อาการจริงกับอาการทางจิต

อืมๆ พอดีว่าผมเคยได้ยินข่าว ว่าคนที่นั่งสมาธิแล้วบอกว่าตนเอง เห็น ผี ได้คุย

กับพระพุทธเจ้า นี้ บางคน ก็ทำได้จริง บางคนก็เป็นอาการทางจิตนะ แต่

ในกรณีที่ไม่รู้ละ ดูตัวอย่างคนนี้นะครับ


ขอเล่านะครับ พอดีว่ามันเป็นเรื่อง ของคนอื่นเขานะ ผมยกเอามาเป็นตัวอย่าง

นะครับ อ่านแล้ว ขอบคุณข้อมูลของคนผู้นี้ จากเว็ป ผลบุญด้วยนะครับ

(ผมหากระทู้ในเว็ป ผลบุญไม่เจอ- -ขอ เรียบเรียงใหม่นะครับเท่าที่จำได้)


ฉันมีเพื่อนบ้านอยู่คนหนึ่ง ค่ะ(ผมผู้ชายนะครับอันนี้เนื้อครับ) เขาสุภาพออนโยน เขา ชอบเรื่องเกี่ยวกับธรรมะแล้วมาเล่า และก็มาบอกต่อกับฉันเกือบทุกวันค่ะ ฉันมีปัญหาอะไรในใจก็ จะบอกและถามเขาค่ะ เขาเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือ คนแก่ ใจเมตตา ดั่งพระโพธิสัตว์ (เกินไปขออภัย)

ในวันที่แดดร้อนจัด ฉันก็ออกไปซื้อของตามปกติของฉันค่ะ แล้ว ฉันก็จะเจอเพื่อนบ้านคนนี้ทุกวัน ที่ริมแม่น้ำ ริมแม่น้ำนั้นมีต้นไม้ใหญ่ รำธานใสสะอาด
เขาไป นั่ง สมาธิ ช่วงกลาววันจนถึงเย็นค่ะ ฉันกลับจากตลาด ยังเห็นเขานั่งอยู่เลยค่ะ ยังอึ้งว่าเขายังนั่งอยู่ได้ยังไง?!

ฉันเปิดร้านขายของชำค่ะ เขาชอบมาซื้อของที่ร้านด้วยค่ะ แต่ช่วงหลังๆนี้เขาเปลียนไป

เขามาหาฉันแล้วเขาบอกว่าเขาได้คุยกับพระอรหันต์ พระพุทธเจ้า
บ่างก็ว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าบ้าง (ผมขอมั่วนิดๆนะครับเนื่องจากกระทู้เก่าหาย)
(อย่าเชื่อนะครับผมแค่ยดตัวอย่างเป็นอาการทางจิตครับ)

บางวันเขาเข้ามาในร้าน ของก็ขายดีมากเลยนะคะ พระท่านก็บอกว่า มีกุมารตามเขามาฉันก็งงๆ (อันนี้ไม่ใช่ประเด็นนะครับ)

แล้วมาวันสุดท้าย เขามาบอกว่า เขาจะไปนิพพาน แล้ว พาฉัน งง ค่ะ??!!




ท่านผู้รู้ทางเว็บ ผลบุญ ท่านบอกว่า เป็นอาการทางจิต ควร รีบพบ จิตแพทย์

(อย่าเชื่อเรื่่องที่ผมเรียบเรียงไหมนะครับ เดี๋ยวผมบาป ผมบอกไปแล้วนะครับว่าแค่ยกตัวอย่างอาการทางจิต)

 

๏เอาละก็มาถึงคำถามนะ๏

แล้วถ้าเกิดมีคนมาบอกอย่างนี้ เช่น เห็น ผี เห็น เทวดา กับคนที่ไม่ใช่ผมแล้วเขาไม่เชื่อจะถูกหาว่าบ้าได้ ผมเป็นคนไม่ถือครับเอาไงก็ได้

แล้วถ้า อาจารยืที่เขาเก่งจริงๆ แล้วอาจจะถูกใส่ร้ายว่าบ้าได้ จึงเป็นเรื่องไม่ดี

ถ้าบางคนเกิดเป็นอาการทางจิตจริงแล้วไปหลอก คน ว่ามีโน่นมีนี่ ผมกลัวเขาจะบาปเปล่าๆ

(ถ้าผมรู้อะไรแล้วเขาไม่ถามผมจะไม่บอกเลยว่าผมเห็นอ่ะไรกลัวโดนจับไปโรงบาลกลัว)

คำถามคือ

1. เราจะแยก คนมีอาการทางจิต ออกจากคนที่เขารู้เห็น จริงๆได้อย่างไีร

2. มีวิธีรักษา ที่พอจะให้ได้ผลไหม เผื่อหมอช่วยไม่ได้

3.แล้วถ้าเกิด อาการแบบนี้ขึ้นกับตัวเองแล้วจะรู้ได้ไงว่าของจริงของปลอมอ่ะ

กลัวเป็นบ้า (ถ้าไปหาหมอ 95% ต้องบอกว่าเราบ้า แนะนำให้เราไปบำบัดอย่างแน่นอน)

วิธีที่อื่นนอกจากหมอที่จะพิจสูจ ตัวเองว่าไม่ได้บ้าได้ไหมครับ?


​

 

ขอบคุณ และ อนุโมทนากับผู้ที่ช่วยตอบและเข้ามาอ่านทุกท่าน

และขอขอบคุณ เว็บ ผลบุญ.com

 

1.ไม่ต้องไปแยกหรอก ไม่ใช่เรื่องของเรา
2.ไม่มีวิธีรักษาหรอก ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของเขาเอง ผมยังสงสัยว่าทำไมเราต้องไปหาหมอเมื่อเราไม่ได้เป็นโรคอะไรสักหน่อย(หรือไม่รู้ตัวเองนี่ก็แย่เกินไป)
3.คนที่เขาปฏิบัติทุกวัน ทำจริงจัง เขาไม่สงสัยในการทำสมาธิของเขาหรอก

 

ผมสงสารเขาอ่ะครับ ถ้าเขาติดอยู่เช่นนี้ ไม่ใช่แค่เขาที่เดือดร้อน นะครัับ ยังคนอื่นที่จะไปเชื่อเขาอีกนะครับ ?

 

1. เราจะแยก คนมีอาการทางจิต ออกจากคนที่เขารู้เห็น จริงๆได้อย่างไีร

ตอบ ในฐานะที่ผมเป็นจิตแพทย์ และพอมีโอกาสได้ฝึกฝนสมาธิมาบ้าง คำตอบนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์พอสมควร ครับ
คนที่รู้เห็นได้จริง จะมีลักษณะจิตที่นุ่มนวล อ่อนโยน เบา คล่องแคล่ว จะมีสติ ระลึกรู้ได้ว่า ควรจะพูดสิ่งที่รู้เห็นมา ให้ใครฟัง เมื่อไหร่ อย่างไร มีประโยชน์หรือไม่ ต่อคนอื่น ถ้าพิจารณาแล้ว ว่ามีประโยชน์ เป็นไปเพื่อให้ผู้ฟัง มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมยิ่งๆขึ้นไป ผู้รู้จริง จะนำเรื่องที่รู้เห็นมาเล่าให้ฟังเอง และ วิธีการสังเกต ควรสังเกตุจากผู้ที่รู้เห็นจริง เช่น หลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ จะได้มีข้อเปรียบเทียบ
คนมีอาการทางจิต จะมีลักษณะจิตที่วุ่นวาย สับสน เคร่งเครียด การกระทำทุกอย่างจะเกี่ยวข้องกับภพภูมิ จนกลายเป็นความงมงาย เมื่อจิตมีอาการสับสน ฟุ้งซ่าน จะทำให้แพทย์สังเกตเห็นว่า ผู้ป่วยมีอาการไม่อยู่นิ่ง ตึงเครียด มักจะพูดเรื่องลึกลับต่างๆ มากจนถึงระดับหมกมุ่น ที่สำคัญอาการที่บ่งบอกคือ ผู้ป่วยเหล่านั้น จะสูญเสียสัมพันธภาพกับสังคม การทำงานแย่ลง ทนต่อสภาวะกดดันไม่ได้ ไม่มีความมั่นใจในตนเอง เมื่อเกิดเหตุการอะไรขึ้น จะโทษแต่สิ่งที่ลี้ลับ ทำให้เกิดอาการกลัว หวาดระแวง เป็นต้น

อาการเหล่านี้เป็นอาการคร่าวๆนะครับ การที่เราจะวินิจฉัย ต้องเห็นและได้พูดคุยกับผู้ป่วยก่อน จึงจะแยกได้จริงๆ ว่า เขาเห็นจริง หรือ ไม่จริง

 

มีวิธีรักษา ที่พอจะให้ได้ผลไหม เผื่อหมอช่วยไม่ได้

การเจ็บป่วยทางจิต ที่มีสาเหตุมาจากสมาธินี้ รักษายากที่สุดครับ แต่ ก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ควรรักษากับจิตแพทย์ โดยเฉพาะจิตแพทย์ ที่พอมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพุทธศาสนา เพราะ ผู้ป่วยเหล่านี้ จะยอมรับแพทย์ยากมาก การมีความรู้พุทธฯบ้าง จะทำให้ผู้ป่วยไว้วางใจ จนสามารถนำไปสู่การรักษาได้ในที่สุด

 

3.แล้วถ้าเกิด อาการแบบนี้ขึ้นกับตัวเองแล้วจะรู้ได้ไงว่าของจริงของปลอมอ่ะ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า การมีกัลญาณมิตร เป็นเรื่องที่ดี เพราะครูบาอาจารย์ที่มีประสปการณ์มาก่อน พอจะบอกได้ว่าสิ่งที่เรารู้เห็นนั้นจริงหรือไม่ เพราะในบางเวลาที่เราหลงทางนั้น บ่อยครั้งเราไม่รู้ว่าเรากำลังหลง และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะบอกว่า ตนเองไม่บ้า แต่คนที่ปกตินั้น มักจะเปิดกว้าง ให้ผู้อื่นวิเคราะห์ตัวเองได้
สติ ความรู้สึกตัว จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ละเอียด ยิ่งปฏิบัติแบบ
อภิญญา ยิ่งต้องมีสติเพิ่มมากกว่าปกติ และ ทำการประเมินผลบ่อยๆ ถ้ารู้เห็นแล้ว จิตมีเมตตา อ่อนโยน รู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อมนุษย์มากขึ้น โลภ โกรธ หลง น้อยลง พอจะบอกได้ว่า การรู้เห็นนั้น ค่องข้างจริง
ถ้ายิ่งรู้เห็น แล้ว อัตตามากขึ้น เหมือนพระเทวทัต อารมณ์เต็มไปด้วยความโกรธ โลภ หลงมากขึ้น ไม่ยอมรับฟังใครเลย ก็พอจะบอกได้ว่า หลงทางแล้วครับ

 

ขอบคุณทุกท่าน และอาคุงหมอเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความรู้

ผมพอจะมีวิธีรักษาอาการทางจิตแบบนี้ได้เหมือนกัน เผิ่งนึกขึ้นได้ เป็นวิธีั่งจับพุทธรูป และอีกมากมาย

ถ้าใครอยากทราบมากกว่านี้ ผมจะพยามเอามาลงให้ครับ

 

ถ้าผมเป็นบ้าไปเดียวผมจะเขียน ในสมุด ให้คนที่บ้านพาไปหาหมอนะ ผมไม่ไว้ใจหมอคนไหนเลย

ผมไม่ประมาทมันเกิดขึ้นได้ทุกเมือ

 

ดี..กับ..บ้า..ต่างกันที่คนดีหรือคนบ้ามอง..555 ธาตุกินธาตุ..