ตาที่สามเกิดโดยบังเอิญช่วยทีครับดูให้หน่อยมันร้อนและเจ็บ

- -* ....แล้วต่อไป จะทำอะไรต่อครับ ?
มีหรือไม่มี ไม่เป็นไรครับ ขอให้ ทำความเพียรสม่ำเสมอครับ
จะมีหรือไม่มี คุณก็เป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่นได้อยู่แล้วครับ
แต่ถ้ามี ก็จะได้ใช้ช่วยเหลือคนอื่นได้หลากหลายขึ้น
อย่าประมาท หลงทาง แล้วกันนะครับ

 

ขอบคุณมากครับตอนนี้ก็ให้กำลังใจคนอยู่ที่เวป
www.yantip.com ครับ

 

ตาทิพย์เหรอครับ? ^3^

มันหลอนมาบางเวลานะครับ บางครั้งนี้เห็นซะเต็ม ๆ ตา

เคยมีครั้งหนึ่ง มันเบลอไป...มองเห็นภาพที่น่ากลัวมาก ๆ เกี่ยวกับประเทศ เดินไปเรื่อย และตอนนั้น เดินข้ามถนนพอดี รถวิ่งมาเกือบจะชน โชคดีเพื่อนมันกระชากคอเสื้อผมไว้แล้วกระชากกลับ ไม่งั้นคงตายไปแล้ว

แต่ที่ไม่ชอบที่สุดคือ ตาที่3 มันทำให้เราเห็นทุกสิ่ง(โชคดีที่มันมาบางเวลา)

สวรรค์ไม่รู้ไม่เคยเห็นแต่นรก...เกือบได้ไปเกือบได้เห็น

rachazamoo@hotmail.com

คุยกันได้ครับ ^3^ ผมอายุ 14 นะ

 

เทวดาก็เข้าฌาณ แบ่งจิต มาช่วยคนบ้างเป็นบางองค์
คนธรรมดาที่รู้เห็นได้ ก็ต้องช่วยคนในนิมิตเช่นกัน เพราะคนดี เห็นเขาทุกข์
ก็ย่อมช่วยเหลือเป็นธรรมดา บางทีนอนอยู่ดีๆ ไปโผล่ในฝันกำลังสวดคาถา
ภาษาแปลกๆช่วยคนป่วย ก็ต้องเลยตามเลย ช่วยไปจนจบกิจ นี่บังคับกลายๆนะ
ในตอนนั้นมันมีสตินะ หันซ้ายหันขวาได้ อยากเดินดูรอบๆก็ได้ ไม่เหมือนเราฝันปกติ
ที่ต้องเป็นไปตามเหตุการณ์นั้นๆ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองว่าจะหันไปดูอะไร เดิน
ตรงไป หรือหยุดเดิน มันไม่อนุญาตให้คิดเลย นี่ความฝันปกติผิดกับนิมิตช่วยคนครับ

 

ซึ่งแตกต่างกัน ขอบคุณมากครับ

 

ถ้ามีแล้วเล่นหวยแม่นจริงก็เน้นหวยก่อนเลย
อาจจะต้องทำบุญกี่เปอร์เซ็นต์เพื่อให้ความเป็นทิพย์คงอยู่

ช่วงนี้ซุปเปอร์ไซย่าลดราคาล้างสต็อก โลกใกล้จะสิ้น แผ่นดินไหวในเฮติ
น้ำท่วมจากภูเขาน้ำแข็งละลายในเปรู ภูเขาไฟระเบิดที่ไอแลนด์ แผ่นดินไหวในจีน

ถ้าไงงวดหน้าขอ3ตัวตรงด้วย คนไม่เล่นหวยขอเล่นตามดูสักที 5 5 5

 

คุณจิ-โป จุดแดงที่ว่านี่มีมาแต่เกิดหรือเกิดภายหลังกันครับ

 

จุดเกิดจากการฝึกครับ ตอนอายุ19ย่าง 20 ตอนพุ่งจิตออกได้ครั้งแรก
แล้วสำเร็จตาสาม พอออกจากสมาธิล้างหน้าตา ก็ปรากฏจุดเลยครับตอนแรกเล้กเท่าปลายเข็ม พอใช้มาเรื่อยๆก็ใหญ่ขึ้นมาเรื่อยครับ ตอนนี้ 36 แล้ว ใช้มานาน แต่ใช้อย่างอื่นด้วย ไม่ใช้ตาสามอย่างเดียว

 

พอจะอธิบาย ลักษณะภพภูมิ ที่ไปมาให้ฟังได้ไหมครับ ท่านเห็นเหมือนที่พระพุทธเจ้าเห็นหรือเปล่า ที่เกี่ยวกับ จักรวาลในพระไตรปิฏก

ตัวอย่างเช่น

พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "จูฬนีสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๒๑๕ เล่ม ๒๐ ว่า
จักรวาล ประกอบด้วยดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจร ไปร่วมกัน จะมีขุนเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) (เป็นภูเขาทิพย์ที่เห็นได้เฉพาะผู้มีอภิญญา) ทวีปต่างๆ ที่ตั้งชื่อกันในสมัย
นั้นคือ ชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตรกุรุทวีป และปุพพวิเทหทวีป มหาสมุทรทั้ง ๔ (นับกันได้ในสมัยนั้น) มีนรกขุมต่างๆ สวรรค์ชั้นต่างๆ และพรหมโลกชั้นต่างๆ
โลกธาตุ มี ๓ ขนาด คือ โลกธาตุอย่างเล็กมีจำนวนพันจักรวาล โลกธาตุอย่างกลางมีจำนวนล้านจักรวาล โลกธาตุอย่างใหญ่มีจำนวน แสนโกฏิจักรวาล


จากข้อมูลก็จะเห็นได้ว่า ทวีป ภพภูมิต่างๆ อยู่ในจักรวาลนี้ จากที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าอยู่คนละมิติ ไม่ได้อยู่ในจักรวาลนี้ ผมเชื่อมาตลอดว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้เห็นคือ สิ่งที่อยู่ในจักรวาลนี้

ก็เลยอยากถามว่า ท่านเห็นภพภูมิต่างๆ ในลักษณะเช่นไร แต่ก็นั่นแหละการเดินทางของจิต แค่คิดก็ถึง จึงสงสัยว่าจิตมันคงไม่ได้เดินทางจากโลกไปเรื่อยๆจนถึงภพภูมิต่างๆที่ท่านได้เจอ แต่มันเหมือนกับวาปไป คนที่เคยไปเลยไม่รู้ว่าแท้จริงมันอยู่ในจักรวาลนี้หรืออยู่คนละมิติ

 

6 7 8 3 อะไรกันนี่รู้สึกมาเฉยๆเลย

 

ถ้าคุณเบื่อคนอื่นนั่นหมายความว่าคุณใช้การอ่านใจอย่างไม่ถูกต้องหรือฝึกแบบผิดๆ เพราะถ้าคุณทำถูกคุณจะเข้าใจทุกๆคนและพร้อมจะให้อภัยทุกๆคน แล้วคนๆนั้นก็จะปฏิบัติกับคุณดีมากกว่าแต่ก่อนด้วย
ไปฝึกเอาเองละกัน อะไรบางอย่างก็ต้องระวังที่จะไม่ทำให้ถูกเบี่ยงเบนจากความเป็นจริง

 

สัจจะ
ทำไมไม่ฝึกกันก็ไม่รู้

อ๋อ ฝึกยากหรือ
คนดีมีความตั้งใจ ง่ายนิดเดียว

คนเคยทำผิดมามั่ง
กลับตัวกลับใจใหม่ ก็ไม่ยากส์

ตาที่ 3 มีที่ไหน
ไม่มีหรอก
ดันทุรังฝึก
​

 

พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "จูฬนีสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๒๑๕ เล่ม ๒๐ ว่า
จักรวาล ประกอบด้วยดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจร ไปร่วมกัน จะมีขุนเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) (เป็นภูเขาทิพย์ที่เห็นได้เฉพาะผู้มีอภิญญา) ทวีปต่างๆ ที่ตั้งชื่อกันในสมัย
นั้นคือ ชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตรกุรุทวีป และปุพพวิเทหทวีป มหาสมุทรทั้ง ๔ (นับกันได้ในสมัยนั้น) มีนรกขุมต่างๆ สวรรค์ชั้นต่างๆ และพรหมโลกชั้นต่างๆ
โลกธาตุ มี ๓ ขนาด คือ โลกธาตุอย่างเล็กมีจำนวนพันจักรวาล โลกธาตุอย่างกลางมีจำนวนล้านจักรวาล โลกธาตุอย่างใหญ่มีจำนวน แสนโกฏิจักรวาล


จากข้อมูลก็จะเห็นได้ว่า ทวีป ภพภูมิต่างๆ อยู่ในจักรวาลนี้ จากที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าอยู่คนละมิติ ไม่ได้อยู่ในจักรวาลนี้ ผมเชื่อมาตลอดว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้เห็นคือ สิ่งที่อยู่ในจักรวาลนี้

ก็เลยอยากถามว่า ท่านเห็นภพภูมิต่างๆ ในลักษณะเช่นไร แต่ก็นั่นแหละการเดินทางของจิต แค่คิดก็ถึง จึงสงสัยว่าจิตมันคงไม่ได้เดินทางจากโลกไปเรื่อยๆจนถึงภพภูมิต่างๆที่ท่านได้เจอ แต่มันเหมือนกับวาปไป คนที่เคยไปเลยไม่รู้ว่าแท้จริงมันอยู่ในจักรวาลนี้หรืออยู่คนละมิติ[/QUOTE]

เรื่องของภพภูมิ อย่างที่ผมเห็นนะครับ ไม่อาจอธิบายให้จบให้เข้าใจได้ใน
เวลาอันสั้น อีกทั้งคนที่ไม่มีความศรัทธา คอยขัดแย้งตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ชอบแย้ง พอมาอธิบายเพิ่มเติมก็ว่าแก้ตัว เพราะการอธิบายให้ละเอียดนั้นยากมาก
เช่นภพแห่งพระพรหม อันพระพรหมท่านแบ่งเป็นหลายระดับ เอาที่เราเห็นและพิสูจน์ได้ง่ายๆว่า พระพรหมในพระไตรปิฏกบ่งบอกใว้ว่า ไม่มีกายสังขาร แต่มีขอบเขตแห่งสภาวะของตัวเอง เปรียบเหมือนแสงสว่างแห่งตะเกียงหนึ่งดวง
จะมีขอบเขตแห่งแสงเป็นของตัวเอง
พระพรหมก็เช่นกัน ขอบเขตแห่งแสงท่านนี้ล่ะคือตัวท่าน 1 องค์ แลเมื่อเทพเหล่านี้รวมกันในที่เดียวกัน เราเรียกว่าชั้นนั้น ชั้นนี้ เหตุที่มารวมกันเพราะระดับจิตเดียวกัน ส่วนขอบเขตแห่งแสงคือบารมีของท่าน

เมื่อพระพรหมรวมตัวกันในส่วนของจักวาลนี้ เราจักเห็นสถานที่ซึ่งมีแสงสว่างหลากหลายสี รวมตัวเป็นเกลียว นั่นคือสวรรค์ชั้นนั้นของพระพรหม

ตาคนธรรมดาก็มองเป็นออร่า เป็นกลุ่มของแสงสว่าง ส่วนทิพย์เราจะรู้ว่านั่นสวรรค์ ขอบเขตแห่งแสงนั้นเมื่อเรากำหนดรูปจักเป็นรูป เรากำหนดสัมผัสจักไม่มีรูปเพียงได้ยินเสียงมา
นี่คือส่วนพระพรหม แถวๆกลางจักรวาล ส่วนเขาสุเมรุ เป็นสภาวะที่เหล่านี้เกาะกลุ่มรวมกันรอบๆ เมื่อเรากำหนดค่าว่า กลุ่มแสงนี้ให้เป็นรูป ส่วนที่ไม่มีรูปจักปรากฏ นั้นล่ะคือภูเขาสุเมรุที่กล่าวถึง แต่เทวดาท่านเรียกว่า สิเนรุ ไม่ใช่สุเมรุ
เอาแค่สภาวะของพระพรหมบางส่วนที่พอจะเห็นกันเป็นแสงก็อธิบายได้แค่บางส่วน

ส่วนการไปดูนั้น ฌาณผมยังไม่อาจเห็นทั้งหมดในคราเดียว การทำจิตให้ละเอียดหลายระดับในคราเดียวเพื่อดูสวรรค์ทุกๆชั้น มี้พียงพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ (เช่นในคราเปิดโลก 3 โลกฐาตุ) เพราะเปรียบเหมือนผมมีกล้องส่องทางไกลแบบซูมเข้าออก เมื่อซูมไปไกลๆสิ่งใกล้ๆจัดเลอะเลือนไม่เห็น เมื่อทำจิตอยาบๆเห็นผี แต่เทวดาชั้นพรหมจักไม่เห็นดุจซูมใกล้ๆ ส่วนไกลๆก็เบลอๆ นอกจากจะดูแบบอื่นๆ

การดูนั้นดูได้หลายอย่าง ดูบางแบบเห็น รับรู้พร้อมกันทั้งผี และพระพรหม
ไม่อาจกำหนดได้ว่า ตาที่สามดูแบบนี้แล้ว ทิพย์จักขุฌาณจะเห็นแบบนี้ไปด้วย
และสีของเครื่องแต่งกายของเทวดา เมื่อเรากำหนดจิตดูเป็นสีเขียว แต่เรากำหนดดูอีกแบบเป็นสีขาวออกทอง ทั้งๆที่องค์เดียวกัน ดูพร้อมกัน


พระท่านว่า "เจ้าไปเที่ยวทั่วสากลจักรวาล รู้ไปหมดทุกสิ่งอัน แต่ไม่อาจบรรลุได้ เพียงใจเจ้าเท่านั้น ที่ต้องดู"

 

จะบอกว่าตอนเด็กๆ ผมเคยคิดว่านรก สวรรค์เหมือนเป็นดาวดวงหนึ่ง มีดาวมนุษย์ ดาวสรรรค์ ดาวนรก และดาวต่างๆ ตอนเด็กผมคิดแบบนี้แหละ เมื่อตายไปเหมือนจิตมันจะลอยไปเองคล้ายๆคลื่นเสียงคลื่นแสงแต่จิตมนุษย์ คล้ายๆกับคลื่นพลังงานอย่างหนึ่งที่อยู่ในร่ายกายมนุษย์ คิดดูสิว่าทำไมมีเกิดแก่ เจ็บ ตาย ลองคิดดูว่าเราเกิดมาได้ไง ตายได้ไง ตายแล้วไปไหน แค่นี้ยังหาคำตอบไม่ได้ อย่างคนเราเกิดมาทำไมไม่เหมือนกัน มีจิตใจลักษณะที่ไม่เหมือนกัน มีใครตอบได้ไหม อย่างดวงดาวหลายล้านดวง มีอะไรอยู่ที่นั่น มีสิ่งมีชีวิตอยู่ไหม นักวิทยาศาสตร์ยังคงได้แค่เดา แต้คิดค้นเรื่องจิตมนุษย์ พลังงานใต้จิตของมนุษย์ยังค้นหากันวุ่นวาย หาทฤษฎีมาตีกันยุ่งเหยิงไปหมด คือมีเริ่องราวหลายอย่างที่ยังค้นหาไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนให้รู้อยู่กับตนเอง เข้าใจตนเอง แม่แต่พระพุทธเจ้าซึ่งเคยเป็นมนุษย์มาก่อนยังเคยระลึกนั่นระลึกนี่ เคยเกิดเป็นหลายสิ่ง หลายอย่าง ตามตำราก็บอกไว้ ซึ่งไม่มีใครเห็นด้วยตาเปล่า เป็นเหมือนเรื่องที่ต่อๆกันมา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง ยังมีเรื่องที่ยังไม่สามารถพิสูทธ์ได้อีกตั้งมากมาย ทำไมมีทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มีสัตว์ต่างๆมากมายหลากหลายความเชื่อ ซึ่งขณะนี้มีการคิดค้นต่อมไพเนียลที่เป็นส่วนหนึ่งของตาที่3คือจิตรู้ ก็คือการค้นคว้าหาสิ่งที่ไม่รู้และอยากพิสูทธ์ อย่างการกำเนิดธรรมชาติ ก็ยังมีความเห็นต่างๆนาๆ ถ้ารวมถึงจักรวาล ยิ่งแล้วใหญ่ คลื่นพลังงานมีอยู่มากมาย เช่นที่พิสูทธ์แล้วว่าคลื่นสมองสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้า220โวล์ได้
++++++++
จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง

 

คุณBingo-Up ไปกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพี่เล็กเถิดครับ เรื่องของการปฎิบัติ ท่านสงเคราะห์ได้แน่
การปฎิบัติต้องมีครูคอยสอน ครูท่านรู้จริง ถ้ามั่วแบบไม่มีครูคุมจะเพี้ยนได้ อย่ามาถามคนในนี้เลยครับ พระท่านเคยบอกว่า คนเก่งตายห่ากันไปหมดแล้ว (คนเก่งท่านจบกิจกันไปหมดแล้ว ส่วนที่ท่านเก่งจริงและยังทรงขันธ์ห้าอยู่ก็มีแต่พระ)
คนในนี้ท่านก็มาตอบตามประสบการณ์ หรือไม่ก็ตามตำรา คุณควรวางใจเป็นกลาง อย่าไปขัดศรัทธาของท่านเลยครับ อยากรู้จริงไปถามพระ
เรื่องพวกนี้พระท่านบอกว่าเป็นเรื่องเด็กๆ ผมโดนมาแล้ว

 

ขอบคุณมากครับ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ดีๆ
ขอให้บุญรักษา

 

น้องบิน พี่ดูแล้วน้องบินตั้งกระทู้เพราะความสงสัยในธรรม ซึ่งไม่ผิด แต่คนที่มาละเลงตอบกันกัดกันไปกัดกันมา เอาธรรมมะบ้างเอาเรื่องไร้สาระมากัดตอบกัน ดูแล้วตลกน่าขำสิ้นดี น้องบิน มีกระแสผู้ที่จะได้มีทิพจักขุญาณ อยากให้หาหนังสือเกี่ยวกับการฝึกมโนมยิทธิ หรือ กระทู้ในห้องอภิญญาแล้วอ่านให้เข้าใจ และไปทำการฝึกซะแล้วจะไปได้ดี
และไม่ต้องมาถามพวกบ้าๆบอๆเหล่านี้อีก

 

ทำไมสเตฟาร์จึงคิดเห้นอย่างนั้น....

 

ขอบคุณพี่นาส ครับ

 

แค่คุณคิดอย่างนี้ก็โอ.แล้ว ยังมีฆาราวาสที่มีอภิญญาอยุ่...พวกเขาสามารถเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกับคุณได้ บางทีคุณคงได้พบเจอพวกเขาเอง
ส่วนผมคนธรรมดาไม่มีอะไร...ก็เป็นเพื่อนคุณได้เช่นกัน ถ้าคุณต้องการ...