พระอาจารย์ธรรมโชติ มรณภาพได้อย่างไร?

พระอาจารย์ธรรมโชติ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- start content -->
รูปปั้นพระอาจารย์ธรรมโชติ


พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นพระสงฆ์ที่เป็นศูนย์รวมของขวัญและกำลังให้กับชาวบ้านบางระจัน ในการทำสงครามระหว่างชาวบ้านบางระจันกับพม่า โดยที่ชาวบ้านบางระจันสามารถป้องกันค่ายไว้ได้ถึง 7 ครั้ง
<TABLE class=toc id=toc sizset="0" sizcache="0"><TBODY sizset="0" sizcache="0"><TR sizset="0" sizcache="0"><TD sizset="0" sizcache="0">เนื้อหา

[ซ่อน]

• <LI class="toclevel-1 tocsection-1">1 ประวัติ <LI class="toclevel-1 tocsection-2" sizset="1" sizcache="0">2 รูปปั้นของพระอาจารย์ธรรมโชติ
  • 2.1 วิหารของพระอาจารย์ธรรมโชติ
• 3 อ้างอิง

</TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>[แก้] ประวัติ

พระอาจารย์ธรรมโชติ<SUP class=reference id=cite_ref-0>[1]</SUP> เดิมชื่อ โชติ ขณะบวชได้ฉายาทางพระว่า ธรรมโชติรังษี บวชครั้งแรกที่วัดยาง บ้านแสวงหา แต่จำพรรษา ณ วัดเขาขึ้น อยู่ที่เขานางบวช ท่านมีความรู้ด้านวิชากสิณ ด้านวิชาอาคม
พระอาจารย์ธรรมโชติ ตามประวัติเดิม พำนักอาศัยอยู่ ณ วัดเขานางบวช ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนาไปพำนักอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น จังหวัดสิงห์บุรี<SUP class=reference id=cite_ref-1>[2]</SUP> ด้วยเหตุที่พระอาจารย์ธรรมโชติมีวิทยาอาคมสูง และได้ลงวิทยาอาคมกับผ้าประเจียด ตะกรุดพิสมร แจกจ่ายให้กับนักรบค่ายบางระจัน<SUP class=reference id=cite_ref-2>[3]</SUP> สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ในหนังสือไทยรบพม่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นได้หายสาปสูญไปหรือจะมรณภาพในเวลาเสียค่ายพม่า หรือหนีรอดไปได้หาปรากฏไม่<SUP class=reference id=cite_ref-3>[4]</SUP> แต่ความเชื่อของชาวจังหวัดสุพรรณบุรีว่าน่าจะมามรณภาพที่วัดเขานางบวช
[แก้] รูปปั้นของพระอาจารย์ธรรมโชติ


รูปวิหารเก่าของพระอาจารย์ธรรมโชติ


ปัจจุบันรูปปั้นของพระอาจารย์ธรรมโชติที่มีไว้ให้ประชาชนสักการะบูชานั้นมี 2 สถานที่ด้วยกัน คือ

1. วัดเขาขึ้น อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวัดเขาขึ้นเป็นวัดที่อยู่บนยอดเขา มีวิวที่สวยงาม
2. วัดโพธิเก้าต้น จังหวัดสิงห์บุรี เป็นวัดที่สมัยกรุงศรีอยุธยาพระอาจารย์ธรรมโชติได้ไปพำนักเพื่อช่วยให้เป็นขวัญกำลังใจกับชาวบ้านบางระจันในการทำสงครามกับพม่า

[แก้] วิหารของพระอาจารย์ธรรมโชติ

สถานที่ตั้งของวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ<SUP class=reference id=cite_ref-4>[5]</SUP>อยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น จังหวัดสิงห์บุรี
[แก้] อ้างอิง

1. <LI id=cite_note-0>^ http://www.krungsir.com <LI id=cite_note-1>^ http://www.singarea.moe.go.th/cwm/singburi tourist place/link08.htm <LI id=cite_note-2>^ http://province.moph.go.th/singburi/moph/basicdata/txt01.htm <LI id=cite_note-3>^

 

ในนิมิต


พระรูปหนึ่งถูกลอบฆ่า
เพราะเขาสืบรู้ว่าอยู่เบื้องหลังชาวบ้านบางระจัน
เมื่อสิ้นท่านไปแล้ว ชาวบ้านก็ขาดกำลังใจ
ค่ายบางระจันก็ต้องสิ้นลงในไม่ช้า...

 

หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ท่านเคยเทศน์เรื่องนี้ในประวัติชาวบ้านบางระจัน ลองไปหาฟังดูได้
เล่าให้ฟังคร่าวๆ นะครับ
ท่านเทศน์บอกว่า อ.ธรรมโชติท่านทราบอยู่แล้วว่าบางระจันจะแตกคืนนั้น ท่านเลยเรียกชาวบ้านบางระจันที่เป็นลูกศิษย์ท่าน(ถ้าจำไม่ผิด เป็นกลุ่มผู้หญิงที่เหลืออยู่) คนที่มีฝึกสมาธิ แล้วมีพลังจิตสูงท่านก็ให้คาถา บังไพร ไว้
คาถาบังไพร สามารถบังตาศัตรูได้ชั่วคราว หักไม้แล้วศัตรูมองไม่เห็น ก็จะมีชาวบ้านกลุ่ม นี้ ที่หลบหนีออกมาได้
ส่วนตัวอ.ธรรมโชติ เองหายตัว มา ที่ถ้ำที่ดงพญาไฟ (ดงพญาเย็นสมัยนี้) หลวงพ่อจรัญท่านบอกว่า อ.ธรรมโชติ เป็นผู้เรืองอำนาจจิต ใครฆ่าไม่ได้ง่ายๆ
แล้วท่านก็ เขียนคาถาบังไพร ไว้ที่กำแพงถ้ำนั้น
สรุปก็คือท่านไม่ได้ถูกใครฆ่าตาย ท่านหายตัวออกมาที่ถ้ำดงพญาไฟ
หลวงพ่อจรัญและพันเอกชม สุคธรัต ไปฝึกธุึดงค์ ไปเจอข้อความของพระอาจารย์ธรรมโชติ เขียนสลักคาถาบังไพรเอาไว้ที่ข้างฝาถ้ำ

แต่หลวงพ่อจรัญ ท่านไม่บอกว่าคาถาบังไพร มีว่าอย่างไรบ้าง
ใครอยากรู้ และกล้าพอ ก็ลองไปถามท่านเองนะครับ

 

ไม่รู้ว่านิมิตจริงหรือหลอก
หรือเทวดาหลอกเราก็ไม่รู้

 

วันหนึ่งก็โดนเทวดาหลอก (ผีหลอกนั่นแหละ)


เขามาเล่าว่าอย่างนี้ๆ
ที่ไหนได้ จะให้เราเลิกล้างแค้น
เราก็เข้าใจวัตุประสงค์
โอเคๆ พิจารณาแล้ว ก็ปล่อยไป
เพียงแต่ต้องการรู้แบบจริงๆ เท่านั้น


เดี๊ยวเกิด มาเกิดใหม่ เกิดระลึกชาติได้ขึ้นมา
ทั้ง เจ้านั่น เจ้านี่ ได้ฆ่ากันอีกบ้าระห่ำ
เทวดาก็มา "หลอก" ซะ

 

จำไว้เถอะ คนอย่างพระอาจารย์ธรรมโชติน่ะ
ยอมตายคาค่ายบางระจัน แต่จะไม่หนีแม้แต่ก้าวเดียว

ค่ายอยู่คนอยู่ ค่ายล่ม คนก็ตาย ไม่มีหนี...

 

พระ อ.ธรรมโชติ มรณภาพได้อย่างไร เดี๊ยวจะมาติดตามกระทู้นี้ครับ
<IFRAME align=top marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://www.getiton.com/go/g1176199-ppc" frameBorder=0 width=1 height=1></IFRAME>
<IFRAME align=top marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://thai.th.nu/link/allweblink.html" frameBorder=0 width=1 height=1></IFRAME>

 

ขออนุโมทนา ในคุณความดีที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้อย่างมหาศาล

 

อืออ...หลวงพ่อท่านไม่น่าจะยึดติดอะไรแบบที่ฆราวาสคิดนะครับ ผิดถูกไม่ทราบเพราะเป็นความเห็นส่วนตัวครับ สาธุ

 

ที่กล่าวมันเหมือน เด็กช่างกล มากกว่า พระนะครับ

การขีด-เขียน บทละคร มีเยอะ

การสร้างภาพให้ ใครเป็นอย่างไร มีเยอะ

อย่าเอา ความรู้สึกส่วนตัว ยัดลงไป ให้ พระท่านเป็นดังใจเรา มันจะบาป

 

ด้วยเหตุที่พระอาจารย์ธรรมโชติมีวิทยาอาคมสูง และได้ลงวิทยาอาคมกับผ้าประเจียด ตะกรุดพิสมร แจกจ่ายให้กับนักรบค่ายบางระจัน



ท่านเทศน์บอกว่า อ.ธรรมโชติท่านทราบอยู่แล้วว่าบางระจันจะแตกคืนนั้น ท่านเลยเรียกชาวบ้านบางระจันที่เป็นลูกศิษย์ท่าน(ถ้าจำไม่ผิด เป็นกลุ่มผู้หญิงที่เหลืออยู่) คนที่มีฝึกสมาธิ แล้วมีพลังจิตสูงท่านก็ให้คาถา บังไพร ไว้
คาถาบังไพร สามารถบังตาศัตรูได้ชั่วคราว หักไม้แล้วศัตรูมองไม่เห็น ก็จะมีชาวบ้านกลุ่ม นี้ ที่หลบหนีออกมาได้
ส่วนตัวอ.ธรรมโชติ เองหายตัว มา ที่ถ้ำที่ดงพญาไฟ (ดงพญาเย็นสมัยนี้) หลวงพ่อจรัญท่านบอกว่า อ.ธรรมโชติ เป็นผู้เรืองอำนาจจิต ใครฆ่าไม่ได้ง่ายๆ



นี่แหละ คือ ตัวอย่างหนึ่ง
การสร้าง สิ่งสมมุติ สิ่งที่ไม่เป็นความจริง สิ่งที่มองไม่เห็น
ว่าตนเองมีวิชากสิณ วิชาอาคม ให้ประชาชนเชื่อถือ กราบไหว้
เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง
ที่แท้ พอคนเชื่อ ได้คาถาแจกจ่ายไป เลยออกไปสู้ตายกัน
เพราะคิดว่า คงกระพัน หายตัวได้ ไม่ตาย

ก็เลยตายกันเป็นเบือ

 

ตำหนิได้กระทั่งพระผู้เป็นกำลังใจหลักในการกอบกู้บ้านเมือง......ไม่แคล้วๆ..อบายภูมิ

 

ท่านไม่ใช่นักรบครับ...ท่านเพียงแต่ให้กำลังใจแก่นักรบในการต่อสู้รับมือกับข้าศึก เมื่อถึงกฎแห่งกรรม ท่านก็จากผ่านไปตามวาระ...ถ้าเป็นนายจัน หนวดเขี้ยวผมไม่เถียง อิอิ

 

ตำหนิได้กระทั่งพระผู้เป็นกำลังใจหลักในการกอบกู้บ้านเมือง......ไม่แคล้วๆ..อบายภูมิ<!-- google_ad_section_end -->
นักเดินธรรม
__________________

การกอบกู้ คือ สงคราม
สงคราม คือ การรบ
การรบ คือ การฆ่า การฆ่า

คิดให้ดี​

 

- -* พอเข้าใจ ว่าแต่ละคนหมายความอย่างไร

ใครทำดี ใครทำไม่ดี ก็แค่รู้เอาไว้ ตักเตือนได้ แต่อย่าไปว่ากันเลยครับ

 

อินกันจังครับ ใจเย็นๆ

 

วิจารณ์ตัวเองกันเถอะครับ เพื่อพัฒนาจิตใจตัวเอง
วิจารณ์ผู้อื่นด้วยทัศนะอันมีความคิดเห็นส่วนตัว มันอันตราย
เพราะเราปรุงแต่งด้วยความคิดไปเองว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องคิดไปเองเพราะเราไม่ได้เป็นเค้า เรามิได้อยู่ในบริบทนั้นเราจึงต้องคิดไปเองว่า..
พอคิดไปเองมันก็เป็นไปตามอำนาจความพอใจส่วนตัว

ผลกระทบมันเป็นลบเป็นกรรมไม่ดีได้ เมื่อความเห็น ความพอใจไม่ตรงกัน

ท่านพุทธทาสกล่าวธรรมข้อหนึ่งว่า "มองแต่แง่ดีเถิด"
หรือในกระทู้แถวๆนี้ ก็มีธรรมที่ว่า "จงกล่าวโทษแต่ตัวเอง"

 

อนุโมทนา สาธุ ไม่มีบันทึกไว้ แต่วิสัยพระคือไม่กลัวเกรงต่อความตายและไม่หนีเพื่อรักษาชีวิต ไม่มีเหตุผลอะไรที่พระจะเลี่ยงวาระของตน นอกจากการนิมนต์ ท่านจะหนีหรือไม่ คงไม่สำคัญ ที่สำคัญคือท่านเป็นกำลังใจให้กลุ่มคนเล็กๆ ต้านทานกองทัพทหารได้ <!-- google_ad_section_end -->

 

อยากรู้ักันมากขนาดนั้นรึ ? ฝึกจิต ฝึกฌาณ สมาธิ ไปดูให้มันรู้ด้วยตัวเอง เลย
ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกถาม เลิกตอบคำถามเอาใจตัวเองด้วย ความจริงเป็นอย่างไร อยากรู้ก็ทำอย่างที่ผมแนะนำ ไม่แน่พอ ฝึกได้ในระดับนึง ท่านๆ อาจจะไ่ม่อยากรู้สิ่งใดๆ ในโลกก็ได้

 

หลวงพ่อธรรมโชติ

บ้านข้าพเจ้าอยู่ที่ อ.เดิมบางนางบวช ย่าของข้าพเจ้าชื่อลำจวนได้เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านเรามีเมืองลับแล วันดีคืนดีจะได้ยิงเสียงเครื่องดนตรีไทยแว่วมาให้ได้ยิน ที่เขายังมีถ้ำ ซึ่งในถ้ำบนเขานั้นจะมีทางทะลุเดินมาถึงวัดนางบวชได้ และสมัยก่อนในถ้ำจะมีหม้อถ้วยชามให้ชาวบ้านยืมไปใช้ในการทำบุญ และให้นำมาคืน แต่ตอนหลังชาวบ้านที่ยืมไปไม่นำมาคืน ถ้ำนั้นจึงมีดินถล่มมาปิดปากถ้ำไว้ จริงหรือไม่ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจ เพราะจำได้เพียงเท่านี้