วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    ติดตามอ่านงานของคุณคนานันท์เสมอ อ่านแล้วรู้สึกเป็นประโยชน์มากและทำให้จิตใจสบายมากขึ้นค่ะ แต่ทีนี้ดิฉันมีปัญหาในการปฏิบัติสมาธิภาวนาตามแบบที่คุณคนานันท์สอนไว้ในนี้ ปัญหาที่พบตามที่คุณสุรัดถามดิฉันก็เคยประสบกับเหตุการณ์นั้นแต่เดี๋ยวนี้รู้สึกเป็นน้อยลงกว่าเดิม ส่วนใหญ่ดิฉันจะทำสมาธิก่อนนอนทุกคืน ยอมรับตามตรงว่าทำบ้างไม่ทำบ้าง การปฏิบัติของดิฉันมาจากศึกษาเองจากตำราหลากหลายแหล่งแต่จะเน้นเรื่องอานาปานสติดูลมหายใจเข้าออกเพื่อให้เกิดสติรู้ตัวเป็นหลัก แล้วทำให้ความรู้สึกมันว่างๆพูดไม่ค่อยถูกคะแต่ประมาณนี้คะ รู้สึกจิตใจสงบดีคะ ถ้าดิฉันจะใช้วิธีนี้ฝึกนั่งสมาธิไปเรื่อยๆจะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนคะ ความจริงดิฉันก็พยายามฝึกตามที่คุณคนานันท์เข้ามาสอนแต่ไม่ค่อยถนัดค่ะ ดิฉันไม่ชินกับการจินตนาการภาพพระเป็นพระใสแล้วยกอาทิสมานกายเราไปบนนิพพาน ถ้าดิฉันใช้วิธีฝึกที่ใช้อยู่ร่วมกับวิธีฝึกของคุณคนานันท์จะมีผลอะไรหรือเปล่าคะ? (ทำให้ได้ญาณช้ากว่าที่ควรหรือเปล่าคะ)

    ขอถามเพิ่มเติมเรื่องปิติคะ ก่อนหน้านี้ประมาณสิบปีมีวันหนึ่งตอนฝึกนั่งสมาธิอยู่รู้สึกวันนั้นนั่งได้นานประมาณชั่วโมงหนึ่งจำไม่ค่อยจะได้แล้วคะ รู้สึกอยู่ๆจิตก็วูบแล้วปรากฏว่าในจิตขณะนั้นเห็นเป็นแต่ความสว่างทั่วไปหมดแล้วจิตใจก็มีความสุขมาก พูดไม่ถูกคะเป็นความสุขที่ไม่เคยเจอที่ใดเลย ในใจไม่อยากออกจากความสุขนั้นแต่สุดท้ายทั้งความสว่างและความรู้สึกเป็นสุขนั้นก็ค่อยๆหายไปคะ อยากถามคุณคนานันท์ว่า สิ่งที่ดิฉันประสบเมื่อสิบปีก่อนไม่ทราบว่าใช่ปิติหรือไม่คะ แล้วถือว่าได้ฌานแล้วหรือยังคะ?

    ดิฉันนั่งสมาธิแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนั้นแค่ครั้งเดียวหลังจากนั้นไม่เกิดอีกเลย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรคะแล้วควรจะทำยังไงให้เกิดปิติแบบนั้นได้อีก

    หลังจากนั้นประมาณ 2-3 ปี (มั้งคะ) ดิฉันนั่งอ่านเรื่องปฎิจสมุปบาทของท่านพุทธทาสอยู่ในห้องนอน พออ่านถึงช่วงที่อธิบายเกี่ยวกับ ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด และ ปฏิจจสมุปบาทสายดับ มันเกิดความรู้สึกแปลกๆคะ มันเหมือนมีแสงสว่างแวบคล้ายสายฟ้าผ่าแต่ไม่มีเสียงเข้ามาในจิตเรา แล้วน้ำตาก็ไหลคะ มันเกิดขึ้นเพียงชั่วเสี้ยววินาทีแต่ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันซาบซึ้งกับคำอธิบายนั้นมากจนช๊อคไปชั่วครู่เลยคะ ไม่ทราบว่านี่ก็ใช่ปิติเหมือนกันหรือเปล่าคะ?

    คำถามสุดท้ายคะถ้าคนที่มีความรู้สึกอ่อนไหวกับสิ่งรอบตัวมากเป็นพิเศษมาฝึกจิตปฏิบัติสมาธิวิสสนาควรวางจิตในการฝึกอย่างไรคะ

    ขออนุโมทนาในบุญที่คุณคนานันท์ได้ช่วยเหลือเผยแพร่วิธีการปฏิบัติสมาธิภาวนาให้กับคนทั้งหลายได้รู้ด้วยคะ ขอให้คุณคนานันท์ทำสำเร็จสมดั่งใจหวังนะคะ
     
  2. tony2002

    tony2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +178
    ขอบคุณคุณคณานันท์มากเลยนะครับสำหรับกระทู้
    วันนี้ผมคิดที่จะเริ่มฝึกสมาธิจริงๆจังๆเป็นวันแรกหลังจากที่เคยฝึกมาตอนสมัยเด็กๆ พอโตเป็นผู้ใหญ่ก้ไม่เคยฝึกเลยก็ไม่รุ้ว่าจะเริ่งตรงไหนดี จะปราวณาอธิฐานอย่างไร นึกขึ้นได้ว่าเคยเซฟกระทู้นี้เก็บไว้รู้สึกจะประมาณ 85 หน้าได้ ผมก็ไปเปิดอ่านดูเปิดไปเปิดมาไม่เห็นสักที แต่อยู่ดีๆหน้าจอมันก็เลื่อนขึ้นไปเองไม่ยอมหยุดสักทีไม่ว่าผมจะคลิกเมาท์ซ้ายขาวกี่ครั้งก็ไม่หาย กดคีย์ลูกศรขึ้นลงซ้ำหลายๆ นึกว่าคีย์มันจะค้างก็ไม่หาย แต่อยู่ๆหน้าจอมันก็หยุดเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าที่คำว่า "ด้วยกำลังใจของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ ขอให้พระพุทธเจ้าโปรดเมตตารักษากำลังใจของข้าพเจ้า ให้มั่นคงใน สัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ และสามารถยกจิตขึ้นมาสู่พระนิพพานได้ทุกขณะจิตที่ข้าพเจ้าต้องการขอให้ข้าพเจ้าได้ทรงอารมณ์นิพพาน รักในพระนิพพาน พอใจในพระนิพพาน มั่นคงในพระนิพพาน " พอดีเลยครับ ผมก็ลงมือนั่งสมาธิและอธิฐานตามเลย นั่งไปได้สักพักก็รู้สึกว่าหัวผมส่ายไปมาๆยิ่งพอผมจับที่อาการหัวส่ายเท่าไรหัวผมยิ่งส่ายมากขึ้นไปด้วยเป็นอย่างนี้อยู่สักพักผมเริ่มไม่สนใจอยากส่ายก้ส่ายไป กลับมาจับที่ลมหายใจ พุธ-โธ อาการส่ายกลับน้อยลงจนเกือบจะหยุดสนิท อาการอย่างนี้เป็นปกติสำหรับคนที่นั่งสมาธิหรือครับ
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ Ice Jade ครับ

    หลักของการฝึกสมาธิที่สำคัญที่สุดก็คือ เลือก แนวทางการทำสมาธิที่ทำให้ใจเรารู้สึกใจสงบ ใจสบาย ครับ จึงจะเหมาะสมกับจริต นิสัยของคุณ คุณสามารถใช้พื้นฐานของสมาธิที่คุณฝึกอยู่เดิมนั้นร่วมกับการอธิฐาน จนไปถึงการถอดอาทิสมานกายได้ครับ

    สำหรับอาการที่คุณเล่าให้ฟังนั้น ผมขอโมทนาด้วยครับ อาการที่ได้เป็นอาการของฌานสี่ละเอียด ที่จิตสว่างจนเหลือเพียงสุขที่สุด สุดที่จะบรรยายได้ ไม่อาจอธิบายเป็นภาษาที่มนุษย์บรรญัติได้ และทำให้เราเห็นคุณค่าแห่งการทำสมาธิได้อย่างลึกซึ้งครับ การที่คุณจะได้หรือเข้าถึงอารมณ์นั้นได้อีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคุณจำอารมณ์สมาธินั้นได้หรือไม่ครับ สำหรับคำแนะนำของผมนั้น การที่คุณทำได้นั้นมีความโชคดี สองประการครับ คือ

    1.ประสบการณ์นี้จะทำให้คุณซาบซึ้งถึงประโยชน์แห่งการทำสมาธิ อย่างลึกซึ้งไปตลอดชีวิตและทำให้เกิดความพากเพียรในการปฏิบัติให้สูงยิ่งขึ้นไป และสิ่งที่คุณได้พบนี้ไม่ใช่ได้กันง่ายๆ หรือในทุกคนที่ปฏิบัตินะครับ บางท่านฝึกสมาธิมาตลอดชีวิต จิตยังไม่สามารถเข้าถึงจุดนี้ได้เลยครับ ที่คุณทำได้ส่วนหนึ่งเป็นบุพเพกตบุญญตา คือกรรมดีที่คุณเคยได้มาในอดีตชาติครับ

    2.คุณโชคดีที่ไม่หลงตรงจุดนี้ว่าคุณบรรลุธรรมไปแล้ว ครับ เพราะมีหลายท่านทั้งที่เป็นพระและฆราวาส ที่มีประสบการณ์ ณ จุดนี้แล้วเกิด วิปัสนูปกิเลส เข้าใจว่าตนเอง บรรลุธรรม แล้ว แต่ในความเป็นจริง จุดนี้ ยังอยู่ในเขตของโลกียฌานครับจึงมีการได้ การเสื่อม ไม่เที่ยงเหมือน ฌานของพระอริยเจ้าครับ

    ดังนั้น คุณมีโอกาสที่จะสัมผัสในประสบการณ์นั้นได้อีก และยังมีโอกาสที่จะได้ธรรมที่ไม่เสื่อมอีกด้วยผมขอให้คุณลองศึกษา เรื่องอารมณ์พระโสดาบัน ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับควบคู่กับการฝึกสมาธิในแนวทาง ที่คุณเคยฝึกและทำได้ดีอยู่แล้วครับ

    ส่วนที่อ่านหนังสือธรรมมะแล้วเกิดอาการคล้ายกันนั้น เป็นอาการของธรรมปิติ จากวิปัสนาญาณครับ เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะจะทำให้ ธรรมมะที่ศึกษาซึมซับลงสู่จิตได้ลึกขึ้นครับ

    คำแนะนำสำหรับคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวมากเป็นพิเศษนั้น จะทำให้เป็นผู้ที่เกิดปิติ ได้ค่อนข้างง่าย อุปนิสัยเป็นศรัทธาจริต ควรที่จะฝึกจิตให้เป็นอุเบกขาคือการวางเฉยให้มากขึ้น เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในสายกลางไม่ โอนเอียงไปในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง และใช้วิปัสนาญาณในเรื่องความไม่เที่ยงในสิ่งทั้งปวงเพื่อ ให้จิตได้เข้าถึงความเป็นธรรมดาในทุกสรรพสิ่งครับ

    ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ ส่วนผมก็ขอให้คุณ ได้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกทางธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ

    ขอกราบโมทนาในการปฏิบัติและผลแห่งการปฏิบัติของคุณ Ice Jade ด้วยครับ
     
  4. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอโมทนาบุญและขอขอบคุณคุณคนานันท์มากที่สละเวลาเข้ามาตอบข้อข้องใจเมื่อสิบปีก่อนให้คะ

    ตอนนี้ดิฉันได้ฝึกปฏิบัติสมาธิโดยใช้วิธีการทั้งสองอย่างควบคู่กันคะ เพราะคิดว่าถ้าสามารถฝึกตามวิธีการที่คุณคนานันท์สอนไว้ได้แล้ว น่าจะได้ผลดีมากขึ้นคะ

    ดีใจคะที่รู้ว่าตอนนั้นฝึกได้ฌานสี่ละเอียด แต่จำไม่ได้แล้วว่าฌานมีได้ถึงกี่ระดับ เคยอ่านเจอจากในเว็บนี้คะแต่ลืมไปแล้วจะไปค้นหาดูอีกที ส่วนอารมณ์ของฌานมาถึงตอนนี้จำได้นิดหน่อยคะแต่ไม่รู้สึกซาบซึ้งเหมือนตอนที่ทำได้

    สำหรับความโชคดี 2 ประการตามที่คุณคนานันท์ว่าไว้นั้น
    1.เป็นความจริงอย่างที่สุดเลยคะเพราะผลจากการได้ฌานครั้งนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ดิฉันมีกำลังใจในการทำสมาธิวิปัสสนาเพื่อเข้าถึงมรรคผลให้ได้ไม่ว่าจะพบเจออุปสรรคมาตัดทอนกำลังใจแค่ไหน เพราะดิฉันรู้สึกได้เลยว่าเพิ่งเริ่มทำสมาธิได้ไม่นานแต่สามารถพบความสุขที่ไม่เคยได้พบที่ไหนมาก่อนในชีวิตได้ ดิฉันเลยมั่นใจว่าธรรมสูงสุดที่พระพุทธองค์ทรงบอกกล่าวไว้นั้นต้องมีอยู่จริงแท้แน่นอน และกำลังรอให้ดิฉันไปพบอยู่ และคงเป็นเพราะบุญเก่าอย่างที่คุณคนานันท์ว่าด้วยคะ แต่คงเป็นบุญที่เจือกรรม เพราะดิฉันต้องพบอุปสรรคเป็นทุกข์แทบจะตลอดเวลาคะ

    2.ดิฉันก็เกือบหลงเข้าใจไปเองหลายครั้งคะว่าเราได้ธรรมวิเศษสุดหรือยัง แต่ดิฉันพยายามถามตัวเองอยู่เสมอว่าเราได้แล้วจริงเหรอเราวิเศษแล้วเหรอและลองเผชิญกับกิเลสรูปแบบต่างๆเพื่อทดสอบว่าเราวิเศษจริงหรือไม่ และพบว่าดิฉันยังมีความทุกข์อยู่มาก พบว่าแท้จริงแล้วจิตใจเรายังมีความต้องการอยู่เพียงแต่มันหลอกตัวเองแล้วแอบไปซ่อนตัวทำให้หาพบลำบาก ดิฉันต้องคิดๆๆลองๆๆๆกับจิตใจตัวเองจนกระทั่งจิตมันค่อยๆคลายความยึดติดนั้นไปได้คะ ตามความรู้สึกส่วนตัวนะคะ กิเลสยังมีอยู่แต่ถ้าเทียบกับหลายปีก่อนลดลงกว่าเดิมและยึดติดน้อยลงคะ

    อารมณ์พระโสดาบันของท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำดิฉันได้อ่านและเซฟเก็บไว้เรียบร้อยแล้วคะ ขอบคุณมากคะ

    ตอนนี้ดิฉันก็เน้นการฝึกอุเบกขาด้วยคะ เพราะแต่ก่อนเป็นคนยึดติดมากในเรื่องของตัวเองรวมไปถึงเอาเรื่องคนอื่นมายึดติดด้วยทำให้เป็นทุกข์มากคะ เดี๋ยวนี้เริ่มรู้ว่าอะไรเป็นตัวทุกข์ของเรา ก็พยายามใช้อุเบกขาไม่ยึดติดกับมันมากเหมือนก่อนคะ

    ขอกราบโมทนาบุญในความดีของคุณคนานันท์อีกครั้ง และขออวยพรให้คุณคนานันท์สามารถเข้าถึงธรรมวิเศษตามที่ปรารถนาได้โดยทุกประการ และขอให้มีความสุขมากๆด้วยคะ
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ Tony ครับ

    ก่อนอื่นขอโมทนาในความตั้งใจที่คุณกลับมาทำสมาธิเพื่อความเข้าถึงความดีครับ

    ส่วนปรากฏการณ์ที่ ข้อความได้เลื่อนจนถึง ข้อความที่คุณตั้งใจอยากที่จะอธิฐานนั้น เป็นความเมตตา การสงเคราะห์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนครับ ที่ท่านมักจะมาช่วย ส่งเสริมบุคคลที่ตั้งใจที่จะทำความดีให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปในธรรมครับ เคยมีกรณีอื่นๆ ทั้งที่ผมได้ประสบและที่ได้ยินมา ที่มีลักษณะคล้ายๆกันดังนี้ครับ ขอเล่าให้ฟังเพื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆด้วยครับ

    เคยมีผู้ปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง ชอบฟังเทปธรรมมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่าน ฟังซ้ำๆกันหลายรอบจนแทบจะจำได้หมด แต่ปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่งครับ มีเทปอยู่หน้าหนึ่งที่แปลกออกไป คำสอนที่เป็นเสียงหลวงพ่อนั้น เนื้อหาเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับที่เคยได้ฟัง กลับเหมือนเป็นการเทศน์สอน ของหลวงพ่อท่านพูดสอนผู้ฟังคนนั้นโดยตรง และมีเนื้อหาที่จี้ตรง ในการปฏิบัติของคนๆนั้นจริงๆ เมื่อได้ฟังจบลงแล้วกรอเทปกลับไปฟังใหม่ เนื้อหาในเทปกลับเป็นปรกติไม่เหมือนกับที่ฟังจบครับ ผลก็คือ ขนลุกครับ เพราะตอนที่ฟังหลวงพ่อท่านมรณะภาพไปแล้วครับ สิ่งที่จะชี้คือเบื้องบนท่านเมตตาและให้กำลังใจกับท่านผู้ตั้งใจปฏิบัติเสมอครับ และเมื่อผมสอบถามเรื่องนี้ในหมู่ลูกศิษย์ของหลวงพ่อท่านหลายๆคน ก็พบว่ามีท่านผู้มีประสบการณ์แบบนี้หลายรายเป็นเรื่องปรกติครับ

    อีกเรื่องเป็นเรื่องราวของผมเอง ตอนนั้น ยังไม่ได้ วิชามโนมยิทธิ แต่ได้อ่านหนังสือเจอ และมีความสนใจอยากฝึก มาวันหนึ่งผมไปที่ศูนย์หนังสือจุฬา ยืนอยู่หน้าแผนกหนังสือธรรมมะ มีขณะจิตหนึ่งผมคิดขึ้นมาว่า ถ้าได้ฝึกวิชามโนมยิทธินี้ก็ดีสิ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นสันหนังสือเกลี้ยงๆสีชมพูไม่เขียนอะไรบนสันเลย มือก็เอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดู หนังสือเล่มนั้น มีชื่อว่า"วิธีฝึกวิชามโนมยิทธิ" ของสำนักพิมพ์โลกทิพย์ ใจผมขณะนั้นรู้สึกได้ทันทีว่านี่เป็นเหตุการณ์ไม่ธรรมดา เพราะไม่น่าที่จะบังเอิญได้ขนาดนั้น ผมจึงซื้อไปอ่าน ท้ายเล่มมีกำหนดการฝึกมโนเต็มกำลังรวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ของทางบ้านสายลมด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ผมได้ไปฝึกมโนมยิทธิครับ

    ส่วนที่คุณ Tony มีอาการ ส่ายหัว นั้นเป็นอาการของฌานหยาบ เป็นปรกติของหลายๆคนในการฝึกสมาธิครับ โดยเฉพาะเวลาที่ท่านไปฝึกมโนเต็มกำลังที่วัดท่าซุงในช่วงปลายปีกัน สั่นกันเยอะครับจนเป็นการเข้าใจผิดไปเลยในหลายๆท่านว่าต้องสั่นจึงจะไปมโนเต็มกำลังได้ ที่จริงแล้ว หลวงพ่อท่านบอกว่าอาการทางกายนั้นไม่ต้องไปสนใจครับเพราะเรานั้นปฏิบัติจิตฝึกกันที่จิตครับ ยิ่งไปสนใจมัน มันก็จะยิ่งสั่น พอยิ่งสั่น การดูจิตก็เลยพลอยหายไปครับเพราะจิตมันมาจับอยู่ที่อาการสั่น ดังนั้นการที่คุณมีความฉลาดไม่สนใจ ในการสั่น การสั่นก็จะหายไปครับ ทำให้จิตเข้าถึงอารมณ์ที่สงบขึ้น ละเอียดขึ้น ปราณีตขึ้น ครับ พยายามจับลมหายใจต่อไปจนใจเราสบายขึ้นไปอีกครับ คุณมีของเก่า เคยทำบารมีมาอยู่แต่เดิมแล้วครับ

    ขอกราบโมทนาในความดี ในการปฏิบัติรวมทั้งความตั้งใจดีของคุณ Tonyด้วยครับ ขอให้การปฏิบัติก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปนะครับ
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ดีใจนะครับ ที่มีหลายๆท่านมีกำลังใจในการเข้าถึงซึ่งความดี ความบริสุทธิ์ของจิตใจครับ ยังมีอีกหลายๆท่านที่ได้ติดตามอ่านกระทู้นี้อยู่ตลอด และมีอีกหลายท่านที่ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ในการเผยแพร่การปฏิบัติ นี้ได้นำจัดรวบรวมพิพม์ บ้าง ถ่ายเอกสารบ้าง จ่ายแจกกันออกไป ก็ถือว่าเป็นการให้ธรรมทาน เป็นการให้ความดีสู่สังคม ผมก็ขอกราบโมทนาในความตั้งใจดีของท่านทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วยครับ บุญกุศลทั้งหลายที่จะพึงมี พึงเกิดขึ้นนั้น คงเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ท่านทั้งหลายได้เคยร่วมสร้างบุญสร้างบารมีร่วมกันมาในอดีตชาติในเขตของพระพุทธศาสนาครับ

    "ขอพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อันมีสมเด็จองค์ปฐมท่านเป็นประธาน ขอบุญบารมีที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมานับแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคตกาล ไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล สมาธิ สัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ ตลอดจนบารมีทั้งสามสิบทัศน์ ขอให้ ได้มารวมตัวกันส่งผลดลบันดาลประทานพรให้ท่านทั้งหลาย เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป ทั้งในทางโลกและทางธรรม อย่างฉับพลันทันใด ให้ได้ซึ่งพระนิพพาน ด้วยเทอญ"
     
  7. tony2002

    tony2002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +178
    อนุโมทนา สาธุบุญ ในความอนุเคราะห์ช่วยไขข้อสงสัยให้แจ้งครับ

    ผมนั้นคงจะต้องหมั่นฝึกอีกมากครับ เพราะอารมณ์ผมมักอ่อนไหวหลงตามใจตัวเองง่ายมากๆ และหุนหันพลันแล่นฉุนเฉียวเอาง่ายๆ อีกทั้งมีสมาธิสั้นทำงานก้ไม่ค่อยจะสำเร็จเรียบร้อยดี ก็อยากจะใช้การฝึกสมาธินี้ ช่วยเป็นเครื่องเตือนสติในการใช้ชีวิตไม่ประมาณครับ บางครั้งและบ่อยๆ เวลาผมนั่งเดินนอนหรือทำอะไรก็ตามหากนึกขึ้นได้ผมมักจะภาวนา พุท-โธ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติกิจวัฒน์ประจำวันไปด้วยอยู่เปนประจำ ก็พอช่วยทุเลาอารมณ์ร้อนของผมไปได้บางไม่มากก็น้อยจนบางครั้งทำให้เราใจเย็นมากๆได้อย่างน่าแปลกใจจนคนใกล้ชิดมักจะบอกว่า "เย็นจนเปนน้ำแข็ง" ก็มี

    ขออนุโมทนา สาธุบุญ อนิสงแห่งกุศลผลบุญที่ผมมีให้คุณคณานันท์บรรลุจุดหมายที่ตั้งใจและชี้ทางแห่งปัญญาแจ้งแก่ดวงตาเห็นธรรมต่อผู้คนทั้งหลายให้ได้มากๆ ทบทวีเท่ายิ่งๆขึ้นไปด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    เรียนถามคุณคนานันท์ค่ะ

    ก่อนหน้านี้ช่วงที่โคชิกะหัดทำสมาธิแรกๆมีปีติตัวโคลงแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวพอง และมือลอยออกจากกัน ต่อมาก็มีนิวรณ์ คือนั่งทำสมาธิแล้วง่วงนอนค่ะ
    หลังๆมาไม่มีอาการอะไร ล่าสุดเมื่อวานนี้รู้สึกว่าตัวเองมีลมหายใจละเอียดมาก แต่ยังรับรู้ได้นะคะเพราะแม้จะรับรู้ลมที่ผ่านจมูกได้ยากแต่ก็สามารถรับรู้จากการยุบพองของท้องได้ วั้นนี้จิตสงบดีมากสามารถระลึกรู้ลมหายใจได้นานโดยที่จิตไม่ซนไปคิดเรื่องอื่นเสียก่อน แล้วก็มีก่อนหน้านี้วันนึงจำได้ว่าจิตมักเผลอคิดนู่นคิดนี่ แต่ทุกทีก็ไม่มีอะไรแต่วันนั้นพอใจเผลอคิดไปเรื่องอื่นก็รู้สึกเหมือนมีใครมาจับแขนขวาเขย่าให้รู้สึกตัว ไม่รู้ว่าโคชิกะคิดมากไปเองไม๊คะ เป็นอยู่ 2-3 ครั้งในวันนั้น แล้วก็เป็นแค่วันเดียว

    แล้วเพื่อให้ก้าวหน้าในการนั่งทำสมาธิ โคชิกะจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไปบ้างคะ

    ขอบคุณมากๆค่ะ และขออนุโมทนาคุณคนานันท์นะคะที่มาช่วยไขปัญหาให้แก่ญาติธรรมในเวบนี้ให้รู้สึกกระจ่างแจ้งขึ้น

    โมทนากับทุกคนที่ตั้งใจมั่นในการปฏิบัติธรรมด้วยค่ะ สาธุ
     
  9. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    เรียนถามคุณคนานันท์ค่ะ

    ก่อนหน้านี้ช่วงที่โคชิกะหัดทำสมาธิแรกๆมีปีติตัวโคลงแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวพอง และมือลอยออกจากกัน ต่อมาก็มีนิวรณ์ คือนั่งทำสมาธิแล้วง่วงนอนค่ะ
    หลังๆมาไม่มีอาการอะไร ล่าสุดเมื่อวานนี้รู้สึกว่าตัวเองมีลมหายใจละเอียดมาก แต่ยังรับรู้ได้นะคะเพราะแม้จะรับรู้ลมที่ผ่านจมูกได้ยากแต่ก็สามารถรับรู้จากการยุบพองของท้องได้ วั้นนี้จิตสงบดีมากสามารถระลึกรู้ลมหายใจได้นานโดยที่จิตไม่ซนไปคิดเรื่องอื่นเสียก่อน แล้วก็มีก่อนหน้านี้วันนึงจำได้ว่าจิตมักเผลอคิดนู่นคิดนี่ แต่ทุกทีก็ไม่มีอะไรแต่วันนั้นพอใจเผลอคิดไปเรื่องอื่นก็รู้สึกเหมือนมีใครมาจับแขนขวาเขย่าให้รู้สึกตัว ไม่รู้ว่าโคชิกะคิดมากไปเองไม๊คะ เป็นอยู่ 2-3 ครั้งในวันนั้น แล้วก็เป็นแค่วันเดียว

    แล้วเพื่อให้ก้าวหน้าในการนั่งทำสมาธิ โคชิกะจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไปบ้างคะ

    ขอบคุณมากๆค่ะ และขออนุโมทนาคุณคนานันท์นะคะที่มาช่วยไขปัญหาให้แก่ญาติธรรมในเวบนี้ให้รู้สึกกระจ่างแจ้งขึ้น

    โมทนากับทุกคนที่ตั้งใจมั่นในการปฏิบัติธรรมด้วยค่ะ สาธุ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ โคชิกะครับ
    การที่จิตซัดส่ายไปกับอาการฟุ้งบ้างเป็นเรื่องปรกติครับ วิธีแก้ไขคือเมื่อมีสติรู้ตัวก็จงรีบดึงจิตกลับมาสู่ ลมหายใจที่สงบสบาย (ลมสบาย)ครับ ส่วนอาการง่วงนอนนั้นถ้าง่วงนอนมากก็ไม่ต้องไปฝืนครับ
    พระท่านสอนไว้ว่า ก่อนหลับให้เข้าฌาน (สมาธิ) แล้วหลับ ท่านว่าตลอดเวลาที่เราหลับจนตื่นนั้นนับรวมเป็น เวลาการทำสมาธิทั้งหมดครับ
    ส่วนท่านที่เข้าจนถึงอารมณ์นิพพานก็เช่นกันครับนับรวมว่าท่านทำสมาธิจนถึงอารมณ์นิพพานตั้งแต่หลับจนตื่นครับ

    การที่ลมหายใจละเอียดมากๆจนแทบไม่หายใจ และใจสบายมาก จิตสงบมาก เป็นพิเศษนั้น เพราะคุณได้เข้าถึง ลมสบาย ซึ่งคือฌานในสมาธิครับ ก็ขอแสดงความยินดีในผลแห่งการปฏิบัติของคุณด้วยครับ ขอให้จำอารมณ์ใจนี้ไว้ให้ได้และเข้าอารมณ์นี้ให้ได้ทุกครั้งที่ต้องการครับ ทำได้แล้วจะมีกำลังใจในการทำความดีต่อไปครับ

    ส่วนที่รู้สึกว่ามีคนมาเขย่าแขนขวาให้รู้สึกตัวเวลาฟุ้งนั้น ไม่ต้องไปกลัวหรือตกใจครับ เป็นครูบาอาจารย์ท่านที่คอยดูแลการปฏิบัติของคุณท่านมาเมตตาคอยเตือนครับ เวลาที่คุณทำสมาธิเสร็จก็จงได้แผ่เมตตาถวายบุญกับท่านด้วย การมีครูบาอาจารย์ดูแลเป็นสิ่งที่ดีครับ ท่านจะคอยกันไม่ให้คุณไปในทางที่ผิด และจะทำให้คุณก้าวหน้าในการปฏิบัติครับ ยังไงก็อธิฐานบอกท่าน ขอบคุณท่านและขอให้ท่านช่วยคุ้มครองคุณให้ตั้งมั่นอยู่ใน สัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติครับ

    ขอกราบโมทนาในความดีและผลแห่งการปฏิบัติธรรมของคุณครับ ขอให้ก้าวหน้าในธรรมมะยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การสร้างจริยธรรมในสังคมและสร้างสรรค์สังคมคุณธรรมนั้นทำได้โดย

    1.ต้องเริ่มต้นกันที่ตัวเราเองทุกคนครับ ไม่ต้องไปเรียกร้องจริยธรรมที่คนอื่นครับ ถ้าเราเข้าใจในความสำคัญของจริยธรรมที่มีต่อตัวเราเองและต่อสังคม ได้ดีพอ ลงมือปฏิบัติเลยครับ

    2. สร้างค่านิยมที่ยั่งยืนของสังคมคุณธรรมและกระแสการทำความดีในสังคมครับ

    3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรทั้งใน ระดับ บรรษัทขนาดใหญ่ บริษัทขนาด ใหญ่ กลาง ย่อม รวมทั้ง SME ให้เป็นองค์กรคุณธรรมทั้งในด้าน
    -จริยธรรมของCeo
    -การดำเนินธุรกิจการเป็นพันธมิตรกับองค์กรธุรกิจคุณธรรมอื่นๆ
    -ความรับผิดชอบต่อการพัฒนาระดับจริยธรรมและสวัสดิการที่ดีบุคคลากรในองค์กร
    -ความรับผิดชอบต่อสังคม
    -และท้ายที่สุดคือตั้งเป้าหมายสูงสุดของธุรกิจที่ไม่ใช่ กำไรสูงสุด แต่เป็นการเป็นตัวจักรขับเคลื่อนสังคมไปสู่สังคมแห่งความสุขและความดีงามครับ

    4.การผลักดันสื่อให้นำเสนอ รายการที่ส่งเสริมจริธรรมคุณธรรมทางสังคม เช่น รายการเรื่องกฏแห่งกรรม การ์ตูนสำหรับเด็กเรื่องพระเจ้าห้าร้อยชาติ เกมโชว์รายการตอบปัญหาธรรมมะ เรียลลิตี้เซอร์ไวเวอร์ การออกไปปฏิบัติธรรมในถ้ำบนเขาสูง รายการเรียลลิตี้ การทดสอบจิตใจของคนที่มีต่อการยั่วยุทางด้านคุณธรรมโดยผู้ชนะคือผู้ที่มีคุณธรรมสูงสุด แทนที่รายการที่มุ่งผลกำไรสูงสุดและตอบสนองกิเลสของมนุษย์ ดึงกิเลสตัณหาให้ออกมาปรากฏโดยอ้างว่าเพื่อการตีแผ่ ความจริงจน เรื่องราวความเลวร้ายในจิตใจเหล่านี้กลายเป็นสิ่งปรกติธรรมดาของสังคม ใจชินชาด้านชากับความชั่ว การทำความดีเป็นเรื่องแปลกประหลาด
    ซึ่งการที่จะทำได้ต้องเริ่มต้นที่การให้องค์กรธุรกิจคุณธรรม ช่วยให้สปอนเซอร์รายการในเชิงสร้างสรรค์เหล่านี้ก่อนครับ ในลักษณะของการตลาดในเชิงคุณธรรม ( Moral Maketting) เพราะลึกๆแล้วมนุษย์เราโหยหาความดีงามของจิตใจ ความอิ่มเอมทางจิตวิญญานครับ เพียงแต่กระแสวัตถุนิยมมันเชี่ยวกรากเกินไปครับ

    5.อย่าเห็นกับคุณค่าทางวัตถุสูงเกินคุณค่าของความงดงามของจิตใจครับ อย่าให้ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ สำคัญกว่าดัชนีชี้วัดความสุขของมวลชนครับ

    6.อย่าใช้รูปลักษณะภายนอกมาตัดสินความเป็นมนุษย์ของเขา เพราะทุกสิ่งที่ปรากฏแก่สายตานั้นปรุงแต่งได้ ทำให้ดูดีได้ สร้างภาพได้ แต่ การสัมผัสความดีของจิตใจนั้นต้องสัมผัสด้วยจิตใจเช่นกันและการกระทำของคนๆนั้นครับ

    7.เรียนรู้ที่จะมีความสุขจากความสงบ (การค้นหาความสุขจากความสงบภายในจิต ในสมาธิ ) ว่ามีคุณค่ากว่าความสุขจากวัตถุ ที่ดิ้นรนไม่มีที่สิ้นสุด

    8.เรียนรู้ที่จะมีความสุขจากการให้ (สุขจากใจที่มีเมตตา การแผ่เมตตา การแผ่เมตตาอัปปันนาณฌาน) ว่ามีความปลื้มปิติอิ่มเอมใจสูงกว่าสุขกว่า จากการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นอันเหมือนนรกเผาใจอยู่ตลอดเวลา

    9.เรียนรู้ที่จะยินดีในความดีของผู้อื่น คอยให้กำลังใจในการทำความดีของผู้อื่น สรรเสริญและประกาศคุณงามความดีของผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน ใดๆ

    10. ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ทั้งด้วยตัวเอง ส่งเสริมเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้ทราบและตระหนักรู้ถึงความสำคัญของจริยธรรมคุณธรรม ท้ายที่สุดคือ การยินดีและโมทนาในการทำความดีงามทุกสิ่งในโลก ในจักรวาล คอยมองความดีงามที่บังเกิดขึ้นในสังคมด้วยจิตใจที่มีความสุขครับ


    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2006
  12. cochiga

    cochiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +228
    เรียนถามคุณคณานันท์อีกรอบค่ะ

    อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้วแต่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน
    มีวันนึงโคชิกะนั่งทำสมาธิอยู่ค่ะแต่ไม่ได้ปิดเสียงโทรศัพท์
    แล้วก็วางไว้ซะใกล้เชียว ทีนี้พอโทรศัพท์เข้าก็ตกใจสะดุ้งเลยค่ะ
    ตอนนั้นหลับตาจำได้ว่าเห็นเป็นเส้นคลื่นเลย เหมือนกับที่
    เวลาเราเอาโทรศัพท์ไว้ใกล้จอคอมพอโทรศัพท์เข้าแล้วภาพในจอมันสั่นเป็นคลื่นน่ะค่ะ

    แล้วตั้งแต่วันนั้นมา ตัวขอโคชิกะก็สะดุ้งน้อยๆอาการเหมือนกับที่สะดุ้งวันนั้น(จำอาการได้)เป็นทุกวันวันละหลายๆหนเกือบจะตลอดเวลา ไม่หายเลยค่ะ จะต้องทำไงดีคะ ถึงจะหาย

    ขอโมทนาค่ะ และขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมค่ะ
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณโคชิกะครับ

    อาการที่ว่าเป็นอาการสะเทือนของกายทิพย์ครับ เป็นเหตุผลที่ว่า เวลาที่เรานั่งสมาธิหรือเข้าฌานอยู่จึงห้ามคนอื่นมา เรียกเสียงดังหรือมาเขย่าตัว แรงๆ บางท่านเวลานั่งสมาธิใช้วิธี เข้าห้องปิดประตูล็อคกลอน แถมติดป้ายห้ามรบกวนหน้าห้องด้วย

    อาการที่เกิดขึ้นกับคุณยังติดตามมาหลายๆครั้งเวลา เข้าสมาธินั้น มีวิธีแก้ไขไม่ยากครับ วิธีแก้คือ เข้าสมาธิจนถึงอารมณ์สบาย ใจสบาย จากนั้นอธิฐานจิต ขอบารมีพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านเมตตา ปรับ กายทิพย์และร่างกายให้กลับมาสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง แล้วใช้อารมณ์ใจที่สบายเป็นคลื่นสลาย คลื่นรบกวนที่ปรากฏขึ้นมาในจิตให้หมดไปครับ ลองไปทำดูนะครับ

    ส่วนอีกวิธี ก็คือ การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ก็ช่วยได้ครับ

    ยังไงก็หายเป็นปรกติครับ

    "ขวัญเอ้ย ขวัญมานะ"
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เวปล่มอีกแล้วครับ ทำให้เข้าเวบได้ยากมาก แต่ไม่เป็นไรครับ อุปสรรคช่วยให้เรามีกำลังใจที่เข้มแข็งและอดทนขึ้น

    ที่หายไปหลายวันนี่ เพราะไปงานบุญกฐินที่วัดปากน้ำภาษีเจริญครับ ปีนี้คนมากเป็นพิเศษจนทำให้วัดดูแคบไปถนัดใจเลยครับ มีพวกเราหลายๆท่านก็ได้ไปร่วมกันเป็นเจ้าภาพร่วมในกองกฐินด้วย และที่ผมได้ยินชื่อที่พระท่านประกาศก็มี ชื่อคุณดังกฤณ ด้วยท่านหนึ่งละครับ จึงขอเอาบุญมาฝากทุกๆท่าน ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วันนี้เรามาฝึกกันต่อในเรื่องของการอธิฐานครับ

    ผมจะขออนุญาตแนะนำการอธิฐานสำหรับท่านผู้มีวิสัยต่างๆกัน เพื่อเป็นเครื่องป้องกันตัวท่าน เพื่อความก้าวหน้าในธรรมมะปฏิบัติ และเพื่อความรุ่งเรืองทั้งในทางโลกและทางธรรมครับ

    วิธีการในการอธิฐานนั้น สมควรกระทำอย่างเป็นทางการและเป็นพิธีการสักหน่อยเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ ของคำอธิฐาน ครับ เพราะการอธิฐานนั้นให้ผลติดตัวเราไปหลายภพหลายชาติครับ ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าเราอธิฐานดีอธิฐานชอบ เป็นสัมมาทิษฐิ ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่ถ้าคำอธิฐานของเราทำไปด้วยจิตที่เป็นอกุศลเป็นข้าศึกต่อความดี ด้วยกิเลส อันมีความโกรธ โลภ หลง เป็นต้น มันก็จะส่งผลติดตามเราไปในทุกชาติภพเช่นกันครับ ดังนั้นเราจึงควรตั้งจิต ถอนคำอธิฐานที่เป็นมิจฉาทิษฐิให้หมดไปจากจิตใจของเราก่อนครับ จากนั้นจึงค่อยทำการตั้งสัจจาอธิฐานในความเป็นสัมมาทิษฐิครับ

    เรามาเริ่มกันเลยครับ

    เริ่มต้นให้ทุกท่านอาบน้ำให้สะอาด และเข้าห้องพระสวดมนต์ หรือจะเข้าไปอธิฐานต่อพระประธานในโบสถ์ก็ได้ครับ

    เมื่อสวดมนต์ไหว้พระจนจิตใจเราสงบดีแล้ว ก็เริ่มเข้าสมาธิ ภาวนา

    จับลมสบายจนใจสงบ พบลมหายใจละเอียด ใจสบาย

    จากนั้นวางกำลังใจว่า ขณะนี้เราตั้งใจอยู่ในความดี ขณะนี้ ศีลของเราบริสุทธิ์ เรามีความเคารพในพระรัตนไตร เรามีความเข้าใจในความไม่เที่ยงของขันธุ์ห้าไม่ประมาทในความตาย เรามีพรมวิหารสี่มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ

    จากนั้นให้เข้าอารมณ์ใจที่สบายสูงสุด ตามที่กำลังใจเราของเราจะพึงทำได้

    ท่านที่ได้มโนมยิทธิ ก็จงขอบารมีพระท่านยกจิตอาทิสมานกายขึ้นไปอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

    ส่วนท่านที่ไม่ได้มโนก็ขอได้ทำกำลังใจต่อหน้าพระพุทธรูปประหนึ่งอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธองค์เช่นกัน

    จากนั้นตั้งจิตถอนคำอธิฐานในมิจฉาทิษฐิออกไปจากจิตใจของเรา โดยเข้าอารมณ์ใจที่สบาย เปล่งวาจาว่า

    "ข้าพเจ้าขอตั้งจิตถอนคำอธิฐานที่เป็นมิจฉาทิษฐิ อันข้าพเจ้าได้ทำไปด้วยอำนาจกิเลสอันมีความโลภ ความโกรธ อาฆาต พยาบาทจองเวรแก่ท่านผู้ใดก็ดี ความหลงในสังสารวัฏภพภูมิต่างๆก็ดี ความยึดติดในบุคคลด้วยความรักความหลงก็ดี ที่หลงผิดเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผู้หนึ่งผู้ใดก็ดี การตั้งจิตอธิฐานเหล่านี้จะด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยอารมณ์ชั่ววูบก็ดี และล้วนแล้วที่ได้อธิฐาน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี จะระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี
    ข้าพเจ้านี้ขอถอนคำอธิฐานเหล่านี้ออกไปจากดวงจิตของข้าพเจ้า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กรรมใดที่บังเกิดจากการอธิฐานเหล่านั้นข้าพเจ้าขอกราบขอขมาในอกุศลกรรมความพลั้งพลาด ต่อท่านทั้งหลายด้วยเทอญ
    และข้าพเจ้าขอน้อมจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา นับแต่อดีตชาติอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย พรหมเทวดาที่ประจำรักษาข้าพเจ้า ขอให้ได้อโหสิกรรม เลิกแล้วต่อกัน เป็นโมฆะกรรมตราบเท่าที่ข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"

    จากนั้นทำกำลังใจให้ถึงอารมณ์ใจสบาย ลมหายใจหายไปได้ยิ่งดี ท่านที่ได้สมาบัติแปด ก็เข้าให้ถึงความว่างสลายคำอธิฐานที่เป็นมิจฉาทิษฐิออกไปจากจิตใจให้หมดสิ้น จนใจเข้าถึงความสุข ความปลอดโปร่ง แล้วจึงแผ่เมตตาอัปปันนาณฌานออกไปยังทิศทั้งปวงทั้ง สามไตรภูมิ หนึ่งนิพพาน จนใจสบาย ในปิติสุข

    เป็นอันจบพิธีการถอนอธิฐาน

    ทรงอารมณ์ใจในฌานสมาธิสูงสุดเท่าที่ทำได้จากนั้นเลือกคำอธิฐานตามวิสัยที่ตนเองพอใจ ที่ตนรู้เองเห็นเองเป็นปัตจัตตัง

    (คำอธิฐานสำหรับท่านผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรมในสาวกภูมิวิสัยแต่ยังไม่ปรารถนาไปพระนิพพานชาตินี้)
    "ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐานขอให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในอนาคตอันใกล้นี้ หากแม้นยังต้องเกิดอยู่ฉันใด ก็ขอให้มาบังเกิดเป็นมนุษย์มีอาการครบ 32 มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีรูปเป็นทรัพย์ เกิดมาในสกุลสูงสกุลสัมมาทิษฐิ ได้พบพระพุทธศาสนา และได้เข้าถึงซึ่งธรรมมะอย่างลึกซึ้ง ทรงความดีทรงคุณธรรมประจำจิต มีคู่บุญคู่บารมี มีมิตรที่มีศรัทธามีคุณธรรมเสมอกัน ได้ช่วยพิทักษ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาด้วยดังนี้ทุกชาติไป ครั้นถึงวาระแห่งการบรรลุธรรมก็ขอให้ได้มีพระอริยเจ้าผู้ทรงคุณธรรมได้โปรดมาสงเคราะห์ให้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรมได้อย่างฉับพลันทันใดด้วย เทอญ สาธุ "
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    (คำอธิฐานสำหรับท่านผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรมในสาวกภูมิวิสัย และปรารถนาให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้)

    "ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐาน ขอให้ข้าพเจ้าได้มีกำลังใจให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด ขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าเคยบำเพ็ญมาในอดีตชาติจวบจนปัจจุบันชาตินี้ได้กลับมารวมตัวกัน ส่งผลให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญ รุ่งเรืองก้าวหน้าทั้งในทางโลกและทางธรรม ให้ข้าพเจ้ามีครูบาอาจารย์ที่เป็นสัมมาทิษฐิช่วยชี้แนะทางธรรม ทางแห่งการปฏิบัติเพื่อความบริสุทธิ์ของจิต ให้มีปัญญาตัดกิเลสให้เป็นสมุทเฉทประหาร และบรรลุธรรมได้อย่างฉับพลันทันใด เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ สาธุ"
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    (คำอธิฐานสำหรับท่านผู้ตั้งใจบำเพ็ญบารมีในพุทธภูมิวิสัย)
    ** เป็นการอธิฐานกลางๆ เพื่อเป็นเครื่องป้องกันและเพิ่มความคล่องตัวในการสร้างบารมี เพราะมีหลายท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิท่านจะมีคำอธิฐาน พรพิเศษ บารมีพิเศษ แตกต่างกันออกไป**

    "ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐานตั้งความปรารถนาบำเพ็ญบารมีทั้งสามสิบทัศน์ เพื่อให้ถึงซึ่งความเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังประโยชน์ต่อมวลสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วอนันตจักรวาลให้พ้นจากภัยแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในสังวัฏฏ และณบัดนี้ขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมานับแต่อดีต ปัจจุบัน และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต จงมารวมตัวกัน ส่งผลดลบันดาลประทานพรให้ดวงจิตของข้าพเจ้าได้รู้ ได้ตื่นขึ้น สู่ความเป็นพระโพธิสัตว์ หากแม้ตื่นรู้ในความเป็นพระโพธิสัตว์แล้วก็ขอให้จิตข้าพเจ้ายกขึ้นสู่ความเป็นอริยโพธิสัตว์ด้วยเถิด ขอปัญญาบารมีทั้งทางโลกและทางธรรมส่งผลให้ข้าพเจ้าได้ใช้ความสามารถและบารมีทั้งสามสิบทัศน์มาช่วยเหลือบบรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้รักษาชาติไทยแผ่นดินไทย ได้ทำนุบำรุงยอยกพระพุทธศาสนาขององค์พระพิชิตมารให้รุ่งเรืองตราบ ห้าพันวัสสา ได้พิทักษ์รักษาองค์พระมหากษัตริย์ผู้เป็นธรรมมิกราชให้ดำรงคงอยู่คู่ชาติไทย
    และหากแม้นข้าพเจ้าสิ้นอายุขัยจากชาติภพนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้จุติ อยู่ในเฉพาะสุขคติภูมิ เท่านั้น หากแม้นเมื่อลงมาบำเพ็ญบุญญาบารมีในโลกมนุษย์ก็ขอให้จุติมีสกุล วรรณณะสูง เป็นสัมมาทิษฐิ มีรูปอันเป็นมหาปุริสลักษณะปรากฏเพื่อสร้างศรัทธาให้บังเกิดในหมู่ชน ให้มีบารมีราศรีเป้นที่ประจักษ์ ให้เหล่าสรรพวิชาทั้งทางโลกและทางธรรมที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญไว้ดีแล้วกลับระลึกขึ้นได้ด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ อีกทั้งสมาบัติแปด อภิญญาจงกลับมาใช้ได้ทุกๆชาติ และขออย่าได้คลาดจากอารมณ์พระนิพพานและวิชชามโนมยิทธิด้วยเช่นกัน อีกทั้งไตรสรณคมภ์ วิปัสณาญาณกรรมฐานทั้งสี่สิบกอง มหาสติปัฐฐานสี่ พรหมวิหารสี่ อัปปันนาณฌานจงเจนจบครบทุกอารมณ์ใจ
    ขอให้ได้สงเคราะห์บูชาสร้างบุญบารมีกับ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย พระอริยเจ้าทั้งหลาย เทพพรหมเทวาสัมมาทิษฐิทั้งหลาย ตลอดจนคุณความดีแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยเทอญ
    ครั้นถึงวาระแห่งการบรรลุถึงซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณแล้วไซร้ ขอให้การบรรลุถึงซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณนั้นเป็นไปได้โดยง่าย ฉับพลันทันใดเพียงชั่วหย่อนกายนั่งขัดบัลลังค์ก็บรรลุ การเผยแผ่ธรรมในศาสนาของข้าพเจ้าก็ขอจงเป็นไปด้วยความอัศจรรย์ ทุกดวงจิตบรรลุธรรมอย่างรวดเร็วด้วยบารมีที่ถึงพร้อม ศาสนาสะอาดปราศจากอลัชชี มีแต่ความพร้อมในความสมบูรณ์ทุกสิ่ง ทุกองค์ประกอบแห่งธรรม ในทุกประการด้วยเทอญ สาธุ "
     
  18. Good_oom

    Good_oom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +562
    ติดตามอ่าน ของพี่ณานันท์ ล้ว ผมเลื่อมใส พี่ มาก ครับ ผมขอเรียกพี่ ว่า พี่ นะครับ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ถ้า ไม่มีการ แยกศาสนา ผมขอโพส บทเทศน์ บทหนึ่งของ พระเยซู ผมไปเจอมา เห็นว่า มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง กับ วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภับภิบัติ เหมือน กัน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นะครับ เพราะว่า เป็น คนละความเชื่อกัน
    <o:p></o:p>
    บทเทศน์บนภูเขา<o:p></o:p>
    ความสุขแท้จริง
    5 1
    พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนมากมาย จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับนั่งแล้วบรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ 2พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนเขาว่า
    3
    ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
    4
    ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
    5
    ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
    6
    ผู้หิวกระหายความยุติธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
    7
    ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
    8
    ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
    9
    ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อเป็นบุตรของพระเจ้า
    10
    ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
    11'
    ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกเขาดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา 12จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน<o:p></o:p>
    เกลือดองแผ่นดิน และแสงสว่างส่องโลก
    13'
    ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดิน
    ถ้าเกลือจืดไปแล้ว จะเอาอะไรมาทำให้เค็มอีกเล่า เกลือนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากจะถูกทอดทิ้งให้คนเหยียบย่ำ
    14'
    ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะไม่ถูกปิดบัง 15ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอามาวางไว้ใต้ถัง แต่ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน 16ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์<o:p></o:p>
    พระเยซูเจ้าทรงทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์
    17'
    จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศก เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ 18เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินยังไม่สูญสิ้นไป แม้แต่พินทุอิหรือขีดเดียวจะไม่ขาดหายไปจากธรรมบัญญัติจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จไป 19ดังนั้น ผู้ใดละเมิดธรรมบัญญัติเพียงข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุดและสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์<o:p></o:p>
    มาตรฐานใหม่ สูงกว่ามาตรฐานเดิม
    20'
    เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี แล้วท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย
    21'
    ท่านได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล 22แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า 'ไอ้โง่' ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า 'ไอ้โง่บัดซบ' ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก 23ดังนั้น ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว
    24
    จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น 25จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก 26เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกมาไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย
    27'
    ท่านได้ยินคำกล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี 28แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว 29ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดของท่านตกนรก 30ถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดตกนรก
    31'
    มีคำกล่าวว่า ผู้ใดจะหย่ากับภรรยา ก็จงทำหนังสือหย่ามอบให้นาง
    32
    แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดที่หย่ากับภรรยาของตน ยกเว้นกรณีแต่งงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เท่ากับว่าทำให้นางล่วงประเวณี และผู้ใดที่แต่งกับหญิงที่ได้หย่าร้าง ก็ล่วงประเวณีด้วย
    33'
    ท่านยังได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าผิดคำสาบาน แต่จงทำตามที่ได้สาบานไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 34แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย อย่าอ้างถึงสวรรค์ เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้า 35อย่าอ้างถึงแผ่นดิน เพราะเป็นที่รองพระบาทของพระองค์
    อย่าอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะเป็นนครหลวงของพระมหากษัตริย์ 36อย่าอ้างถึงศีรษะของท่าน เพราะท่านไม่อาจเปลี่ยนผมสักเส้นให้เป็นดำเป็นขาวได้ 37ท่านจงกล่าวเพียงว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ที่เกินไปนั้นมาจากปิศาจ
    38'
    ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน 39แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย 40ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย 41ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด 42ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน
    43'
    ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู 44แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จงภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน 45เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นทั้งเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม 46ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้บำเหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ? 47ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของท่านเท่านั้น ท่านทำอะไรพิเศษเล่า? คนต่างศาสนามิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ? 48ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีบริบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่านทรงความดีบริบูรณ์เถิด'<o:p></o:p>
    การให้ทาน
    6 1'
    จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่อโอ้อวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ 2ดังนั้น เมื่อท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนที่บรรดาคนหน้าซื่อใจคดมักทำในศาลาธรรมและตามถนนเพื่อจะได้รับคำสรรเสริญจากมนุษย์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว 3ส่วนท่านเมื่อให้ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำลังทำอะไร เพื่อทานของท่านจะได้เป็นทานที่ไม่เปิดเผย 4แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำเหน็จให้ท่าน<o:p></o:p>
    การอธิษฐานภาวนา
    5'
    เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา ก็อย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาในศาลาธรรม และตามมุมลานเพื่อให้ใครๆเห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว 6ส่วนท่านเมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตอยู่ทั่วทุกแห่ง แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำเหน็จให้ท่าน<o:p></o:p>
    วิธีอธิษฐานภาวนา บทภาวนาของพระเยซูเจ้า
    7'
    เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา อย่าพูดซ้ำเหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่าพระเจ้าจะทรงสดับฟังเพราะเขาพูดมาก 8อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนที่ท่านจะขอเสียอีก 9เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้<o:p></o:p>
    ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์
    พระนามของพระองค์จงเป็นที่สักการะ
    10
    พระอาณาจักรจงมาถึง
    พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์
    11
    โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
    12
    โปรดให้อภัยความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลาย
    เหมือนที่ข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้ทำผิดต่อข้าพเจ้าทั้งหลาย
    13
    อย่านำข้าพเจ้าทั้งหลายเข้าไปในการถูกผจญ
    แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วเทอญ<o:p></o:p>
    14'เพราะว่า ถ้าท่านให้อภัยความผิดแก่ผู้อื่น พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะทรงให้อภัยความผิดของท่านด้วย 15แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยความผิดแก่ผู้อื่น พระบิดาของท่านก็จะไม่ทรงให้อภัยความผิดของท่านเช่นกัน<o:p></o:p>
    การจำศีลอดอาหาร
    16'
    เมื่อท่านทั้งหลายจำศีลอดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำหน้าหมองคล้ำ เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่าเขากำลังจำศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว 17ส่วนท่านเมื่อจำศีลอดอาหาร จงล้างหน้า เอาน้ำมันหอมเจิมศีรษะ 18เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังจำศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่าน ผู้สถิตอยู่ทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำเหน็จให้ท่าน<o:p></o:p>
    สมบัติแท้
    19'
    ท่านทั้งหลายอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้เลย ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมและขมวนกัดกิน และขโมยเจาะช่องลงมาล้วงลักเอาไปได้ 20แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่น ไม่มีสนิมหรือขมวนกัดกิน และขโมยก็ไม่เจาะช่องมาล้วงลักเอาไปได้ 21เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย<o:p></o:p>
    ประทีปของร่างกาย
    22'
    ประทีปของร่างกายคือดวงตา ดังนั้น ถ้าดวงตาของท่านเป็นปกติดี สรรพางค์กายของท่านก็จะสว่างไปด้วย 23แต่ถ้าดวงตาของท่านไม่ดี สรรพางค์กายของท่านก็จะมืดไปด้วย ฉะนั้น ถ้าความสว่างในท่านมืดไปแล้ว ความมืดจะยิ่งมืดมิดสักเพียงใด!<o:p></o:p>
    พระเจ้าและเงินทอง
    24'
    ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายหนึ่งและจะรักอีกนายหนึ่ง เขาจะจงรักภักดีต่อนายหนึ่งและจะดูหมิ่นอีกนายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้<o:p></o:p>
    ความวางใจในพระเจ้า
    25'
    ฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากังวลถึงชีวิตของท่านว่าจะกินอะไร อย่ากังวลถึงร่างกายของท่านว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตย่อมสำคัญกว่าอาหาร และร่างกายสำคัญกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ! 26จงดูนกในอากาศเถิด มันมิได้หว่าน มิได้เก็บเกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงมัน ท่านทั้งหลายมิได้มีค่ามากกว่านกหรือ? 27ท่านใดที่กังวลแล้วสามารถต่อชีวิตของตนให้ยาวออกไปอีกสักหนึ่งวันได้? 28ท่านจะกังวลถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม? จงพิจารณาดอกไม้ในทุ่งนาเถิด มันเจริญงอกงามขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย 29แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงเครื่องอย่างหรูหรา ก็ยังไม่งดงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง 30ถ้าหญ้าในทุ่งนา ซึ่งมีชีวิตอยู่วันนี้ และรุ่งขึ้นจะถูกโยนทิ้งในเตาไฟ พระเจ้ายังทรงตกแต่งเช่นนี้แล้ว พระองค์จะไม่สนพระทัยท่านมากกว่านั้นหรือ? ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง 31ดังนั้น อย่ากังวลและกล่าวว่า "เราจะกินอะไร? หรือจะดื่มอะไร? หรือเราจะนุ่งห่มอะไร?" 32เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้คนต่างศาสนาแสวงหา พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการทุกสิ่งเหล่านี้ 33จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้
    34
    เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว'<o:p></o:p>
    อย่าตัดสินผู้อื่น
    7 1'
    อย่าตัดสินเขา และท่านจะไม่ถูกพระเจ้าตัดสิน 2ท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น ท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน 3ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเองเลย? 4ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า "ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด" ขณะที่มีท่อนซุงอยู่ในดวงตาของท่านเอง 5ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัด ไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง<o:p></o:p>
    อย่าเหยียดหยามสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    6'
    อย่าให้ของศักดิ์สิทธิ์แก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้สุกรเกรงว่ามันจะเหยียบย่ำทำให้เสียของ และหันมากัดท่านอีกด้วย'<o:p></o:p>
    คำภาวนาที่ได้ผล
    7'
    จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน
    8
    เพราะว่าทุกคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมจะพบ คนที่เคาะประตูย่อมจะมีผู้เปิดให้ 9ท่านใดที่ลูกขออาหารจะให้ก้อนหินหรือ? 10ถ้าลูกขอปลา จะให้งูหรือ? 11ถ้าท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักเอาของดีๆให้ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะมิยิ่งประทานของดีแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ?<o:p></o:p>
    กฎทางปฏิบัติ
    12'
    ท่านอยากให้เขากระทำกับท่านอย่างไร ก็จงกระทำกับเขาอย่างนั้นเถิด นี่คือธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก<o:p></o:p>
    ทางสองแพร่ง
    13'
    จงเข้าทางประตูแคบ เพราะประตูและทางที่นำไปสู่หายนะนั้นกว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก 14แต่ประตูและทางซึ่งนำไปสู่ชีวิตนั้นคับแคบ คนที่พบทางนี้มีจำนวนน้อย<o:p></o:p>
    ประกาศกเทียม
    15'
    จงระวังประกาศกเทียมซึ่งมาหาท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย 16ท่านจะรู้จักเขาได้จากผลของเขา มีใครบ้างเก็บผลองุ่นจากต้นหนาม หรือเก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม? 17ในทำนองเดียวกัน ต้นไม้พันธุ์ดีย่อมเกิดผลดี ต้นไม้พันธุ์เลวย่อมเกิดผลเลว 18ต้นไม้พันธุ์ดีจะเกิดผลเลวมิได้ และต้นไม้พันธุ์เลวก็ไม่อาจเกิดผลดีได้ 19ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟ
    20
    เพราะฉะนั้น ท่านจะรู้จักประกาศกเทียมได้จากผลของเขา<o:p></o:p>
    ศิษย์แท้
    21'
    มิใช่ทุกคนที่กล่าวแก่เราว่า "พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า" จะเข้าพระอาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าได้ 22ในวันนั้น หลายคนจะกล่าวแก่เราว่า "พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ประกาศพระวาจาในพระนามของพระองค์ ขับไล่ปิศาจในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการอัศจรรย์มากมายในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ?" 23เมื่อนั้น เราจะกล่าวแก่เขาว่า 'เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเลย ท่านผู้กระทำความชั่ว จงไปให้พ้นหน้าเรา'
    24'
    ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน 25ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน 26ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย 27เมื่อฝนตก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายและความเสียหายของมันใหญ่ยิ่ง!'<o:p></o:p>
    ความพิศวงของประชาชน
    28
    เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถ้อยคำเหล่านี้จบแล้ว ประชาชนพากันพิศวงในคำสั่งสอนของพระองค์ 29เพราะว่าพระองค์ทรงสอนเขาอย่างผู้มีอำนาจ ไม่ใช่สอนเหมือนบรรดาธรรมาจารย์ของเขา<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    (พี่โคชิกะ รูปแมวน่ารักนะครับ แมวพี่ หรือเปล่า)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ยินดีอย่างยิ่งครับน้องอุ้ม ก็ขอให้คิดว่าพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่งครับ

    ส่วนที่น้องนำคำสอนของพระเยซูมาลงไว้นั้น นับเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้เราได้เปิดใจให้กว้าง ขึ้นครับ ขึ้นชื่อว่าความดีนั้นมีความเป็นสากลไม่แบ่งแยกด้วยความเชื่อ เชื้อชาติ ศาสนา และผิวพรรณวรรณณะครับ สรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นล้วนแล้วแต่ รักสุข เกลียดทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้นครับ ความสุข ความดีงามนั้นเราไม่ต้องไปเสาะแสวงหาให้ไกลครับ อยู่ภายในจิตใจของเรานั้นเอง เปรียบเหมือน "ไกลสุดขอบฟ้าใกล้อยู่เพียงตา" ครับ

    น้องอุ้มมีวิสัยมาในทางธรรม ว่างๆ มีโอกาสลองจัดกิจกรรมชวนเพื่อนไปเที่ยววัดทำบุญดูสิครับ ถ้าอยู่ในกรุงเทพ กลางเมือง พี่แนะนำ วัดปทุมวนาราม ใกล้ สยามแค่นิดเดียว แต่มีสิ่งอัศจรรย์ซ่อนเร้นไว้มากมาย
    มีพระบรมสารีริกธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า
    มีพระพุทธรูปที่ในหลวงท่านได้มาสร้างไว้และจะจัดถวายไปยังพุทธคยา
    มีหลวงพ่อพระอาจารย์ถาวรซึ่งเป็นพระสุปัฏฏิบันโนให้กราบไหว้ สนทนาธรรม
    มีมักคะลีผลอยู่ สี่ องค์ให้ลองไปชมกัน
    มีเรื่องราวของหลวงพ่อยี พระอภิญญาให้ศึกษา ครับ
    ค่อยๆสร้างบารมีไปทีละเล็กทีละน้อย แล้วจึงค่อยๆใหญ่ขึ้นครับ

    ขอกราบโมทนาในกุศลจิตและความตั้งใจที่ดีของน้องด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2006
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ยินดีอย่างยิ่งครับน้องอุ้ม ก็ขอให้คิดว่าพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่งครับ

    ส่วนที่น้องนำคำสอนของพระเยซูมาลงไว้นั้น นับเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้เราได้เปิดใจให้กว้าง ขึ้นครับ ขึ้นชื่อว่าความดีนั้นมีความเป็นสากลไม่แบ่งแยกด้วยความเชื่อ เชื้อชาติ ศาสนา และผิวพรรณวรรณณะครับ สรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นล้วนแล้วแต่ รักสุข เกลียดทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้นครับ ความสุข ความดีงามนั้นเราไม่ต้องไปเสาะแสวงหาให้ไกลครับ อยู่ภายในจิตใจของเรานั้นเอง เปรียบเหมือน "ไกลสุดขอบฟ้าใกล้อยู่เพียงตา" ครับ

    น้องอุ้มมีวิสัยมาในทางธรรม ว่างๆ มีโอกาสลองจัดกิจกรรมชวนเพื่อนไปเที่ยววัดทำบุญดูสิครับ ถ้าอยู่ในกรุงเทพ กลางเมือง พี่แนะนำ วัดปทุมวนาราม ใกล้ สยามแค่นิดเดียว แต่มีสิ่งอัศจรรย์ซ่อนเร้นไว้มากมาย
    มีพระบรมสารีริกธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า
    มีพระพุทธรูปที่ในหลวงท่านได้มาสร้างไว้และจะจัดถวายไปยังพุทธคยา
    มีหลวงพ่อพระอาจารย์ถาวรซึ่งเป็นพระสุปัฏฏิบันโนให้กราบไหว้ สนทนาธรรม
    มีมักคะลีผลอยู่ สี่ องค์ให้ลองไปชมกัน
    มีเรื่องราวของหลวงพ่อยี พระอภิญญาให้ศึกษา ครับ
    ค่อยๆสร้างบารมีไปทีละเล็กทีละน้อย แล้วจึงค่อยๆใหญ่ขึ้นครับ

    ขอกราบโมทนาในกุศลจิตและความตั้งใจที่ดีของน้องด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...