หลอมความแตกต่างชาวพุทธ-มุสลิม สร้างปรองดองร่วมกันคิด-ทำ-สู่สังคมสามัคคี (สกู๊ป)

<CENTER></CENTER>
แม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยจะเกิดวิกฤตการณ์ความขัดแย้ง ที่นำไปสู่ความวุ่นวายที่เกิดจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้เกิดกระแสการเรียกร้องให้สังคมหันมา "ปรองดอง"กันให้มากขึ้น แต่สำหรับกลุ่มคนเล็กๆ อย่าง ต.ดอนเกาะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่ได้สะท้อนภาพให้เห็นถึงการใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เล็กๆ กันอย่างปรองดอง จากการเชื่อมสัมพันธ์โดยอาศัยกิจกรรมเป็นสำคัญ

"ชุมชนบุสตา" อยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา กับ จ.นครนายก นอกจากจะง่ายต่อการระบาดของยาเสพติดแล้ว ชาวบ้านในชุมชนยังมีความหลากหลายในการนับถือ ศาสนา มีทั้งชาวพุทธ และมุสลิม ต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวกันด้วยความแตกต่างทางด้าน ศาสนา และวัฒนธรรม แต่ระยะห่างจากช่องว่างของสองศาสนาก็ได้ผสานกันเป็นหนึ่ง ด้วยกิจกรรมจาก "โครงการทูบีนัมเบอร์วัน" สอนให้สมาชิกทุกคนรวมพลังสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม พร้อมกับรู้จักการแบ่งปัน เคารพสิทธิ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นความผูกพันธ์ และความสามัคคีขึ้นในชุมชน

นายสามารถ ทองคำแดง ที่ปรึกษาชมรมบุสตาทูบีนัมเบอร์วัน กล่าวว่า โครงการทูบีนัมเบอร์วัน ได้ขยายตัวเข้ามาในสถานีอนามัยตำบลดอนเกาะกา และโรงเรียนบ้านดอนเกาะกา มีองค์ความรู้และการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์น่าจะนำมาประยุกต์ใช้ และถ่ายทอดให้กับชาวบ้าน เยาวชนในชุมชนได้ เนื่องจากพื้นที่ในชุมชนบุสตาตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของ 2 จังหวัด ซึ่งนับเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติดและอาจเข้าถึงเยาวชนได้ง่าย


<CENTER></CENTER>
อีกทั้งชาวบ้านที่อยู่ร่วมกันก็มีความแตกต่างทางด้านศาสนา และวัฒนธรรม ทางชุมชนจึงมีการรวมตัวกันจัดตั้งชมรมบุสตา ทูบีนัมเบอร์วัน ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2551 เพื่อให้เยาวชน และชาวบ้านในชุมชนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธ หรือมุสลิม ได้มาพบปะสังสรรค์ และเชื่อมความสัมพันธ์ด้วยการร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ ดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ค่า อีกทั้งยังช่วยให้ชาวบ้านและเยาวชนในชุมชนไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ปัจจุบันชมรมมีสมาชิกรวมกันกว่า 600 คน แต่ละคนจะสนิทสนม และรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เพราะสมาชิกส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกที่เคยเข้าร่วมโครงการชุมชนเข้มแข็งมาก่อน ส่วนภาคีเครือข่าย เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย สาธารณสุขอำเภอ สาธารณสุขจังหวัด รวมถึงผู้ประกอบการ ก็คอยสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือชมรมอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้มีการผลักดันให้ชมรมบุสตาเข้าสู่การประกวด

นายมนตรี บินฮาซัน ประธานชมรมบุสตา ทูบีนัมเบอร์วัน กล่าวว่า การทำกิจกรรมร่วมกันของสมาชิกส่วนใหญ่จะนัดกันมาในช่วงวันหยุด หรือหลังเลิกเรียน และเลิกทำงาน มารวมตัวกันที่ศูนย์เรียนรู้ของชุมชน แบ่งหน้าที่ให้แต่ละกลุ่มไปทำ โดจะมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น จัดรายการวิทยุชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านในชุมชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่มีความรู้ และเป็นประโยชน์ จัดให้สมาชิกในชมรมร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ มอบสิ่งของให้กับครัวเรือนผู้ยากไร้ ตั้งศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นเพื่อคอยให้คำปรึกษา


<CENTER></CENTER>
จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อให้เยาวชนรู้จักรักการออม จัดการแข่งขันกีฬาเพื่อสนับสนุนให้เยาวชนในชุมชนหันมาออกกำลังกายเล่นกีฬา และมีการรวมวงเล่นดนตรี "นาเสปโบราณ" ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวมุสลิม มีเนื้อร้องทั้งภาษามาลายู และภาษาไทย เครื่องเล่นใช้กลองทอม กลองยาว และเครื่องเคาะจังหวะต่างๆ ประกอบกัน และเดินสายเล่นตามงานบุญประเพณีของชุมชน อำเภอ และจังหวัด หารายได้ให้กับชมรม

นอกจากนี้สมาชิกในชมรมฯ ยังได้ร่วมกันจัดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สกรีนกระเป๋า สกรีนเสื้อ ทำน้ำยาล้างจาน ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ น้ำส้มควันไม้ป้องกันและผลิตภัณฑ์สมุนไพรกำจัดศัตรูพืช แชมพูสระผม ครีมนวดผม และครีมอาบน้ำที่ทำจากสมุนไพรพื้นบ้านที่เป็นของชมรมฯ โดยทั้งหมดได้รับความร่วมมือจากทางอำเภอ และการสนับสนุนจากกลุ่มแม่บ้าน ช่วยพาเยาวชนไปอบรมเรียนรู้ถึงกระบวนการผลิตตลอดจนถึงขั้นตอนการจำหน่าย จนสามารถนำความรู้ที่ได้มารวมกลุ่มช่วยกันผลิต และมีการนำไปจำหน่ายตามงานมหกรรมหมู่บ้านและเทศกาลต่างๆ ในเขตอำเภอรวมถึงจังหวัด ซึ่งนอกจากจะได้ความรู้และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้วยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชมรมอีกด้วย ส่วนรายได้ก็เฉลี่ยแบ่งให้กับสมาชิกและเก็บเข้ากองทุนของชมรม

นายมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่สมาชิกร่วมกันทำจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง รู้จักรับผิดชอบการทำงาน รู้จักคิดเองให้เป็น สอนเยาวชนให้มีวุฒิภาวะที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าสมาชิกในชมรมฯจะมีทั้งชาวพุทธ และมุสลิม แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อการดำเนินกิจกรรมร่วมกันแต่อย่างใด เพราะทุกคนถือว่าใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวกัน อยู่ร่วมกันแบบพี่น้องมีอะไรก็ให้ปรึกษากัน แบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ 2ศาสนา 2 วัฒนธรรม โดยใช้แนวคิดที่ว่า "จุดปิดเราไม่ละเมิด จุดเปิดเราจะร่วมกัน" คือ การที่สมาชิกในชมรมฯ จะไม่ก้าวล้ำกฎข้อห้ามของสองศาสนา ไม่ละเมิด หรือก้าวร้าว โดยจะให้เกียรติกัน และสมาชิกรมชมฯทุกคน จะรวมพลังกันเป็นหนึ่งเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม

ภาพความเข้มแข็งและความสามัคคีของชุมชนต.ดอนเกาะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา สะท้อนให้เห็นความจริง เมื่อคนเราต้องการที่จะดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความสามัคคีของคนในสังคม หากเรารู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เข้าอกเข้าใจ ยอมรับในความแตกต่าง ช่วยเหลือและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน วิกฤติสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อาจจะสงบสุขและน่าอยู่มากขึ้น

 

ขออนุโมทนาด้วยครับ...เกิดเป็นมนุษย์ด้วยกัน....รักกันไว้เถิดเราเกิดร่วมแดนไทย

 

Anumothana Sathu

 

ร่วมปรองดอง อย่าแบบหน้าไหว้หลังหลอก รักกันจริงๆ

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิด้วยครับ
-------------------------------------------
พุทธวจน