รักษาศีลข้อ 5 แต่ไม่อยากผิดศีลข้อ 4

กราบเท้าแม่ชีครับ

อยากเรียนถามว่าถ้าเราจะรักษาศีลข้อ 5 โดยที่ไม่ให้ศีลข้ออื่นขาดหรือพร่องอย่างกรณีเช่น แต่เดิมผมเป็นคนที่ดื่มสุราแต่ว่าหลังจากได้เริ่มนั่งสมาธิก็ต้องการที่จะรักษาศีลฆราวาสให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่กรณีที่ต้องเข้าสังคมเพื่อน ญาติ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งทราบมาก่อนทั้งนั้นว่าเราเคยดื่มสุรา หากได้เข้าสังคมเช่นไปทานเลี้ยงและบุคคลที่กล่าวถึงมาแล้วชักชวนให้ดื่มอีกเราจะมีคำพูดปฏิเสธอย่างไรที่ไม่ต้องโกหกว่าไม่ดื่มเหล้าเพราะอะไรโดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา และจะมีคำพูดใดที่เหมาะสมในการปฏิเสธครับ (ไม่อยากบอกว่ากำลังรักษาศีลและกำลังฝีกสมาธิ) รบกวนแม่ชีช่วยชี้แนะครับ

 

...ใช้ปัญญา คุม ศีล

...ใช้ศีล คุมประพฤติ

...ใช้ความประพฤติ คุม วาจา(...มิให้ เป็นโทษ ต่อผู้ใด...)

 

สาธุด้วยนะคะ........
พยายามต่อไปน่ะค่ะ..อย่าลืมน่ะค่ะ...ชีวิตเราค่ะ...
ไม่ดื่มก็คือไม่ดื่ม..ไม่เห็นต้องมีเหตุผลกับการกลัวเสียอะไรบางอย่างเลยค่ะ.......
...คุณรู้ดีว่าจริง ๆ แล้วจะหาเหตุผลร้อยแปดเข้าตัวเองทำไม..อิอิ
เคยดื่มมาก่อนแล้วไง.....ปัจจุบันฉันจะทำดี..โอ๊ย ๆ ไม่ต้องแคร์สื่อค่ะ..อิอิ

ดีซะอีก..จะได้ทดสอบตัวเอง...และท้ายที่สุดจะได้รู้ว่าเราแกร่งพอที่จะสามารถลดตัวตนลงได้..เหอะ ๆๆ
คุณอาจได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจกับคนที่ได้ฟังก็ได้นะคะ....ภูมิใจเถอะค่ะ..สาธุค่ะ

 

ธรรมสวัสดีค่ะ...

เราจะปฏิเสธเรื่องการดื่มเหล้าจากการเชิญชวนของผู้อื่นนั้นไม่ยากหรอกค่ะและก็ไม่ต้องโกหกด้วย
เพียงบอกว่าไม่ดื่มแล้วก็เท่านั้นเอง ผู้ชวนดื่มคงไม่จับปากเราให้อ้าแล้วเอาเหล้ากรอกปากเราหรอกนะ อย่ากลัวที่จะทำสิ่งที่ดีเป็นตัวอย่างให้เพื่อนรอบข้างเห็นเลย
ที่สำคัญต้องถามใจตัวเองก่อนว่า เราเลิกเหล้าและไม่อยากดื่มได้จริงหรือ? คนอื่นไม่มีอำนาจพอเท่ากับใจของเรานะ
บุญรักษา / ธรรมสวัสดี

 

ผมว่าผมเข้าใจ จขกท นะครับคือด้วยหน้าที่การงานต้องติดต่อผู้หลักผู้ใหญ่เวลาเค้าให้เราดื่มนั้นถ้าเราบอกตรงๆนั้นอาจทำให้เค้าโกรธเพราะเสียหน้าหรือคิดว่าตัวเองให้เเล้วเอ็งไม่รับเเสดงว่าไม่ให้เกียตริเลยอาจส่งผลถึงหน้าที่หรือะธุรกิจที่ทำอยู่ได้ ต้องเข้าใจว่าคนเราไม่เหมือนกันบางทีเราคิดว่าดีเเต่คนบางคนที่ไม่มีศีลธรรมนั้นเค้าคิดอีกเเบบหนึ่งถึงขั้นเลิกคบกับเราไปเลยก็ได้ ในเมื่อคุณยังอยู่ในสังคมต้องหาเลี้ยงปากท้องเราจำเป็นต้องบอกปัดเเบบมี ศิลป นิดนึงครับ พยายามอย่าบอกตรงๆว่าไม่ครับ ผมถือศีลอยู่ หรือไม่ครับผมไม่ดื่มเหล้าครับ รับรองถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีศีลธรรม(ส่วนมากเลยครับ)คุณจะโดนกาหัวไว้เลยว่า มรึงจำเอาไว้ หรือ ไอ้นี่ไม่มีสัมมาคาราวะ หรือ งั้นลื้อกับอั้วเลิกติดต่อกัน ผมโดนมาเเล้ว เรายังอยู่ในสังคมต้องตามสังคมเเต่อย่ายอมสังคม

วิธีการบอกปัดง่ายๆ เช่น ผมเเพ้เหล้าเเล้วครับผมเเพ้เเอลกอฮอลเเล้วครับทานอีกสงสัยเข้าโรงพยาบาลเเน่ครับ ดื่มอีกไม่ได้เเล้วครับ จริงๆร่างกายคนเราเเพ้เเอลกอฮอลทุกคนครับ ไม่ได้โกหกเพราะเป็นเรื่องจริง ผมใช้บ่อย

เเต่ถ้าคุณมีธุรกิจส่วนตัวหรือรวยเเล้วไม่ต้องง้อใครไม่ต้องขอใครกินก็บอกตรงๆไปเลยว่า ผมถือศีล5 ครับ ถ้าเค้าอนุโมทนาคุณก็ได้บุญอีกด้วย

 

เมี่อก่อนผมก่เปนคนนื่งทีดื่มเกงแต่ดญวนี้เลีกสะนีดได้สองปีแล้วคับ วีทีของผมก่คืบ่ต้องไปหาพักพวกที่ดื่มกันถ้าหากเลายังคบคนทีดื่มยู่ก่ย่าหวังจะเลีกได้ตอ้งเอาสะนะจุดนีให้ได้ ถ้าบ่มีกีนก่ไม่ต้องกีนย่าไปคีดว่าถ้าบ่มีคนดื่มทำทุละกืดร่วมแล้วเลาจะอดตาย ถ้าคีดจะเลีดต้องทำให้ที่สุดยังชีเข้าสะมาทีได้ ถ้านั้นก่ย่าได้นั่งให้เสยเวลาเลียนะ

 

โมทนาครับ ผมก็เป็นบุคคลหนึ่งเมื่อเข้าสังคมเพื่อนฝูงต้องมีจัดนิดๆหน่อยๆ แต่พอช่วงหลังๆมานี้เริ่มรู้ซึ้งถึงพระธรรมมากขึ้น เริ่มใช้ปัญญามากขึ้น ก็เลยให้วาจาสัจกับตนเองว่าจะไม่ดื่มสุราไปตลอดชีวิต
ถึงบางครั้งก็อยาก แต่พอนึกถึงวาจาสัจที่ได้ให้ไว้กับตนเอง กลิ่นสุรานี้จะเหม็นมากๆ เหมือนจะอ๊วกเลย ^^

แต่ ข้อ 4 นี้ยากจริงๆ

 

บอกไปเลยสิครับว่าถือศีลอยู่ ทานไม่ได้

 

อนุโมทนาเจ้าค่ะ
เหมียว กับ แฟนก็เลิกแล้ว บอกเพื่อนที่ชวนกินบอกว่าเลิกแล้วขอไม่ดื่มขอดื่มน้ำแล้วกัน
ไม่เมาก็สังสรรค์ได้ เจ้าค่ะ
แต่ก็มีที่ผิดข้อ 4 ใช้ในการทำงานบ้างบางเวลา ช่วยหาทางออกให้ทีเพราะบางครั้งต้องใช้เจ้าค่ะ