล้อยตามและพูดต่อไปว่า “เมื่อคืนวานมาวางเบ็ดเดี๋ยวเดียวได้ปลาไปเกือบข้อง คืนนี้ไม่ได้ซักตัว...”
    “มันอาจจะเป็นที่เหยื่อก็ได้โว้ยเดี๋ยวลองเปลี่ยนเหยื่อใหม่ดีกว่า” เจ้าคนที่สามให้เหตุผล
    “อาจจะจริงอย่างเจ้ามั่นมันว่าก็ได้นะ...”เจ้าคนแรกเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนที่ชื่อมั่น
    แล้วทั้งสามก็รีบเปลี่ยนเหยื่อเสียใหม่โดยเร็ว
    ภายหลังจากการเปลี่ยนเหยื่อและรอคอยต่อไปด้วยความหวัง
    “กูชักง่วงนอนเสียแล้วโว๊ย กลับกันดีกว่า” เจ้าคนหนึ่งร้องขึ้นดังๆ
    “เฮ้ย เดี๋ยวก่อนซิวะไอ้สุก รอดูมันอีกสักครู่หนึ่งก่อน...”
    “รออะไรอีกล่ะวะ ตั้งเกือบสามชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้ปลาซักตัว...”
    “เถอะน่า รออีกสักครู่ซิวะ ถ้าเอ็งง่วงจริงๆ ไปนอนเล่นที่รางรถไฟก่อนก็ได้...”
    “ถ้ากูขืนเผลอหลับไป รถไฟก็ทับแหลกเท่านั้นเอง...” เจ้าสุกพูดพร้อมหัวเราะหึๆในลำคอ
    “ใครจะปล่อยให้มึงถูกรถไฟทับตายวะ กูกับเจ้ามั่นยังอยู่ทั้งสองคน ถ้ามึงเกิดเผลอหลับ พอรถไฟมากูจะไปปลุกเอง”
    “จริงๆนะไอ้คงกูง่วงชิบ” เจ้าสุกพูดพร้อมกับเปิดปากหาวออกมาดังๆ
    “เอ็งไปนอนก่อนเถอะน่าไอ้สุก ไม่ต้องห่วง” เจ้าคงรับรองด้วยเสียงหนักๆ
    เมื่อเพื่อนให้คำรับรองแข็งขันเช่นนั้น เจ้าสุกก็พละจากเพื่อนทั้งสองตรงไปที่รางรถไฟซึ่งอยู่ห่างจากริมคลองไม่ไกลเท่าใดนัก
    เจ้าสุกใช้ผ้าขาวม้าซึ่งติดตัวมาด้วยปูลงบนขอนไม้รถไฟ เพื่อป้องกันมิให้เสื้อผ้าสกปรก แล้วก็เอนกายลงนอนเหยียดยาวขวางรางรถ โดยใช้รางเป็นที่หนุนศรีษะแทนหมอน
    เพราะความง่วงเหงาหาวนอนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับลมเย็นจากชายฝั่งน้ำซึ่งพัดพลิ้วอยู่ตลอดเวลาทำให้เจ้าสุกต้องเปิดปากหาวติดๆกันหลายครั้ง เปลือกตาทั้งสองข้างของมันเริ่มหนักอึ้ง เพราะความง่วงที่เข้ามาครอบงำ
    ในที่สุดเจ้าสุกก็ม่อยหลับไปเพราะความวางใจในคำรับรองแข็งขันของเพื่อนที่จะมาปลุกก่อนจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2010
  12. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    ทางด้านเจ้าคงและเจ้ามั่นยังคงนั่งเฝ้าเบ็ดราวที่มันวางไว้ต่อไป
    แต่ผลที่ได้รับก็คงเหมือนเดิม ไม่มีปลาที่เคราะห์ร้ายตัวหนึ่งตัวใดมากินเบ็ด
    เจ้ามั่นเริ่มเกิดความท้อแท้ เมื่อเกิดท้อ ความง่วงนอนก็ตามติดมาอีกคนและแล้วเจ้ามั่นก็บอกกับผู้เป็นเพื่อนว่า
    “กูชักง่วงขึ้นมาแล้วโว๊ยไอ้คง เห็นท่าจะต้องไปเอนหลังอย่างไอ้สุกมันสักครู่”
    “ไปซิวะข้าจะดูเบ็ดเอง”เจ้าคงบอก
    “ถ้าข้าเกิดเผลอไผลหลังไปแล้วอย่าลืมปลุกนะโว๊ย”
    “เออน่าไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วง”
    แล้วเจ้ามั่นก็ผละจากเจ้าคงไปอีกคนหนึ่ง
    เมื่อมันไปถึงรางรถไฟท่ามกลางความมืดสลัวที่ปกคลุมไปทั่ว สิ่งที่เจ้ามั่นได้เห็นก็คือ ร่างของเจ้าสุกนอนเหยียดยาวอยู่บนรางอย่างสุขสบาย ร่างของมันไม่ได้มีการเคลื่อนไหวและกระดิกกระเดี้ยเลยแม้แต่น้อย
    “เฮ้อ...ไอ้สุก ไอ้ระยำนอนหลับสบายเชียวนะมึง...”
    เปล่า... ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าสุก
    เจ้ามั่นสืบเท้าเข้าไปใกล้และแล้วมันก็ได้ยินเสียงกรนของเจ้าสุกดังสนั่นหวั่นไหว แสดงถึงว่าเจ้าสุกกำลังหลับอย่างสนิท
    เมื่อเห็นเพื่อนหลับ เจ้ามั่นก็ไม่อยากเซ้าซี้และรบกวนอะไรเพื่อนต่อไปมันจัดแจงปลดผ้าขาวม้าที่เคียนพุงออกปูบนขอนไม้แล้วเอนกายลงนอนเคียงข้างเจ้าสุก โดยใช้รางรถไฟเป็นที่หนุนศรีษะแทนหมอนเช่นเดียวกับเจ้าสุก
    เวลาผ่านไปไม่ช้าไม่นานนักเจ้ามั่นก็ม่อยหลับไปอีกคนหนึ่งเพราะความง่วง
    ข้างฝ่ายเจ้าคงซึ่งนั่งเฝ้าเบ็ดอยู่คนเดียวเห็นเพื่อนเงียบหายไปแล้วทั้งสองคน ก็ชักเอือมระอาที่จะต้องมาทนนั่งเฝ้าเบ็ดอยู่ตามลำพังคนเดียวและการเฝ้าของมันก็หาได้เกิดประโยชน์ไม่ เพราะไม่มีปลาแม้แต่ตัวเดียวมาติดเบ็ด ซึ่งวางติดต่อกันมาเป็นแถวยาวร่วม 10 คัน
    คล้ายกับว่าคืนนี้เป็นคืนอาถรรพณ์ที่บรรดาปลาทั้งหลายไม่ยอมมาติดเบ็ดของเจ้าสามคนนี้ แม้มันจะพยายามทนหลังขดหลังแข็งนั่งเฝ้าเบ็ดอยู่เป็นเวลาช้านานเพียงใด ก็ไม่มีปลามากินเหยื่อ
    ในที่สุดเจ้าคงก็เริ่มท้อถอยหมดกำลังใจ มันรีบลุกขึ้นบิดกายไปมาเพื่อบรรเทาความเมื่อยขบ ใจของมันก็เริ่มฉิวเจ้าเพื่อนทั้งสองที่เอาเปรียบหนีมันไปเอนหลังพักผ่อน ปล่อยให้มันเฝ้าเบ็ดอยู่คนเดียวตามลำพัง
    ขณะนี้เป็นเวลา 4 ทุ่มเศษแล้ว เจ้าคงคิดว่าเป็นเวลาดึกดื่นพอสมควรแล้วที่จะกลับไปพักผ่อนหลับนอน มากกว่าจะมานั่งหลังขดหลังแข็งเฝ้าเบ็ดต่อไป
    เมื่อเจ้าคงเกิดความคิดอย่างนี้ มันก็ก้าวเท้าออกจากที่ เพื่อจะชวนเจ้าเพื่อนทั้งสองกลับไปนอนต่อ รุ่งเช้าจึงจะกลับมาดูเบ็ดอีกครั้งหนึ่ง
    เจ้าคงเดินไปถึงทางรถไฟที่เจ้าสุกและเจ้ามั่นกำลังนอนแข่งกันกรนอย่างสุขสลาย
    “ไอ้เวรหลับสบายทั้งสองคนเชียวนะมึง เดี๋ยวรถไฟมาทับตายห่าหมด”
    เจ้าคงพึมพำอยู่ในลำคอและสืบเท้าเข้าไปใกล้ร่างเจ้าเพื่อนทั้งสอง มันตั้งใจจะปลุกให้เจ้าสุกและเจ้าคงตื่นเพื่อพากันกลับ
    แต่แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง เหมือนมีอำนาจและสิ่งอาถรรพณ์อันเร้นลับบางอย่างเข้ามาสิงสู่ในจิตใจของเจ้าคงอย่างฉับพลัน เจ้าคงคิดว่าควรจะได้งีบสักงีบหนึ่งก่อนเพื่อมิให้เป็นการเสียเปรียบเจ้าสุกกับเจ้ามั่น
    เจ้าคงมีความเชื่อมั่นในตัวของมันว่า มันเป็นคนมีประสาทไวและนอนตื่นได้เร็ว ถ้าหากขบวนรถไฟผ่านมามันคงจะได้ยินและตื่นทัน
    เมื่อเจ้าคงเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาเช่นนี้ มันก็จัดแจงปลดผ้าขาวม้าออกจากเอวแล้วปูลงบนขอนไม้ นอนต่อจากร่างเจ้าสุกห่างกันเพียงเล็กน้อย
    เพียงอึดใจใหญ่ๆเท่านั้นที่หัวถึงรางรถไฟ เจ้าคงก็ม่อยหลับไปเป็นคนที่สาม
    สมเด็จพระบรมศาสดาทรงกล่าวว่า ชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นด้วยกรรม ความดี เลว ของแต่ละชีวิตขึ้นอยู่ที่กรรม ความสุข ความทุกข์ สวรรค์หรือนรกก็มาจากกรรมทั้งสิ้น
    กรรมคือการกระทำ กรรมดีกรรมชั่วอยู่ที่คนเป็นผู้ริเริ่มมันขึ้น มันจะเป็นเงาตามตัวไปคอยตอบสนองอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าภพนี้หรือภพใด?
    เช่นเดียวกับชีวิตทั้งสามของเจ้าคง เจ้ามั่นและเจ้าสุก เมื่ออดีตชาติเจ้าสามคนนี้คงจะร่วมกันกระทำกรรมอันหนักมหันต์ไว้ ในชาตินี้กรรมที่มันได้ร่วมกันก่อไว้จึงได้ติดตามมาถึงจนทัน
    ขบวนรถสินค้าจากกรุงเทพฯ เลขที่ 308 โดยมี พขร.ขำ เป็นผู้ขับควบตะบึงมาบนรางเหล็กอันยาวเหยียดด้วยอัตราความเร็วสูง เพื่อจะให้ถึงสถานีอยุธยาอันเป็นสถานีปลายทางตามกำหนดเวลา
     
  13. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    พขร.ขำเองก็หาได้นึกเฉลียวใจว่า ในคืนนี้จะมีโศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยองอะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้น พขร.ขำจึงควบตะบึงเจ้าม้าเหล็กมุ่งหน้าไปสู่อยุธยาด้วยอัตราความเร็วสูงตามความเคยชิน...
    รถสินค้าขบวน 308 ผ่านบางเขน ดอนเมือง เชียงรากมาแล้ว ความเร็วของรถมิได้ลดน้อยลงไป แต่ดูเหมือนผู้ขับจะเร่งทำให้เร็วขึ้น เพื่อไม่ยอมให้เวลาการเดินรถผิดพลาดไปเลยแม้แต่นาทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้ พขร.ทุกๆคนถือว่าเป็นเกียรติและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องรักษาไว้โดยไม่ให้มีการผิดพลาดเกิดขึ้นได้
    ขบวนรถสินค้า 308 กำลังย่างเข้าเขตสถานีบางปะอินแล้ว
    พขร.ขำดึงหวูดสัญญาณรถติดต่อกันในระยะยาวๆ เสียงกังวานแหลมของมันดังกึกก้องได้ยินไปหลายคุ้งมิใช่เสียงหวูดสัญญาณอย่างเดียวเท่านั้น แต่เสียงล้อรถที่บดรางเหล็กดังกระแทกกระทั้นได้ยินไปไกล...แม้ผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดอยุธยาก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
    แต่ทว่าร่างของเจ้ามนุษย์ทั้งสาม มนุษย์ที่จะถึงคราวชะตาขาด คือเจ้าคง เจ้ามั่น เจ้าสุก หาได้ยินหวูดสัญญาณรถไฟที่ดังสนั่นหวั่นไหว และเสียงล้อรถที่บดรางใกล้าเข้ามาในระยะกระชั้นชิดไม่
    มันต่างพากันหลับสนิท หลับอย่างไม่ได้สติสมประดี คล้ายกับมีวิญญาณหรือภูติผีปีศาจเข้ามาสิงสู่ตรึงร่างของมันทั้งสามไว้โดยไม่ยอมให้กระดิกกระเดี้ยได้
    ด้วยเหตุนี้เอง การตายอันน่าสยดสยองของเจ้าสามนักวางเบ็ดราวจึงอุบัติขึ้นโดยไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
    ขบวนรถสินค้า 308 ผ่านสถานีบางปะอินไปแล้ว แสงสว่างจากดวงไฟหน้าหม้อรถจักรพุ่งปราดไปตามความยาวของรางเหล็กที่มองเห็นเป็นเส้นขนานดำมะเมื่อมไปจนสุดความสว่างจากแสงไฟ
    สายตาของพขร.ขำ ซึ่งทอดจับตามแสงไฟออกไปเบื้องหน้าต้องเบิกกว้างอย่างตกตะลึงพรึงเพริด เมื่อเห็นร่างสามร่างนอนเรียงอยู่บนรางเหล็ก ห่างจากหน้าหม้อรถจักรที่กำลังควบตะบึงมาด้วยความเร็วเพียงไม่กี่วา
    สีเผือดซีดแล่นปราดไปทั่วใบหน้าของ พขร.ขำด้วยความตกใจสุดขีด ร้องเอะอะโวยวายขึ้นมาด้วยเสียงดังๆ จนเกือบจะไม่เป็นภาษามนุษย์พร้อมๆกันนั้นก็ห้ามล้อรถโดยเร็ว เพื่อจะให้รถหยุดได้ทันท่วงที
    แต่ทว่า มันเป็นการกระทำที่สายเกินไปเสียแล้ว เพราะเนื่องจากรถได้วิ่งมาด้วยอัตราความเร็วสูง และระยะที่เจ้ามนุษย์ชะตาขาดทั้งสามนอนเรียงกันอยู่นั้น ห่างจากหน้าหม้อรถจักรเพียงไม่กี่วา ถึงจะพยายามห้ามล้อรถให้หยุดลงอย่างทันท่วงที แต่ก็หาได้เกิดประโยชน์หรือช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นไม่
    ล้อรถจักรได้บดลงไปบนร่างเจ้าคง เจ้ามั่น เจ้าสุก โดยที่เจ้ามนุษย์ทั้งสามหาได้รู้สึกตัวไม่ และมันก็จะไม่มีโอกาสได้รู้สึกตัวอีกเลย
    คอของเจ้าคง เจ้ามั่น และเจ้าสุกซึ่งพาดอยู่บนรางเหล็กถูกล้อรถตัดขาดกระเด็นไปคนละทางเลือดที่ลำคอพุ่งกระฉูดออกมาราวกับน้ำพุ มันสาดกระเซ็นแดงฉานไปทั่วบริเวณนั้น
    พขร.ขำเองก็ถึงกับต้องหลับตาปี๋ด้วยความเสียวสยอง เมื่อแรงกระเทือนของรถที่บดลงไปบนร่างมนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามดังกึก...กึก...กึก...ได้ยินชัดเจน
    เมื่อขบวนรถหยุดสนิทแล้ว พขร.ขำกับช่างไฟอีกสองคนก็รีบตะลีตะลานลงไปมองดูเหตุการณ์เบื้องล่างโดยเร็ว
    ภาพที่มองเห็นเฉพาะหน้า ใต้ล้อรถจักรทำให้ พขร.ขำ ถึงกับเย็นวาบไปหมดทั้งตัว เพราะว่าภาพนั้นเป็นภาพที่สร้างความสยดสยองให้แก่สายตาอย่างยิ่ง
    ร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามคนถูกรถจักรทับคอขาดกระเด็นไปคนละทิศทาง เลือดสาดกระจายไปไกล กลิ่นคาวเลือดเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
    ผู้ขับรถขบวนสินค้ามฤตยู 308 ถึงกับยืนนิ่งอึ้งตะลึงงันเป็นครู่ใหญ่บนใบหน้าชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ซึ่งผุดออกมาราวกับน้ำฝน เขาพึมพำออกมาเหมือนคนที่ไร้สติและความรู้สึก
    “โอ! นี่มันอะไรกันโว้ย?”
    “ก็มันอยากตายนี่ พขร.จะไปช่วยอะไรมันได้” เสียงช่างไฟคนหนึ่งพูดขึ้นดังๆ “ที่นอนถมเถไปไม่นอนเสือกมานอนในรางรถ”
    ช่างไฟอีกคนเอ่ยขึ้นบ้างเหมือนจะเป็นการปลอบใจ พขร.ขำ
    “ไม่ใช่ความผิดของ พขร.หรอกครับ ระยะใกล้กระชั้นชิดอย่างนี้ ใครจะไปห้ามล้อได้ทัน”
    พขร.ขำ ถอนใจเฮือกยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าด้วยใจคอไม่ปกติเมื่อได้ยืนพิจารณามองดูศพชายผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามอีกชั่วครู่ก็รีบผละออกจากที่นั้น เพื่อแจ้งเหตุร้ายที่เกิดขึ้นอย่างสยดสยองให้ผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่ทางฝ่ายบ้านเมืองทราบต่อไป
    เป็นอันว่าเจ้าคง เจ้ามั่น และเจ้าสุกตายเปล่า ตายเพราะความประมาทของมัน ศพของมันไม่มีพี่น้องหรือญาติมิตรคนหนึ่งคนใดยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
    ดังนั้น พขร.ขำซึ่งเป็นผู้หยิบยื่นความตายให้แก่มันโดยไม่มีเจตนาจึงนำศพของมันไปจัดการฝังไว้ที่วัดยมซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานีจังหวัดอยุธยา
    ภายหลังการตายของเจ้าคง เจ้ามั่น และเจ้าสุกได้ผ่านพ้นไปไม่นานเท่าใดนัก ก็มีเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเกิดขึ้น
    บุคคลแรกที่ได้ประสบกับความผิดแปลกนี้ก็คือ พขร.ขำ ผู้ขับรถจักรขบวน 308 นั่นเอง
    ตามธรรมดารถจักรขบวน 308 นี้ หวูดสัญญาณของมันเคยมีเสียงดังแหลมเล็กและกึกก้องกังวานไปไกลแต่ภายหลังที่ทับชายผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามตายแล้ว เสียงหวูดสัญญาณของรถจักรซึ่งเคยแจ่มใส กลับเปลี่ยนเป็นแหบแห้งแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินเสียง
    เสียงของมันฟังดูคล้ายเสียงคนแก่ที่มีอายุสัก 100 ปี กำลังร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากใครคนหนึ่งอย่างน่าเวทนา
    แม้ว่า พขร.ขำจะให้ช่างมาทำการแก้ไขอย่างไร หวูดสัญญาณของรถจักรคันนี้ก็หาได้ดีขึ้นไม่ มันยังคงดังแหบแห้งเหมือนคนที่ไม่มีเสียงอยู่เช่นเดิม จนในที่สุดช่างก็เกิดความเอือมระอา ไม่อาจจะแก้ไขให้ดีขึ้นได้
    ด้วยเหตุนี้บรรดา ครฟ.ทั้งหมด ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับขบวนรถสินค้า 308 จึงได้พากันขนานนามหัวรถจักรคันนี้ว่า “อีแหบ”
     
  14. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    เรื่องราวและความแปลกประหลาดของหัวรถจักร 308 มิใช่เสียงหวูดสัญญาณของมันจะมีเสียงแหบแห้งเป็นตาแก่อายุสัก 100 ปี เท่านั้น
    แต่ยังมีสิ่งแปลกประหลาดและพิลึกพิลั่นยิ่งไปกว่านั้นอีก ผู้ใกล้ชิดเหตุการณ์บอกว่าบางวัน “อีแหบ” ซึ่งจอดอยู่ในโรงเก็บดีๆ ยังสามารถแล่นออกมานอกโรงเก็บได้ เป็นการแล่นออกมาตอนดึกสงัด ซึ่งผู้คนได้พากันหลับนอนหมดสิ้นแล้ว แล่นออกมาได้เองโดยไม่มีผู้ขับ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันขนหัวลุกไปตามๆกัน
    “อีแหบ” ไม่เพียงจะแล่นออกมานอกโรงเก็บโดยไม่มีผู้ขับเท่านั้น แต่บางครั้ง เตาต้มน้ำซึ่งช่างไฟได้ดับไฟเรียบร้อยแล้วเกิดติดขึ้นมาอีก เสียงเปิดท่อไอน้ำดังฉู่ฉี่...ฉู่ฉี่... เมื่อเจ้าหน้าที่ของรถไฟขึ้นไปดู ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีผู้หนึ่งผู้ใดเลย ทำให้ต่างพากันครั่นคร้ามในความแปลกประหลาดมหัศจรรย์ของ”อีแหบ” ไปตามกัน
    บุคคลที่กลายเป็นผู้มีสติฟั่นเฟือนเพราะความกลัว จนต้องขอลาออกจากราชการในระยะต่อมาก็คือ พขร.ขำ
    ในตอนดึกสงัดของคืนต่อมาภายหลังที่หัวรถจักร 308 ได้ทับคนตายไปแล้ว 3 ศพ เป็นเวลาประมาณสองเดือนเศษๆ
    คืนนี้ พขร.ขำ ยังคงทำหน้าที่ขับหัวรถจักร 308 ลากจูงรถสินค้าจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปสู่จังหวัดอยุธยาอันเป็นสถานีปลายทางเช่นเดิม
    ขณะขบวนรถไฟผ่านสถานบางปะอินมาได้เพียงเล็กน้อย จากดวงไฟหน้ารถจักรที่สว่างจ้าซึ่งพุ่งเป็นทางยาวออกไปเบื้องหน้าในระยะทางไกลไม่ต่ำกว่า 30 เมตร ซึ่ง ณ บริเวณแห่งนี้ พขร.ขำ จำได้แม่นยำว่าหัวรถจักรได้ปลิดชีวิตคนไปแล้วถึง 3 ศพเมื่อสองเดือนที่ผ่านมานี้เอง
    ตามธรรมดา พขร.ขำ ก็ไม่ได้นึกคิดอะไรมาก เพราะถือเสียว่าไม่ใช่ความผิด ไม่ใช่เป็นเรื่องเจตนาที่จะฆ่าคน แต่เป็นเพราะความชะล่าใจและความประมาทของคนทั้งสามที่มานอนบนรางรถไฟในยามวิกาลและเผลอไผลหลับไปเอง
    แต่ถึงอย่างไร พขร.ขำ ก็ไม่อาจจะลืมภาพอันเสียวสยอง ซึ่งได้ประสบกับสายตาตัวเองเมื่อสองเดือนก่อนเสียไม่ได้
    และ...ในคืนนี้ คืนอันดึกสงัดเช่นเดียวกับเมื่อสองเดือนก่อน โดยเฉพาะมันเป็นเวลาใกล้เคียงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนเสียด้วย
    ดังนั้นพอขบวนรถไฟฝ่านสถานีบางปะอินมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ พขร.ขำก็นึกถึงภาพอันเสียวสยองซึ่งได้ผ่านมาแล้วอีกครั้งหนึ่ง
    พอเกิดความนึกคิดเช่นนี้ขึ้นมาเท่านั้นเอง พขร.ขำก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกและต้องเบิกตาโพลงขึ้นทันที
    เพราะ...ในขณะเดียวกันนั้นเอง พขร.ขำก็มองเห็นสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าหม้อรถจักรซึ่งแสงไฟสาดจ้าทำให้มองเห็นได้ชัด มันเป็นภาพที่เห็นในขณะขบวนรถไฟกำลังขับมาด้วยอัตราความเร็วสูง ภาพที่เห็นอย่างเลือนรางบนหน้าหม้อรถจักรนั้น เป็นภาพของชายฉกรรจ์สามคนกำลังจ้องมองดู พขร.ขำด้วยสายตาขุ่นเขียวเหมือนมีความโกรธแค้นอะไรสักอย่าง
    ทั้งสามต่างพากันยกมือชี้หน้า พขร.ขำ และในบัดนั้นเองพนักงานขับรถจักรถึงกับหน้าซีด ตัวสั่นเทาไปหมดทั้งตัว เมื่อร่างของคนทั้งสามผ่านจากหน้าหม้อรถลอยเข้ามาใกล้ ใบหน้าของแต่ละคนชุ่มโชกไปด้วยเลือดสดๆมองดูสีแดงฉาน ไม่ใช่เพียงใบหน้าเท่านั้นแต่ตามเนื้อตัวก็เต็มไปด้วยเลือดสดๆทั้งนั้น
    พขร.ขำ รีบห้ามล้อรถเสียงดังสนั่น และพร้อมๆกับเป็นลมหน้ามืดไปเพราะความกลัวและความตื่นเต้นจนเกินขอบเขต
    ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ต่อมา พขร.ขำก็ได้ประสบอีก และได้ประสบติดต่อ ณ บริเวณแห่งเดียวกันนี้ทั้งนั้น บางครั้งมีคนสามคนมายืนขวางหน้ารถในขณะรถกำลังวิ่งด้วยอัตราความเร็วสูง พขร.ขำ รีบห้ามล้อและลงไปดูเหตุการณ์เบื้องล่าง แต่ก็หาได้ปรากฏร่างของผู้หนึ่งผู้ใดไม่
    เหตุการณ์อันน่าประหวั่นพรั่นพรึงทำนองนี้ได้อุบัติอยู่เนืองนิตย์ บางครั้งก็มีคนนอนขวางรางเช่นเดียวกับที่ได้ประสบและเกิดเหตุการณ์อันสยดสยองมาแล้ว เมื่อพขร.ขำ รีบห้ามล้อรถและลงไปดูข้างล่างก็หาได้ปรากฏร่างของผู้หนึ่งผู้ใดไม่
    พขร.ขำ ต้องประสบกับเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้บ่อยครั้งเข้า จิตใจก็เริ่มไม่เป็นปกติสุข เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่าทั้งหมดเกิดจากอำนาจของผีตายโหงที่ถูกรถทับคอขาดตายพร้อมๆกันรวม 3 ศพ มาทำการหลอกหลอนให้เห็นด้วยลักษณะท่าทางต่างๆกัน
    นานวันเข้าสติและความรู้สึกของ พขร.ขำ ก็เริ่มฟั่นเฟือนเพราะความตื่นกลัวต่อภาพของผีตายโหงที่มาหลอกหลอนอยู่เนืองนิตย์
    ที่สุด พขร.ขำ ก็หมดความสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็น พขร. ประจำหัวรถจักร “อีแหบ”นี้ต่อไปได้ จำต้องเข้าไปพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเพราะป่วยเป็นโรคประสาทอย่างแรง
    การรถไฟแห่งประเทศไทยจำต้องหา พขร. มาสับเปลี่ยนเพื่อทำหน้าที่แทน พขร.ขำ ต่อไป
     
  15. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    แต่... ไม่ว่า พขร.คนใดมาประจำ “อีแหบ” ได้ไม่ทันถึงเดือน ก็ต้องขอโยกย้ายไปอยู่รถขบวนอื่นตามๆกัน เพราะทนต่ออำนาจของผีตายโหง ซึ่งมาสำแดงอิทธิฤทธิ์หลอกหลอนให้เห็นอยู่เนืองนิตย์ไม่ไหว
    พขร.ที่มาประจำอยู่ “อีแหบ”ทุกคนได้ประสบภาพเหตุการณ์อันตื่นเต้น และน่าประหวั่นพรั่นพรึงจากผีตายโหงที่มาหลอกหลอนเหมือนๆกัน
    และบริเวณที่ทุกคนได้เห็นภาพดังกล่าวนี้ก็เป็นบริเวณเดียวกับที่ พขร.ขำได้ประสบคือ เลยจากสถานีบางปะอินมาเล็กน้อย
    ซึ่งทุกคนต่างก็ลงความเห็นว่า “เกิดจากอำนาจความดุร้ายของผีตายโหง เจ้าหนุ่มนักวางเบ็ดราวชาวบางปะอิน ซึ่งต้องมาพบจุดจบในชีวิตกลายเป็นผีหัวขาดเฝ้าทางรถไฟในบริเวณนี้ไปอย่างน่าสยดสยอง”
    เมื่อหัวรถจักร “อีแหบ” กลายเป็นหัวรถจักรอาถรรพณ์ไม่มีใครกล้าเป็นผู้ขับ ทางการจึงได้ส่ง “อีแหบ” กลายเป็นหัวรถจักรอาถรรพณ์ไม่มีใครกล้าเป็นผู้ขับ ทางการจึงได้ส่ง “อีแหบ” เข้าโรงจอดพักทิ้งไว้ที่จังหวัดอยุธยาเพื่อประกอบพิธีล้างอาถรรพณ์ให้หมดสิ้นเสียก่อน จึงจะนำออกมาใช้งานต่อไป
    บุคคลที่ไม่เชื่อว่าจะมีผีตายโหงเข้ามาสิงสู่อยู่ในหัวรถจักร “อีแหบ” ก็คือ ส.สัมฤทธิ์ สารวัตรรถจักรของจังหวัดอยุธยา เมื่อ 60 ปีที่ผ่านมาแล้วนั่นเอง
    ใครจะมาพูด มาบอกเล่าถึงอภินิหารต่างๆของ “อีแหบ” ที่สำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นในลักษณะต่างๆกันอย่างไร ส.สัมฤทธิ์ก็หาได้เชื่อถือไม่ ส.สัมฤทธิ์กลับหาว่า ผู้นั้นงมงายโดยไม่มีเหตุผล
    การที่ ส.สัมฤทธิ์ ไม่ยอมเชื่อว่า”อีแหบ” มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆนานา ก็เพราะ ส.สัมฤทธิ์เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นสารวัตรรถจักรประจำจังหวัดอยุธยาใหม่ๆ
    ดังนั้น เมื่อ ครฟ. ผู้ประสบเหตุการณ์จาก “อีแหบ” ได้เล่าให้ ส.สัมฤทธิ์ฟังถึงอภินิหารของ “อีแหบ”ซึ่งแล่นออกมานอกโรงได้โดยไม่มีผู้ขับ บางครั้งเตาต้มน้ำซึ่งดับไฟเรียบร้อยแล้วก็ลุกติดขึ้นมาอีก ได้ยินเสียงท่อไอน้ำดังฉู่ฉี่ๆ เหมือนมีคนไปคอยคุมอยู่
    ส.สัมฤทธิ์ได้ฟังคำบอกเล่าจากบรรดา ครฟ.เช่นนี้ ก็หัวเราะก๊ากๆ คล้ายผู้เล่าได้นำเรื่องสนุกและขบขันมาเล่าให้ฟัง ทั้งนี้ก็เพราะไม่เชื่อ จึงได้เห็นเป็นเรื่องขบขันไป
    แต่แล้ว ความขบขันของส.สัมฤทธิ์ซึ่งมีอยู่ในตอนแรกก็เป็นอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น เมื่อคืนหนึ่งได้เวียนมาถึง
    คืนนั้น ส.สัมฤทธิ์ได้ข้ามฟากไปเที่ยวในเมือง ได้พบเพื่อนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันก็อยู่สนทนาและร่วมวงสุรากันเป็นที่ครึกครื้น จนกระทั่งสองยามเศษจึงได้ล่ำลาเพื่อน นั่งเรือจ้างมาขึ้นที่ท่ารถไฟ
    คืนนั้นเป็นคืนแรมอ่อนๆจันทร์รูปเคียวส่องแสงสว่างให้เห็นทางเดินเพียงสลัวๆ ส.สัมฤทธิ์ ซึ่งในขณะนั้นกำลังเปี่ยมแปล้ไปด้วยดีกรีของแอลกอฮอล์ก็เดินผิวปากไปตามทางรถไฟ มุ่งหน้าไปสู่บ้านพักด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ
    แต่ในขณะเดียวกับที่ผ่านมาทางโรงจอดพักรถจักร ซึ่งตั้งตระหง่านทะมึนอยู่ในความมืด ส.สัมฤทธิ์ก็ต้องหยุดผิวปากโดยฉับพลันทันใด
    เพราะเสียงภายในโรงรถจักรได้สะท้อนก้องเข้ามากระทบโสตประสาทอย่างชัดเจน
    เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงไฟแตกปะทุดังเพี๊ยะพะๆ พร้อมกับเสียงไอน้ำที่พุ่งออกมาจากท่อระบายดังฟูดฟาดๆคล้ายกับมีผู้หนึ่งผู้ใดกำลังเข้าไปติดเครื่องรถจักรอยู่ภายในโรงจอดพัก
    แต่จะมีใครเล่าที่อุตริไปติดเครื่องรถจักรในโรงพักรถเวลาวิกาลอันดึกสงัดเช่นนี้ ถ้าจะก็เห็นจะมีคนวิกลจริตเท่านั้น
    ด้วยความข้องใจ ทำให้ ส.สัมฤทธิ์สืบเท้าก้าวเข้าไปในโรงเก็บรถจักรทันที
    ครั้งแล้วสารวัตรผู้มีหน้าที่รักษารถจักรต้องสะบัดหน้าไปมาเหมือนจะขจัดความมีนเมาจากฤทธิ์สุราที่ได้ดื่มมาให้หมดสิ้นไป ซึ่งตัวของ ส.สัมฤทธิ์เองก็อาจบอกตัวเองได้ว่าไม่ได้เมามายอะไรนัก เพราะสติสัมปชัญญะและความรู้สึกยังเป็นปกติอยู่เช่นเดิม
    แต่ว่า ภาพที่มองเห็นอยู่เฉพาะหน้าไม่ได้หลอกลวงสายตา ส.สัมฤทธิ์เลย
     
  16. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    ภาพนั้น เป็นภาพของชายสามคนกำลังช่วยกันโยนฟืนเข้าเตา “อีแหบ”เป็นชุลมุน มองเห็นไฟในเตาลุกโพลงและฟืนปะทุแตกเพี๊ยะพะอยุ่ไม่ขาดระยะไอน้ำที่พุ่งออกมาจากท่อระบายก็ดังฟูดฟาดๆสลับกันไป
    จากภาพที่ได้เห็นเช่นนี้ในความรู้สึกของ ส.สัมฤทธิ์ ขณะนั้นเข้าใจว่ากำลังมีนักเลงดีลอบเข้าติดเครื่องจะขโมยหัวรถจักร “อีแหบ” ไป
    โดยที่ตัวเองเป็นผู้มีหน้าที่รักษารถจักรโดยตรง เมื่อมีผู้อุกอาจมากระทำการอันมิชอบเช่นนี้ ส.สัมฤทธิ์จึงรีบล้วงปืนพกซึ่งพกติดตัวอยู่เสมอออกมาแล้วร้องตะโกนขู่ด้วยเสียงดังๆ
    “เฮ้ย...พวกเอ็งมาทำอะไรวะจะลอบขโมยหัวรถจักรหรือวะ?”
    เปล่าเลยเสียงขู่ตะคอกของ ส.สัมฤทธิ์หาได้มีประโยชน์ไม่ เพราะคนทั้งสามที่กำลังโยนฟืนเข้าเตากันอยู่อย่างชุลมุน หาได้สนใจกับเสียงร้องขู่ของส.สัมฤทธิ์ไม่ ต่างฝ่ายต่างก็ก้มหน้าโยนฟืนกันต่อไป
    ความเดือดดาลทำให้ ส.สัมฤทธิ์รีบสืบเท้าเข้าไปใกล้และร้องตะโกนด้วยเสียงดังก้อง
    “เฮ้ย หยุดโว้ย ถ้าไม่หยุดข้ายิงเดี๋ยวนี้แหละ”
    เสียงร้องตะโกนขู่ในครั้งหลังของ ส.สัมฤทธิ์นับว่าได้ผล ชายทั้งสามที่กำลังโยนฟืนอยู่อย่างขะมักเขม้นหยุดโยนฟืนทันที
    ทั้งสามต่างหันมามองดู ส.สัมฤทธิ์
    ในบัดนั้นเอง ส.สัมฤทธิ์ก็ถึงกับผงะถอยหลังกรูด
    เพราะว่าบุคคลทั้งสามที่หันมาทางส.สัมฤทธิ์ มีแต่เพียงร่างกายเท่านั้นส่วนศรีษะขาดหายไปทั้งสามคน มองเห็นโลหิตสีแดงฉานไหลเปรอะไปทั่วลำคอ
    สารวัตรผู้รักษารถจักรขนหัวลุกชัน รีบหันหลังกลับโกยแน่บออกจากที่ ปากก็ร้องตะโกนเสียงดังลั่น
    “ผีหลอก ช่วยด้วย”
    เพราะความอาถรรพณ์ของ “อีแหบ” ดังกล่าวนี้ ทางการรถไฟฯจึงได้ส่ง “อีแหบ” ไปยังโรงงานมักกะสันเพื่อถอดส่วนประกอบของ “อีแหบ” ให้กลายเป็นเศษเหล็กชิ้นเล็กชิ้นน้อยเป็นการล้างอาถรรพณ์ที่ผีตายโหงเข้ามาสิงสู่อยู่
    จากนั้นเรื่องราวของ “อีแหบ” ก็ค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของ ครฟ.
     
  17. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    353
    ค่าพลัง:
    +964
    ขอบคุณคุณ tatty อย่างสูงครับ ที่อุส่าห์ พิมพิ์ เนื้อหามายาวขนาดนี้ ให้อ่าน ขอบคุณมากๆเลยคร้าฟฟ ไว้เดี๋ยวผมจะ เอาข้อมูล และภาพ จาก เส้นทางรถไฟสายมรณะตอนวิญญาณช่องเขาขาด บ้าง เป็นการตอบแทน ฮิฮิ
     
  18. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    อยากอ่านเรือง วิญญาณเชลยศึกและทางรถไฟสายมรณะด้วยค่ะ
    เรืองไอ้แหบ ก็สยองไม่ใช่เล่นเลย
     
  19. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,223
    ผมพิมพ์ไปขนลุกไปเลยครับ โดยเฉพาะช่วง พขร.ขำ เจอผีลอยเข้ามา
     
  20. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    353
    ค่าพลัง:
    +964
    ขออนุญาต ประชาสัมพันธ์ หน่อยครับ นอกเรื่องนิดนึง ข่าวมาจากคุณ กล้วย บานาน่า แจ้งมาว่า วันที่ 26 มี.ค.นี้ จะมีการ ขบวนรถจักรไฟน้ำเฉลิมพระเกียรติ ออกวิ่ง สถานีหัวลำโพง ปลาย ทาง สถานี บางปะอิน ท่านใดสนใจเป้นส่วนร่วมรำลึก ย้อนอดีต จองตั่วโดยสาร ได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเลยค้าบบบ ช้า ตั่วอาจจะหมด รถจักไอน้ำของจริง วิ่งจริง ในยุคเรา ฮิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...