ถามเกี่ยวกับการขึ้นสู่ฌาณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Candle, 1 เมษายน 2010.

  1. Candle

    Candle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +909
    เวลาผมทำสมาธิ โดยปกติยังกำหนดลมหายใจให้ต่อเนื่องไม่ได้ครับ

    เวลาผมนั่งสมาธิ แม้ว่ายังกำหนดลมหายใจให้ต่อเนื่องยังไม่ได้ แต่เมื่อนั่งสมาธิไปซักพักจิตก็เข้าสู่อุปจารสมาธิเอง โดยเห็นเป็นแสงสีต่าง ๆ ด้านหน้าครับ

    ปัญหาคือ ผมจะใช้อะไรในการกำหนดเพื่อที่จะขึ้นสู่ปฐมฌาณได้ครับ หรือว่าให้คงสภาพที่เข้าสู่อุปจารสมาธิไปครับ

    ขอบคุณครับ
     
  2. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    ในการกำหนดอารมณ์กรรมฐาน เราต้องตั้งหลักให้ดี โดยกรณีนี้ ต้องสำรวจว่า กรรมฐานที่เรากำลังเพียรเจริญอยู่นี้คืออะไร เท่าที่อ่าน คือ "อานาปานสติ" (ที่อาจจะมีการใช้คำบริกรรมช่วยผูกจิตไว้กับลมหายใจ เช่น พุทโธ เป็นต้น)

    ดังนั้น อารมณ์กรรมฐานที่เรายกขึ้นมาระลึกอยู่ ได้แก่ "ลมหายใจ" (ที่อาจควบไปกับคำบริกรรม) เราจึงควรตั้งหลักด้วยการกำหนดจดจ่อสนใจอยู่แต่อารมณ์กรรมฐานหลักเท่านั้น อย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ปรากฏขึ้นมา ก็อย่าได้ไปสนใจ หรือไปให้ความสำคัญใดๆ

    เพราะเมื่อเราไปสนใจ หรือไปให้ความสำคัญใดๆ สภาวจิตของเราจะผละออกไปจากอารมณ์กรรมฐานแล้ว สมาธิที่มีอยู่เกิดการไม่ต่อเนื่องแล้ว จะเป็นผลเสียคือกรรมฐานก็จะไม่ก้าวหน้าครับ

    หากเราฝึกสมาธิเพื่อต้องการให้เกิดเอกกัคคตาจิต เกิดสมาธิแน่วแน่อยู่ในอารมณ์เดียว ขอให้มั่นในอารมณ์กรรมฐานไว้ รับรู้อะไร เช่น เห็นสี, ได้ยินเสียง เป็นต้น อย่างอื่นพยายามอย่าไปสนใจ พยายามนิ่งเป็นหนึ่งให้ได้ครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ก่อนอื่น ต้องตรวจดู โสภณเจตสิก ว่ามี จิตปาคุณตา จิตลหุตา จิตอุชุกตา
    จิตมุทุตา จิตกัมมัญตา ซึ่งมักดูง่ายๆ คือ ไม่มีมึน ไม่มีอึดอัด ไม่มีแข็งๆ
    เกร็งๆ ขมุกขมวด เป็นต้น

    ถ้า จิตมีโสภณเจตสิก แล้ว ปรากฏเป็นแสงสี ก็จะพอกล่าวได้ว่าเป็นอุปจาร
    สมาธิ พอเป็นอุปจารสมาธิ แสงที่เป็นอุคหนิมิตของกองลมคือ สีขาว จะเป็น
    เส้นสีขาว อาจจะเป็นเกลียวหมุน หรือ เป็นเส้นขาวพุ่งเข้ามาหา ก็ให้ยก แสงขาว
    อันเป็นอุคหนิมิตนั้นเป็นอารมณ์กรรมฐานของอานาปานสติต่อไป ก็จะก้าว
    ขึ้นสู่ปฏิภาคนิมิต แล้วจะต้องทำปฏิภาคินิมิตให้คล่องเสียก่อน ถึงจะขึ้นสู่ปฐม
    ฌาณได้

    แสงสีอื่นถืออย่าไปจับ จะทำให้ผิดกองกรรมฐาน แต่ไม่ใช่มันจะไม่ปรากฏนะ
    มันอาจจะปรากฏแสงสีอื่น แต่ให้วิจัย เลือกเฝ้นมาที่สีขาวเท่านั้น

    การเลือกเฝ้น หากทำแล้วเกิดการ อึดอัด ขัดข้อง เจ็บปวด แซบร้อน ขมุกขมัว
    ถอนตัวแล้วมึนงง ก็ให้รู้ว่า ตกจากกรรมฐานไปแล้ว โดนตัณหาครอบงำไปแล้ว
    ก็ให้ยอมรับความอึดอัด ขัดข้อง ฝุ้งซ่านนั้นเป็น วิบากผล ทำใจยอมรับความ
    ผิดพลาดไป เมื่อระงับยินดี ยินร้าย จิตจะกลับมาตั้งมั่นอยู่กับการรู้ทุกข์ รู้กรรมฐาน
    อย่างหนึ่งอย่างใด ก็ให้รู้ๆไปตามนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2010
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    เป็นคำถาม ที่ดีจริงๆ

    การจะเข้าถึง ปฐมฌาณ ได้ ต้องให้จิต จ่อในวงแคบกว่านี้

    การเห็นสี ถ้าเป็นกสิณ เราก็ใช้สีเดียว เอาให้เห็นสีเดียวเท่านั้นพอ

    หรือ ถ้าไม่สนใจภาพ เอาใจมาจรดจ่อกับ คำบริกรรมแทนก็ได้ เหมือนคนลืมตา แม้จะเห็นภาพทั่วไป แต่เราไม่สนใจก็ได้ หลักการนี้ ใช้เมื่อ จิตหลับตาแล้วเห็นสีข้างหน้าก็ให้เพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้นให้เป็น ยึดแต่คำบริกรรม

    เมื่อใดก็ตาม จิตจ่อกับคำบริกรรม เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่พลิกไปเรื่องอื่น จะเกิดความสงบใจ สงบกาย สบายตัว สบายจิต เรียกว่า ปฐมฌาณ

    แค่เราได้ ปฐมฌาณ เราก็จะเห็น คุณของสมาธิที่แท้จริง แล้วนั่นแหละ ให้ทำให้จิตได้แบบนั้นบ่อยๆ จนชำนาญ
     
  5. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +1,699

    ถ้าจะเอาโลกุตตรฌาน ก็ต้องไม่ติดนิมิตอย่าส่งจิตออกนอก อย่าตาม มันเกิดแล้วก็ดับไป ให้มีสติกลับมาอยู่กับรูปและนามตลอด สิ่งใดเกิดแต่เหตุสิ่งนั้นดับด้วยเหตุ ตามดูเขาไปเรื่อย ก็จะเห็นสามัญลักษณะ ไม่ว่าสิ่งใดล้วนเป็นไตรลักษณ์ จะเอาลมเป็นตัวเรียกสติกลับมาก็ได้

    แต่ถ้าจะเล่นฌาน โลกียฌาน ก็เอาแสงนั้นกำหนดก็ได้ ให้แนบแน่นจนไม่มีสิ่งอื่นนอกจากแสงนั้น กำหนดจนเป็นปฏิภาค มีความใสสว่างวงกลม แล้วให้ย่อขยายแสงนั้นจนชำนาญ นี่เป็นฌานแล้ว หรือจะถอยมาวิปัสสนาสิ่งใดจิตขณะนั้นก็จะมีกำลังดีมาก

    ถ้าขนาดคล่องฌานสี่ เข้าออกได้ตามใจ โลกียฌานยังมีตัวรู้ (จะอนุโลมว่าเป็นตัวคิดก็ได้เพราะเป็นขันธ์สี่หรือจิตนั่นเอง แต่ขณะนั้นเขาไม่คิดเป็นภาษาแต่คิดเป็นแสงรู้เป็นแสงจะพูดว่าคิดก็ยากอยู่นะ แต่จิตเป็นหนึ่งกับนิมิต เอกัคตา (ที่ว่าแสงยังเป็นอวิชชา) ดังนั้นตัวรู้ตัวคิดหากเมื่อถูกกระทบอาจจะเกิดการทำงาน ถอยออกมาเป็น ฌาน 3 2 1 ถ้าเจ๋ง ก็ขึ้นไป 2 3 4 ได้ เพราะเหตุที่มีกำลัง จึงแนบแน่นกับสิ่งที่คิดสามารถกลับไปสู่ 2 3 4 ได้ นี่เรียกว่าคล่อง คือกลับไปฌานสี่ได้ทันทีที่กำหนด ถ้าไม่คล่องก็นั่งกันเป็นชั่วโมงล่ะกว่าจะผ่านองค์ห้าไปถึงปฐมฌาน แต่ทำฌาน 1 ได้ก็เก่งมากแล้วนะ ส่วนใหญ่ได้กันแค่อุปจาระ ..ไม่งงนะ ถ้างงก็ไม่เป็นไรนะ แต่อาจไม่ได้กลับมาตอบอีก )
    โลกียฌานนี้ ยังไม่รับประกันว่าจะไม่มีอกุศลหรือเป็นสัมมาสมาธิ (ยกเว้นพระอริยะไปแล้ว นอกนั้นต้องกำหนดให้เป็น) ที่หลงนิมิตก็เห็นมาก คิดว่าตัวเป็นผู้วิเศษไปเลยก็มี ขนาดฌานเสื่อมไปแล้ว ก็อุปาทานต่อไปได้อีกนาน นี่เพราะไม่เข้าถึงไตรลักษณ์ ปล่อยวางจาก โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้

    เก่งฌานสี่ก็ฤทธิ์เพียบเลยละนะ
    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน :boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2010
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    เห็นด้วยกับท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->siratsapon<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3140593", true); </SCRIPT> และท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขันธ์ นะครับ.....

    คือต้องพูดกันตามตรงคือ....การฝึกกรรมฐาน อานาปานุสสติกรรมฐานนี้....
    ไม่ว่าจะเกิดนิมิตอะไรก็ตาม....จะเป็นแสงสี หรือ จะเป็นภาพเสียง....ท่านไม่ให้สนใจทั้งหมด....รู้สักแต่ว่ารู้แล้วให้ปล่อยวางผ่านไป.....อยากบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากกับผู้ที่ฝึกกรรมฐานกองนี้แล้วจะเจอสภาวะอย่างที่ คุณ จขกท เจอ.....ถือเป็นขั้นเริ่มต้นนะ....

    สิ่งที่ท่านต้องทำต่อไป....ผมก็จะแนะนำตามครูบาอาจารย์ท่านก็คือ.....ท่านไม่ต้องไปสนใจในนิมิตนั้น....เมื่ออยู่ใน อุปจารสมาธิ ก็ให้รู้ว่าเราอยู่ในอุปจารสมาธิ(ดีที่ จขกท รู้อยู่แล้ว) เมื่อรู้เสร็จ ก็ปล่อยวาง....ไม่ต้องไปสนใจกับนิมิตนั้น....แล้วก็กลับมาที่ลมหายใจต่อ(ไม่ว่าท่านจะบริกรรมหรือไม่ก็ตามสดวก)...ครับแล้วสมาธิก็จะเจริญขึ้นตามลำดับ...ความตั้งมั่นแห่งจิตก็จะเจริญขึ้นไปตามลำดับ.....อาการทางสมาธิลำดับฌานนั้นยังไม่บอกหรือถ้าข้องใจ จขกท ก็ลองศึกษาหาดูเองก่อนนะ....หรือจะทำให้ได้แล้วค่อยสอบก็ดี....มันจะได้ไม่ยึดจนเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติ....อันนี้ก็แล้วแต่อุปนิสัย.....

    แสงที่ปรากฏในสมาธิ.....กับกสิณ.....คนละเรื่องกันครับ.....ฝึกคนละอย่างกันเลย...ตั้งต้นคนละอย่าง...หลายคนเข้าใจว่าเอานิมิตในสมาธิเป็นกสิณ......ไม่ได้ครับ.....ผิดนะ.....แล้วไอ่แสงนั้นก็ไม่ใช่กสิณ...แต่เป็นเครื่องขวางครับ...ที่สำคัญมันไม่ตั้งมั่น...จะลองฝึกกันดูก็ได้นะ....วิธีการมีอยู่.....

    ตอบได้ก็ไม่ดีไปกว่าท่านข้างบน......อย่างไรโมทนาสาธุธรรมตั้งใจปฏิบัตินะครับ.....ไม่ยากหลอกนะ.....
     
  7. Candle

    Candle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +909
    โมทนาสำหรับคำตอบนะครับทุกท่าน

    จะนำไปปฏิบัติดูครับ

    แชร์ประสบการณ์นะครับ
    ผมเคยทำแบบอื่นบ้างครับ คือพอมีแสงสีปรากฏขึ้น(มักจะเป็นสีเีขียวอ่อนๆ รุปร่างไม่แน่นอน) ผมลองทิ้งคำบริกรรมมาดูแสงสีนั้นดู ซักพักก็หายไปครับ ผมเลยจ้องไปข้างหน้าที่ดำ ๆ ครับ ปรากฏว่ารู้สึกเหมือนเรานั่งบนรถที่ไปข้างอย่างรวดเร็ว(ทั้ง ๆ ที่ยังมืด ๆ ดำอยู่)[มีท่านผู้รู้ท่านนึงบอกให้ผมตามดู ผมก็ตามดูครับ] ผลคือมันไม่หายไปครับ ก็รู้สึกเหมือนกับนั่งรถด้วยความเร็วสูงอยู่อย่างนั้น ผมตามความรู้สึกนี้อยู่นานเหมือนกันจนผมไม่แน่ใจว่ามันจะหยุดเมื่อไร เลยออกจากสมาธิมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 เมษายน 2010
  8. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    อุปจารสมาธิของอานาปานสติเห็นแสงสีก็เป็นเรื่องปกติจะตามดูแสงสีก็ได้แต่จะไปไม่ถึงปฐมฌานครับ ตามลมหายใจอย่าให้เคลื่อนจากอุปจารสมาธิจะพบกับปฐมฌามเองครับ ไม่ต้องเร่งถึงเวลาเค้าจะมาหาเอง สังเกตลมหายใจของอุปจารสมาธิกับปฐมฌานความแผ่วเบาและนุ่มนวลจะต่างกันครับ
     
  9. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    สมาธิมี 3 ขั้นคือ ขณิกะสมาธิ อุปจาระสมาธิ และอัปนาสมาธิ หลังจากนั้นจึงจะก้าวเข้าสู่ขั้นรูปฌาณทั้ง 4 ขั้น สมาธิจะเกิดขึ้นได้ก็เนื่องด้วยศีลเป็นบาท เมื่อศีลบริสุทธิ์สมาธิย่อมเกิด เมื่อเกิดสมาธิแล้ว ฌาณย่อมเกิดขึ้น เมื่อฌาณเกิด ญาณย่อมเกิดตามมา เช่น ระลึกชาติได้ รู้จุติของสัตว์ รู้วาระกรรมของสัตว์ รู้อนาคตของตัวเองและผู้อื่น เป็นต้น ตอนนี้คุณจันทร์เจ้าอยู่ที่อุปจาระสมาธิ ก้ต้องก้าวขึ้นสู่อัปนาสมาธิให้ได้ก่อนนะครับ ก่อนที่จะได้ฌาณ มันจะเป้นไปโดยอัตโณมัมัติตามความละเอียดของสมาธิหรือของจิต หรือของความสงบนิ่งในการทำสมาธิ ไงๆลองไปฝึกสมาธิในวัดตอนกลางคืนดูนะครับ (ผมผ่านมาแล้ว) ทำควบคู่กันไปทั้งสมถะกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน และเดินจงกรมด้วยก็ได้นะครับ จะทำให้เราเก้าหน้าในทางธรรมได้เร็วขึ้น...
     
  10. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ลองหันมานึกภาพพระพุทธรูป หรือพระสงฆ์ที่เราศรัทธาด้วยจะดีมากครับ จะช่วยได้อีกเยอะครับ นึกได้ไม่ได้ไม่เป็นไร ทําให้ดีี่ที่สุดก็พอครับ อย่าไปยึดติดว่า เราต้องได้ครับ ได้เเค่ไหนเเค่นั้น อย่าไปเกร็งเคร่งเครียดเกินไป เเล้วทุกอย่างจะีดีเองครับ ถ้านึกภาพเป็นศพเราด้วยได้จะดีมากครับ จะได้ปลงสังขาร ไม่ยึดติดในขันธ์ห้าของตัวเองครับ ลองมาดู vdo นี้ก็ได้ครับ ถ้าดูเเล้วกลัว ผมต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ เเต่วิธีนี้คือวิธีคือ การเจริญอสุภะอย่างดีเยี่ยมครับ เวลาโกรธหรือฟุ้งซ่านมา มาดู vdo เตือนใจตัวเองเอาไว้ โกรธไป ฟุ้งไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็เหลือเท่านี้ครับ เเล้วเราจะปล่อยวางได้ครับ อยู่ด้วยการให้อภัยดีที่สุดครับ อันนี้พูดถึงในกรณีที่เรามีเรื่องไม่สบายใจอะไรขึ้นมาครับ เจริญในธรรมครับ

    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/d8GGnlJjwGg&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/d8GGnlJjwGg&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  11. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ปัญหาคือ ผมจะใช้อะไรในการกำหนดเพื่อที่จะขึ้นสู่ปฐมฌาณได้ครับ หรือว่าให้คงสภาพที่เข้าสู่อุปจารสมาธิไปครับ
    ขอบคุณครับ

    จากขนิกสมาธิ ขึ้นมาอุปจารสมาธิ คุณวางอารมณ์ อย่างไร ก็วางตามนั้นนะ ก็จะเข้า ปฐมฌานเอง แต่ช่วงนี้ ให้ระวัง เรื่อง นิวรณ์ให้มาก เพราะเริ่ม จะสัมผัสอะไรที่ แปลกๆ โดยมากจะหลงนิมิตกัน เพราะว่าเป็นของใหม่ ให้วางเฉย เสีย

    อารมณ์ ปฐมฌาน เมื่อเข้าแล้วให้สังเกตุ ความตั้งมั่นของจิต จะดี และมั่นคง ขึ้น รู้ได้ด้วยตัวเองนะ (ตัดวิตก) ทำต่อไปตามเดิม

    ถ้าถึงฌานที่ ๒ คำภาวนาจะหายไป (ถ้ารู้ตัว ว่าคำภาวนา หายไป นั่นคือจิตตกมาอยู่ที่ อุปจารสมาธิ ) ส่วนฌาน ๓ และฌาน ๔ เป็นอารมณ์ที่ลื่นไหล ประคองจิต อย่างเดียว นะ
     
  12. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ความนิ่งความสงบหรือความละเอียดของลมหายใจไงล่ะครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะมันเป็นภาษาปฏิบัติ ก็ไม่อยากจะบอกว่าให้มีความเพียรเพราะเดี๋ยวจะไปนั่งทีเป็น 4-5 ชั่วโมง ไม่เห็นด้วย นั่งอย่างมาก ความเห็นผมนะ อย่างเก่งวันละ 1 ชั่วโมงก็พอแล้ว เพราะนี่คือมัชฌิมาปฏิปทา ส่วนเดินจงกรมภาคปัญญาว่าไปอย่าง ลองหาทางดูเองนะครับ
     
  13. บรมบรรพต

    บรมบรรพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +245
    การเห็นแสงสีก็เป็นฌาน ๑ ไปในตัวอยู่แล้วครับ ถ้าจิตจดจ่ออยู่ที่แสงสีนั้นอารมณ์เดียวก็คือฌาน ๑ ครับ จะหยาบ กลาง ละเอียดก็แล้วแต่อารมณ์นั้นครับ อย่างเวลาเกิดปีติส่วนใหญ่คิดว่าอยุ่แค่อุปจาระสมาธิ ปิตินี้จะอยู่ที่ อุปจาระสมาธิก็ได้ หรืออยู่ที่ ฌาน ๑ ฌาน ๒ ก็ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...