ข้าวมธุปายาส..ชาวพุทธสมัยนี้ไม่เห็นมีใครทำบ้างครับ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย พิชญากร, 17 เมษายน 2010.

  1. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    .....คือ จากที่อ่านหนังสือธรรมะ ในสมัยพระพุทธเจ้ายังอยู่ ชาวพุทธในสมัยนั้น

    มักจะทำข้าวมธุปายาสกับพระพุทธเจ้าหรือพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย

    .....ตอนที่อ่านรู้สึกว่า เป็นอาหารที่ดีเลิศมากๆ อ่านแล้วก็รู้สึกว่า อยากจะทำ

    เพื่อถวายพระที่เราเคารพบ้าง แต่ก็ยังไม่ค่อยทราบส่วนผสมเท่าไหร่นัก

    .....แล้วก็เลยเกิดข้อสงสัยว่า ตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยเห็นที่ไหนที่จะทำข้าว

    มธุปายาสถวายพระบ้างเลยครับ แล้วทำไมเค้าไม่สืบทอดกันละครับน่าจะดีไม่ใช่

    น้อยนะครับ แล้วก็เลยทำให้นึกขึ้นมาได้ ตอนเป็นเด็ก ที่บ้านตอนใกล้ออก

    พรรษา ชาวบ้านเค้าจะทำข้าวทิพย์กัน เหมือนประเพณีกวนข้าวกระยาสาด(ถ้า

    พิมพ์ผิดก็ขออภัยนะครับ) ตอนเด็กก็เลยได้กินข้าวทิพย์เป็นประจำทุกปี

    .....แต่ตอนนี้หากินไม่ได้แล้ว เค้าไม่ทำกันเพราะคิดว่ามันคงทำยาก ก็เลยเสีย

    ดายครับ เพราะต่อคงจะเป็นตำนาน เหมือนข้าวมธุปายาส ถ้ามีใครคิดจะร่วม

    กลุ่มกันทำ จะขอเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นด้วยครับ
     
  2. เกรสคับ

    เกรสคับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +174
    ข้าวทิพย์ ไม่ใช่ ข้าวมธุปายาส หรอกหรอครับ ผมเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกันนะนี่
     
  3. redghost77

    redghost77 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +49
    ต้องใช้นมจากแม่โค 1000 ตัว

    ต้องใช้นมจากแม่โค 1000 ตัวและค่อยคัดแยกไปจนเหลือ 10 ตัวมั้งครับแต่ผมไม่แน่ใจลืมแล้ว แต่แน่ๆ ต้องมีนมแม่โค 1000 ตัวแล้วค่อยคัดแยกไปเรื่อยแล้วนำมาหุง อันนันสมัยพุทธการครับ
     
  4. Budratsa

    Budratsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +607
    ที่วัดพิชัยญาติการาม ที่แม่ชีทศพรอยู่ ที่วัดนี้ยังอนุรักษ์ประเพณีกวนข้าวทิพย์อยู่ค่ะ ให้ญาติธรรมกวน เสร็จจะสวดอีก 3 วันจึงแจกจ่ายให้ผู้ปฏิบัติเอาไปทานที่บ้านทุกคนด้วยค่ะ เข้าดูในเวบนี้น่ะค่ะ www.tumdtv.com ที่ตู้ธรรมประจำบ้าน 13/52 น่ะค่ะ แม่ชียังบอกขณะกวนต้องอธิษฐาน "ขอให้ข้าพเจ้าจงมีสติตั่งมั่น" "ก่อนทานให้อธิษฐาน "ขอให้ข้าพเจ้าจงมีสติตั่งมั่น ขอให้ข้าพเจ้ารู้เท่าทันในสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวของข้าพเจ้า"
    มีโอกาสก็อยากจะไปค่ะ เพราะตอนเด็กๆเคยทานเหมือนกันค่ะ
     
  5. อิธิบาท

    อิธิบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2009
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +309
    ข้าวมธุปายาส ยังมีให้ทานได้ที่อินเดีย ช่วงที่เราไปตามรอยพระศาสดา จะได้ทาน เป็นข้าวที่หุ้งด้วยนมโคอ่ะ รสชาดจะเลื่ยนๆ มันๆ นิดนึง
     
  6. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    .....ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้ ถ้าต้องใช้นมจากแม่วัว

    ถึง 1000 ตัว แล้วก็คัดๆมาจนได้ที่ดีที่สุด อย่างนี้แสดงว่า ชาวพุทธสมัยก่อน

    ต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้ามากๆเลยนะครับ เพราะถ้าเป็นอย่างที่คุณ redghost

    77 บอกจริงๆ ตัวเราเองคงไม่มีปัญญาทำได้เลยครับ

    .....และขอบคุณคุณ Budratsa ที่บอกข้อมูลเรื่องข้่าวทิพย์ครับ เพราะนอก

    จากกวนในพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว หาได้ยากยิ่งนัก ถ้ามีโอกาสจะไปร่วมกวนแน่

    นอนครับ
     
  7. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    หุงบ่อยๆฮะตอนบวงสรวง ใช้-นม-น้ำผึ้ง(มะธุ-น้ำผึ้ง)-เนย หุงกับหม้อหุงข้าวก็ได้ พอข่าวสุกค่อยเอาเนยมากวนกับข้าว ข้าวจะมันสวยสีเหลืองอ่อนเหมือน(ข่าวทิพของเทวดาจริงๆ)
     
  8. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สมัยก่อนเค้าทำกันแบบนี้เป็นพื้น...แค่นี้เอง แต่ถ้าบ้านไหนรวยๆในสมัยพุทธกาลก็จะหาของแพงๆใส่เข้าไปด้วย แต่สมัยนี้ของแพงๆในสมัยพุทธกาลมันก็ไม่แพงในสมัยนี้ อย่างappleสมัยก่อนราคาแพง สมัยนี้ลูกละ10บาทเอง อินทผาลัมสมัยก่อนแพงมากเดียวนี้ถูกๆเอง.....สมัยนี้น้ำนมก็ข้นมันไม่ต้องใช้วัว1000ตัวแล้ว เดี๋ยวนี้มีนมข้นจืด(ทั้งหอมทั้งมันสุดๆ) เนยก็หอมกว่าสมัยโบรานมาก ......สมันนี้ทำ(ข้าวมธุ) ง่ายกว่าทำข้าวมันไก่อีก ส่วนที่เค้ากวนข้าวทิพนั่นเมืองไทยเอามาแปลงทีหลังไม่เหมือนในสมัยพุทธกาล.....สาธุๆๆ
    แต่ขอบอกนะกินยากมากยังไงๆๆก็แพ้(ข้าวเหนียวมูล)บ้านเรา พวกคนแขกสมัยก่อนชอบกลิ่นเนย-ดีปรี-พอเนยกัยน้ำผึ่งรวมกันแสนจะไม่อร่อยจริงๆ ทุกๆครั้งที่บวงสรวงไม่เคยเอามากินเลย ลาแล้วก็ลาเลยไม่มีใครกินไม่ถูกปากคนที่บ้าน กินข้าวเหนียวมูลดีกว่า ถ้าคนสมัยพุทธกาลได้มากินข้าวเหนียวมูลเมืองไทยคงจะลืม"ข้าวมธุ "อย่างแน่นอน เสียดายพวกเค้าไม่ได้กิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2010
  9. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    .....โอ้....เป็นเช่นนั้นเหรอครับ ใช่ข้าว นม เนย หรือครับ นึกว่า ต้องมีอะไรๆ

    เพิ่มอีกเยอะแยะเลย เช่น น้ำผึงน่ะครับ อืม จากที่คุณพสภัธ บอกมาเนี่ย ดูท่า

    จะไม่อร่อยจริงๆนะครับ เอ..หรือว่า ถ้าปรุงรสดีๆหน่อยก็ใช้ได้ สงสัยต้องลองทำ

    ดูสะแล้วครับ เห็นส่วนผสมไม่ยุ่งยากอะไร

    .....ขอบคุณคุณพสภัธ มากๆครับ ที่มาให้ความรู้ครับ
     
  10. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ต้องใส่น้ำผึ้งด้วยนะครับ เพราะว่าข้าวมธุ ขาดเนยกับน้ำผึ้งไม่ได้ครับ แสนจะไม่อร่อยจริงๆนะครับกลิ่นน้ำผึ้ง+เนย (ขนลุกเลยฮะ) คนสมัยพุทธการเค้าต้องใส่(ดีปรี)ด้วย อุ้ยยยยยขนลุกจริงๆ แต่คนในสมัยนั้นเค้าว่าอร่อยนักอร่อยหนาเพราะน้ำนมเอย-น้ำผึ้งเอย-เนยข้น-เนยใส เป็นของแพงของหายาก.....
     
  11. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    วัดแถวบ้านก็ทำทุกปีครับ เมื่อก่อนที่บ้านมีต้นมะพร้าวเยอะก็จะเก็บผลไว้ทำข้าวทิพย์

    เวลาทำญาิติๆก็จะมากันเยอะ บ้านใครมีมะพร้าวก็จะคั้นเอาแต่น้ำกะทิมา

    บ้านใครมีมัน มีผลไม้อะไรก็จะทำตากแห้งไว้แล้วนำมารวมกันที่บ้าน

    บ้านใกล้เรือนเคียงคนไหนอยากร่วมก็จะซื้อข้าวของมาหลายอย่าง บางปีก็นับรวมได้เป็น100 อย่าง

    ตอนเด็กๆจำได้ว่าปีนั้นในหมู่บ้านกวนข้าวทิพย์กัน 4-5 หลัง เพราะพืชพันธ์ธัญญาหารสมบูรณ์

    หลังๆมาต้องรวมกัน เพราะบางอย่างหายาก บางอย่างหายากมาก

    เช่นเมล็ดจมก ต้องไปเก็บกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ฤดูเกี่ยวข้าว มันบางชนิดต้องไปขุดในป่าลึก

    และต้องอาศัยความชำนาญในการสังเกตุและขุด

    การทำนั้นค่อนข้างยุ่งยากมาก เพราะต้องรู้ว่าต้องใส่ของอะไรลงไปก่อนหลัง

    เพราะบางอย่างใส่เร็วไปจะใหม้ได้ บางอย่างช้าไปจะไม่สุก

    และที่ยุ่งยากสุดๆก็คือการเคี่ยวน้ำกะทิ ต้องเคี่ยวหลายชั่วโมง เคี่ยวข้ามคืนยังมี

    บางปีข้าวของหายาก ซื้อมากวนเองหมดหลายหมื่นเหมือนกัน แต่อาศัยว่ารวมญาติ

    ก็เลยเฉลี่ยๆกันออก เรียกว่าวันรวมญาติอีกวันก็ได้

    บางปีนำมาฝากที่ทำงาน ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครกล้ากินกัน

    บางคนพอบอกว่าเป็นข้าวทิพย์ก็ขอเอาไปให้ที่บ้านกินมั่ง เพราะไม่เกิดมาไม่เคยได้

    แถวบ้านจะรู้กันว่า บ้านไหนกวนข้าวทิพย์บ้านนั้นต้องมีฐานะในระดับนึง (บ้านผม ตจว.)

    ที่วัดจะกวนแบบโบราณคือ ซื้อกะทะใบใหญ่ๆๆๆมา แล้วก็ปั้นเตาดินใหญ่ๆ ใ้ห้สูงระดับเอว

    เพื่อให้สะดวกในการกวนและเทส่วนผสม กวนตั้งแต่สายๆ กว่าจะเสร็จก็ตี1ตี2

    เพราะส่วนผสมที่นำมาร่วมบุญนั้นเยอะ บางปีขนมากันเป็นคันรถ
     
  12. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ใช่ๆครับคนไทยเอามาแปลง อร่อยกว่าเจ้าตำหลับมากครับ ของบ้านเราอร่อยกว่ามากครับ
     
  13. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    .....ที่คุณ rehacked เล่ามา ทำให้นึกถึงตอนเป็นเด็กได้เลยครับ เพราะบ้านผม

    ก็อยู่ต่างจังหวัดเหมือนกัน แล้วเมื่อก่อนจะมีคนกวนข้าวทิพย์เยอะมาก อร่อยด้วย

    แต่ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่รู้หรอกว่า มันมีส่วนผสมอะไรบ้าง ทำยากหรือง่าย กิน

    อย่างเดียวเลยครับ

    .....พอโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ก็เลยไม่รู้ว่า เค้าไม่ค่อยกวนกันแล้ว ก็

    มานึกเสียดายครับ เพราะที่ทำงาน มีลูกค้าคนหนึ่ง เค้าไปงานหล่อพระ จำไม่ได้

    ว่าจังหวัดไหน ในงานมีพิธีกวนข้าวทิพย์ด้วย เค้าเลยแบ่งข้าวทิพย์ให้ผมกับ

    เพื่อนๆกิน แต่ไม่มากหรอกครับ แค่หยิบมือยังมากไปเลย เอาแค่ได้ชิมรส

    เท่านั้นครับ จึงทำให้รู้ว่า เป็นของหายากแล้วในสมัยนี้

    .....ผมว่า คุณ rehacked ศึกษาวิธีทำ แล้วก็จดวิธีทำ ส่วนผสมไว้ ก็น่าจะดี

    นะครับ เพราะในอนาคตมันคงจะสูญหายไปอย่าง ข้าวมธุปายาสก็ได้นะครับ

    เผื่อคนรุ่นหลังจะได้รู้ว่า ชาวพุทธรุ่นก่อนก็ยังมีกิจกรรม มีศรัทธาอะไรแบบนี้

    ด้วยเหมือนกัน
     
  14. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    <CENTER></CENTER><CENTER>ขอขอบคุณ ที่มา จาก mindcyber.com!</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ประเพณีการกวนข้าวทิพย์ ของไทย</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>จากคติศรัทธาความเชื่อของชาวพุทธในประเทศไทยได้ขนานนาม “ข้าวมธุปายาส” ว่าเป็น “ข้าวกระยาทิพย์” หรือ “ข้าวทิพย์”
    ประเพณีการหุงข้าวทิพย์ในวันเพ็ญเดือน 6 ก่อนวันวิสาขบูชาพบว่ามีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

    ประเพณีนี้สืบต่อลงมาจนถึงรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แล้วว่างเว้นไปและกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ถือเป็นโบราณราชประเพณีปฏิบัติสืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้



    สำหรับของที่นำมาปรุง “ข้าวทิพย์” และวิธีการกวนตามแบบไทย มีบันทึกไว้ในหนังสือ “พระราชพิธีสิบสองเดือน” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เรียบเรียงได้ดังนี้




    <CENTER>ของที่นำมาปรุงข้าวทิพย์</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ของที่นำมาปรุงข้าวทิพย์ 5 ประเภทคือ
    ก. ประเภทถั่ว
    ข. ประเภทข้าว พืชเป็นหัว เมล็ดธัญพืช
    ค. ประเภทน้ำตาล
    ง. ประเภทน้ำมัน
    จ. ประเภทผลไม้ อันได้แก่ ผลไม้สด ผลไม้คั้นน้ำ ผลไม้แห้ง ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม พร้อมทั้งสมุนไพรปรุงรสได้แก่ ชะเอม


    ของปรุง “ข้าวทิพย์”
    เครื่องปรุงทั้ง 5 ประเภทประกอบด้วยของชนิดต่างๆ ดังนี้


    ก. ประเภทถั่ว ได้แก่

    1. ถั่วราชมาษ
    2.ถั่วดำ
    3.ถั่วเหลือง
    4.ถั่วเขียว
    5. ถั่วขาว
    6.ถั่วทอง
    7.ถั่วลิสง
    8. ถั่วแม่ตาย


    ข.ประเภทข้าว พืชเป็นหัวและเมล็ดธัญพืช ได้แก่

    1. ข้าวอ่อนที่คั้นเป็นน้ำนม
    2.ข้าวสารหอม
    3. ข้าวเม่า
    4. ข้าวฟ่าง
    5.ข้าวตอก
    6. ข้าวโพด
    7.ขนมปังจืด (ป่นหยาบพอเป็นเกร็ด)
    8.สาคูวิลาด
    9. สาคูลาน
    พืชเป็นหัว 10. มันเทศ
    11. เผือก
    12. แห้วไทย
    13. แห้วจีน
    14. กระจับสด
    เมล็ดธัญพืช
    15.เมล็ดงา
    16. เมล็ดแตงอุลิด
    17. ลูกเดือย
    18. ผลมะกล่ำใหญ่



    ค.ประเภทน้ำตาล ได้แก่

    1. น้ำผึ้ง
    2. น้ำอ้อยสด
    3. น้ำอ้อยแดง
    4. น้ำตาลกรวด
    5. น้ำตาลทราย
    6. น้ำตาลหม้อ


    ง.ประเภทไขมัน ได้แก่
    1. เนย
    2. น้ำนมโค
    3. มะพร้าวแก่
    4. มะพร้าวอ่อน

    จ.ประเภทผลไม้ (ใช้ผลไม้แดงและทุกชนิดที่หาได้)

    ผลไม้สด ได้แก่

    1. ทับทิม
    2. ลูกพลับสด
    3. ละมุด
    4. สาลี่
    5. กล้วยหอม
    6. กล้วยไข่
    7. กล้าย
    8. น้อยหน่า
    9. เงาะ
    10. ลางสาด


    ผลไม้คั้นน้ำ ได้แก่
    1.ส้มเขียวหวาน
    2. ส้มเกลี้ยง
    3. ส้มมะเป้น
    4. ส้มซ่า
    5. ส้มตรังกานู


    ผลไม้แห้ง ได้แก่

    1. พลับแห้ง
    2. อินทผลัม
    3. ลำไย
    4. พุทราริ้ว
    5. ลิ้นจี่


    ผลไม้กวน ได้แก่
    1.ทุเรียนกวน
    2. สัปปะรดกวน

    ผลไม้แช่อิ่ม ได้แก่
    1.ผลชิด
    2. ผลกระท้อน

    พร้อมทั้งสมุนไพรปรุงรสได้แก่ ชะเอมสด ชะเอมเทศ รวมของทั้งหมด 62 รายการ

    http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=137&page=11
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2010
  15. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    หากเป็น ประเพณี ทางเหนือ จะทำข้าวมธุปายาส อยู่ค่ะ แต่จะทำแบบ มีพิธีรีตองชัดเจน


    เทศกาลการถวายข้าวมธุปายาส

    ข้าวมธุปายาสหรือข้าวพระเจ้าหลวงนิยมถวายในงานเทศกาลสำคัญ ๆ หลายคราวด้วยกัน คือ
    1. ประเพณียี่เป็ง
    2. ประเพณีเดือนสี่
    3. ประเพณีวิสาขบูชา เดือนแปด
    4. ประเพณีปอยหลวง
    5. ประเพณีอบรมพระภิกษุสามเณร

    ในงานประเพณีเหล่านี้นิยมกวนข้าวมธุปายาส เพื่อเป็นการสร้างเสริมศรัทธาแก่ประชาชนผู้มาร่วมงาน และทางวัดนิยมแจกจ่ายข้าวมธุปายาสแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงกัน

    ให้เขาเหล่านั้นได้บริโภคเป็นการสร้างความสุขสวัสดี ตลอดความสามัคคีให้เกิดในกลุ่มชนด้วย


    พิธีกวนข้าวมธุปายาส
    การเตรียมการจัดทำพิธีกรรมจัดทำข้าวมธุปายาส

    1. การทำรั้วพิธีนั้นเรียกอีกอย่างว่า ทำราชวัตร

    คือบริเวณที่จะทำการหุงข้าว นึ่งข้าวและกวดข้าวมธุปายาส โดยผู้อาวุโสในวัดหรือปู่อาจารย์เป็นคนกำหนดสถานที่ให้ ขนาดกว้างประมาณ 5-10 เมตร เป็น 4 เหลี่ยมจตุรัส

    ปักธงทิว หน่อกล้วย หน่ออ้อยและเอาก้นมะพร้าวมาทำเป็นประตูป่าไปสู่บริเวณที่ทำข้าวมธุปายาส



    2. ในบริเวณนั้นทำก้อนเส้า หรือเกรียงสำหรับตั้งกระทะหรือหม้อไห

    ที่ใช้ในการกวนข้าวมธุปายาส ไว้พร้อม โยงสายสิญจน์จากพระพุทธรูปลงมาหาราชวัตรวงเป็นทักชิณวัตรเวียนขวา ส่วนเงื่อนที่เวียนพระพุทธรูปนั้นโยงลงมาหาพระสงฆ์เพื่อเวียนบาตรน้ำมนต์ในการทำพิธี



    3. ภาชนะที่ใช้สำหรับทำข้าวมธุปายาสนั้นประกอบด้วย

    - กาละมัง หรือหม้อสำหรับแช่ข้าวสารเหนียวเพื่อให้ข้าวขยายตัวเวลานึ่งจะนิ่มน่ารับประทาน

    - หม้อนึ่ง ไหข้าว สำหรับใช้นึ่ง บางแห่งใช้รังถึง เนื่องจากนึ่งได้ปริมาณมาก

    - กระทะ ไม้พาย สำหรับกวนข้าวมธุปายาส 2-3 ชุด

    - กะละมัง หรือหม้อสำหรับใช่ข้าว มธุปายาส สุกได้ที่แล้ว


    - ถ้วยชาม หรือจานสำหรับใส่ข้าวมธุปายาส ถวายเท่าจำนวนการรอดพระกระยาหารของพระพุทธเจ้า 49 สำรับ



    4. วัสดุที่ใช้สำหรับกวดข้าวมธุปายาส นั้นมีหลายอย่างหลายชนิด ซึ่งเกิดขึ้นตามกำลังศรัทธาของประชาชนสวนใหญ่กำหนดเอาวัสดุต่อไปนี้


    ประเภทของแห้ง คือ
    1. ข้าวสารข้าวเหนียว
    2. ถั่วดำหรือถั่วแดง ถั่วแปบ
    3. งาดำ งาขาว และงาหอม
    4. ถั่วดินหรือถั่วลิสง
    5. น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปีบ
    6. น้ำอ้อย


    ประเภทของสดหรือที่มีน้ำ
    1. มะพร้าวแห้งสำหรับทำน้ำกะทิ
    2. น้ำสำหรับคั้นกะทิ
    3. นมสดหรือนมกระป๋อง
    4. น้ำอ้อยสด
    5. น้ำตาลสอ
    6. น้ำผึ้งแท้



    ขั้นตอนการทำข้าวมธุปายาส


    เมื่อประชาชนนำเอาวัสดุมารวมกันพอแก่ความต้องการ หรือทางวัดและคณะกรรมการจัดหาจนเพียงพอแล้ว


    การกระทำข้าวมธุปายาส จะเริ่มทำตั้งแต่ย่ำค่ำ คือ 19.00 น. เป็นต้นไป โดยเริ่มต้นดังนี้


    - การนำข้าวไปแช่หรือหม่า ไว้จนพองตัวใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

    - ขูดมะพร้าวให้เพียงพอแล้วคั้นกะทิเตรียมไว้

    - จัดเตรียมวัสดุพวกถั่วงาไว้อย่างพร้อมมูล โดยล้างให้สะอาดทุกอย่าง

    - เตรียมน้ำอ้อย น้ำตาล นมสด นมข้นไว้อย่างพอเพียง

    - ก่อไฟ ในอั้งโล่หรือใช้เกรียง เพื่อทำการนึ่งข้าวเหนียวและพวกถั่วต่าง ๆ

    - จัดการซาวข้าวหรือล้างข้าวสารที่แช่ไว้แล้วนำใส่ซ้าหวด หวดให้สะเด็ดน้ำแล้วนำเทลงในรังถึงหรือไหนึ่ง นึ่งบนหม้อจนสุกยกลง

    - ก่อไฟในรั้วราชวัตร แล้วเอากระทะขึ้นตั้งบนเกรียงแล้วนำเอาน้ำกะทิลงใส่ คนจนเดือดแล้วเอาน้ำอ้อยน้ำตาล น้ำผึ้ง นม เนย ใส่ลงไปให้หญิงสาวพรหมจารี หรือคนแก่ที่หมดประจำเดือนแล้ว ถือศีลห้าถึงศีลแปดเป็นผู้ช่วยอีกแรงหนึ่ง


    เมื่อกวนจนน้ำตาลน้ำอ้อยละลายได้ที่แล้ว นำเอาข้าวสุกลงไปคนให้ข้าวและน้ำกะทิเข้ากันอย่างดีและใส่พวกถั่ว ๆ งา ต่าง ๆ ลงไปด้วย


    กวนสลับกันไปมาตลอดเวลามิให้เกิดการไหม้กันกระทะเพราะจะทำให้ข้าวมธุปายาสขาดคุณค่าไม่อร่อยเท่าที่ควร


    เมื่อกวนจนได้ที่แล้ว ยกลงเทให้หม้อหรือกาละมังนำไปเก็บด้านหนึ่ง ตั้งกระทะใหม่ใส่กะทิ น้ำตาล น้ำอ้อย และข้าวที่นึ่งแล้วและคนอีกด้วยกลวิธีเดิม จนกว่าจะเพียงพอแก่ความต้องการของคณะกรรมการ


    จากนั้นนำเอาข้าวมธุปายาส ไปตักใส่ภาชนะมีถ้วยชามที่เตรียมไว้ตามจำนวน 49 สำรับ แล้วนำไปตั้งไว้ที่หน้าพระพุทธรูป เตรียมจะถวายต่อไป


    การกล่าวคำมธุปายาสถวายข้าว

    สมภารเจ้าอาวาสหรือปู่อาจารย์ เป็นผู้แทนศรัทธาประชาชนกล่าวคำถวาย ศรัทธาประชาชนที่มาร่วมถวายประณมมือตั้งปณิธานตามปรารถนา ปู่อาจารย์กล่าวเป็นคำร่ายที่คนโบราณได้รจนาไว้ดังต่อไปนี้



    โย สันนิสินโน วรโพธิมูเล มารัง สะเสนัง มหันติ๋ง วิชะโย สัมโพธิมาคัจฉิวะ อนันตะญาโน โย โลกุตตะโม ตัง ปะนะมามิ พุทธัง ตัง ปะนะมามิ ธัมมัง ตัง ปะนะมามิ สังฆัง ตัง ปะนะมามิ คุณสาครั้นตัง นะมามิ ธัมมัง มุนิราชะเทสิตัง นะมามิ สังฆัง มินิราชะสาวะกัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา


    สุณันตุ โภนโต เทวทัสสะใน อนุโมทะมานายะมิมัง เอกุนปัญญาสะวจัตตาฬิสะ ปิณฑานิยาวะ เทวะปริสายะ วิโนทยา มะยะ กะตานีติ


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center><TBODY><TR class=unnamed1><TD width="40%">
    สาธุ โอกาสะ
    พระพุทธเจ้า
    มานานว่าได้สี่สงชัย์
    จึ่งจักได้ตรัส
    นั่งเหนือแท่นแก้ว
    มีหมู่อะระหันตาสาวะกะเจ้าตั้งแปด
    ดูรุ่งเรืองงามเป็นมหามังคละอันประเสริฐ
    บุคละผู้ใดมีศรัทธาสักการะบูชา
    แลข้าวตอกดอกไม้ทั้งหมด
    อันมีในชั้นฟ้าและเมืองคน
    เที่ยงแท้ดีหลี
    บัดนี้หมายมี
    ผู้ข้าทังหลาย
    ก็ได้ตกแต่งพร้อมน้อมนำมา
    และปานิยังน้ำกิน
    ในสมุขีกลางคลอง
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    วางเวนเคนหื้อเป็นทาน
    จุ่งจักอว่ายหน้า
    พยัญชนะของไขว่
    ด้วยผู้ขาจักวางเวน
    สาธุโอกาสะมะยัมภันเต
    โพธิบังงังกัง ทุติยัง
    ตะติยัง จังกมะเสฎฐัง
    ปัญจะมัง อัชชะปาลัญจะ
    สัตตะมัง ราชายะตะนัง
    เอกัสมิง ฐาเน
    เอเตสัตตเหยัตตกัง
    เอกูนปัญญาสะ นวจัตตาฬิสะ
    ติรัตนพุทธะ จุฬะมณ๊ สิงกุตตระ
    ติรัตนพุทธ ธัมมะ สังฆะ
    มหาโพธิ จะฬะมณี สิงกุตตะระ
    ศิริวิหาระ สัจจะคันธะ
    สะยัง ภาชนัง ฐเปตวา
    ทุติยัมปิ....ฯลฯ....
    </TD><TD width="8%"> </TD><TD width="52%">แต่สะหรี่สัพพัญญู
    ตนสร้างโพธิสมภาร
    ปลายแสนมหากัปป์
    ผญาสัพพัญญู
    แทบเค้าไม้มหาโพธิรุกขา
    นั่งแวดล้อมเป็นบริวาร
    ล้ำเลิศกว่านระและเทวา
    ด้วยข้าวน้ำโภชนาหาร
    ก็จึ่งจักได้พ้นจากทุกข์แล้วได้เถิงสุข
    มีเนรพานเจ้าเป็นยอด

    สมณศรัทธาและมูลศรัทธา
    ชุตนชุองค์ชุผู้ชุคน
    ยังข้าว 49 ก้อน
    เอามาฐปนาตั้งไว้
    ส่องหน้าแห่งองค์
    เพื่อสวะซวาง
    แก่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ปฏิคคาหกะรับเอา
    ทังหลายมวลถ้วนฝูงนี้แท้ดีหลี
    ตามพระบาลีว่า
    อิมานิ ปถมัง
    อะนิมิสสะกัง
    จตุตถัง รัตนฆะรัง
    ฉัฎฐมุจจลินทัญจะ
    วโรพุทธโธ วสิ
    สัพพะหิตัง
    บุปผาลาชา


    สรีระธาตุ
    สมันตา คุตตะ
    มัณฑะเร ติรัตตะนัส
    สักกัจจัง เทมะ ปูเชมะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ตติยัมปิ สาธุโอกาส มะยังภันเต ฯลฯ สักกัจจัง เทมิ ปูเชมะอิทิง โน เอกูนะปัญญาสะ นวจัตตาฬิสะ สัมมาสัมพุทธัสสะ อยัง มหาปูชโก อนุกัมปัง อุปทายะ ทีฆรัตตัง อัตถายะ หิตายะ สุขายะ ยาวะ นิพพานนายะปัจจะโย โหตุ โน นิจจัง


    เสร็จแล้วนำเอาข้าวมธุปายาสเข้าประเคนพระประธานเป็นเสร็จพิธี



    ข้าว มธุปายาส นี้เรียกว่าข้าวทิพย์ ประชาชนเชื่อกันว่าหากใครได้รับประทานจะมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ มีอนามัยดี จึงนิยมแบ่งกันรับประทาน หากเด็ก ๆ ได้รับประทาน ก็จะทำให้ผิวพรรณน่ารัก มีสุขภาพี สมองปลอดโปร่ง นิยมทำเป็นประเพณีตราบเท่าทุกวันนี้
     
  16. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    ร่วมพิธี ได้ที่ลำปาง จ้า ถ้าจำไม่ผิดน๊า
     
  17. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
  18. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
  19. acspclubs

    acspclubs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +579
    ผมเคยทานแล้วครับ

    หวานๆมันๆ แบบพวกธัญพืชอ่าครับ

    ก็โอเคนะ ^^ ทำยากมากๆอ่าครับ
     
  20. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    .....ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลของทุกท่าน สำหรับข้อมูลของคุณอร

    นับว่า ละเอียดมากครับ จะขอเซฟไว้เพื่อถ่ายทอดความรู้ต่อไปนะครับ

    .....ตั้งใจว่า สักวันจะได้มีโอกาสไปร่วมงานกวนข้าวทิพย์นี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...