รบกวนอธิบายพระพุทธคุณ 3 ประการของ พระพุทธเจ้าด้วยครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย coolice, 30 พฤษภาคม 2010.

  1. coolice

    coolice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +238
    คือผมมีเรื่องอยากจะรบกวนท่านผู้รู้ทั้งหลายหน่อยนะครับ

    พระอาจารย์ให้การบ้านผมมาเรื่องพระพุทธคุณ 3 ประการของ พระพุทธเจ้าหน่ะครับ

    พระพุทธเจ้านั้น พระองค์เป็นผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐเป็นอันมาก ยากที่จักพรรณนาให้สิ้นสุดได้โดยง่าย แต่เมื่อประมวลกล่าวเฉพาะพระคุณที่เป็นใหญ่เป็นประธานแห่งพระคุณทั้งปวง พระคุณอันยิ่งใหญ่นั้น
    มี ๓ ประการ คือ

    ๑. พระปัญญาธิคุณ
    ๒. พระบริสุทธิคุณ
    ๓. พระมหากรุณาธิคุณ

    พระปัญญาธิคุณ คือ พระพุทธองค์ทรงมีพระปัญญารอบรู้ถึงความจริงแห่งสิ่งทั้งหลายทั้งปวงความเป็นจริงของสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นอย่างไร ก็ทรงทราบชัดถึงความจริงเหล่านั้น และนำความจริงเหล่านั้นมาเปิดเผยชี้แจงแสดงแก่โลก ตามพื้นเพแห่งอัธยาศัยของบุคคลเหล่านั้น

    พระบริสุทธิคุณ คือ พระพุทธองค์ทรงมีพระทัยบริสุทธิ์ สะอาดหมดจด จากอาสวะกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย ไม่มีความขุ่นมัวเศร้าหมองภายในพระทัยทรงดำรงอยู่อย่างคงที่ ไม่แปรผัน ท่ามกลางอารมณ์
    ที่กระแทกกระทั้นจากภายนอก ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแต่พระทัยของพระพุทธเจ้าก็บริสุทธิ์อยู่มั่นคงอยู่อย่างนั้นไม่แปรผัน

    พระมหากรุณาธิคุณ คือ ทรงกอปรด้วยความกรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่าทรงเลือกชาติชั้นวรรณะแต่ประการใด แม้แต่ในศีลของพระองค์ก็ทรงบัญญัติให้คนงดเว้นไม่ทำสิ่งมีชีวิตให้ตกล่วงไป และทรงแนะให้แผ่เมตตาจิตต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข อันเป็นเป้าหมายของการดำรงชีวิต
    ของสรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งเมื่อกล่าวโดยนัยที่รู้

    ก็อย่างที่ให้ข้อมูลไปนะครับ

    แล้วพระอาจารย์ก็ถามว่าทำไมในพระพุทธคุณจึงไม่มีเมตตาธิคุณ มีแต่มหากรุณาธิคุณอ่ะครับ

    รบกวนช่วยกันตอบเยอะๆนะครับ

    ขอบคุณครับ

    ขอท่านทั้งหลายจงมีแต่ความเจริญสืบไป สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2010
  2. jowpoy

    jowpoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +758
    จะตอบไงดีหละเนี่ย คืออย่างแรกเราต้องทราบกอนน่ะว่าเมตตาแปลว่าอะไร และ กรุณาแปลว่าอะไร เมตตา แปลว่า ความรัก หมายถึง รักที่มุ่งเพื่อปรารถนาดี โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ หรือเราเห็นคนประสบอุบัติเหตุ แล้วเรารู้สึกสงสาร นั่นคือความเมตตา
    ส่วนกรุณา หมายถึง ความปรานี ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความสงสารปรานีีนี้ก็ไม่หวังผลตอบแทนเช่นเดียวกัน หรือเมื่อเราเห็นคนประสบอุบัติเหตุแล้วเราลงไปช่วยเขา เช่นเดียวกับคำว่า กรุณาด้วยเถอะ ก็คือการขอให้เขาทำอะไรสักอย่างให้เรา
    การที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณก็เหมือนกับว่าพระองค์ทรงช่วยเราการที่เราจะลงมือช่วยใครได้นั้นก็ต้องมีความเมตตาหรือเห็นใจก่อนเป็นต้น ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงมีพระเมตตาคุณรวมอยู่ด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะการย่อความของนักกวีในพระพุทธศาสนาที่มิอาจจะเขียนข้อความให้ครบได้ ด้วยเป็นเพราะความไม่สวยงสมของวรรค ตอน หรือตัดในคำที่ใช้ฟุ่มเฟือย เท่าที่ได้รับรู้มาน่ะครับ
     
  3. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    ผมมีความคิดเห็นตามประสาคนรู้น้อยดังนี้

    กรุณาในพรหมวิหารสี่คือ ช่วยให้สัตว์นั้นพ้นจากความทุกข์

    เพราะการที่จะมีพระกรุณาธิคุณได้ ต้องมีเมตตาธิคุณก่อนจึงก่อให้เกิดพระกรุณาธิคุณ เมื่อมีพระกรุณาธิคุณก็ต้องมี พระมุทิตาธิคุณตามมา เมื่อเกิดครบทั้งสามคุณแล้วต้องมีอุเบกขาธิคุณกำกับเพื่อไม่ให้เกิดหวั่นไหวในกระแสแห่งโลกธรรม

    ทั้งนี้โดยเนื้อแท้ของเมตตาธิคุณนั้นคือความสงสาร เมื่อสงสารแล้วย่อมปรารถนาที่จะช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นจากห้วงทุกข์ พระพุทธองค์ตั้งพระทัยเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งแรกเริ่มบำเพ็ญพระบารมีแล้วว่า ปรารถนาจะช่วยให้สรรพสัตว์ให้พ้นจากห้วงทุกข์ดังนั้นจึงมีคุณธรรมในข้อนี้นำหน้าเมื่อพรรณนาถึงพระพุทธคุณ ๓ จึงใช้พระกรุณาธิคุณนำหน้า เพราะพุทธจริยานี้เด่นที่สุดในหมวดของพรหมวิหารสี่ ดังนั้นเมตตาธิคุณจึงไม่ปรากฏในพุทธคุณ ๓ แต่เป็นพระมหากรุณาธิคุณแทนเมตตาธิคุณ

    พูดตามประสาชาวบ้านคือ มีจิตสงสารแต่ไม่ลงมือช่วยก็ไม่เกิดประโยชน์
     
  4. เกรสคับ

    เกรสคับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +174
    ข้าพเจ้ารู้น้อย แต่ขอนำความรู้ที่อาจานเคยสอนมา มาบอกนะครับ

    ไม่เมตตา แล้วจะกรุณาได้ไงล่ะครับ
    ไม่สงสารเขา แต่ช่วยเขา มันเหมือนหน้าที่ อย่างนี้ ไม่เรียนกรุณา
    ถ้ากรุณามี ก็ต้องต้องมีเมตตามาก่อน
    ไม่เช่นนั้น พระพุทธองค์ คงไม่เอาเมตตาไว้อันแรกหรอกครับ^^

    ทั้ง 3 ข้อนั้น รวม พรหมวิหาร 4 ไว้หมดแล้วนะครับ
    เช่น มุทิตา ถ้าท่านไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ท่านจะช่วยทำไม จริงไหมครับ ท่านช่วย เพราะท่านยินดี ถ้าคนอื่นได้ดีเช่นท่าน
    ส่วนอุเบกขา อันนี้ผมเดานะครับ ว่าจัดอยู่ในพระปัญญาธิคุณ เพราะการช่วยคนอื่น ก็ช่วยอย่างมีปัญญา ถ้ารู้ว่าช่วยไม่ได้ ก็อย่าช่วย เพราะจะทำให้เราเดือดร้อน อย่างนั้น เขาจะเรียกช่วยแบบไม่มีปัญญา

    ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้วนั้น ดีจริงๆนะครับ ทั้งเนื้อหา และ ลำดับขั้นตอน

    ศีล 5 ก็เช่นกัน ท่านบอกให้รักคนอื่น เหมือนรักตัวเอง พอรักเขาแล้ว ก็จึงไม่ทำร้ายเขา ก็เป็นศีลข้อ 1 แล้วก็ไม่เอาของๆเขา ทั้งสิ่งของ และ ลูก เมีย สามี นี้ก็ข้อ 2 กับ 3 และต้องไม่โกหกเขา อันนี้มันเบากว่าทำร้าย แต่ก็ไม่ดีอยู่ดี เลยจัดไว้ที่ข้อ 4 เมื่อไม่ทำร้ายผู้อื่นแล้ว ก็จงอย่าทำลายตัวเอง โดยการงดของมึนเมาเสีย ก็ศีลข้อ 5

    พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ดีแล้ว ขอท่านจงพิจรณาธรรมให้ลึกซึ้งด้วยเถิด
     
  5. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,012
    พระมหากรุณาธิคุณ คือ ทรงกอปรด้วยความกรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่าทรงเลือกชาติชั้นวรรณะแต่ประการใด แม้แต่ในศีลของพระองค์ก็ทรงบัญญัติให้คนงดเว้นไม่ทำสิ่งมีชีวิตให้ตกล่วงไป และทรงแนะให้แผ่เมตตาจิตต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข อันเป็นเป้าหมายของการดำรงชีวิต
    ของสรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งเมื่อกล่าวโดยนัยที่รู้
    คำตอบมันมีอยู่ในตัวแล้ว
     
  6. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    ทำไมตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ล่ะ

    ฟังดูสองแง่มุม มองดูคล้ายจะหมิ่น

    พระอาจารย์ของคุณเป็นใคร อยู่วัดไหน

    เป็นคำถาม(การบ้าน) ที่ใช้ฝึกลูกศิษย์ งั้นหรือ


    และคำตอบที่ได้ จะมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติ

    ธรรมของคุณ มากนัก หรืออย่างไร




     
  7. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    รู้สึกว่าชื่อกระทู้ไม่เหมาะสมเช่นกันครับ
     
  8. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    ต้องมีเมตตาถึงมีกรุณาได้
    พระมหากรุณาธิคุณ ก็มีความเมตตาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
     
  9. ทีมชุมพร

    ทีมชุมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +167
    ลูกศิษย์นะโคตรโง่นะครับ ตอนแรกตอบมาดีตอนหลังดันปัญญาดับ เป็นคำถามที่หมิ่นคำสอนพระพุธทเจ้านะครับ อย่าไปสนใจคนแบบนี้แบนไปเลยชื่อนี้
     
  10. lucky-hunter

    lucky-hunter สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +11
    แต่เราว่าเป็นคำถามที่ดี
    ถ้ามีคนต่างศาสนามาถามจะได้ตอบได้

    และคำตอบที่มีในตอนต้นๆ ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนมาก
     
  11. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,946
    ค่าพลัง:
    +3,301
    coolice<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3360374", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    ทำไมพระพุทธคุณจึงไม่มีเมตาธิคุณ


    <TABLE id=post3360539 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->jowpoy<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3360539", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2006
    อายุ: 22
    ข้อความ: 7
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 2
    ได้รับอนุโมทนา 33 ครั้ง ใน 7 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3360539 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->จะตอบไงดีหละเนี่ย คืออย่างแรกเราต้องทราบกอนน่ะว่าเมตตาแปลว่าอะไร และ กรุณาแปลว่าอะไร เมตตา แปลว่า ความรัก หมายถึง รักที่มุ่งเพื่อปรารถนาดี โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ หรือเราเห็นคนประสบอุบัติเหตุ แล้วเรารู้สึกสงสาร นั่นคือความเมตตา
    ส่วนกรุณา หมายถึง ความปรานี ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความสงสารปรานีีนี้ก็ไม่หวังผลตอบแทนเช่นเดียวกัน หรือเมื่อเราเห็นคนประสบอุบัติเหตุแล้วเราลงไปช่วยเขา เช่นเดียวกับคำว่า กรุณาด้วยเถอะ ก็คือการขอให้เขาทำอะไรสักอย่างให้เรา
    การที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณก็เหมือนกับว่าพระองค์ทรงช่วยเราการที่เราจะลงมือช่วยใครได้นั้นก็ต้องมีความเมตตาหรือเห็นใจก่อนเป็นต้น ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงมีพระเมตตาคุณรวมอยู่ด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะการย่อความของนักกวีในพระพุทธศาสนาที่มิอาจจะเขียนข้อความให้ครบได้ ด้วยเป็นเพราะความไม่สวยงสมของวรรค ตอน หรือตัดในคำที่ใช้ฟุ่มเฟือย เท่าที่ได้รับรู้มาน่ะครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE id=post3360559 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ศนิวาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3360559", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2008
    ข้อความ: 1,970
    Groans: 6
    Groaned at 8 Times in 8 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,374
    ได้รับอนุโมทนา 9,051 ครั้ง ใน 1,586 โพส
    พลังการให้คะแนน: 311 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3360559 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ผมมีความคิดเห็นตามประสาคนรู้น้อยดังนี้

    กรุณาในพรหมวิหารสี่คือ ช่วยให้สัตว์นั้นพ้นจากความทุกข์

    เพราะการที่จะมีพระกรุณาธิคุณได้ ต้องมีเมตตาธิคุณก่อนจึงก่อให้เกิดพระกรุณาธิคุณ เมื่อมีพระกรุณาธิคุณก็ต้องมี พระมุทิตาธิคุณตามมา เมื่อเกิดครบทั้งสามคุณแล้วต้องมีอุเบกขาธิคุณกำกับเพื่อไม่ให้เกิดหวั่นไหวในกระแสแห่งโลกธรรม

    ทั้งนี้โดยเนื้อแท้ของเมตตาธิคุณนั้นคือความสงสาร เมื่อสงสารแล้วย่อมปรารถนาที่จะช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นจากห้วงทุกข์ พระพุทธองค์ตั้งพระทัยเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งแรกเริ่มบำเพ็ญพระบารมีแล้วว่า ปรารถนาจะช่วยให้สรรพสัตว์ให้พ้นจากห้วงทุกข์ดังนั้นจึงมีคุณธรรมในข้อนี้นำหน้าเมื่อพรรณนาถึงพระพุทธคุณ ๓ จึงใช้พระกรุณาธิคุณนำหน้า เพราะพุทธจริยานี้เด่นที่สุดในหมวดของพรหมวิหารสี่ ดังนั้นเมตตาธิคุณจึงไม่ปรากฏในพุทธคุณ ๓ แต่เป็นพระมหากรุณาธิคุณแทนเมตตาธิคุณ

    พูดตามประสาชาวบ้านคือ มีจิตสงสารแต่ไม่ลงมือช่วยก็ไม่เกิดประโยชน์

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE id=post3361235 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->จิ๊บจิ๊บ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3361235", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: May 2010
    สถานที่: เลย(แล้ว)
    ข้อความ: 32
    Groans: 5
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 114
    ได้รับอนุโมทนา 101 ครั้ง ใน 27 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3361235 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ต้องมีเมตตาถึงมีกรุณาได้
    พระมหากรุณาธิคุณ ก็มีความเมตตาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

    </TD></TR></TBODY></TABLE>






    ไม่รู้แล้วถาม... ปัญญา
    ไม่รู้แล้วนิ่ง... ปัญหา

    คำตอบของทั้งสามท่านข้างบนก็กระจ่างเนียนดี

    คำถามดี... เพราะปัจจุบันนี้ คนมักยังไม่ถ่องแท้เรื่องของเมตตาและกรุณา
    หลายคนน่าจะเข้าใจมากขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2010
  12. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,278
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,494
    เรียนทุกท่าน

    ทีมงานเว็บพลังจิตได้แก้ไขชื่อกระทู้ให้เหมาะสมแล้ว
    เพื่อความสบายใจและลดการปรามาสลง

    โมทนา
     
  13. coolice

    coolice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +238
    ขอบคุณทางเว็บมากเลยนะครับ

    และขอบคุณในทุกๆคำตอบครับ

    ยังไงก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วยคือผมอยากสื่อให้เห็นถึงคำถามเฉยๆหน่ะครับ

    ไม่ได้มีเจตนาจริงๆ

    ขอโทษอีกครั้งแล้วกันครับ

    พระพุทธเจ้าท่านเป็นหนึ่งไม่มีสองและผมเทิดทูญไว้เนือเศรียรเกล้าอย่างแน่นอนครับ

    สาธุๆ
     
  14. coolice

    coolice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +238
    อีกนิดนะครับ ผมขอบอกว่าผมอายุแค่ 17 ปีอาจรู้เท่าไม่ถึงการ

    การที่ท่านนั้นว่ากล่าวตักเตือนนั้นข้าพเจ้าเห็นเป็นการสมควรนะครับ

    แต่ทำไมต้องใช้คำรุนแรงด้วยหล่ะครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้มีอายุทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างพวกคุณทั้งหลายต้องใช้อารมณ์ในการตอบกระทู้ด้วย

    ขนาดพระพุทธเจ้าที่ท่านและข้าพเจ้านับถือนั้นยังแสดงอนุปุพพิกถาเพื่อขัดเกลาอัธยาศัยของผู้ฟังนั้นให้ประณีตไปเป็นขั้นๆต่อไปเลยนะครับ

    ผมเสียใจมากที่ผู้ที่บอกว่าตนนับถืบในตถาคตจะใช้ข้อความที่รุนแรงเหล่านี้ออกมา

    .............รู้สึกแย่มากๆครับ...
     
  15. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,946
    ค่าพลัง:
    +3,301
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->coolice<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3364240", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    อีกนิดนะครับ ผมขอบอกว่าผมอายุแค่ 17 ปีอาจรู้เท่าไม่ถึงการ

    การที่ท่านนั้นว่ากล่าวตักเตือนนั้นข้าพเจ้าเห็นเป็นการสมควรนะครับ

    แต่ทำไมต้องใช้คำรุนแรงด้วยหล่ะครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้มีอายุทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างพวกคุณทั้งหลายต้องใช้อารมณ์ในการตอบกระทู้ด้วย
    แค่ตัวหนังสือน่ะ... จะเก็บมาผูกเป็นอารมณ์ทำไม

    ขนาดพระพุทธเจ้าที่ท่านและข้าพเจ้านับถือนั้นยังแสดงอนุปุพพิกถาเพื่อขัดเกลาอัธยาศัยของผู้ฟังนั้นให้ประณีตไปเป็นขั้นๆต่อไปเลยนะครับ

    ผมเสียใจมากที่ผู้ที่บอกว่าตนนับถือในตถาคตจะใช้ข้อความที่รุนแรงเหล่านี้ออกมา
    นับถือใคร กับ เรื่องสภาวะธรรมความเข้าใจโลกความใจกว้าง... คนละเรื่องกัน

    .............รู้สึกแย่มากๆครับ...
    ไม่เห็นต้องรู้สึกแย่เลย ผ่านมา... แล้วก็ผ่านไป เพียงแค่ปล่อยให้ผ่านไป ไม่ยึดไว้ ก็แค่นั้น
    สิ่งที่อยากรู้ก็ได้คำตอบดีๆแล้ว จะรู้สึกแย่ทำไม มันต้องรู้สึกดีสิ
     
  16. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ด้วยความรู้อันน้อยนิด แลความเคารพต่อพระรัตนตรัย ขอกล่าวว่า
    "ที่ไม่มีนั้นเป็นเพราะนี่เป็น วิสัยแห่งพุทธะ"

    ความเมตตานั้นสำหรับพระโพธิ์สัตว์
    ส่วนพระมหากรุณาถึงจะเป็นส่วนของวิสัยพระพุทธเจ้า

    อย่าพึ่งงงครับ มันเป็นเช่นนี้เอง ก็ขยายความว่า
    เมตตานั้นเป็นดังนี้
    มีสตรีท่านหนึ่งป่วยหนักใกล้ตาย แต่ ด้วยจารีตประเพณีทำให้ยอมรับการรักษาจากหมอ
    ซึ่งเป็นผู้หญิงเท่านั้น
    ให้บังเอิญว่าคนที่รักษาได้นั้น บังเอิญเป็นบุรุษเพศ ด้วยความเมตตาของหมอ ทำให้ต้อง
    ปลอมตัวแต่งหญิงเพื่อรักษาคนใข้รายนี้ให้จงได้ นี่คือมหาเมตตา


    ส่วนกรุณาเป็นเช่นไร

    ป่วยหรือ...ทำใจให้ออกจากการยึดมั่นถือมั่น อันกายนี้ประกอบด้วยธาตุสี่ขันธุ์ห้า อะไรก็สอนไปว่าไปให้คนป่วยมีใจสดชื่นเบิกบาน แต่จะไม่ปลอมตัวไปรักษาเด็ดขาด
    นี่คือข้อแตกต่าง ฟังดูอาจเหมือนใจดำไปบ้าง แต่ มันเป็นชะตากรรม

    แนวทางแห่งกรุณาธิคุณคือ "ชี้แนะทางสว่าง การตัดสินใจเป็นของท่านเอง"
    แนวทางแห่งเมตตาคือ"ช่วยเหลือเมื่อเห็นเขาเดือดร้อน ยอมสละแม้ตัวเอง"
     
  17. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,670
    พระพุทธคุณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมีหาประมาณ ท่านไม่ได้มีแค่สามข้อที่ท่านกล่าว แต่ที่กล่าว 3ข้อนี้เพราะเป็นข้อใหญ่ที่เพราะ พระพุทธองค์เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก มีพระปัญญาที่สุดในโลกดังคำว่าสัพพัญญู ดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ สองบริสุทธิคุณพระพุทธองค์ทรงนำความบริสุทธิ์เเละเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่หาสิ่งใดมาเปรียบเสมอเหมือน มีความเข้าใจในหลักธรรมที่ไม่มีแม้เศษเสี้ยวของฝ่ายฐิธิ และด้วยความที่พระองค์มีข้อหนึ่งและข้อสอง เมือพระองค์ประกาศศาสนาเพื่อขนสัตว์ให้พ้นจากจากสังสารวัฏ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อสัพสัตว์ทั้งหลาย โดยทั้งสามข้อเป็นข้อใหญ่และข้อเริ่มต้นขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วอื่นๆก็ตามมาไม่ใช่ไม่มีอย่างเจ้าของกระทู้ตั้งไว้ในตอนเเรกครับ
     
  18. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,946
    ค่าพลัง:
    +3,301
    กรรม แยกเป็น 3 บริบท
    มโนกรรม
    วจีกรรม
    กายกรรม

    เมตตา อยู่ในบริบทของ มโนกรรม
    กรุณา อยู่ในบริบทของ วจีกรรมและกายกรรม

    เมตตา เป็นอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก
    เมื่อพัฒนาขึ้นไป จึงแสดงออกมาด้วยคำพูดและการกระทำ แล้วเรียกอาการต่างๆที่ออกมาเป็นคำพูดและการกระทำว่า กรุณา

    คิดด้วยปราถนาดีเป็นที่ตั้ง เรียก เมตตา
    การกระทำอันเนื่องมาจากความปราถนาดี เรียก กรุณา

    แค่คิดแล้วทำก็เรียก เมตตากรุณา... ไม่ต้องพูดก็ได้
    เพราะฉะนั้น บทแผ่เมตตา ไม่ได้เอาไว้ให้ท่องบ่นเป็นภาษา แต่เป็นการแนะแนวทางความคิดในการปราถนาให้ผู้อื่นมีความสุขยิ่งๆขึ้นไป ท่องไปแต่คิดไม่เป็นก็เท่านั้น
    ท่องเพื่อนำจินตะ-ความคิดในการให้
    ถ้าระบบความคิดของบุคคลได้ถูกขัดเกลาให้อยู่ในระบบเมตตาจนอยู่ตัวแล้ว ก็ไม่ต้องท่องอะไรอีก เพราะมันเป็นธรรมชาติทางความคิดของบุคคลไปแล้ว
    ที่เหลือก็เป็นเรื่องการแสดงออกที่เป็นกรุณา ว่าเหมาะสมหรือมีวาระอันสมควรอย่างไร

    การกระทำของศาสดาเรียกรวมว่าเป็นกรุณาธิคุณ ก็หมายถึงรวบยอดเรื่องเมตตาไปด้วยแล้ว
    ไม่เมตตาแล้วจะกรุณายังไงกันเล่า

    ยังมี มุฑิตา ให้พิจารณากันอีก แต่ก็ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย
    แต่ อุเบกขา นี่สิ ต้องพิจารณากันให้ดีให้ถี่ถ้วน ว่าการวางเฉย มันมีวาระอย่างไร สภาวะธรรมเช่นไหน

    หลายท่านเข้าใจว่า การนิ่งอยู่ ดูเฉยๆ ไม่รับรู้อะไรเลย เฉยเมยไปเรื่อยทุกวาระทุกคราวไป จะเหตุผลเหมาะสมหรือไม่อย่างไรไม่รู้ รู้แต่กูนิ่งเฉยมันซะอย่างเดียว... คือ อุเบกขา แต่เราเรียกอาการอย่างนี้ว่า ซื่อบื้อ
     
  19. manganiss

    manganiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +636
    อยู่นานๆแล้วจะรู้ว่าเว็ปนี้ ขาโหดทั้งนั้น 555 ใช่ไหมฮะท่านพี่พรานพิเศษ...
     
  20. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    อันที่จริงการจะรบกับ ข้าศึก ในจิตเรา

    จะนุ่มนิ่ม ปวกเปี้ยก นอบน้อมต่อกิเลส ไม่ได้

    กว่าจะชนะสงครามกิเลส

    ต้องโหด เข้าไว้ สู้ไม่ถอย โหดนำ เอาให้กิเลส มันตกใจ

    ต้องทำอารมณ์อย่างนี้ว่า...

    เอาสิกุนี้แหละ ตัวจริง พร้อมสู้กับกิเลส ทุกรูปแบบ ตายเป็นตาย

    ความโลภ จะครอบงำ กุจะให้ ทานๆๆๆๆๆๆๆ

    ความโกรษ จะครอบงำ กุจะให้ เมตตาๆๆๆๆๆ

    ความหลง จะครอบงำ กุจะพิจรณา อนิจจัง ทุกข์ อนันตา ให้กระจ่าง ให้จับใจ

    เรามีหน้าที่ตามดู อารมณ์ที่จะเกิด และ อารมณ์เกิดแล้ว เอาสติไปจับให้ทันก่อน กิเลส

    ไม่ได้มีหน้าที่ ยึดมั่นในอารมณ์ นั้นๆ สุดท้ายเราจะกลายเป็นเผาตัวเอง

    คนทั้งโลก รวมถึง เม็ดฝุ่น พร้อมจะทำให้เรา โกรษ ร้องไห้ ได้ตลอดเวลา

    มีเพียงตัวเราเท่านั้น ที่จะเป็นคนหยุด อารมณ์ในใจเรา หาใช้สิ่งอื่นใดไม่
     

แชร์หน้านี้

Loading...